บทที่ 278 สำนักธาราโลหิต…มาถึง!
ทั้งยังมีเสียงคำรามอีกเสียงหนึ่งดังลอยมาจากความว่างเปล่า มังกรยักษ์สีดำสนิทตลอดร่างตัวหนึ่งโผล่หัวอันมโหฬารของมันออกมาจากความว่างเปล่า เกล็ดสีดำพลันตั้งชัน ดวงตาเป็นสีเลือด ทั้งยังมากด้วยความดุร้ายและบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด
มันก็คือ…มังกรนิลเขาสวรรค์!
ทุกภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน ทำให้ในสมองของลูกศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเทพเกิดเสียงดังอื้ออึง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาลูกที่เก้า หรือพระอาทิตย์สีขาวดวงนั้น รวมไปถึงลำดับผู้สืบทอดและยักษ์ค่ายกลเหล่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
นี่ก็คือ…พลังแฝง!
พลังแฝงของสำนักหนึ่ง!
และขณะที่ทุกคนจิตใจหวาดหวั่นนั้นเอง ทันใดนั้น เบื้องบนภูเขาลูกที่เก้า ตรงจุดสูงสุดของพื้นที่แห่งนี้ ในดวงอาทิตย์สีขาวที่ลอยสูงเด่น อีกาสีดำตัวนั้นพลันส่งเสียงร้องกระซิกแหบแห้งบาดหูออกมา
แง!
ดุจดั่งเสียงร้องไห้โยเยของทารก วินาทีที่ดังออกมา ฟ้าดินสั่นสะเทือน คลื่นระลอกหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบอยู่นอกเทือกเขาลั่วเฉิน แล้วตรงดิ่งเข้าใส่ฟ้าดินในขอบเขตของสำนักธาราโลหิต
เมื่อมองออกไป คลื่นที่ว่านี้กลายเป็นเส้นโค้งงอ ประหนึ่งคลื่นพิโรธที่มองไม่เห็น กวาดทลายไปแปดทิศ ขณะที่คำรามเข้าใส่ก็ราวกับได้เปิดฉากม่านที่มองไม่เห็นขึ้น มันกระแทกเข้ากับกำแพงกางกั้นชั้นหนึ่งมิอาจสัมผัสได้ในพื้นดินที่ห่างออกไปหมื่นจั้ง เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง มีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังกระจายไปทั่วด้าน ความว่างเปล่านอกรัศมีหมื่นจั้งกลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกชิ้นหนึ่ง!
เมื่อมันแตกออก เมฆโลหิตเข้มข้นแผ่ซ่านออกมาจากจุดที่สัมผัสกันกะทันหัน อีกทั้งท่ามกลางการแผ่กระจายนี้ ความว่างเปล่าตรงจุดนั้นพลันแตกสลายออก เสมือนสิ่งที่ซ่อนแฝงได้ถูกฉีกกระชากให้เผยตัวออกมานอกรัศมีหมื่นจั้ง ปรากฏให้เห็นโลกที่แท้จริง!
เมฆโลหิตกลิ้งซัดสาดไล่หลังกันอย่างต่อเนื่องอยู่บนท้องนภา เชื่อมต่อกับฟ้าดิน เมื่อมองออกไปจึงคล้ายเห็นหมอกโลหิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังคำรามเข้ามาใกล้
หมอกโลหิตหรือเมฆโลหิตไร้ที่สิ้นสุดนั่น ด้านในมีใบหน้าดุร้ายบิดเบี้ยวจำนวนเหลือคณานับ ใบหน้าเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิง เคลื่อนที่มาด้านหน้าพร้อมกับหมอกโลหิต คำรามเสียงดังราวกับอสนีบาตเข้าใส่สำนักธาราเทพ เมฆหมอกเกลือกกลิ้งไหลกราก คล้ายต้องการอาบย้อมให้ท้องนภากลายเป็นสีเลือดกว้างไกลไร้ขอบเขตจำกัด
ทั้งยังมีฝนโลหิตตกลงมาจากในเมฆสีเลือด จากนั้นก็ตามมาด้วยสายฟ้ามากมายหลายเส้นที่แลบปลาบ ทุกที่ที่ฝนเลือดตกใส่ พื้นดินกลายเป็นมหาสมุทรโลหิต เชี่ยวกรากไม่ต่างจากการทะลักทลายของอุทกภัย เคลื่อนมาด้านหน้าเสียงดังตูมตาม ในมหาสมุทรเลือดนั่นสามารถมองเห็นเรือรบสีเลือดมากมายก่ายกองที่กำลังแล่นผ่านลูกคลื่น คำรามมาหา
เวลาเดียวกันนั้น ในมหาสมุทรเลือดยังมีศพหลอม หัวปีศาจปริมาณมากที่เหยียบอยู่บนพื้นมหาสมุทร ซึ่งกำลังแผดเสียงร้องแหบโหยสะท้านฟ้า
สำนักธาราโลหิต…มาถึงแล้ว!!
ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนแน่วนิ่ง เขามองท้องฟ้าสีเลือดที่ห่างออกไปไกล มองไปนอกเทือกเขาลั่วเฉิน ในขอบเขตของสำนักธาราโลหิต เบื้องใต้เมฆโลหิตเวิ้งว้างไร้ขอบเขตนั้น กลางมหาสมุทรโลหิตที่คลื่นลมโหมกระหน่ำ นอกจากเรือรบแล้ว ยังมีรถศึกสีเลือดอีกนับไม่ถ้วน!
ไม่เหมือนกับรถศึกของสำนักธาราเทพ รถศึกของสำนักธาราโลหิตประกอบขึ้นมาจากโครงกระดูกน่าสะพรึงกลัวมากมายหลายโครง มองดูแล้วน่าสยดสยอง ทั้งพิลึกพิลั่น!
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกจำนวนมากของสำนักธาราโลหิตที่อยู่บนรถศึกสีเลือด ไอสังหารของแต่ละคนน่าหวาดหวั่น นัยน์ตาเผยให้เห็นความบ้าคลั่ง จ้องเขม็งมายังลูกศิษย์ของสำนักธาราเทพทุกคนที่อยู่บนเทือกเขาลั่วเฉิน เมื่อถูกสายตาของพวกเขาจับจ้อง ลูกศิษย์ไม่น้อยของสำนักธาราเทพต่างใจหายวาบ
สายตานั้นกระหายเลือด ทั้งยังมากด้วยความเหี้ยมโหดพร้อมประหัตประหาร
เวลาเดียวกันนั้น รอบด้านของรถศึกและเรือรบ ในมหาสมุทรเลือดยังมียักษ์โลหิตอีกไม่น้อย ยักษ์โลหิตเหล่านี้ไม่มีเส้นผม ตลอดร่างเกิดจากการรวมตัวกันของเลือดสด ทุกก้าวที่เดินออกมา คล้ายสามารถขับดันให้มหาสมุทรส่งเสียงคำราม และข้างกายของยักษ์โลหิตเหล่านี้ก็ห้อมล้อมไปด้วยลูกศิษย์จำนวนล้นหลาม
ทหารนับพัน ม้านับหมื่น ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ด้านบนมีเมฆโลหิต ด้านล่างมีมหาสมุทรโลหิต ตำแหน่งตรงกลางคือม่านสีดำหนาทึบมองไม่ทะลุ ม่านสีดำนี้เคลื่อนเลื้อย กว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด
มีเพียงทุกครั้งที่สายฟ้าจากเมฆโลหิตฟาดผ่าลงบนพื้นผิวมหาสมุทรโลหิตเท่านั้นถึงจะสามารถอาศัยแสงจากสายฟ้านี้มองเห็นด้านในม่าน ข้างในนั้นมียักษ์หลายสิบตนที่เต็มไปด้วยความดึกดำบรรพ์ ราวกับผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชน บนร่างของพวกมันสวมชุดเกราะ ใบหน้าไร้อารมณ์ ศีรษะของยักษ์หลายสิบตนนี้มีนักพรตผู้หนึ่งนั่งอยู่ นักพรตเหล่านั้นใบหน้าเย็นชาเหี้ยมเกรียม ตบะบนร่างที่แผ่ออกเป็นตบะของขอบเขตรวมโอสถ!
ถึงขั้นที่ว่ายังให้ความรู้สึกเหนือล้ำเกินกว่ารวมโอสถธรรมดาด้วย โดยเฉพาะคลื่นปราณเลือดบนกายของพวกเขาที่ยิ่งดุเดือด ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปราดเดียวก็รู้ว่าระดับของปราณเลือดนั้นเหนือล้ำเกินกว่าของบุตรโลหิต ทั้งยังมองออกด้วยว่าบนร่างของนักพรตหลายสิบคนนี้ คล้ายจะยังมีปราณของ…บุตรโลหิตหลงเหลืออยู่!
