บทที่ 373 ยาทวนธาราสามชั่วลมหายใจ
ขณะที่ตลอดทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของ
ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่นั้น สำนักธารมรรคา สำนักธารอันตและสำนักธารดาราต่างก็ทยอยกันมาที่สำนักสยบธาร
หลังจากที่ได้เจรจากับสำนักสยบธาร นอกจากสำนักธารดาราที่สำนักสยบธารไม่คิดจะประนีประนอมใดๆ แล้ว สำนักธารมรรคาและสำนักธารอันตก็ถือว่าหายใจหายคอคล่องเสียที แม้จะถูกสำนักสยบธารรีดไถไปเยอะมาก อีกทั้งระหว่างกันยังมีการทำข้อตกลงบางอย่าง ทว่าขอแค่ไม่ต้องเอาทรัพยากรก่อนหน้านี้ออกมามากเกินไปนัก ก็ถือว่าต่างฝ่ายต่างยอมถอยให้กันแล้ว
และก็ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระหว่างสำนักธารมรรคา สำนักธารอันตและสำนักสยบธารได้มีการทำความเข้าใจกัน ขณะเดียวกันความสัมผัสก็ผ่อนคลายลงไปด้วย เพราะยังไงซะเดิมทีต่างฝ่ายก็ไม่มีความแค้นต่อกันอยู่แล้ว การเล่นพรรคเล่นพวกก่อนหน้านั้นก็แค่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณต่อผู้มาใหม่เท่านั้น
เมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป การเล่นพรรคเล่นพวกจึงลดน้อยลงไปเยอะมาก
มีเพียงสำนักธารดาราเท่านั้นที่สำนักสยบธารไม่มีการผ่อนปรนแม้แต่นิดเดียว สำนักสยบธารจำเป็นต้องแสดงท่าทีออกมาให้เด่นชัด ต้องทำให้ทุกคนเห็น มิฉะนั้นหากปล่อยสำนักธารดาราไป เรื่องการแบ่งทรัพยากรใหม่เช่นนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน
และครั้งนี้สำนักสยบธารคือผู้ที่ได้เปรียบ มีกฏของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราอยู่ สำนักธารดาราจึงทำได้เพียงข่มกลั้นอารมณ์ ไม่เพียงแต่ต้องส่งมอบทรัพยากรทั้งหมดมาให้ ยังต้องมอบหินอุกกาบาตมาให้ด้วย
เพียงแต่นับแต่บัดนี้ ความสัมพันธ์ของสองสำนักจึงกลายมาเป็นศัตรูกันทันที
อีกทั้งเรื่องนี้สำนักธารมรรคาและสำนักธารอันตก็ยินอย่างยิ่งที่จะได้เห็น ต่างฝ่ายต่างก็เจ้าเล่ห์มากกลอุบาย และต่างก็เข้าใจดีว่าสำนักสยบธารกำลังแสดงแสนยานุภาพของตัวเอง บอกให้คนอื่นรู้ว่าขณะเดียวกันกับที่สำนักสยบธารเปิดสงครามจากแม่น้ำตอนล่างขึ้นมายังตอนกลางอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว ก็ยังได้ปลอบขวัญสำนักธารมรรคาและสำนักธารอันต ให้พวกเขาได้เห็นสถานการณ์ที่พวกเขาชื่นชอบด้วย
ทั้งหมดนี้แฝงไว้ด้วยแผนการมากมาย แฝงไว้ด้วยการพิจารณามากมาย เรื่องเหล่านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ให้ความสนใจ เพียงแต่เมื่อสำนักได้ทรัพยากรมาเขาก็รีบไปหาพืชหญ้าที่ต้องการทันที
สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ตลอดทั้งสำนักล้วนไม่ปฏิเสธความต้องการของเขา ไม่นานท่ามกลางพืชหญ้าวิเศษปริมาณมหาศาลป๋ายเสี่ยวฉุนก็เจอพืชเซียนที่หายสาบสูญไปแล้วซึ่งเขาเคยเห็นจากในแผ่นหยก และพืชหญ้าเหล่านี้หากนำมาจับคู่ในจำนวนที่กำหนดก็จะสามารถปรุงออกมาเป็นยาที่มีสรรพคุณทำให้คนสลบได้
ได้พืชหญ้าเหล่านี้มา ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเริ่มปิดด่านหลอมยา ในขั้นตอนการหลอมยานี้ เขาฝืนตัวเองให้เปลี่ยนแปลงความเคยชิน โดยการพูดสิ่งที่แตกต่างไปจากสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิง
นี่ก็เพื่อทำให้เจ้าเต่าน้อยตายใจ…
การหลอมยาครั้งนี้ดำเนินไปได้หนึ่งเดือน ในที่สุดวันนี้เสียงตูมตามก็ดังออกมาจากในถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนมองยาวิเศษสีขาวขนาดเท่าเล็บมือสองเม็ดที่อยู่ในเตาหลอมยาด้วยความดีใจ ในใจฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด
