Skip to content

A Will Eternal 343

บทที่ 343 ไม่มีสำนักธารฟ้าอีกต่อไป เคารพเพียงสำนักสยบธาร

เวลานี้วิกฤตคับขัน เพราะเด็กชายลงมือหยั่งเชิงทารกหญิง ทำให้ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าที่เดิมทีหายใจรวยรินกลับมามีพลังชีวิตอีกครั้ง เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนนั้นมหาศาลเกินไป มันแลกมาด้วยชีวิตของนักพรตสำนักธารฟ้าทุกคน

นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด และเนื่องด้วยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทำให้สำนักสยบธารไม่มีการเตรียมรับมือเลยแม้แต่นิดเดียว ขั้นตอนทั้งหมดที่พวกเขาวางแผนกันมาก่อนหน้านี้ เดิมที…หลังจากที่ดับทำลายแมลงแห่งความตายนั่นได้แล้ว สำนักธารฟ้าก็ควรจะเลือกยอมแพ้

เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นการลงโทษครั้งหนึ่ง มาถึงเวลานี้ก็ถือว่าควรพอได้แล้ว

ทว่าตอนนี้…ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหมด ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าคำรามกร้าว เรือนกายมโหฬารของมันลุกขึ้นยืนบนแม่น้ำทงเทียน รากมากมายของมันหยั่งลึกลงไปยังสองชายฝั่ง โบกสะบัดกิ่งก้านสาขาจำนวนนับไม่ถ้วน ประดุจยักษ์หนึ่งตนที่สามารถฉีกกระชากความว่างเปล่าได้

ส่วนนอกกระท่อมบนต้นไม้ต้นนี้ เด็กชายขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้สนใจความเป็นความตายของสำนักธารฟ้า แล้วก็ไม่สนใจอุบัติเหตุครั้งนี้ที่เกิดขึ้น ที่รบกวนศึกของสำนักสยบธารในครั้งนี้ก็เพราะเขาสนใจแค่ทารกหญิงนั่น

“ดำรงอยู่ได้แค่สิบชั่วลมหายใจเท่านั้นหรือ…”

เด็กชายส่ายหัว รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ขณะที่กำลังใคร่ครวญ ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายเขาเผยความเศร้าโศกอาดูรออกมาทางดวงตา มากด้วยความขมขื่น เหมือนกำลังสองจิตสองใจกับความคิดหนึ่ง มิอาจตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด

รอบด้านสำนักธารฟ้า ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักต่างๆ ที่อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของสำนักธารฟ้าได้ถูกความดุเดือดของสงครามครั้งนี้เขย่าคลอนจิตใจอยู่นานแล้ว แม้แต่ลมหายใจของแต่ละคนก็ยังมิอาจราบรื่นเป็นปกติ โดยเฉพาะมองเห็นว่าแมลงแห่งความตายถูกกำจัดไปเพียงเพราะการชี้ครั้งเดียว มองเห็นต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้ากลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง จิตใจของพวกเขาก็สั่นระรัว ก้าวถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงกัน

และเวลานี้ นักพรตจำนวนมากของสำนักสยบธารก็เลือกถอยร่นออกไปเช่นกัน แม้ว่าจะมีคนบาดเจ็บและล้มตาย ทว่าส่วนใหญ่ล้วนกลับไปอยู่ในเรือทงเทียน เปิดการป้องกันสกัดกั้นเต็มกำลัง ขณะเดียวกันคนของสายธาราโลหิตก็เคลื่อนเข้าไปใกล้แม่น้ำทงเทียน

ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลาให้คิดมาก พลังในร่างของเขาที่คล้ายจะระเบิดออกมาได้แผ่ขยายไปทั่ว ผิวหนังของเขาเป็นสีทอง เลือดเนื้อของเขาก็กลายมาเป็นสีทอง ความรู้สึกที่ว่าหนังคงกระพันและเนื้อคงกระพันต่างก็ฝึกได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองสามารถย้ายภูเขาพลิกทะเลได้

ขณะเดียวกันกับที่เฟิงเสินจื่อเอ่ยปาก ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สะบัดหนึ่งครั้ง ความเร็วนั้นมีมากยิ่งกว่ายาอายุวัฒนะวิถีฟ้าก่อนหน้านี้อีกหลายเท่า เสียงอากาศระเบิดยังคงหยุดอยู่ที่เดิม ทว่าร่างของเขากลับพุ่งเข้าไปในแม่น้ำทงเทียนเป็นคนแรก แม่น้ำทงเทียนส่งผลกระทบร้ายแรงกับคนอื่น ทว่าสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว แม้จะพูดไม่ได้ว่าไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ ทว่าก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย!

