บทที่ 324 รวมพลังปลุกบรรพบุรุษ
หญิงสาวที่มองเฉินม่านเหยาก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์ เวลานี้นางยิ้มน้อยๆ มองไปรอบด้าน มองไปทั่วฟ้าดิน สีหน้าแฝงไว้ด้วยความเกียจคร้าน ราวกับว่าสำหรับนางแล้วทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นสงครามก่อนหน้านี้ หรือศึกที่กำลังจะมาถึง ก็ดูเหมือนว่านางจะไม่ค่อยมีความสนใจมากเท่าไหร่นัก มีเพียงสิ่งเดียว…ตอนที่นางผินหน้าไปมองเงาร่างที่ยืนอยู่ข้างกายโหวเสี่ยวเม่ยซึ่งดูแข็งทื่อน้อยๆ อย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาของนางถึงได้ฉายประกายมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นมาโดยที่คนนอกมองไม่ออก
“พี่ชาย…เจ้ากับเจ้าคนที่ไม่ตายสักทีผู้นั้น มีความสัมพันธ์ใดกันแน่?” กงซุนหว่านเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก เมื่อกะพริบตา ลูกตาสีดำของนางเปลี่ยนมาเป็นสีขาวชั่วเสี้ยววินาที ทว่ากลับไม่มีใครมองเห็น พริบตาเดียวก็คืนกลับมาเป็นปกติ
ไม่นานภายใต้การนำของบุรพาจารย์ของใครของมัน นักพรตสายธาราทมิฬและสายธาราโอสถก็บินทะยานออกมาจากจุดตั้งค่าย เพื่อไปลองทำความคุ้นชินกับเรือรบทงเทียนที่เตรียมไว้ให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็ทำการตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงบางจุดด้วย
เวลาเดียวกันนั้น ในสายของธาราโลหิต ปฐมาจารย์เฟิงเสินจื่อที่อยู่บนท้องฟ้ามองเรือรบทั้งสามลำที่อยู่ตรงหน้า แล้วจึงหันไปมองหันจงบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสายธาราเทพ
“เฟิงเสินจื่อ สมบัติของพวกเราแม่น้ำสามสายต่างก็เผยตัวหมดแล้ว ไหนลองแสดงฝีมือสายธาราโลหิตของพวกเจ้าให้พวกเราดูบ้างสิ” สัมผัสได้ว่าเฟิงเสินจื่อมองมายังตัวเอง หันจงบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง กล่าวด้วยความลำพองใจ
หันจง บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพรู้สึกภาคภูมิใจในเรือทงเทียนทั้งสามลำที่ตัวเองเอาออกมาอย่างมาก
“ไม่ต้องรีบร้อน อีกไม่นานเจ้าก็จะได้เห็นแล้ว” เฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตแค่นเสียงหนึ่งครั้ง ในใจรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็มากไปด้วยความรอคอย พูดจบเขาก็หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน
“จั้งเอ๋อร์ เจ้าพร้อมหรือยัง!” เฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตพูดจบ อีกสามสำนักที่เหลือต่างก็อึ้งงัน พากันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพร้อมเพรียง
ป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้กำลังปวดหัว โหวเสี่ยวเม่ยที่อยู่ข้างกายกำลังซักไซ้เขาว่านกบนฟ้าคือนกอะไรกันแน่ ส่วนซ่งจวินหว่านที่อยู่ห่างออกไปไกลแม้จะอมยิ้ม ทว่าประกายเย็นเยียบในดวงตากลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทง ขณะที่ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีก็ได้ยินเสียงของปฐมาจารย์ธาราโลหิตถามขึ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งตะลึงระคนดีใจ รีบเงยหน้าขึ้น ทำสีหน้าเคร่งขรึม
“บุรพาจารย์ ศิษย์พร้อมแล้วขอรับ!” พูดจบ เขาก็รีบสลัดกรงเล็บมารของโหวเสี่ยวเม่ยทิ้ง กระโดดผลุงขึ้นมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ
โหวเสี่ยวเม่ยมองป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ขณะที่ถอนสายตากลับมา นางหันไปมองร่างของซ่งจวินหว่านที่อยู่บนเขาจงเฟิง สีหน้าเผยความลำพองใจ ซ่งจวินหว่านฮึดฮัดเสียงเย็นหนึ่งครั้ง นางและโหวเสี่ยวเม่ยปะทะกันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ต่อให้ตอนนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนจะหนีไป ทว่าตอนที่อยู่เทือกเขาลั่วเฉิน พวกนางสองคนก็มีการปะทะฝีปากกันเกิดขึ้นหลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างก็ขัดหูขัดตาอีกฝ่าย
“ดี สำนักธาราโลหิต สร้างฐานรากทุกคน นักพรตยาอายุวัฒนะ จงออกมาให้หมด เปิดพลังแฝงอันเป็นรากฐาน…ของสำนักธาราโลหิตเรา!” ปฐมาจารย์ธาราโลหิตสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น เมื่อเอ่ยปากพูด น้ำเสียงก็ดังราวฟ้าผ่า สะท้อนไปสี่ทิศ ขณะที่อีกสามสายตกตะลึง รุ้งยาวมากมายหลายเส้นบินคำรามออกมาจากประตูธาราโลหิต
นักพรตสร้างฐานรากทุกคน ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสใหญ่ บุตรโลหิต และยังมีผู้อาวุโสไท่ซ่าง อังคุฐโลหิต ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว!