ยาวิเศษสองเม็ดนี้มองไม่ออกว่าเป็นระดับไหน ทว่าเพียงแค่เข้าไปใกล้ๆ แล้วสูดลมเข้าลึกหนึ่งครั้ง รูขุมขนทั่วร่างก็คลายออกคล้ายได้รับการบำรุงครั้งใหญ่ ทำให้เข้าใจไปว่านี่คือยาวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง
นี่เป็นเพราะว่าตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมยาได้ใส่พืชหญ้าล้ำค่าชนิดหนึ่งไว้ที่ผิวชั้นนอกสุดของยาวิเศษ เป็นการอำพราง อีกทั้งมันยังมีสีสดกลมดิกมันวาว ทำให้คนที่เห็นน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้
แน่นอนว่านี่ก็เป็นสีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องสิ้นเปลืองพืชหญ้าไปไม่น้อยถึงจะปรุงออกมาได้
ส่วนด้านในของยากลับซุกซ่อนสรรพคุณยาสลบที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องลำบากลำบนคิดค้นจนแทบล้มประดาตายถึงจะหลอมออกมาได้เป็น…สุดยอดยาสลบ!
เวลานี้มองไปที่ยาวิเศษ เขาจำเป็นต้องสูดลมหายใจเข้าลึก รักษาสีหน้าตื่นเต้นเอาไว้ตลอดเวลา แต่ในใจกลับครุ่นคิดว่าจะให้เจ้าเต่าน้อยกลืนลงไปได้อย่างไร หากใช้วิธีการทั่วไปย่อมไม่ได้แน่นอน อีกทั้งยังต้องป้องกันไม่ให้เจ้าเต่าน้อยตามมาแก้แค้นทีหลังด้วย
คิดไปคิดมา ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งประกายน้อยๆ พึมพำเสียงเบา
“ยาวิเศษนี้ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด หาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ รสชาติย่อมเลิศล้ำที่สุดในใต้หล้า ตัวข้าเองเสียดายที่จะกินมัน ต้องกินในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเท่านั้นถึงจะไม่เสียแรงที่ข้าใช้หญ้าวิเศษที่หายสาบสูญปริมาณมากถึงจะหลอมออกมาได้เป็น…สุดยอดยาวิเศษสองเม็ดนี้!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น หยิบเอายาวิเศษสองเม็ดนี้ขึ้นมาแล้ววางลงในขวดเล็กๆ จากนั้นก็ปิดผนึกอีกหลายชั้น แล้วจึงเก็บไว้ในถุงเก็บของ
หลังจากครุ่นคิดไปมาเขาก็คล้ายไม่วางใจ จึงรีบหยิบออกมาอีกครั้ง หลังจากเปิดดูและแน่ใจแล้วว่ามีสองเม็ดจึงวางไว้ในหน้าอก เดินไปเดินมา แล้วก็เหมือนยังไม่วางใจ จึงกัดฟันกรอด ปิดผนึกอีกหลายต่อหลายชั้น ในที่สุดก็เก็บไว้ในถุงเก็บของ
หลังจากนั้นอีกหลายวัน แทบจะทุกหนึ่งก้านธูปของทุกวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนจะต้องหยิบเอายาขวดนี้ออกมาเปิดดูว่าหายไปหรือไม่ ทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า…
จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายวันเขาจึงทอดระยะเวลาให้ช้าลง กลายมาเป็นเปิดดูทุกหนึ่งชั่วยาม แล้วก็ผ่านไปอีกหลายวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนกำหนดไว้ว่าจะหยิบเอาขวดยาออกมาทุกๆ สองชั่วยาม ตรวจสอบดูมันด้วยท่าทางเหมือนได้รับของล้ำค่า หลังจากวางใจแล้วก็จะเผยท่าทางเคลิบเคลิ้มพอใจออกมา
“หึหึ เจ้าเต่าน้อยเอ๋ยเจ้าเต่าน้อย หากเจ้าเกิดใจใคร่รู้แค่เพียงนิดเดียวก็จะหลงกลการกระทำของข้า ถึงเวลานั้น หึหึ” ทุกครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเปิดขวดยาออก ในใจเขาจะต้องคิดเช่นนี้ ในที่สุด…หลังจากผ่านไปอีกสิบวัน เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเปิดถุงเก็บของออกตอนเที่ยงของวันนี้ เพียงแค่มองครั้งเดียว เขาก็พลันตัวสั่นเยือก
ยาที่อยู่ด้านในนั้น…หายไปหนึ่งเม็ด!!
ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม ทว่ากลับรีบสะกดกลั้นมันเอาไว้ กลัวว่านี่จะเป็นการหยั่งเชิงของเจ้าเต่าน้อย ดังนั้นจึงทำท่าสงสัยและตื่นตะลึง พอเปิดถุงเก็บของแล้วก็รีบค้นหา ทว่าหาอยู่นานก็ยังหาไม่พบ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรีบเปิดดวงตาที่สามขึ้นทันที ใช้พลังทั้งหมดที่มี หรือแม้แต่พลังของยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าก็ยังระเบิดออกทุกด้าน
และท่ามกลางการเดือดพล่านของตบะในร่างนี้ แสงสีม่วงในดวงตาที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุนพริบพราวอย่างถึงที่สุดจนแทบจะส่องสว่างให้กับทั้งถ้ำ ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างละเอียดของเขา ไล่ตามหาไปทีละชุ่น ทีละชุ่น ในที่สุด…ตรงตำแหน่งริมขอบในถุงเก็บของ เขาก็มองเห็นว่าตรงนั้นมีร่างหนึ่งที่หดเล็กลงไม่รู้กี่เท่าตัว จนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ร่างของ…เจ้าเต่าน้อย!
เจ้าเต่าน้อยสลบไปแล้ว หัวของมันลู่ลง แขนขาทั้งสี่ก็ยื่นออกมา แน่นิ่งไม่ขยับ…
ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหึหึ เขาเข้าใจทันทีว่าที่ครั้งนี้ตัวเองตามหาอีกฝ่ายเจอก็เพราะเจ้าเต่าน้อยหมดสติไปก่อน มิฉะนั้นด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลของอีกฝ่าย ต่อให้ตนใช้เนตรทงเทียนก็อย่าได้หวังว่าจะหาเจอแม้แต่ร่องรอยของมัน
เขาหยิบเอาเจ้าเต่าน้อยออกมาจากในถุงเก็บของด้วยความระมัดระวัง วินาทีที่เอาออกมาจากในถุงเก็บของ มีเสียงปุ๊งดังขึ้นหนึ่งครั้ง เจ้าเต่าน้อยกลับคืนสู่สภาพปกติ หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนจับมันไว้ได้ก็ออกแรงเขย่าทันที ทันใดนั้นแขนขาทั้งสี่ ศีรษะและหางของเจ้าเต่าน้อยก็กระทบลงบนกระดองเต่า เกิดเป็นเสียงดังปั๊บๆๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมทันควัน แหงนหน้าหัวเราะร่า เขาออกแรงเขย่าอีกครั้ง คล้ายต้องการแก้แค้นให้กับทุกเรื่องที่เจ้าเต่าน้อยเล่นงานเขาก่อนหน้านี้
“ใครใช้ให้เจ้าด่าข้า!”
“ใครใช้ให้เจ้าล่อจระเข้มา!”
“ใครใช้ให้เจ้าไปท้าทายคางคก!”
“ใครใช้ให้เจ้าทำให้ข้าโดนคนไล่ฆ่า!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยอย่างแค้นเคือง มือก็เขย่าอย่างต่อเนื่อง เสียงปั๊บๆๆ ดังออกมาจากในถ้ำไม่หยุด ยิ่งนานก็ยิ่งดังถี่ ขณะเดียวกันบนร่างของเจ้าเต่าน้อยก็ค่อยๆ แผ่กลิ่นหอมที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้กลิ่นมานานออกมาด้วย
พอกลิ่นหอมนี้ปรากฏ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ย้อนนึกถึงความทรงจำในอดีตก็ให้ปลดปลง ทว่าก็ยังกังวลว่าเจ้าเต่าน้อยจะตื่นขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงรีบหยิบเอาเตาหลอมออกมา หลังจากโยนเจ้าเต่าน้อยเข้าไปแล้วก็กรอกน้ำทงเทียนปริมาณมากใส่ทับไป รวบรวมสมาธิเริ่มหลอมยาทวนธารา!