เขาพุ่งเข้าไปในน้ำ แหวกว่ายตรงดิ่งเข้าหาเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตที่จมอยู่เบื้องล่าง พริบตาเดียวก็ลอดทะลุเข้าไปด้านใน และเวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ เรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตที่ใหญ่โตมหึมานี้ก็พลันสั่นเยือก ดวงตาทั้งคู่เปิดออก แสงสีทองสาดประกายสว่างจ้า ขณะเดียวกัน…ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน!!

การกระทำนี้ก่อนหน้านั้นไม่มีทางเป็นไปได้ การควบคุมเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตจำเป็นต้องรวบรวมพลังของนักพรตสำนักธาราโลหิตทุกคน

ทว่าตอนนี้…แค่ป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวก็สามารถฝืนบังคับได้

เมื่อบรรพบุรุษโลหิตลุกขึ้นยืนบนแม่น้ำทงเทียน เมื่อเรือนกายโผล่พ้นผิวน้ำ นักพรตของสำนักธาราโลหิตที่อยู่รอบด้านจึงพากันบินเข้าหาร่างบรรพบุรุษโลหิตทันที หลังจากแต่ละคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองแล้ว เรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตก็พลันระเบิดพลังอำนาจสะท้านฟ้า ภายใต้การควบคุมของป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างนั้นกระโดดหนึ่งครั้ง…ก็ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำทงเทียนทันที

วินาทีที่บินขึ้นมานั้น ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าหันขวับกลับมา สายตาตกอยู่บนร่างของบรรพบุรุษโลหิต ความเคียดแค้นของก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นทันที กิ่งไม้จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามารวมกันอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นมือไม้ข้างหนึ่งที่กำเป็นหมัดแล้วต่อยโครมลงไปยังบรรพบุรุษโลหิตอย่างแรง

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าโจมตีใส่ บรรพบุรุษโลหิตไม่ถอยกลับพุ่งเข้าหา ระดับความปราดเปรียวของร่างกายเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก ขยับร่างครั้งเดียวก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า เอื้อมมือคว้าจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ กระตุ้นใช้…ชนาเขย่าภูเขา!

แสงสีทองตลอดทั้งร่างแผ่ออกไปไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางเสียงดังกัมปนาท พุ่งเข้าชนตูมเดียว ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าพร้อมรากของมันที่ถูกถอนขึ้นมาจากดินก็ถูกผลักออกไปด้านหลังไกลหลายพันจั้ง

ภาพนี้ทำให้อารมณ์ของทุกคนที่มองเห็นขึ้นๆ ลงๆ อย่างมิอาจควบคุมได้ เรื่องราวมากมายในวันนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่พูดถึงเหตุการณ์ก่อนนั้น ลำพังเพียงแค่ภาพเบื้องหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนแทบหายใจไม่ออก

ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษโลหิตหรือต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าต่างก็สูงใหญ่เสียดฟ้า ความใหญ่โตของเรือนกายพวกมันสามารถสร้างเป็นที่ตั้งของสำนักหนึ่งได้เลย เวลานี้ต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นกัน ทุกครั้งที่ลงมือโจมตีก็ราวกับจะฉีกกระชากฟ้าดิน อีกทั้งพลังโจมตีที่เกิดขึ้นยังกลายมาเป็นพายุรุนแรงที่กวาดตะลุยไปรอบด้าน พัดพาให้ดินทรายต้นไม้ใบหญ้าจำนวนนับไม่ถ้วนตลบคละคลุ้ง แม้แต่น้ำของแม่น้ำทงเทียนก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย

หนึ่งคนหนึ่งต้นไม้เข่นฆ่ากันอยู่บนพื้นดินอย่างต่อเนื่อง สนามรบไม่จำกัดอยู่ที่เขตใดเขตหนึ่ง ทุกที่ที่ผ่าน ยอดเขาพังถล่ม แผ่นดินเป็นหลุมเป็นบ่อลึก

ทว่าต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้านั่นไม่ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กชายให้ดูดซับเอาชีวิตของนักพรตสำนักธารฟ้าทุกคนไป ทำให้เรือนกายที่ก่อนหน้านี้ต้องตายแน่นอนกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็เท่านั้น

การเข่นฆ่าที่รุนแรงอย่างในตอนนี้ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ อาการบาดเจ็บของมันก็จะควบคุมไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็ย่อมต้องเผชิญกับความตายอีกครั้ง!