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัวเข้าหากันฉับพลัน เขานึกถึงตำแหน่งในสำนักธาราโลหิตที่เหนือล้ำเกินกว่าผู้อาวุโสไท่ซ่าง เป็นรองแค่บุรพาจารย์เท่านั้น อย่าง…อังคุฐโลหิต!!
บุตรโลหิตรวมโอสถก็คืออังคุฐโลหิต!
อังคุฐโลหิตหลายสิบคนนี้คือจุดศูนย์กลางของม่านดำ ทั้งสองฝั่งของม่านดำถึงจะเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างสำนักธาราโลหิต แต่ละคนร่ายเวทอภินิหาร โบยบินมาด้านหน้า
ส่วนชั้นนอกยังมีนักพรตสร้างฐานรากนับพันคน คนเหล่านี้แปลงกายเป็นรุ้งเส้นยาวอยู่โดยรอบ ห้อมล้อมม่านดำ ทำให้อังคุฐโลหิตที่อยู่ด้านในม่านดำนั่นยิ่งดูสูงศักดิ์
และด้านหน้าของม่านดำ แบ่งออกเป็นพลังอำนาจสี่ส่วน หนึ่งส่วนในนั้นเกิดจากการรวมตัวกันของหัวปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อร่างขึ้นเป็นศีรษะสีเขียวขนาดมหึมาศีรษะหนึ่ง บนศีรษะนั้น บุตรโลหิตของเขาอู๋หมิงเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้น ข้างกายติดตามมาด้วยผู้อาวุโสใหญ่เขาอู๋หมิงเฟิง!
พลังอำนาจส่วนที่สองคือโลงศพขนาดใหญ่ยักษ์หนึ่งโลง รอบๆ โลงศพแน่นขนัดไปด้วยศพหลอม เบื้องบนโลงศพมีบุตรโลหิตและผู้อาวุโสใหญ่เขาซือเฟิงนั่งขัดสมาธิใบหน้าไร้อารมณ์ มองมาด้านหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ
พลังอำนาจส่วนที่สามคือมือขาดข้างหนึ่งที่เกิดจากการก่อตัวของเลือดเนื้อจำนวนเหลือคณานับ มือขาดนี้แผ่คลื่นตบะแข็งแกร่ง ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางฝ่ามือคือบุตรโลหิตและผู้อาวุโสใหญ่เขาเส้าเจ๋อเฟิง
และพลังอำนาจส่วนสุดท้ายคือกระบี่โลหิตเล่มมโหฬารสุดจะเปรียบเล่มหนึ่ง กระบี่โลหิตนี้คมกริบ แผ่แสงสีเลือด เคลื่อนผ่านที่ใดก็กรีดผ่าความว่างเปล่าของที่แห่งนั้น ก่อให้เกิดเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหู บนกระบี่โลหิต มีเพียงคนเดียว…นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงนั้น
คนผู้นี้สวมชุดศึก ซึ่งก็คือซ่งจวินหว่าน สีหน้าของนางน่าเกลียด แต่กลับมากด้วยความเย็นชาที่งดงาม เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เย่จั้งหายตัวไป ทำให้ศักยภาพของเขาจงเฟิงมิอาจเปรียบเทียบกับยอดเขาอื่นๆ ได้ และตอนนี้เมื่อกำลังจะเปิดศึก พลังอำนาจจึงอ่อนด้อยลงไปเยอะมาก
บนพื้นดิน ในมหาสมุทรโลหิต ลูกศิษย์ฝ่ายนอก ลูกศิษย์ฝ่ายในของสำนักธาราโลหิตเบียดเสียดกันแน่นขนัด ยิ่งขยับเข้ามาใกล้เทือกเขาลั่วเฉิน พวกเขาก็ยิ่งแผดเสียงคำราม ทั้งยังพกพาเอาปราณดุร้ายและความเคร่งเครียด ห้อตะบึงรวดเร็วมากขึ้น
กลางอากาศมีผู้อาวุโสสร้างฐานรากจำนวนไม่น้อยโบยบิน คอยสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นพักๆ ทุกครั้งที่สะบัดหนึ่งครั้งก็จะมีลมพายุบ้าคลั่งพัดตลบเอาลูกศิษย์ฝ่ายในและฝ่ายนอกหลายร้อยคนที่อยู่ในมหาสมุทรโลหิตให้บินขึ้น ลูกศิษย์ที่บินขึ้นเหล่านี้ไร้ซึ่งความแตกตื่นลนลานใดๆ ทั้งยังให้ความร่วมมือกับวิธีการพิเศษของค่ายกลเป็นอย่างดี เมื่อบินขึ้นพวกเขาก็จะมารวมตัวเข้าด้วยกันกลางอากาศ ก่อเกิดเป็นลูกเนื้อกลมสีเลือดลูกหนึ่ง แล้วถูกขว้างออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม
พอร่วงลงพื้น เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว กระแทกจนพื้นดินเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ แล้วจึงกลายร่างมาเป็นลูกศิษย์หลายร้อยคนห้อทะยานไปด้านหน้าอีกครั้ง คล้ายใช้วิธีเช่นนี้ช่วยให้เร่งเดินทางได้เร็วขึ้น
ทว่าพลังกระแทกของลูกเนื้อนั้นมากพอที่จะทำให้คนไม่น้อยหวาดหวั่นพรั่นพรึง นี่ยังถือว่าเป็นเรื่องรอง สามารถจินตนาการได้ว่า หลังจากที่ลูกเนื้อแบบนี้มีเพิ่มมากขึ้น การร่วงกระแทกก็ยิ่งมีปริมาณมาก หรือหากลูกศิษย์จำนวนล้นหลามเหล่านั้นบุกออกมาอย่างไร้ซึ่งความกลัวตาย ก็ต้องยิ่งเป็นเหมือนตั๊กแตนที่บุกรุกรวดเร็วมากจนไม่สามารถต้านทานได้!