บุรพาจารย์ทั้งเจ็ดคนล้วนปรากฏตัวกันครบ ในดวงตาของอู๋จี๋จื่อก็ฉายแววตื่นเต้นดุจเดียวกัน
เมื่อมือขวาของเฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตทำมุทรา เมื่อปราณเลือดบนร่างของทุกคนระเบิดครั่นครืน ทำให้ท้องฟ้ากลิ้งซัดตลบ หมอกเลือดรวมตัวกัน หมอกเลือดนี้พลันหดตัวเข้าหากันกลายมาเป็นสายฟ้าสีเลือดเส้นหนึ่งแล้วผ่าเปรี้ยงลงมาบนแขนของมือใหญ่ข้างนั้น
ท่ามกลางเสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่นหวั่นไหว อักขระบนค่ายกลเปล่งวาบเป็นแถบๆ แล้วพลันหลอมละลายกลายมาเป็นรูโหว่หนึ่งรู และตำแหน่งของรูโหว่นี้ก็ตรงกับรอยแผลเป็นหนึ่งรอยบนแขนของบรรพบุรุษโลหิต
รอยแผลนี้ไม่รู้ว่าดำรงอยู่มานานกี่ปีแล้ว เมื่อมองไกลๆ ก็ราวกับช่องแคบหุบเขาแห่งหนึ่ง
นักพรตอีกสามสำนักที่เหลือซึ่งอยู่รอบด้านต่างจิตใจสะท้านไหว พร้อมใจกันหันไปมอง โดยเฉพาะบุรพาจารย์ทั้งสามสายที่ล้วนเบิกตากว้าง มองการกระทำของสายธาราโลหิต ในใจเริ่มปรากฏการคาดเดา สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไปฉับพลัน
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง!” หันจงบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพ เวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“เรือนกายบรรพบุรุษโลหิต จุดฝังเข็มหนึ่งร้อยแปดจุด!” เวลานี้ในใจของเฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตเปี่ยมล้นไปด้วยความองอาจห้าวหาญ เขารอวันนี้มานานมากแล้ว อีกทั้งระยะเวลาที่เขาใช้หมดไปกับการเตรียมพร้อมเพื่อรอให้วันนี้มาถึงก็ยาวนานยิ่งนัก นี่คือผลลัพธ์ล้ำค่าซึ่งได้มาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจและสติปัญญาของนักพรตสำนักธาราโลหิตในแต่ละรุ่น!
