Skip to content

A Will Eternal 300

บทที่ 300 อานุภาพแห่งร่างจำแลง!

ค่ายกลที่เก้าของเขาจ้งเต้า เดิมก็เป็นค่ายที่เจ้าสำนักธาราเทพสร้างขึ้นเพื่อป๋ายเสี่ยวฉุนโดยเฉพาะ เขาต้องใช้สร้างฐานรากวิถีฟ้าเท่านั้น จึงจะทำให้ค่ายกลที่เก้าซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนคนน้อยกว่าค่ายกลอื่นระเบิดพลังการรบออกมาได้อย่างแท้จริง

นั่นก็คือ…พลังที่เทียบเคียงกับขั้นยาอายุวัฒนะ!

ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ปรากฏตัว ค่ายกลจำแลงที่เก้านี้แค่ใกล้เคียงกับยาอายุวัฒนะอย่างถึงที่สุดเท่านั้น ทว่าตอนนี้…จากการที่ยักษ์ขนาดร้อยจั้งเยื้องกรายลงบนฟ้าดิน จากการที่พลังอำนาจระเบิดครั่นครืน ทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป

แทบจะวินาทีเดียวกับที่หุ่นเชิดสีดำเอ่ยชื่อป๋ายเสี่ยวฉุนออกมา ยักษ์ค่ายกลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมตนนี้ก็ก้าวพรวดไปข้างหน้า เมื่อเท้าแตะพื้น พื้นดินสั่นสะเทือน แฝงเร้นไว้ด้วยความเผด็จการที่สะบัดโบยสู่ฟากฟ้า

ทั้งยังใช้ร่างของยักษ์ตนนี้ร่ายเวท…ชนาเขย่าภูเขา!

ความรวดเร็วนั้นก่อให้เกิดคลื่นเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังเป็นทอดๆ เมื่อเท้าเหยียบลงบนพื้น ยักษ์ตนนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมก็มาปรากฏกายอยู่ด้านหน้าหุ่นเชิดสีดำ ต่อให้หุ่นเชิดสีดำจะระวังตัวถึงขีดสุด ทว่าก็ยังมิอาจหลบเลี่ยงได้

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง กัมปนาทเขย่าฟ้า

ป๋ายเสี่ยวฉุนชนโครมลงไปบนร่างของหุ่นเชิดสีดำโดยตรง พลังของการชนหนึ่งครั้ง ดุจดั่งผ่าฟ้าออกจากกัน ทำให้ตลอดร่างของหุ่นเชิดสีดำสั่นสะเทือนรุนแรง เรือนกายใหญ่โตมโหฬารกลับถูกชนจนปลิวกระเด็น เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นออกมา หุ่นตัวนั้นสีหน้าเป็นปกติ ทว่าทุกคนของสำนักธาราทมิฬที่ควบคุมหุ่นเชิดตัวนี้กลับหน้าเปลี่ยนสีกันหมด ตบะของทุกคนยุ่งเหยิงกลิ้งซัดตลบ เลือดลมไม่มั่นคง กระอักเลือดสดออกมา

“กระจอกเสียจริง!” น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบดังไปทั่วทิศ เขาก้าวเดินออกไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว คราวนี้ความเร็วยังคงรวดเร็วถึงขีดสุด พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่เหนือร่างหุ่นเชิดสีดำ เท้าขวายกขึ้นแล้วกระทืบลงไปอย่างแรง

เสียงตูมตามดังอึกทึก ราวกับความว่างเปล่าถูกบดขยี้จนแหลกลาญ หุ่นเชิดสีดำตัวนั้นเดิมทีก็ไร้เรี่ยวแรงดิ้นรนต่อต้านอยู่แล้ว จึงถูกเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนกระทืบตูมลงไปบนพื้นอย่างง่ายดายท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ยังไม่เหยียบลงพื้น ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดร่างหนึ่งที มาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ข้างกายหุ่นเชิดสีดำตัวนี้ มือขวายกขึ้นคว้าแขนของหุ่นเชิดสีดำแล้วหมุนเหวี่ยงอย่างแรง

หุ่นเชิดสีดำถูกขว้างออกไป เมื่อลอยคว้างกลางอากาศ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปรากฏตัวอีกครั้ง มือขวากำเป็นหมัดแล้วต่อยตูมๆๆ ลงไปติดๆ กัน!

