Skip to content

A Will Eternal 382

บทที่ 382 สุดยอดยาปี้กู่

“ต่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ข้าก็ไม่สนใจ ข้าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก ข้าจะหลอมยา หลอมยาเม็ดหนึ่งที่…พอกินเข้าไปแล้วสามารถทำให้ไม่หิวไปอีกนาน ชื่อของมันข้าก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่า…สุดยอดยาปี้กู่[1]!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงก่ำ มือขวาตบลงไปบนถุงเก็บของจึงมีเตาหลอมยาและหินอัคคีลอยออกมาทันที เขาเอาวางไว้ด้านข้าง ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นหนักแน่นมั่นคง เวลานี้ในสมองเต็มไปด้วยสุดยอดยาปี้กู่

บนโลกใบนี้มีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ ยิ่งแรงกดดันมากเท่าไหร่ พลังในการระเบิดความสามารถก็ยิ่งมากเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือคนประเภทนี้ อีกทั้งยังเป็นคนที่โดดเด่นของคนประเภทนี้ด้วย ในความเป็นจริงแล้วการใช้ชีวิตอยู่ในนครแห่งนี้ไม่ได้ยากลำบากอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคิด โดยเฉพาะสำหรับนักพรตยาอายุวัฒนะก็ยิ่งง่ายดาย หากเขากล้าทำภารกิจใหญ่ๆ ที่มีความเสี่ยงสักสองสามภารกิจ หรือไม่ก็ไปช่วงชิงภารกิจเล็กๆ ปริมาณมากทุกวัน สองวิธีการเช่นนี้ล้วนสามารถทำให้เขาค่อยๆ สะสมคะแนนคุณความดีอยู่ในนครใหญ่ ผ่านไปสักปีสองปี ไม่พูดว่าเขาจะมีชีวิตสุขสบาย แต่อย่างน้อยหากใช้จ่ายประหยัดหน่อยก็ยังอาศัยคะแนนคุณความดีมาเลื่อนขั้นเป็นลูกศิษย์ชุดเหลืองบินขึ้นสู่สายรุ้งได้

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยินดีทำภารกิจ และยิ่งไม่ชอบเสี่ยงอันตราย ดังนั้นจึงปล่อยให้ตัวเองหิวจนตาลาย ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงเช่นนี้ พลังในการระเบิดความสามารถของเขาจึงทะยานพรวดอยู่บนการหลอมสุดยอดยาปี้กู่

เวลาเพียงแค่สี่วัน ท่ามกลางการครุ่นคิดไม่ยอมหลับยอมนอนของป๋ายเสี่ยวฉุน ภายใต้การประคับประคองตัวจากอาหารที่เหลืออยู่เล็กน้อยและริมขอบของหญ้าวิเศษ ในที่สุดสมองของเขาก็สร้างตำรับยาของสุดยอดยาปี้กู่ขึ้นมาได้

“สุดยอดยาปี้กู่ รวบรวมเอาแต่ส่วนที่ยอดเยี่ยมของฟ้าดิน เมื่อกลืนลงไปแล้วสามารถทำให้คนได้รับการชดเชยในระยะเวลาหนึ่ง ช่วยระงับการเผาผลาญในร่างกาย ขณะเดียวกันก็ทำให้พลังวิญญาณเข้มข้นของที่นี่เปลี่ยนแปลงอยู่ในร่าง กลายมาเป็นนุ่มนวลกว่าเดิมจนสามารถดูดซับได้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น เวลานี้ร่างของเขาผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายระยิบระยับ หลังจากสร้างตำรับสุดยอดยาปี้กู่ขึ้นมาได้ เขาก็ลงมือปฏิบัติจริงทันที

ผ่านไปสามชั่วยาม ในที่สุด สุดยอดยาปี้กู่เตาแรกก็ออกจากเตาอย่างราบรื่น แม้จะมีแค่สามเม็ด ทว่าเพียงแค่กลิ่นของมันที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดดมไปครั้งเดียวก็ทำให้เขาไม่รู้สึกหิวอีกแล้ว!

