บทที่ 353 แดนทุรกันดาร!
ใบหน้าของเฉินม่านเหยายิ่งแดงก่ำคล้ายรู้สึกว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ เมื่ออยู่ในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเปลือยกายล้อนจ้อน ดังนั้นจึงถอยหลังออกไปหลายก้าว พูดกระเง้ากระงอด
“ศิษย์พี่ป๋าย…”
“น่าสนใจ แต่ก็น่าเสียดายนะเฉินม่านเหยา เจ้าแสดงไม่สมจริงเอาเสียเลย” ป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าความดุดันในดวงตากลับยิ่งเด่นชัด
“อยู่ดีๆ กลับเอาผ้าเช็ดหน้ามามอบให้ข้า!”
“ทั้งยังนัดให้ข้ามาหาตอนยามสามอย่างไร้สาเหตุ!”
“เว้นห่างไปหนึ่งเดือนโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อ…เฉินม่านเหยา เจ้านึกว่าข้าบุรพาจารย์น้อยเป็นเด็กสามขวบอย่างนั้นรึ หรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกบ้ากามที่เห็นผู้หญิงเป็นต้องหลงใหลคลั่งไคล้จริงๆ! เกรงว่าเรื่องจดหมายรักก่อนหน้านี้ก็คงเป็นฝีมือเจ้าที่แอบชักนำอย่างลับๆ เพื่อจะได้ปะปนแล้วล่อลวงให้ข้ามาที่นี่สินะ!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นเยียบมากขึ้นในทุกประโยค พอถึงท้ายที่สุดตบะของเขาก็แผ่กระจายออกมา พลานุภาพสยบจากพลังยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าก่อกลายมาเป็นพายุบ้าคลั่งที่พัดกวาดไปสี่ทิศ เฉินม่านเหยาหน้าถอดสี ร่างสั่นสะท้าน
เพราะยังไงซะ…นางก็ยังอยู่แค่สร้างฐานรากเท่านั้น!
“เดิมทีข้าจะไม่มาก็ได้ ทว่าตัวข้าเป็นถึงบุรพาจารย์น้อย ในเมื่อเจ้ามีลับลมคมใน ถ้าเช่นนั้นข้าก็ย่อมต้องมาตรวจสอบดูว่าเจ้า…มีจุดประสงค์อะไรกันแน่!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือไพล่หลัง เชิดคางขึ้น ขณะที่เอ่ยปากความเคร่งขรึมดุดันตลบอบอวล อีกทั้งยังมีปราณดุร้ายแผ่กระจายออกมาจากร่าง โดยเฉพาะสายตาที่ประหนึ่งมีดคมกริบบีบคั้นให้เฉินม่านเหยาหายใจถี่กระชั้น
“ศิษย์พี่ป๋าย ข้า…” เฉินม่านเหยาเดินออกไปข้างหน้าสองสามก้าว ขณะที่กำลังจะเปิดปากพูด นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมีประกายเย็นชาวาบผ่าน พอยกมือขวาขึ้น กริชลักษณะเหมือนเขาแท่งหนึ่งก็บินพรวดออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะเขาทันที ปลดปล่อยพลานุภาพแห่งของวิเศษล้ำค่าออกมาเป็นระลอก เมื่อพลานุภาพนี้บวกเข้ากับตบะยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงก่อให้เกิดเป็นไอสังหารสะท้านฟ้าที่กักตัวเฉินม่านเหยาเอาไว้อย่างแน่นหนา
และกริชเล่มนั้นก็คือเขามังกรผกผัน!