ไม่ว่าหุ่นเชิดสีดำตัวนี้จะดิ้นรนอย่างไร หลบเลี่ยงอย่างไร ต่อต้านอย่างไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงลงมือเหี้ยมโหดไม่ลดละ ออกหมัดต่อเนื่อง ทุกหมัดที่ตกกระทบล้วนทำให้หุ่นเชิดสีดำนี้สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ม่านแสงคุ้มกันที่ก่อตัวนอกร่างของหุ่นเชิดก็ยังบิดเบือนอย่างรวดเร็ว คล้ายสามารถพังทลายลงได้ตลอดเวลา

“เจ้ามันต่ำช้า ถึงขั้นลอบโจมตี!!” หุ่นเชิดสีดำคำรามกร้าว ยิ่งบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ทุกคนของสำนักธาราทมิฬที่อยู่ด้านในก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนรวมค่ายกลแล้วจะทรงพลังถึงเพียงนี้ พวกเขาก็แค่เสียโอกาสชิงลงมือก่อนหน้านี้เท่านั้น ทำให้ถูกอีกฝ่ายบดขยี้ มิอาจสลัดหลุดพ้นได้แม้แต่นิด

เห็นว่าม่านแสงคุ้มกันใกล้จะแตกสลาย หุ่นเชิดสีดำจึงคำรามอีกครั้ง แล้วแผ่แสงสีดำเข้มข้นออกมา แสงสีดำนี้แฝงไว้ด้วยพลังดับทำลาย วินาทีที่ระเบิดออกนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ม่านแสงคุ้มกันของหุ่นเชิดถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกระแทกโครมลงมา

ม่านแสงแตกกระจัดกระจาย ม่านสีดำสลายออก ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทว่าเท้าซ้ายกลับถือโอกาสตวัดขึ้นเตะลงไปบนเอวของหุ่นเชิดสีดำตัวนี้ เสียงเปรี๊ยะดังสะท้อน รอยแตกร้าวจำนวนมากแผ่ออกไปทั่วบนร่างหุ่นเชิดสีดำนี้ทันที และหุ่นเชิดสีดำก็ถูกพลังมหาศาลผลักจนลอยกระเด็นดิ่งลงพื้นอีกครั้ง

ส่วนแสงสีดำที่แฝงเร้นไว้ด้วยพลังดับทำลายนั้นกลับไม่สัมผัสโดนป๋ายเสี่ยวฉุนแม้แต่นิดเดียว เขาแค่เบี่ยงตัวออกครั้งเดียว…ก็หลบพ้นอย่างง่ายดาย เวลานี้ยืนอยู่บนท้องฟ้า มองหุ่นเชิดสีดำที่ลอยลิ่วกำลังจะกระแทกลงบนพื้นด้านล่างด้วยดวงตาเย็นชา ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงเย็นหนึ่งครั้ง

“มีฝีมือแค่นี้น่ะเหรอ? เกรงว่าคงไม่มีสิทธิ์มาสัมผัสกับพลังรบทั้งหมดของค่ายกลที่เก้าเขาจ้งเต้าของข้าหรอก”