“ฮ่าๆ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนช่างมีพรสวรรค์เสียจริง ข้าทำสำเร็จแล้ว สุดยอดยาปี้กู่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด หยิบเอายาสามเม็ดนั้นขึ้นมา ทั้งปลาบปลื้มทั้งฮึกเหิม ขณะที่กำลังจะกลืนลงไปกลับเกิดลังเลเพราะนึกถึงเรื่องแปลกประหลาดมากมายที่เกิดจากยาที่ตัวเองหลอมขึ้นมาได้

“เอ่อ…ข้าทดลองก่อนจะดีกว่า” ป๋ายเสี่ยวฉุนสองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่งก็กัดฟันกรอด เดินออกไปจากที่พัก หลังจากขายพืชหญ้าบางส่วนจนแลกมาได้เป็นคะแนนคุณความดีที่ไม่มากนัก เขาก็เอามันไปซื้อไก่วิเศษมาหนึ่งตัว

ในบ้านพัก หลังจากที่เขาป้อนสุดยอดยาปี้กู่ให้กับไก่วิเศษตัวนั้นแล้ว เขาก็สังเกตการณ์อย่างละเอียด จนกระทั่งวันที่สองมาถึง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไก่ตัวนี้ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ อีกทั้งยังมีสีหน้าท่าทางคึกคักกระปรี้กระเปร่าอย่างถึงที่สุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงยิ่งตื่นเต้น

“ดูท่าข้าจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแหงนหน้าหัวเราะร่า รีบหลอมยาต่อทันที ไม่นานเขาก็หลอมสุดยอดยาปี้กู่ออกมาได้หลายสิบเม็ด

“ยาประเภทนี้หากข้ากินเองก็ออกจะสิ้นเปลืองไปหน่อย เมื่อเทียบกับยาแล้ว ข้าชอบอาหารวิเศษมากกว่า” ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าควรเอายาออกไปขายจะดีกว่า ดังนั้นจึงพกพาเอาความหวัง พุ่งออกไปจากบ้านพัก

ไม่ได้ไปขายให้กับแผงขายยาใดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินหาที่เหมาะๆ อยู่บนลานกว้างแห่งหนึ่งที่มีคนสัญจรมากที่สุดอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดก็เจอตำแหน่งหนึ่งที่ดูเข้าที หลังจากนั่งขัดสมาธิลงแล้วเขาก็เอาขวดยาทั้งสามวางไว้ด้านหน้า

ในขวดยาทุกขวดบรรจุยาไว้แค่หนึ่งเม็ด จากนั้นเขาก็ใช้ตบะของตัวเองหลอมรวมเข้าไปในแผ่นหยกอย่างไม่เสียดาย ทำให้แผ่นหยกปลดปล่อยประกายแสงเจิดจ้า สะท้อนออกมาเป็นตัวอักษรห้าตัวลอยอยู่รอบด้าน ห้าแสงสิบสี พริบพราวอย่างถึงที่สุด

สุดยอดยาปี้กู่!

ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จเขาก็นั่งทำสมาธิ รอให้คนมาซื้อ

ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ก็มีคนเดินผ่านป๋ข้างกายายเสี่ยวฉุนแล้วถูกดึงดูดด้วยตัวอักษรคำว่าสุดยอดยาปี้กู่ จึงพากันล้อมวงเข้ามาใกล้ ไม่นานสถานที่แห่งนี้ก็ยิ่งมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนมองนิ่งมาที่เขา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังให้ได้ยินเป็นระยะ

“สุดยอดยาปี้กู่? ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามียาแบบนี้อยู่ด้วย”

“ในนครฟ้าแห่งนี้ ทั้งยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พิเศษเช่นนี้กลับยังกล้าเอายาเลี่ยงธัญพืชออกมาขาย คนผู้นี้หากไม่ใช่นักต้มตุ๋นก็ต้องเป็นคนบ้า”

“หึ อยู่ที่นี่ไม่ว่ายาปี้กู่ใดๆ ก็ล้วนไม่มีประโยชน์!”