“อย่าขยับ เจ้ามีโอกาสพูดแค่สามประโยค เมื่อครู่พูดไปแล้วประโยคหนึ่ง ยังเหลืออีกสอง หากข้าไม่พอใจ ข้ามีสิทธิ์จะสังหารลูกศิษย์คนใดก็ได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวเนิบนาบ
ตอนนี้มองดูแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนปกติทุกอย่าง ทว่าในความเป็นจริงแล้วนิ้วโป้งเท้าซ้ายของเขากลับจิกลงไปบนพื้นรองเท้าอย่างแรง จิกทะลุไปถึงพื้นดิน พร้อมระเบิดพลังตลอดเวลา และหากระเบิดพลังออกมาเมื่อใด เขาก็สามารถไปจากที่แห่งนี้ด้วยความเร็วเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
ทั้งยังเปิดภาพเก้าเกาะออกมารออยู่นานแล้ว ซึ่งสามารถร่ายใช้ได้ทันที
ฝีเท้าของเฉินม่านเหยาชะงักกึก มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะตำแหน่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ในตอนนี้คือนอกค่ายกลที่นางร่ายเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าตอนที่อีกฝ่ายมาที่นี่ ได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่แล้ว
ลมหายใจของนางผ่อนช้าลง ในใจรู้สึกกริ่งเกรงป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นครั้งแรก นางจ้องนิ่งไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน พลันยิ้มออกมา เก็บเอาความเขินอายก่อนหน้านี้กลับไป ทว่าสายตากลับยังคงแฝงเร้นไว้ด้วยความลึกลับ
“มิน่าล่ะตาแก่พวกนั้นถึงได้ให้ความสำคัญกับเจ้ามากถึงเพียงนี้…ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้อนี้ข้าสาบานได้ ที่ให้เจ้ามาที่นี่มีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือหวังว่าเจ้าจะยอมพบหน้าคนผู้หนึ่ง!” เฉินม่านเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ายังเหลืออีกหนึ่งประโยค!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเสียงเรียบ เขามังกรผกผันบนศีรษะพ่นประกายหนาวเหน็บ
เฉินม่านเหยาหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่งก็กัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นอย่างฉับพลันว่า
“เย่ตั้ง หน้ากาก ป๋ายเสี่ยวฉุน อิทธิพลลึกลับ สายลับ วัตถุนิจนิรันดร์มิดับสูญ!”
เมื่อประโยคของเฉินม่านเหยาดังออกมา หน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมืดคล้ำ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกกว้าง ในสมองเกิดเสียงดังอึงอล เขามังกรผกผันบนศีรษะบินพรวดเข้าหาเฉินม่านเหยาอย่างไร้ซึ่งความลังเล ขณะเดียวกันนิ้วโป้งเท้าซ้ายของเขาก็จิกลงไปบนพื้นดินอย่างแรง ร่างถอยกรูดออกไปพร้อมเสียงดังตูม อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนยังหยิบเอาภาพเก้าเกาะออกมาด้วย
ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนกระเพื่อมไหวรุนแรง เขาเดาได้ว่าเฉินม่านเหยามีลับลมคมใน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนของอิทธิพลลึกลับนั่น!
ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นกลางหว่างคิ้วของเฉินม่านเหยาพลันมีน้ำวนสีดำลูกหนึ่งปรากฏขึ้น น้ำวนนี้เพิ่งเผยกายก็มีควันสีดำหนึ่งเส้นบินออกมาล้อมวนเขามังกรผกผันที่พุ่งโจมตีไว้อย่างรวดเร็ว จนเขามังกรผกผันที่แฝงเร้นไว้ด้วยพลังยาอายุวัฒนะของป๋ายเสี่ยวฉุนได้แต่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
ขณะเดียวกันในควันสีดำก็มีน้ำเสียงแก่ชราทว่าร้อนรนดังออกมา
“สหายนักพรตเชื่อข้าผู้อาวุโสสักครั้งได้หรือไม่ ข้าผู้อาวุโสเองก็จนใจถึงได้ใช้วิธีนี้ ทั้งยังถึงขนาดยอมเปิดเผยตัวตนของลูกศิษย์เหยาเอ๋อร์
ใช้ความเป็นความตายของนางมาเดิมพัน เพียงเพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเจ้าสักครั้ง เจ้าเชื่อข้าสักครั้งเถอะนะ!”
“ตอนนี้เจ้าสามารถเดินจากไปได้ตลอดเวลา โปรดฟังข้าพูดแค่ไม่กี่ประโยค หากไม่พอใจ เจ้าสามารถจากไปได้เลย!” ควันดำเกาะตัวกันกลายมาเป็นภาพมายาของผู้เฒ่าคนหนึ่ง ตอนที่เขามองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนมีทั้งความซับซ้อน ทั้งความลึกล้ำ และมากด้วยความเกรงใจ ความเคารพนับถือ!