ทุกคนของสำนักธาราทมิฬที่อยู่ด้านในหุ่นเชิดสีดำแผดเสียงแหบแห้งอย่างไม่ยอมแพ้ และชั่วขณะที่จะกระแทกลงพื้นนั้น ร่างของหุ่นเชิดสีดำเอี้ยวตัวเอามือขวายันลงไปบนพื้นดินอย่างแรง พลันเปลี่ยนทิศทาง ฝืนลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ไร้ซึ่งความลังเลใด มือซ้ายทำมุทรา รวบรวมพลังของทุกคนที่อยู่ในหุ่นเชิด แปลงกายมาเป็นเงามายาร่างหนึ่งอยู่เบื้องหน้า เงานี้ในมือถือกระบี่เล่มยาว แล้วพลันตวัดฟันเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงแค่มองครั้งเดียวก็เงยหน้าคำราม แสงสีทองตลอดร่างเปล่งระยิบระยับ ทั้งยังส่งผลต่อเรือนกายของยักษ์ตนนี้ ทำให้ร่างของมันพลังเปล่งแสงสีทองออกมาพร้อมกัน!

นั่นก็คือ…พลังของผิวหนังคงกระพันที่ปรากฏอยู่บนร่างยักษ์ค่ายกลตนนี้ อีกทั้งยังมีเงาร่างของปีศาจฟ้าที่ทับซ้อนเข้าหลอมรวมกับยักษ์ค่ายกลตนนี้ด้วย

ทำให้เมื่อทุกคนที่อยู่รอบด้านมองมาจากที่ไกลๆ ก็คล้ายว่าไม่ได้เห็นยักษ์ค่ายกลอีกแล้ว แต่เห็นเป็นปีศาจฟ้าตนหนึ่งที่ผงาดค้ำฟ้า กลับมาจุติยังลงมนุษย์อีกครั้ง!

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่แปลงกายเป็นปีศาจฟ้ายืนอยู่กลางอากาศ ยกมือขวาขึ้นแล้วต่อยโครมลงไปบนเงามายาที่เพิ่งแยกร่างออกมาเงานั้น

คลื่นเคลื่อนไหวดุจพายุบ้าคลั่งแผ่ครั่นครืนออกไปสี่ทิศ หมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนกระแทกลงบนเงาของร่างแยกโดยตรง เงาร่างแยกนี้พลันบิดเบี้ยวราวกับกระจกที่หล่นแตก พริบตาเดียวก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

“หุ่นเชิดอันเป็นเวทอาวุธของสำนักธาราทมิฬ ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า โดยเฉพาะหุ่นสีดำเหลือบทอง ก็ยิ่งเหนือล้ำเกินกว่าผู้ใด ศึกในวันนี้ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก” น้ำเสียงป๋ายเสี่ยวฉุนราบเรียบ เอ่ยถ้อยคำที่แทบจะเหมือนกับคำพูดก่อนหน้านี้ของนักพรตในหุ่นเชิดสีดำทุกประการ แม้แต่น้ำเสียงผิดหวังนั้นก็ยังเลียนแบบได้เหมือนจริงอย่างมาก

ภาพนี้ทำให้นักพรตในหุ่นเชิดสีดำที่ก่อนหน้านั้นเย่อหยิ่งโอหังเปล่งเสียงร้องคำรามโหยหวน หุ่นเชิดสีดำที่ควบคุมอยู่พลันถลาพรวดจากพื้นดิน ทำมุทราเตรียมจะร่ายเวทคาถา

ทว่าคาถายังไม่ทันร่ายออกมา กระถางสีม่วงใบใหญ่ขนาดพอพันจั้งใบหนึ่งก็ปรากฏพรวดขึ้นกลางอากาศอย่างเงียบเชียบ แล้วพุ่งกระแทกเข้าใส่หุ่นเชิดสีดำอย่างแรง