เสียงคำรามเดือดดาลดังออกมาจากปากของต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าอย่างต่อเนื่อง ร่างของมันถอยร่นไม่หยุด ภายใต้การโจมตีจากบรรพบุรุษโลหิต ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถเป็นฝ่ายคว้าความได้เปรียบมาครอง ทว่าฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ควบคุมบรรพบุรุษโลหิตกลับรู้สึกสนุกหนำใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าในร่างกลิ้งซัดตลบไม่หยุด ปลดปล่อยพลังของยาอายุวัฒนะออกมาเป็นระลอก ขณะเดียวกันยาวัชระมิวางวายก็ซัดโหมกลิ้งเกลือก ระเบิดพลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งออกมา

การเพิ่มขึ้นของตบะทำให้จิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่กว้างมากกว่าเดิม ปกคลุมไปทั่วร่างของบรรพบุรุษโลหิต

และการระเบิดของกล้ามเนื้อก็ทำให้ความสอดคล้องกันระหว่างเขาและบรรพบุรุษโลหิตบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน หลายครั้งเขาถึงกับลืมเลือนไปแล้วว่าตัวเองอยู่ในร่างของบรรพบุรุษโลหิต!

ราวกับว่า…เขาก็คือบรรพบุรุษโลหิต

“ฆ่า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงตะโกนดังกังวาน เสียงตะโกนนี้พอออกมาจากปากของบรรพบุรุษโลหิตก็ดังอื้ออึงราวฟ้าคำรณ เขย่าคลอนฟ้าดิน ทำให้ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าถูกคลื่นเสียงกระแทกให้ถอยร่นไปอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันที่จะถอยออกไปไกลเท่าไหร่ก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าแขนเอาไว้แล้วเหวี่ยงขึ้นอย่างแรง ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าลอยคว้างไปกระแทกยังจุดที่ห่างไปไกลดังตูม

พื้นดินสั่นสะเทือน ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าที่ร่วงลงบนพื้นคิดจะดิ้นรนลุกขึ้นยืน ขณะเดียวกันตรงกระท่อมไม้บนร่างของมันที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มาตั้งแต่ต้น เด็กชายที่อยู่นอกกระท่อมยังคงครุ่นคิด ทว่าผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกัน เวลานี้นัยน์ตากลับเผยความเด็ดเดี่ยว คล้ายตัดสินใจได้ในที่สุด

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พลันยกมือขวาขึ้นตบลงไปบนลำต้นที่อยู่ข้างกายอย่างแรง วินาทีที่สัมผัสกับลำต้น ร่างของเขาก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นอายความตายที่ลอยอวลอยู่ทั่วร่างพลันเข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

เด็กชายผินหน้ามามองผู้เฒ่า

“สหายนักพรต เรื่องเมื่อครู่นี้ขออภัยด้วย เป็นเพราะข้าใจร้อนหมายจะลองสัมผัสกับคนประหลาดทางอ้อม”

“ข้าทำผิดต่อเจ้า ขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบให้กับสำนักสยบธารด้วย ช่างเถอะ…การเลือกของเจ้า ข้าจะไม่ห้ามปราม ต้นมะเดื่อฟ้ายังอยู่ก็ถือว่าเป็นร่องรอยบอกให้รู้ว่าสำนักธารฟ้าของเจ้าเคยดำรงอยู่มาก่อน นี่ก็ถือเป็นการชดใช้ที่ข้ามีต่อสำนักสยบธารแล้ว”

เด็กชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากสะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ หนึ่งครั้ง ร่างก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนฟ้า เพียงแต่ว่าการเดินออกมาของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครบนสนามรบแห่งนี้สังเกตเห็น

มองเห็นเด็กชายเดินจากไปไกล ผู้เฒ่าเงียบงัน มองคนต้นไม้ที่พยายามดิ้นรน เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ร่างค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงไป ทุกคนของสำนักธารฟ้าตายหมดแล้ว และตัวเขาเองก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เวลานี้สิ่งที่เขาคิดคือเสียสละตัวเองให้ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าต้นนี้มีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย สามารถทำให้มัน…ดำรงอยู่ต่อไปได้

ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ถ่ายทอดเจตจำนงและคำสั่งสุดท้ายในชีวิตนี้ของเขาให้ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้ารับรู้

“สวามิภักดิ์ต่อสำนักสยบธาร…นับแต่นี้ไปจงปกป้องสำนักสยบธาร เช่นเดียวกับที่เจ้าเคย…ปกป้องสำนักธารฟ้า!”