คนที่วิพากษ์วิจารณ์มีไม่น้อย หรือแม้แต่คนถามราคาก็มี ทว่าหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบอกไปว่าขายเม็ดละหนึ่งร้อยคะแนนคุณความดี กลับไม่มีใครจ่ายคะแนนซื้อ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าตนควรจะลดราคาลงมาหน่อยหรือไม่นั้น ในกลุ่มคนก็มีชายผอมแห้งผู้หนึ่งเดินออกมา ชายผู้นี้ร่างสูงมาก ราวกับว่าในอดีตเคยร่างใหญ่บึกบึน ทว่าตอนนี้กลับซูบผอมอย่างถึงที่สุด แต่ดวงตาของเขากลับมีประกายเย็นชาเปล่งวาบ ทำให้คนมองสัมผัสถึงความดุร้ายของชายผู้นี้ได้อย่างชัดเจน

เขาไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังเขายังมีเด็กคนหนึ่งติดตามมาด้วย เด็กคนนี้ใบหน้าเหลืองตอบ ดวงตาทั้งคู่ไร้ชีวิตชีวา

หลังจากที่ชายฉกรรจ์ผู้นี้ปรากฏตัว รอบด้านก็เงียบกริบทันที มีนักพรตบางคนถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว คล้ายรู้ว่าไม่ควรไปมีเรื่องกับชายผู้นี้

“สุดยอดยาปี้กู่? หนึ่งร้อยคะแนนคุณความดีอย่างนั้นหรือ…” ชายผอมแห้งหรี่ตาทั้งคู่ลง หลังจากมองขวดยาแล้วก็ย้ายสายตามามองป๋ายเสี่ยวฉุน เพียงแต่ว่าคนในเมืองนี้ล้วนระงับตบะเอาไว้ไม่เปิดเผยออกมา ชายฉกรรจ์จึงไม่แน่ใจว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมีตบะอะไร ทว่าหลังจากอาศัยการวิเคราะห์จากความรู้สึกของเขาเองแล้วรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนน่าจะอยู่แค่สร้างฐานราก ความเย็นเยียบในดวงตาของเขาจึงยิ่งมีมาก

“หากได้ผลจริงๆ คะแนนคุณความดีเพียงร้อยคะแนนมีหรือจะมอบให้เจ้าไม่ได้ ทว่าหากไม่ได้ผล วันนี้ถ้าเจ้าไม่ชดใช้คืนให้ข้าสิบเท่า ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นดีกัน!” ชายฉกรรจ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว ไม่รอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตอบกลับ มือขวาของเขายื่นพรวดออกมา หลังจากบีบยาขวดหนึ่งจนแตกแล้ว จึงเอายาที่อยู่ด้านในโยนเข้าไปในปากของเด็กที่อยู่ข้างกาย

เด็กผู้นี้อ้าปากด้วยท่าทางซึมกะทือ แล้วจึงกลืนยาลงไป

ภาพนี้ดึงดูดความสนใจจากคนรอบด้านได้ทันที ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเป็นปกติ ทว่าในใจกลับตื่นเต้น เขาไม่ได้กังวลเรื่องชายฉกรรจ์ ในสายตาเขา

คนผู้นี้ก็แค่สร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น ต่อให้จะหิวแค่ไหน ตนก็ยังคงบดขยี้เขาได้ด้วยมือเดียว

ที่เขาตื่นเต้นก็คือประสิทธิผลของยาเม็ดนั้นต่างหาก…

ภายใต้การสังเกตการณ์จากทุกคน เด็กชายที่เดิมทีมีสีหน้าเซื่องซึมพลันเบิกตากว้าง ร่างสั่นเทิ้ม การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ยิ่งทำให้คนรอบด้านมองนิ่ง

ไม่นานทุกคนที่จ้องมองอยู่ก็พากันตาโต เผยความเหลือเชื่อและร้องอุทานเสียงหลง

“นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”

“สวรรค์ สุดยอดยาปี้กู่นี่ได้ผลจริงๆ ด้วย!!”

“เป็นไปได้อย่างไร!!”

ท่ามกลางเสียงร้องอุทานของคนรอบด้าน เห็นเพียงว่าเรือนกายที่เดิมทีผอมแห้งของเด็กชายกลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เลือดเนื้อเพิ่มขึ้น และเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ เขาก็กลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มเจ้าเนื้อคนหนึ่ง!

เสียงฮือฮา เสียงสูดลมหายใจพลันดังไปทั่วด้านอย่างดุเดือด แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างผอมแห้งคนนั้นก็ยังตัวสั่นเทา ลมหายใจถี่กระชั้น ดวงตาทั้งคู่เผยความตื่นตะลึง

“ยาแห่งเซียน นี่คือ…นี่คือยาแห่งเซียน!!” ชายฉกรรจ์เอื้อมมือมาคว้าขวดยาอีกสองขวด ทว่าวินาทีที่เขากำลังจะเอื้อมถึง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหันมามองด้วยดวงตาเย็นเยียบ

ในสมองของชายฉกรรจ์มีเสียงดังอื้ออึง มือชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ไม่กล้าเอื้อมคว้าเอาไป เขารู้สึกถึงวิกฤตรุนแรง คล้ายมีเสียงหนึ่งกำลังบอกกับเขาว่า หากตนกล้าคว้าขวดยานั้น ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือการสังหารอย่างเหี้ยมโหด!

“ยานี้ข้าผู้แซ่ป๋ายใช้พืชหญ้ามิวางวายหลอมออกมา มูลค่าสูงอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ขายหนึ่งร้อยคะแนนคุณความดีกลับไม่มีใครถามหา ทั้งยังมีคนไม่เชื่อถือ

เอาเถอะ นับแต่นี้เป็นต้นไป ยานี้จะขายเม็ดละสามร้อยคะแนนคุณความดี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เก้าร้อยคะแนนคุณความดี ข้าให้หมดเลย!” ชายฉกรรจ์ร่างผอมแห้งสูดลมหายใจเข้าลึก รีบโยนแผ่นหยกตัวตนออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเลใด หลังจากรูดเอาคะแนนคุณความดีเก้าร้อยคะแนนออกไปแล้วก็รีบเก็บยาสองขวดที่เหลือไปทันที

คนรอบด้านพากันร้อนใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง แล้วหยิบยาอีกสามขวดออกมาจากในถุงเก็บของ…

และเวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป สุดยอดยาปี้กู่ทั้งหมดสามสิบเม็ดก็ถูกคนกวาดไปเกลี้ยง ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้เก็บแผง เอามือไพล่หลัง จากไปด้วยความลำพองใจ

“หึหึ พวกเสินซ่วนจื่อต้องการเดินไปตามทางของตัวเอง แต่กลับไม่รู้ว่าข้า

ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ลงมือเล็กน้อยก็ได้คะแนนคุณความดีเก้าพันคะแนนมาอยู่ในมือทันที!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ หยิบเอาป้ายตัวตนของตัวเองออกมา หลังจากหลอมรวมพลังจิตเข้าไปแล้วเห็นคะแนนคุณความดีที่บันทึกอยู่ในใจก็ให้พอใจอย่างยิ่งยวด

“ตอนนี้ข้าคือลูกศิษย์ชุดแดง หลังจากมีคะแนนคุณความดีหนึ่งแสนคะแนนถึงจะกลายมาเป็นลูกศิษย์ชุดส้มได้ และหากอยากไปจากนครฟ้า บินขึ้นสู่สายรุ้งก็จำเป็นต้องกลายเป็นลูกศิษย์ชุดเหลือง ซึ่งนั่นจำเป็นต้องมี…คะแนนคุณความดีหนึ่งล้านคะแนน”

“ก็ไม่เห็นจะเยอะเท่าไหร่…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก หลังจากลูบคลำท้องก็ตรงดิ่งไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งซึ่งขายอาหารวิเศษโดยเฉพาะอย่างไม่ลังเลใจ อยู่ที่นั่น เขาคนเดียวสั่งอาหารวิเศษในปริมาณที่พอให้คนห้าคนกิน หลังจากได้สวาปามอย่างบ้าคลั่ง

เขาก็รู้สึกว่าชีวิตช่างสวยงามยิ่งนัก เมื่ออิ่มเอมจึงเดินพุงป่องกลับไปยังบ้านพัก หลอมยาต่ออีกครั้งพร้อมจินตนาการถึงอนาคตในวันหน้าไปด้วย

——

[1] ปี้กู่ (辟谷)การไม่กินธัญพืชทั้งห้า คือวิธีการฝึกอย่างหนึ่งของนักพรตเต๋า โดยหลีกเลี่ยงทานธัญพืชห้าชนิดได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี และถั่ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!