“การเล่นครั้งนี้ ควรจบลงได้แล้ว!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงวาบ ร่างปีศาจฟ้าเดินออกมาหนึ่งก้าวปรากฏตัวพรวดอยู่ด้านหลังกระถางใหญ่ มือขวายื่นไปคว้าจับด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของหุ่นเชิดสีดำเปล่งประกาย วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอื้อมมือออกมามันก็อ้าปากกว้าง พ่นควันพิษเจ็ดสีออกมาหนึ่งกลุ่ม ควันนี้เพิ่งจะปรากฏตัว ร่างของหุ่นเชิดก็เน่าเปื่อยลงไปไม่น้อย ส่วนควันนั้นที่สามารถกัดกร่อนได้แม้แต่อากาศว่างเปล่าก็พุ่งดิ่งเข้าปะทะใบหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

“ตายซะเถอะ!!” ในหุ่นเชิดสีดำมีเสียงหัวเราะดังลอยมา ทั้งยังมีความคาดหวังรุนแรง ราวกับว่าทุกคนของสำนักธาราทมิฬที่อยู่ในหุ่นเชิดต่างก็รอโอกาสนี้กันอยู่

แถมมันไม่เพียงแต่พ่นควันพิษที่ร้ายแรงถึงชีวิตออกมา เมื่อทำมุทรา ในค่ายกลกระบี่กลางอากาศที่เกิดจากการรวมตัวกันของกระบี่ใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ยังมีกระบี่บินห้าสิบกว่าเล่มแปลงร่างเป็นรุ้งยาวรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ แล้วพุ่งดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนท่ามกลางเสียงโครมครามดังกึกก้อง

รวมกับควันพิษ ก่อเกิดเป็น…ท่าไม้ตาย!

“ฝีมือระดับจิ๊บจ๊อย!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากเนิบนาบ เนตรทงเทียนกลางหว่างคิ้วพลันเบิกโพลง ส่งผลให้ตรงกลางหว่างคิ้วของร่างปีศาจฟ้าขนาดร้อยจั้งนี้ก็ปรากฏ…ดวงตาที่สามขึ้นมาเช่นกัน!

เมื่อดวงตานี้เปิดออก ฟ้าดินสั่นสะเทือน ภายใต้สายตานี้ ที่มองเห็นไม่ใช่ควันพิษ แต่เป็นค่ายกลกระบี่ยักษ์ที่บินออกมากลางอากาศเหล่านั้น

กระบี่เล่มใหญ่ห้าสิบกว่าเล่มสั่นไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วหยุดชะงักอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง

แม้จะเป็นเพียงครู่เดียว แต่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอ ร่างของเขากระโจนเข้าใส่ควันพิษอย่างไร้ซึ่งความลังเลใด พริบตาเดียวก็ลอดทะลุมาปรากฏกายอยู่ด้านหน้าหุ่นเชิดสีดำ

“เป็นไปไม่ได้!!” ในหุ่นเชิดสีดำมีเสียงร้องอุทานแตกตื่นด้วยความเหลือเชื่อ ควันพิษนั่นคือท่าไม้ตายของหุ่นเชิดตัวนี้ แม้จะไม่สามารถสะเทือนยาอายุวัฒนะได้อย่างแท้จริง แต่สำหรับค่ายกลจำแลงแล้ว ทุกคนของสำนักธาราทมิฬมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่า สามารถดับทำลายได้!

เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่ายักษ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ จะให้เรียกว่าค่ายกลจำแลง ก็สู้เรียกว่า…ปีศาจฟ้าลงมาจุติดีกว่า ดังนั้นควันพิษเช่นนี้จึงแทบจะไม่มีความหมายใด!