และนี่ ก็คือหนึ่งในกลศึกของสำนักธาราโลหิต!
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองจนหนังหัวชาหนึบ ในฐานะที่เขาเป็นบุตรโลหิตของเขาจงเฟิง แม้ว่าจะเข้าใจสำนักธาราโลหิตอยู่มาก ทว่าตอนนี้เขากลับได้ค้นพบว่าความลับที่มากมายของสำนักธาราโลหิต ไม่ใช่สิ่งที่หลายปีมานี้ตนเองจะรับรู้ได้หมด
และเขาก็มองเห็นซ่งจวินหว่านที่โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง ในใจซับซ้อน ทั้งยังมากด้วยความร้อนรน
มองเห็นพลังอำนาจที่สำนักธาราโลหิตแสดงออกมา ชัดเจนว่าเหนือกว่าสำนักธาราเทพ ทว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่พลังปกติของสำนักธาราโลหิตเท่านั้น พลังแฝงและบุรพาจารย์ล้วนยังอยู่ท่ามกลางเมฆโลหิตกลางท้องฟ้านั่น!
แม้ว่าในเมฆโลหิตจะซุกซ่อนใบหน้าชั่วร้ายจำนวนมากเอาไว้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าเหล่านี้แล้ว เงาร่างแปดร่างที่อยู่ในเมฆโลหิตยิ่งสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เป็นที่จับตามองของคนนับหมื่น ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนไม่สามารถเมินเฉยตัวตนของพวกเขาได้!
เงาร่างทั้งแปดที่อยู่ในเมฆโลหิตนี้ ทุกร่างล้วนสร้างน้ำวนขนาดยักษ์ ทุกสายตาที่มองไปล้วนถูกบิดเบือน ความหวาดกลัวพุ่งสูงไร้ขีดจำกัด อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร
สามารถมองเห็นว่าในน้ำวนทั้งแปดลูกนี้ มีลูกหนึ่งที่มีหัวปีศาจสีเขียวใหญ่โตมโหฬารเกินจะเปรียบศีรษะหนึ่ง บนศีรษะของหัวปีศาจมีผู้เฒ่าคนหนึ่งยืนอยู่ สายตาของผู้เฒ่าดุจดั่งสายฟ้า พละกำลังเขย่าคลอนปฐพี
ยังมีน้ำวนอีกหนึ่งลูกที่ด้านในมีกระดูกไม่สลายหนึ่งร่าง ซึ่งก็คือศพหลอมน่าสยดสยองที่ถูกปลุกให้ตื่นในวันนั้น บนไหล่ของกระดูกไม่สลายนี้ก็คือบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนแห่งสำนักธาราโลหิต
น้ำวนอีกหนึ่งลูก อู๋จี๋จื่อยืนอยู่ตรงนั้น นอกร่างคือกระบี่โลหิตสิบหมื่น ผ่าดาราฟันจันทรา
บุรพาจารย์ตระกูลซ่งก็อยู่ในน้ำวนลูกหนึ่งเช่นกัน ฝ่าเท้าเหยียบอยู่บนธงโลหิตผืนหนึ่ง ด้านบนธงโลหิตนี้มีอักขระสีทองเปล่งแสงวับวาม ทุกครั้งที่มันเปล่งแสงก็จะมีสายฟ้าสีเลือดจำนวนมากแผ่ออกไปยังเมฆโลหิต ร่วงลงใส่มหาสมุทรโลหิต
บุรพาจารย์แปดท่านของสำนักธาราโลหิตปรากฏตัวหมดทุกคน ทั้งยังมีคนหนึ่งที่อยู่ด้านบนสุด กลายร่างเป็นยักษ์ ตลอดร่างเป็นสีเลือด โดยเฉพาะมือข้างขวาที่เห็นได้ชัดว่าคล้ายคลึงกับมือใหญ่ของสำนักธาราโลหิตอย่างถึงที่สุด
คนผู้นี้ก็คือปฐมาจารย์ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด…ของสำนักธาราโลหิตในปัจจุบันนี้!