เมื่อคำพูดของเขาดังออกมา นักพรตสร้างฐานรากทุกคนของสำนักธาราโลหิตสีหน้าเคร่งขรึม บินออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกซ่งจวินหว่าน ซ่งเชวีย เจี่ยเลี่ย เสินซ่วนจื่อต่างก็ปรากฏตัวอยู่ในบรรดาคนกลุ่มนั้น และยังมีบุตรโลหิตของอีกสามเขา ผู้อาวุโสใหญ่ที่ต่างก็กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวบินดิ่งเข้าไปในรอยปริแตกบนแขนของบรรพบุรุษโลหิต
ชั่วประเดี๋ยวเดียวหลังจากนั้น ต่างคนต่างใช้วิธีการพิเศษที่ทางสำนักมอบให้ ใช้ความเร็วที่มากที่สุดถูกส่งตัวเข้าไปตามจุดฝังเข็มหนึ่งร้อยแปดจุดในร่างของบรรพบุรุษโลหิต
มีทั้งเข้าไปเพียงลำพัง และมีทั้งที่ร่วมมือกันหลายคน หลังจากกระจัดกระจายกันออกไปทั่วร่างของบรรพบุรุษโลหิตแล้ว พลังชีวิตมากมายหลายเส้นก็ลอยสูงขึ้นบนแม่น้ำทงเทียน และเพียงแค่ครู่เดียว ท้องนภาก็มีสายฟ้าฟาดผ่าดังเลือนลั่น
“เรือนกายบรรพบุรุษโลหิต ทวารเจ็ดสิบสองช่อง!” เฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตเอ่ยขึ้นด้วยความฮึกเหิมมากกว่าเดิม เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ดวงตาของผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็พลันเปล่งแสงวาบ หลังจากคำรามกร้าวอย่างพร้อมเพรียงกันก็กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาว ตรงดิ่งเข้าไปยังรอยแตกบนแขน
ทวารเจ็ดสิบสองช่อง จำเป็นต้องใช้นักพรตยาอายุวัฒนะเจ็ดสิบสองคนนั่งบัญชาการ เปิดใช้ด้วยพลังของตัวเอง หากตบะไม่มากพอ สามารถรวมพลังกันสองคน ก่อนหน้าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมา ปฐมาจารย์ธาราโลหิตก็ได้สั่งความไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังถึงขั้นสาธิตให้ดูอยู่หลายครั้ง และตอนนี้ก็ได้เวลาแสดงฝีมืออย่างแท้จริง!
เสียงตูมตามดังกึกก้อง ผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้นหายเข้าไปในรอยแยกบนแขนทีละคน ไม่นานเรือนกายสะท้านฟ้าสะเทือนดินของบรรพบุรุษโลหิตซึ่งอยู่ใต้แม่น้ำทงเทียนที่ทุกคนมิอาจมองเห็นก็มีจุดแสงมากมายส่องประกายวับแวมออกมา
จุดแสงเหล่านี้ทยอยกันปรากฏขึ้น จนกระทั่งบนมือที่ยื่นออกมาและกลายมาเป็นที่ตั้งของสำนักก็มีจุดแสงเปล่งประกาย จึงเห็นได้ว่าแสงทั้งหมดมีเจ็ดสิบสองจุด!
ภาพนี้ทำให้อีกสามสายที่เหลือสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แม้แต่ดวงตาของกงซุนหว่านเอ๋อร์เองก็ยังเรืองแสงวาบ เผยความตื่นตะลึง
“เรือนกายบรรพบุรุษโลหิต สามสิบหกชีพจร!” ปฐมาจารย์ธาราโลหิตคำรามเสียงดังหนึ่งครั้ง ดวงตาของอังคุฐโลหิตทุกคนล้วนโชนประกายแสงคมกล้าน่าตกใจ ปราณเลือดทั้งร่างระเบิดพวยพุ่ง ตรงดิ่งเข้าหารอยแยก พริบตาเดียวก็หายวับไป จากนั้นผิวหนังทุกอณูบนร่างของบรรพบุรุษโลหิตก็พลันเปล่งประกายแสงสีเลือด!
หรือแม้แต่บนแม่น้ำทงเทียนก็ยังมองเห็นได้ว่าแสงสีแดงที่อยู่ใต้น้ำคล้ายจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลานุภาพเกินคำบรรยายระลอกหนึ่งแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้สัตว์ร้ายที่อยู่ในแม่น้ำทงเทียนต่างพากันกรีดร้อง หลบลี้หนีห่างอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว น่ากลัวเสียยิ่งกว่าปราณของคนฟ้าก่อนหน้านี้เสียอีก
“สามจิตเจ็ดวิญญาณ เจินเหรินก่อกำเนิด ทุกคนคนละหนึ่งวิญญาณ สามจิตขาดหายไป มิอาจเขย่าคลอนเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิต จั้งเอ๋อร์…เจ้า ก็คือสามจิต! บรรพบุรุษโลหิตจะลุกขึ้นยืนได้หรือไม่ พวกเราเตรียมการมาพร้อมทุกด้านแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว!” ปฐมาจารย์ธาราโลหิตหัวเราะเสียงดัง สะบัดร่างหนึ่งครั้งตรงดิ่งเข้าไปในรอยแยก บุรพาจารย์ที่เหลืออีกหกคนต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลายร่างเป็นรุ้งยาว หายเข้าไปในรอยปริ
ไม่นาน เสียงดังกัมปนาทก็ดังสะท้อน น้ำของแม่น้ำกลิ้งซัดสาด บุรพาจารย์ทั้งเจ็ดท่าน ต่างฝ่ายต่างเข้าสู่ตำแหน่งของตัวเองบนศีรษะของบรรพบุรุษโลหิต ใช้ตบะของตัวเองแปลงกายเป็นจิตวิญญาณ!