เวลากระชั้นชิด ไม่รู้ว่าเจ้าเต่าน้อยจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ และยังกังวลว่าวันหน้าเจ้าเต่าน้อยจะกลับมาแก้แค้น ครั้งนี้ความเร็วในการหลอมยาของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือวิธีหลอมยาทวนธารานี้ได้ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขานับร้อยนับพันครั้งแล้ว เวลานี้การกระทำของเขาจึงคล่องแคล่วคุ้นเคย เมื่อจุดไฟของเตาหลอมเสร็จเรียบร้อย มือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำมุทราแล้วเริ่มหลอมยาทันที
สามวันหลังจากนั้น ตลอดทั้งเตาหลอมเป็นสีแดงฉาน ท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เตาหลอมระเบิดตูมออกมา ร่างของเจ้าเต่าน้อยร่วงหล่น ขณะเดียวกันยาที่เกือบจะโปร่งแสงก็บินออกมาอย่างรวดเร็วหมายจะหนีไปจากที่แห่งนี้คล้ายมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
อีกทั้งวินาทีที่ยาเม็ดนี้ปรากฏขึ้น ฟ้าดินตลอดทั้งสำนักสยบธารก็เปลี่ยนสี ลมและเมฆพัดโหม นักพรตก่อกำเนิดทุกคนหน้าเผือดสี แม้แต่ชั้นเมฆบนท้องฟ้าก็ยังกลิ้งซัดพลุ่งพล่าน พริบตาเดียวก็มีอสนีบาตผ่าเปรี้ยงลงมา!
สายฟ้าเส้นหนึ่งตรงดิ่งเข้าหาถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมเสียงดังอึกทึก ท่ามกลางเสียงกัมปนาท ถ้ำทั้งถ้ำก็ระเบิดตูมออก ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ หลังจากคว้าตัวเจ้าเต่าน้อยมาเก็บไว้ในถุงเก็บของได้ก็เปิดเนตรทงเทียนออก มองหายาโปร่งแสงที่หนีไปเม็ดนั้นแล้วรีบตามไปอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ นักพรตก่อกำเนิดของสำนักสยบธารซึ่งรวมถึงพวกหันจงต่างก็บินออกมาอย่างว่องไว พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่าสามารถดึงดูดให้เกิดอสนีบาตขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน
“บุรพาจารย์ วางค่ายกลเร็วเข้า ยาทวนธาราที่ข้าหลอมมันมีชีวิต มันจะหนีไปแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรน รีบตะโกนเสียงดัง หันจงพอได้ยินประโยคนี้ก็ตัวสั่นเยือกทันที ดวงตาทั้งคู่ที่เบิกกว้างฉายประกายแสงคมกล้า คำรามเสียงดังหนึ่งครั้งตบะก็แผ่สยบไปทั่วด้าน
ขนาดลิงเฒ่าก็ยังปรากฏตัวเช่นกัน ความรวดเร็วนั้นมากกว่าป๋ายเสี่ยวฉุน ตรงเข้าหายาโปร่งแสงเม็ดนั้นทันที
ในที่สุดภายใต้การร่วมมือกันของบุรพาจารย์หลายท่าน ยาที่หมายจะหนีไปเม็ดนั้นก็ถูกลิงเฒ่าคว้าจับเอาไว้ได้ และสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาก็ถูกนักพรตก่อกำเนิดหลายคนของสำนักสยบธารแก้ไขคลี่คลาย
“นี่คือ…สามชั่วลมหายใจ!” ลิงเฒ่าตื่นเต้น หยิบเอายาเม็ดนั้นมาไว้ใต้จมูกแล้วสูดดม
“ก็ยังดี ต่อให้มีแค่สามชั่วลมหายใจก็ยังมีประโยชน์!” ลิงเฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาก็เผยแววชื่นชมและซาบซึ้ง สะบัดร่างหนึ่งครั้งก็จากไปอย่างรวดเร็วพร้อมยาเม็ดนั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย รู้สึกว่ายาที่ตัวเองหลอมออกมากลับมาถูกคนอื่นฉกเอาไปแบบนี้ จะยังไงก็ควรให้เขาดูสักครั้งสิ ขณะที่กำลังจะไปขอคำอธิบายจากบุรพาจารย์หันจง ทันใดนั้นพลานุภาพสยบที่น่าตกใจระลอกหนึ่งก็เยื้องกรายครั่นครืนลงมาตามหลังอสนีบาต เขย่าคลอนไปทั้งแผ่นดิน ทำให้นักพรตทุกคนของสำนักสยบธารใจสั่นไหว คล้ายเผชิญหน้ากับพลานุภาพสยบแห่งสวรรค์!
เวลาเดียวกันนั้นน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความแปลกใจก็แผ่ออกมาจากพลานุภาพสยบ ดังก้องไปสี่ทิศ
“น่าสนใจ ไม่คิดเลยว่าการมาสำนักสยบธารของพวกเจ้าในครั้งนี้ ตัวข้าจะได้พบสายฟ้าโอสถ!”