สำนักธาราโลหิต บุรพาจารย์แปดคน แต่บุรพาจารย์ของสำนักธาราเทพ มีเพียงห้าคน!
ความน่ากลัวของสำนักธาราโลหิตยังไม่สิ้นสุดลง รอบด้านของปฐมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้นมีไม้ขนาดใหญ่ยักษ์หนึ่งชิ้น ไม้ยักษ์นี้เป็นสีเลือด แผ่กลิ่นอายความโชกโชน นี่ก็คือหนึ่งในสมบัติวิเศษของสำนักธาราโลหิต!
และยังมีกระจกสีเลือดอีกหนึ่งบาน กระจกนี้ใหญ่พอร้อยจั้ง ด้านในกระจกมีเงามากมายทำท่าคล้ายจะบุกออกมา เปล่งเสียงคำรามแหบโหย นอกจากนี้แล้ว สมบัติวิเศษชิ้นที่สามของสำนักธาราโลหิตคือหินเหล็กสีเลือดสองก้อนที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเครื่องพันธนาการโลหิต!
ในด้านของสมบัติวิเศษ สำนักธาราโลหิตก็เหนือล้ำเกินกว่าสำนักธาราเทพเช่นกัน!
ส่วนพลังแฝงของสำนักธาราโลหิตก็ยิ่งแปลกประหลาดไม่ธรรมดา มันอยู่จุดสูงสุดแห่งกองทัพของสำนักธาราโลหิต อยู่เหนือบุรพาจารย์ เหนือเมฆโลหิต ซึ่งนั่นก็คือ…หุ่นไล่กาตัวหนึ่ง!
หุ่นไล่กาตัวนี้มองดูเหมือนธรรมดา ทว่ามือซ้ายของมันกลับถือหนังคนที่แห้งเหี่ยวเอาไว้ชิ้นหนึ่ง มือขวาถือตาชั่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายพิลึกพิลั่น มากพอจะทำให้ทุกคนได้เห็นมันจิตใจสั่นสะท้าน หวาดกลัวพรั่นพรึง
การมาถึงของสำนักธาราโลหิต จากเมฆโลหิตที่อยู่บนฟ้า มหาสมุทรโลหิตบนพื้น ม่านสีดำตรงกลาง การกลิ้งซัดสาดเข้ามาใกล้ของทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ก่อเกิดเป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวอย่างมิอาจหาคำมาบรรยายได้ ราวกับได้กลายร่างเป็นปีศาจดุร้ายไร้รูปลักษ์ตนหนึ่งที่กดทับลงมายังเทือกเขาลั่วเฉินอันเป็นจุดที่ตั้งของสำนักธาราเทพ ประหนึ่งการดำรงอยู่ของทุกสิ่งที่อย่างที่กีดขวางอยู่เบื้องหน้าล้วนต้องแห้งเหี่ยวโรยรา แตกทลายเป็นเสี่ยงๆ ร่างสลายจิตมอดม้วย ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้อีก!
บัดนี้นักพรตทุกคนของสำนักธาราเทพล้วนใจสั่นระรัว ไม่ทันได้เกิดอารมณ์อื่นๆ แทบจะวินาทีเดียวกับที่ทุกคนเห็นภาพทุกอย่างนี้ พวกเขาก็ระเบิดปณิธานการรบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ตัวเองจะระเบิดออกมาได้ทันที!
พลังอำนาจปะทุพวยพุ่งหลอมรวมเข้ากับเทือกเขาลั่วเฉิน ระเบิดออกอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้อักขระและสายฟ้าบนท้องนภายิ่งส่งเสียงอึกทึกเกริกร้อง ต้านทานกับพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวของสำนักธาราโลหิตอยู่รำไร