นี่ก็คือ…แรงขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากสร้างฐานรากหลายร้อยคน ยาอายุวัฒนะนับร้อยคน ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจยาอายุวัฒนะอีกหลายสิบคน บวกกับก่อกำเนิดอีกเจ็ดคน เพื่อต้องการให้เรือนกายที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังของบรรพบุรุษโลหิตลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง!
ต่อให้เป็นเพียงแค่การควบคุมแบบง่ายๆ แต่เมื่อแสดงออกด้วยเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิต ก็ยังคงน่าตะลึงพรึงเพริด มากพอจะทำให้ลมเมฆเปลี่ยนสี ฟ้าดินสั่นสะเทือนโครมคราม
ทว่า…กุญแจสำคัญของทั้งหมดนี้ ก็เป็นอย่างที่ปฐมาจารย์ธาราโลหิตกล่าวไว้ นั่นคือป๋ายเสี่ยวฉุน…ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ปรากฏตัว สำนักธาราโลหิตเคยทดลองทำมาก่อน ทว่ากลับไม่สามารถทำให้บรรพบุรุษโลหิตขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดดวงตาทั้งคู่ลง เมื่อลืมตาอีกครั้ง ทันใดนั้นปราณเลือดบนร่างของเขาพลันระเบิดพวยพุ่งสู่ฟากฟ้า กลายเป็นลำแสงสีเลือดขนาดใหญ่ยักษ์หนึ่งลำแสง วินาทีฝ่าทะลุเข้าไปยังเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า เขาก็เดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กลายร่างเป็นเงาสีเลือดเส้นหนึ่งห้อดิ่งเข้าไปในรอยแยกบนแขนของบรรพบุรุษโลหิต
หลังจากที่เข้ามาแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงเสียงไชโยโห่ร้องเป็นระลอกที่ส่งมาจากร่างของบรรพบุรุษโลหิตทันทีเสียงกู่ร้องนี้ทำให้ความเร็วของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น เคลื่อนกายไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ที่ผ่าน ไม่จำเป็นต้องมีวิธีการที่พิเศษอะไรก็ผ่านมาได้อย่างไร้อุปสรรคกีดขวาง
“สร้างฐานรากคือจุดฝังเข็ม ยาอายุวัฒนะคือทวาร อังคุฐโลหิตชีพจร บุรพาจารย์วิญญาณ และข้า…คือจิต!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายประกายแปลกประหลาด จุดที่เขาจะไปก็คือช่วงหน้าอกของบรรพบุรุษโลหิต จุดอันเป็นที่ตั้งของห้องหัวใจ!
และก็เป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับตู้หลิงเฟย!
ไม่นาน ภายใต้ความราบรื่นไร้อุปสรรคนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหยียบย่างเข้ามาในเส้นทางสายนั้น กลับคืนยังจุดเดิมที่เคยมา เขาทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง เดินไปตามทางด้วยความเงียบงัน เมื่อเข้ามาใกล้ห้องหัวใจเรื่อยๆ เขาก็กระโดดผลุงหนึ่งครั้ง เหยียบย่างเข้าไปด้านในโดยตรง!
มองเห็นหัวใจที่แห้งเหี่ยวดวงนั้น มองเห็นหลอดเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบด้าน ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง สะบัดร่างครั้งเดียวทั้งร่างก็พุ่งไปใกล้ พริบตาเดียวก็สัมผัสเข้ากับหัวใจ…แล้วผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่นไร้ความขัดข้อง…เข้าไปแทนที่…หัวใจดวงนั้น!