ป๋ายเสี่ยวฉุนพยายามสงบจิตใจและปรับลมหายใจให้มั่นคง ตอนนี้ร่างเขาถอยมาลอยตัวอยู่กลางอากาศนานแล้ว อีกทั้งคลื่นเคลื่อนไหวของที่นี่ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากสำนักสยบธารจนมีนักพรตหลายคนที่เดินลาดตระเวน และผู้อาวุโสรวมโอสถช่วงท้ายอีกหนึ่งคนบินเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็ว
“บุรพาจารย์น้อย มีอะไรหรือ?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” พวกนักพรตที่ลาดตระเวนเอ่ยถามทันที สายตากวาดมองไปรอบด้านด้วยความสงสัยเล็กน้อย คล้ายประหลาดใจกับจุดที่ควันดำกลายร่างเป็นผู้เฒ่าอย่างมาก แต่พวกเขาสัมผัสไม่ถึงอีกฝ่าย ที่มองเห็นมีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนที่แผ่ตบะอยู่กลางอากาศ
แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นพื้นที่ด้านล่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่
“ในสำนักสยบธารของพวกเจ้า นอกจากคนฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสามารถเห็นการดำรงอยู่ของข้า แล้วก็มองไม่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบด้านนี้ด้วย แต่เป็นเพราะเจ้าไม่ได้เข้ามาในขอบเขตนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงมองเห็นเจ้า!” ภาพมายาของผู้เฒ่าที่แปลงมาจากควันดำพูดรัวเร็ว และเสียงนั้นก็มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่ได้ยิน
ป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักฝีเท้า สีหน้ามืดทะมึน มองนักพรตรอบกายที่ตรวจสอบไปทั่วด้านด้วยความสงสัยระแวดระวัง
แล้วก็ก้มหน้าลงมองเงามายาของผู้เฒ่าที่อยู่ด้านล่าง
ภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน
“แผ่นดินทงเทียนพื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่ง มีมหาสมุทรทงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง แผ่ขยายออกไปรอบทิศเป็นแม่น้ำสี่สาย ก่อเกิดขึ้นเป็นโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรออกตกเหนือใต้!” มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน เงามายาของผู้เฒ่าจึงรีบเอ่ยปาก
“แม่น้ำใหญ่ทั้งสี่สายนี้ต่างก็แยกตัวออกไปเป็นสี่สายธารใหญ่ จากสี่สายธารใหญ่ก็แบ่งเป็นอีกสี่ธารา รวมไปถึงปลายน้ำอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ประดุจต้นไม้ต้นหนึ่งที่แตกกิ่งก้านสาขาไปทั่ว ทำให้ปราณวิญญาณของแม่น้ำทงเทียนปกคลุมขอบเขตไร้ที่สิ้นสุด…ทว่าในความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นดินใหญ่ทงเทียนแล้ว พื้นที่ที่ปราณวิญญาณของแม่น้ำทงเทียนแผ่กระจายออกไปมีไม่ถึงครึ่ง!
อีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นบริเวณโดยรอบแผ่นดินใหญ่ทงเทียนที่ไม่มีปราณวิญญาณของแม่น้ำทงเทียนปกคลุม ที่นั่น…ถูกเรียกว่าแดนทุรกันดาร” คำพูดของผู้เฒ่าเงามายาดังออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินแล้วก็ใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคาดเดามาก่อนบ้างแล้ว แต่คำตอบที่ได้คือสถานที่ที่ไม่มีปราณแม่น้ำทงเทียนคือพื้นที่ต้องห้าม นักพรตมิอาจใช้ชีวิตอยู่ได้!
ตอนนี้คำพูดของอีกฝ่ายดุจดั่งสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาในจิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุน อีกทั้งตอนที่เขาหันไปมองผู้เฒ่าก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกในเรื่องนี้
“หากเปรียบสถานที่ที่มีปราณวิญญาณแม่น้ำทงเทียนและสี่สำนักใหญ่ต้นแม่น้ำเป็นเหมือนฝ่ายราชการของโลกมนุษย์ ถ้าเช่นนั้น…ผู้คนที่อยู่อาศัยในแดนทุรกันดารก็เป็นพวกที่ถูกฝ่ายทางการเรียกว่า…กบฎ!”
“ข้าผู้อาวุโสมาจากแดนทุรกันดาร และบรรพบุรุษโลหิตของสำนักธาราโลหิตก็มาจากแดนทุรกันดารเช่นเดียวกัน!”