เวลาชั่วสายฟ้าแลบ หุ่นเชิดสีดำตัวนี้ก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าไหล่เอาไว้ได้ แล้วกระชากอย่างแรงหนึ่งครั้ง เสียงกร๊อบดังลั่น ไหล่นั้นแตกสลายทันที มีนักพรตสี่คนของสำนักธาราทมิฬบินออกมาจากแขนที่หักกะรุ่งกะริ่งของหุ่นเชิด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาลนลาน ยังไม่ทันได้หนีไปไกลก็ถูกนักพรตสำนักธาราโลหิตที่อยู่รอบด้านเฮโลกันเข้ามาล้อมเอาไว้

เสียงร้องโหยหวนดังลอยมา ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่หยุดชะงักแม้แต่นิด เข้าไปใกล้อีกครั้ง สองนิ้วของมือขวายกขึ้น ตรวนสลายลำคอ…พลันปรากฏ เอื้อมไปกักไว้บนลำคอของหุ่นเชิดสีดำแล้วบีบเต็มแรงหนึ่งครั้ง

เสียงกร๊อบดังออกมา คอของหุ่นเชิดสีดำหักท่อน ศีรษะปลิวกระเด็น มีนักพรตสำนักธาราทมิฬอีกหลายคนถูกโยนออกมาพร้อมเสียงร้องโหยไห้ หุ่นเชิดสีดำที่แขนขาดข้างหนึ่งและไร้ศีรษะตัวนี้ยังมีพลังชีวิต ภายใต้การควบคุมของนักพรตที่ยังเหลืออยู่ภายใน มันจึงถอยกรูดรวดเร็ว หมายจะหนีไปจากที่แห่งนี้ พวกเขารู้สึกพรั่นพรึงในตัวป๋ายเสี่ยวฉุน อย่างถึงที่สุดแล้ว

แต่มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมให้หุ่นเชิดสีดำตัวนี้หนีไปได้ เวลานี้เขาสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง พริบตาเดียวรอบกายก็ปรากฏน้ำวนพร้อมพายุหมุนบ้าคลั่ง ดวงตาเขาเปล่งแสงวาบ ร่างปีศาจฟ้าร่ายวิชาชนาเขย่าภูเขาอีกครั้ง!

ตูม!

มองด้วยตาเปล่ายากที่จะเห็นความเร็วร่างปีศาจฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ชัดเจน เห็นเป็นเพียงเงาพร่าเลือนที่พริบตาเดียวก็ชนโครมลงบนร่างของหุ่นเชิดสีดำ แล้วทะลุออกไปโดยตรง…

เสียงตูมตามดังก้อง หุ่นเชิดสีดำตัวนี้แตกทลายกลางอากาศ กระจัดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ นักพรตสำนักธาราทมิฬหลายสิบคน บางคนร่างและจิตแหลกสลายไปทันที บางคนบาดเจ็บสาหัส บางคนกระอักเลือดสด ขณะที่คนเหล่านี้ยังคงตะลึงพรึงเพริดไม่คลาย ก็ถูกนักพรตสำนักธาราโลหิตและสำนักธาราเทพที่อยู่รอบด้านเข้าโอบล้อมสังหารทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่กลางอากาศ สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เมื่อครู่มองดูเหมือนว่าเขาเหี้ยมหาญ ทว่าในความเป็นจริงแล้วร่างกายที่สั่นระริก มีเพียงเขาเองเท่านั้นที่รู้ เรื่องรบราฆ่าฟันกันแบบนี้ หากไม่จำเป็น เขาก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องด้วยจริงๆ

เวลานี้ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่กำลังจะไปยังจุดอื่น ทันใดนั้นร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันสั่นเยือก พริบตานั้นสายตาของเขาไปตกอยู่ในเขตหนึ่งที่ห่างออกไปไกลหลายพันจั้ง

เขามองเห็น…ผู้ที่สวมหน้ากาก…เซวี่ยเหมย!

สภาพของนางย่ำแย่มาก เวลานี้ร่างกายอ่อนแอ เลือดสดไหลรินลงมาตามหน้ากาก ถอยกรูดต่อเนื่อง…

ด้านหลังของนาง นักพรตสำนักธาราทมิฬสร้างฐานรากช่วงท้ายสี่คนที่เต็มไปด้วยไอสังหาร ตั้งท่าหมายจะไล่ล่าปลิดชีวิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!