ผู้เฒ่าพึมพำเสียงเบา ร่างกายที่แห้งเหี่ยวค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า กลายร่างเป็นคนต้นไม้ตนหนึ่งที่…แทบจะมองไม่ออกว่ารูปร่างเป็นเช่นไร

ร่างของต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าตัวสั่นเยือก แสงสีแดงในดวงตาค่อยๆ จางหายไป และเวลานี้เอง ร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมก็ถลาพรวดเข้ามาใกล้ มือขวายกขึ้น วินาทีที่กำลังจะลงมือ…ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าก้มหน้าลง คุกเข่าคำนับ เปล่งเสียงทุ้มต่ำดังอึงอล

“สวามิภักดิ์…”

เวลาเดียวกันนั้นในต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าก็มีก้อนแสงระยิบระยับก้อนหนึ่งลอยออกมา ก้อนแสงนี้รวมตัวกันกลายมาเป็นผลึกสีเขียวหนึ่งก้อน วัตถุชิ้นนี้…ก็คือแกนกลางของต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า มีวัตถุนี้อยู่ในมือ ก็เท่ากับกุมความเป็นความตายของมันเอาไว้

มือขวาของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมชะงักกึก หยุดค้างอยู่เบื้องหน้าต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า

บัดนี้ทุกคนของสำนักสยบธารเงียบงัน ล้วนหันมามองบรรพบุรุษโลหิต

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักเล็กๆ ที่อยู่รอบด้านเหล่านั้นก็พากันหันมามองบรรพบุรุษโลหิต รอคอยการตัดสินใจของเขา

ไม่มีใครสามารถแทรกแซงการตัดสินใจของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ต่อให้เป็นบุรพาจารย์ก่อกำเนิดคนอื่นๆ ที่อยู่ในร่างบรรพบุรุษโลหิตก็ไม่สามารถทำได้ หลังจากที่เงียบงันอยู่ชั่วครู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันยิ้มออกมา เอื้อมมือมาคว้าผลึกสีเขียวก้อนนั้นเอาไว้!

วินาทีที่เขาคว้าผลึกนั้น บนเรือทงเทียนสามลำของสำนักสยบธารก็ระเบิดเสียงไชโยโห่ร้องสะเทือนเลือนลั่นปฐพี

“พวกเรา…ชนะแล้ว!!”

“นับแต่นี้ สำนักสยบธารของเราก็คือสำนักแม่น้ำตอนกลาง!!”

“ชนะแล้ว…ชนะแล้ว!!”

ท่ามกลางเสียงแห่งความปิติยินดีนี้ มีบางคนร้องไห้ มีบางคนแผดเสียงคำรามยาว มีบางคนตื่นเต้นฮึกเหิม ทุกคนของสำนักสยบธารล้วนคึกคักเดือดพล่านกันขึ้นมา เวลาเดียวกันนั้นบนท้องฟ้าก็มีแสงสีแดงเส้นหนึ่งแหวกผ่าขอบฟ้าลอยดิ่งลงมายังพื้นดิน นั่นคือป้ายศิลาป้ายหนึ่ง!

ป้ายศิลานี้ร่วงลงบนพื้นดังตูม แทงทะลุพื้นดินลงไปเกือบครึ่ง มีเกินครึ่งที่โผล่พ้นออกมาด้านนอก ด้านบนเขียนอักษรตัวใหญ่เอาไว้สามคำ!

สำนักสยบธาร!

ด้านล่างอักษรใหญ่สามคำนี้ มีตัวอักษรเล็กๆ อีกหนึ่งบรรทัด…

สำนักอันเป็นสาขาย่อยของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา!

นี่คือการยอมรับจากสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา วินาทีที่ป้ายศิลานี้เยื้องกรายลงมา ทุกคนของสำนักสยบธารก็เหิมหาญกันขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นเต้นหลังจากที่ทุ่มหมดหน้าตักแล้วสุดท้ายได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา ทำให้ทุกคนที่ย้อนนึกถึงสงครามในครั้งนี้ต่างก็ปลงอนิจจังกับการได้เป็นสำนักแม่น้ำตอนกลางอย่างถึงที่สุด

ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักเล็กๆ รอบด้านล้วนพากันคุกเข่าคำนับ

“คารวะสำนักสยบธาร!” เสียงที่ดังกระหึ่มไปสี่ทิศยิ่งดังดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสามคนของอีกสามสำนักที่อยู่บนยอดเขาห่างไปไกล เวลานี้ต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึก สงบจิตสงบใจตัวเอง หลังจากมองเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตหนึ่งครั้ง ต่างคนจึงต่างจากไป

ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป…

แม่น้ำตะวันออกตอนกลาง ไม่มีสำนักธารฟ้าอีกแล้ว มีเพียงสำนักสยบธารที่ต้องให้ความเคารพ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!