“เนื่องด้วยสาเหตุที่พิเศษบางประการ ศพของบรรพบุรุษโลหิตถึงได้ถูกทิ้งเอาไว้ที่นั่น!” ผู้เฒ่าเงามายาสูดลมหายใจเข้าลึก พูดด้วยความเคร่งขรึม
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัวลง สำหรับข้อที่ว่าเหตุใดปีนั้นอิทธิพลลึกลับนี้ถึงได้ตั้งเป้าหมายเป็นวัตถุนิจนิรันดร์มิดับสูญในร่างของบรรพบุรุษโลหิต เวลานี้เมื่อได้ยินคำอธิบายจากผู้เฒ่า จึงเป็นการยืนยันการคาดเดาของป๋ายเสี่ยวฉุนไปทีละข้อ
“วัตถุนิจนิรันดร์มิดับสูญชิ้นนั้นพวกเราไม่ได้คาดหวังว่าต้องได้มา หากเจ้าอยากเก็บไว้เราก็ยินดีมอบให้ และที่ท่าทีของข้าผู้อาวุโสเปลี่ยนแปลงไปจนถึงขั้นเอาเรื่องเหล่านี้มาพูดกับเจ้า ก็เป็นเพราะ…เจ้าได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษโลหิต กลายมาเป็นบรรพบุรุษโลหิตรุ่นที่สอง!
หากสืบสาวราวเรื่องถึงแก่นแล้ว เจ้ากับแดนทุรกันดารของข้าก็เรียกได้ว่ามีเหตุต้นผลกรรมต่อกัน!” ในใจของผู้เฒ่ามายาสงบลงได้เล็กน้อย ขอแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รีบร้อนจากไป ให้โอกาสเขาได้พูด ถ้าเช่นนั้นทุกอย่างก็ล้วนเป็นเรื่องง่าย
ที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดก็คือกลัวว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีท่าทีอย่างก่อนหน้าที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตนได้สนทนาด้วยเลย
“ดังนั้นข้าผู้อาวุโสถึงได้พยายามติดต่อกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านหน้ากากชิ้นนั้น ทว่าการป้องกันตัวเองของเจ้าแน่นหนาเกินไป ด้วยความจนใจถึงได้ยอมเสี่ยงภัยและจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเช่นนี้ โดยการให้เหยาเอ๋อร์แอบชักนำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดและเชิญเจ้ามาที่นี่!”
“ข้าผู้อาวุโสเป็นตัวแทนของเจตจำนงจากเมืองคูน้ำแดนทุรกันดาร หวังว่าจะรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับเจ้าไว้ อีกทั้งความสัมพันธ์นี้มีแต่จะสร้างผลดีให้กับเจ้า สายลับของพวกเรากระจายตัวกันอยู่ทั่วแทบทุกสำนักของแม่น้ำสี่สายใหญ่ สามารถสร้างความสะดวกสบายมากมายให้แก่เจ้า ขณะเดียวกันก็สามารถมอบข้อมูลรายงานเกี่ยวกับโลกนี้ที่เจ้าต้องการรู้ทุกเรื่อง!”
“เพียงแต่ว่า เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน…”
ผู้เฒ่าเงามายาผ่อนลมหายใจยาวหนึ่งครั้ง แล้วจึงประสานมือก้มตัวต่ำคารวะป๋ายเสี่ยวฉุน
ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนรุนแรง ท่ามกลางความเงียบงัน ใจเขาอยากจะเดินจากไป ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายไร้ซึ่งช่องโหว่ใดๆ ทั้งยังช่วยไขความสงสัยมากมายของเขา โดยเฉพาะการที่ถึงขนาดยอมเปิดเผยตัวตนของเฉินม่านเหยา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจได้อย่างแท้จริง
โดยเฉพาะ…เรื่องรายงานที่ผู้เฒ่าคนนี้พูดถึง ประหนึ่งว่าไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ขอแค่เป็นเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ พวกเขาก็ล้วนให้คำตอบได้
คิดมาถึงตรงนี้ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนพลันกระตุก ตอนนี้นักพรตที่ลาดตระเวนอยู่รอบกายเขาได้ตรวจสอบเหตุการณ์รอบๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากไม่ได้รับผลพวงใดๆ จึงพากันกลับมาอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน มองมายังเขาด้วยสายตาสงสัย
“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าตาฝาดเอง ลำบากทุกท่านแล้ว”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ประสานมือคารวะทุกคน
ผู้อาวุโสยาอายุวัฒนะช่วงท้ายที่อยู่ในบรรดาผู้ลาดตระเวนเหล่านั้นมอง
ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำหนึ่งครั้ง ไม่ได้ซักไซ้อะไร พอพยักหน้าให้ก็พาทุกคนจากไป
ไม่นานสถานที่แห่งนี้จึงกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง…
“ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เจ้าล้วนให้คำตอบแก่ข้าได้อย่างนั้นหรือ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน