บทที่ 384 เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย
“ร่วมมืออย่างไร?” ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งอยู่บนหลังจระเข้ มองมายังโจวเทาแล้วเอ่ยถาม
“ข้าน้อยต้องการซื้อตำรับยาสุดยอดยาปี้กู่ ยินดีจ่ายคะแนนคุณความดีหนึ่งแสนคะแนน ไม่ทราบว่าพี่ป๋ายจะยินดีตัดใจขายหรือไม่?” ในใจโจวเทาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย รู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ให้เกียรติกันถึงได้ไม่ยอมลงมาจากหลังสัตว์ ทว่าน้ำเสียงกลับไม่เผยความไม่พอใจออกมาแม้แต่น้อย
“ไม่ขาย” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลอกตา กระโดดผลุงลงมาจากหลังสัตว์รบ สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งเก็บเอาสัตว์รบไว้ในถุงเก็บสัตว์วิเศษ ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านพัก โจวเทากลับเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าวแล้วยกมือขวางเอาไว้
“พี่ป๋าย ไม่ขายตำรับยาก็ได้ พรรคท้องฟ้าของพวกเราจะเป็นผู้ขายให้ดีหรือไม่?”
“เป็นผู้ขายให้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองมายังโจวเทา อันที่จริงแล้วหลายวันมานี้เขาออกไปขายเองก็รู้สึกปวดหัวไม่น้อย เวลานี้พอได้ยินคำพูดของโจวเทา จึงคิดว่าหากมอบให้พวกเขาเอาไปขาย ตนก็คงสบายขึ้นอีกเยอะ
“พรรคท้องฟ้าของข้ามีอยู่ทั่วทั้งนคร ข้าน้อยแน่ใจว่าภายในเวลาไม่กี่เดือนจะต้องทำให้สุดยอดยาปี้กู่นี้แพร่ไปทั่วเมืองได้แน่นอน พอถึงเวลานั้น พี่ป๋ายก็จะได้คะแนนคุณความดีปริมาณมหาศาลมาอย่างง่ายๆ” โจวเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากคิดดูแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเริ่มคุยรายละเอียดกับโจวเทา จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม คนทั้งสองตั้งราคาสามร้อยคะแนนคุณความดีเป็นราคาตั้งต้น บวกกับรายได้ที่แบ่งกันคนละครึ่งหลังขายหมด เมื่อได้ข้อตกลงเรียบร้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงดีใจอย่างมาก โจวเทาก็อารมณ์ดีมากเช่นกัน
คนทั้งสองมองหน้าและยิ้มให้แก่กัน หลังจากทำข้อสัญญาแห่งเต๋าในแผ่นหยกเสร็จแล้วจึงส่งไปให้หอยุติธรรมของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราพิจารณา
ก่อนจะจากไป โจวเทายังเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ทราบว่าพี่ป๋ายชื่ออะไรหรือ? ในเมื่อพวกเราร่วมงานกันแล้ว ทุกคนควรจะสนิทสนมกันให้มากเข้าไว้ถึงจะถูก”
“เรียกข้าว่าอาจารย์โอสถป๋ายก็ได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดคาง สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ หนึ่งครั้ง พูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
โจวเทาลังเลเล็กน้อยก็พยักหน้าพร้อมอมยิ้ม บอกลาแล้วจึงจากไป
และก็ด้วยเหตุนี้ การหลอมยาวันต่อๆ มาของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น ปริมาณในการหลอมยาก็เปลี่ยนจากห้าสิบเม็ดก่อนหน้านี้มาเป็นหนึ่งร้อยเม็ด
นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว ทุกครั้งที่โจวเทามารับยาวิเศษหนึ่งร้อยเม็ดก็จะมอบคะแนนคุณความดีมาให้สามหมื่นคะแนนทันที ซึ่งส่วนแบ่งหลังจากนั้นยังต้องรอให้เอาไปขายก่อนถึงจะได้รับ
เวลาเจ็ดวันผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้อิทธิพลของพรรคท้องฟ้า เวลาแค่ไม่กี่วัน สุดยอดยาปี้กู่ก็ครึกโครมไปทั่วทั้งเมืองฝั่งตะวันออก ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมทำให้นักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนของเมืองฝั่งตะวันออกบ้าคลั่ง ต่อให้ราคาจะพุ่งสูงจนน่าตกใจ ทว่าก็ยังคงมีนักพรตจำนวนมากมาซื้อ และแนวโน้มการขายอาหารวิเศษก็ตกต่ำตามมาด้วย
เวลาเพียงสั้นๆ การวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างนักพรตฝั่งตะวันออกของเมืองแทบจะมีแต่เรื่องของสุดยอดยาปี้กู่นี้ อีกทั้งภายใต้การจงใจป่าวประกาศของพรรคท้องฟ้าจึงมีคนไม่น้อยรู้จักชื่อของอาจารย์โอสถป๋าย หลายคนล้วนรู้ว่าอาจารย์โอสถป๋ายก็คือผู้หลอมสุดยอดยาปี้กู่ ส่วนพรรคท้องฟ้าเป็นเพียงแค่ตัวแทนขายเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกทะแม่งๆ เล็กน้อย ใจคิดอยากจะห้ามปราม ทว่าพอโจวเทาเอาคะแนนคุณความดีรอบแรกที่แบ่งสัดส่วนจากพรรคท้องฟ้ามาให้ซึ่งมากหลายหมื่นคะแนน ทั้งยังบอกป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยว่าหลังจากนี้ทุกวันจะต้องได้ส่วนแบ่งมากประมาณนี้ก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด
แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากลับไม่รู้ว่าหลังจากที่สุดยอดยาปี้กู่ของเขาไปถึงพรรคท้องฟ้า ภายใต้ความพยายามอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน ไม่เสียดายต้นทุนของอาจารย์โอสถพรรคท้องฟ้า เขาสามารถเอายาหนึ่งร้อยเม็ดมาแยกย่อยให้ได้มากถึงสามพันเม็ด ทำให้ข้อเสียยิ่งขยายออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด!
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเจ็ดวันมานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะส่งมอบยาให้แค่เจ็ดร้อยเม็ด แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมียาวางขายมากถึงสองหมื่นกว่าเม็ด เพียงแต่ว่ายาเหล่านั้นไม่ได้ขายอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของเมือง แต่ถูกส่งไปที่ฝั่งตะวันตก ใต้และเหนือของเมือง ในระยะเวลาสั้นๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่ระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
และคะแนนคุณความดีของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทะลุสองแสนคะแนนเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความฮึกเหิมนี้ของเขา เขาจึงถือโอกาสเอาคะแนนหนึ่งแสนไปแลกชุดลูกศิษย์สีส้มมาสวมใส่
สวมอาภรณ์ของลูกศิษย์ชุดส้ม เขานั่งอยู่บนหลังสัตว์รบด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวา มีความรู้สึกว่าเมื่อมีสุดยอดยาปี้กู่อยู่ในมือ อำนาจบาตรใหญ่ใต้หล้านี้ก็เป็นของข้า ทว่าขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนนอย่างลำพองใจนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันได้ยินเสียงร้องโหยหวนเป็นระลอกดังมาจากด้านหน้า เขารู้สึกแปลกใจจึงลุกขึ้นยืนบนร่างสัตว์แล้วเพ่งมอง จึงพบทันทีว่าห่างออกไปไกลมีนักพรตคนหนึ่งที่อยู่ๆ ก็ล้มลงไปกองกับพื้น เนื้อหนังบนร่างซูบตอบลงอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องโอดโอยไม่หยุด
ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้
ทันใดนั้นในกลุ่มคนที่อยู่รอบด้านก็มีคนทยอยกันหน้าเปลี่ยนสีแล้วล้มตึงลงไปกับพื้น ร่างซูบตอบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ร้องโหยหวนไม่หยุด ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองดูอยู่เริ่มหวาดผวา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าศัตรูบุกโจมตี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบบังคับให้สัตว์รบถอยหลัง ระหว่างที่เดินทางกลับที่พัก เขาค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่ามีคนหลายสิบคนที่อยู่ๆ ก็ล้มลงไปกองกับพื้น ร่างผอมแห้งลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเห็นว่าหนึ่งในนั้นมีนักพรตคนหนึ่งที่เคยซื้อยาปี้กู่ของตนมาก่อน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากลเข้าไปใหญ่
และนี่ยังเป็นเพียงวันแรก พอวันที่สองมาถึง หลังจากที่ปริมาณของนักพรตฝั่งเมืองตะวันออกซึ่งอยู่ๆ ก็ซูบผอมกะทันหันราวกับว่าอดอาหารมาหนึ่งเดือนระเบิดจำนวนมากเกินหนึ่งร้อยคน ตลอดทั้งเมืองฝั่งตะวันออกก็โกลาหลกันขึ้นมาทันที
แม้ว่าจะไม่มีคนตาย ทว่านอกจากคนจำนวนไม่มากที่พลังชีวิตเสียหายเล็กน้อย แค่พักผ่อนก็กลับมาเป็นปกติแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนพลังชีวิตเสียหายอย่างหนัก
เรื่องแบบนี้จุดชนวนความโกรธแค้นของเหล่านักพรตได้ทันที และภายใต้การตรวจสอบ ไม่นานก็หาสาเหตุเจอว่าที่อยู่ๆ ทุกคนซูบผอมกะทันหัน ต่างก็เป็นเพราะกิน…สุดยอดยาปี้กู่
ส่วนเรื่องความแตกต่างระหว่างคนที่พลังชีวิตเสียหายเล็กน้อยกับคนที่พลังชีวิตเสียหายมากกลับไม่มีใครสนใจ คนส่วนใหญ่ล้วนเข้าใจไปว่าเป็นเพราะความต่างของร่างกายแต่ละคน ทว่าความขัดแย้งทั้งหมด บัดนี้ได้ถูกคนจงใจชักนำโยนความผิดไปให้…ป๋ายเสี่ยวฉุน!
“สุดยอดยาปี้กู่เป็นของปลอม!”
“อาจารย์โอสถป๋ายนั่นคือนักต้มตุ๋น!!”
“สมควรตายเอ๊ย พวกเราอยู่ที่นี่ก็ลำบากกันมากพออยู่แล้ว เขากลับยังมาหลอกพวกเราได้ ต่อให้สำนักมีกฎ แต่ข้าก็จะฆ่าเจ้าอาจารย์โอสถป๋ายนี่ให้ได้!!”
ความโกรธแค้นของพวกนักพรตที่กินยาเข้าไปแล้วฤทธิ์ยากำเริบ ญาติมิตรของพวกเขา รวมไปถึงคนส่วนหนึ่งที่ยาไม่ได้ออกฤทธิ์ต่างก็ถูกกระตุ้นชักนำให้ระเบิดออกไปเป็นวงกว้าง ทั้งยังมีนักพรตไม่น้อยที่ไม่เปิดเผยตัวตน ทว่าบัดนี้เมื่อถูกนำพา อีกทั้งยังมีศัตรูร่วมกัน จึงเป็นเหตุให้คนทั้งเมืองฝั่งตะวันออกเดือดดาลกันไปหมด
ไอสังหารที่เกิดจากความโกรธแค้นเช่นนี้ ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นนักพรตยาอายุวัฒนะก็ยังสามารถต่อกรกับพวกเขาได้ ที่นี่ไม่ใช่สำนักสยบธาร แต่เป็นสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราที่แปลกที่แปลกถิ่นสำหรับเขา อยู่ที่นี่ไม่มีใครออกหน้ามาปกป้องเขา หากชักนำให้ทุกคนเคียดแค้น เขาก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!
ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนขวัญกระเจิง ยังดีที่เขามีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งทั้งในสำนักธาราเทพและสำนักธาราโลหิต ก่อนหน้าที่ไฟโทสะของเมืองฝั่งตะวันออกจะระเบิดอย่างเต็มที่ เขาก็รีบจัดสัมภาระแล้วหลบหนีออกไปตอนกลางคืน
ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนฉลาด หากไม่เพราะตอนแรกมัวหลงใหลไปกับคะแนนคุณความดีมหาศาลที่ได้มาง่ายๆ เวลานี้เขาจึงกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใดว่าตัวเองถูกพรรคท้องฟ้าเล่นงานเข้าให้แล้ว
“ไอ้พรรคท้องฟ้าสารเลว!! ข้าไม่เคยไปล่วงเกินพวกเจ้าเสียหน่อย!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน ห้อตะบึงหลบหนีไปยามค่ำคืน สภาพกระเซอะกระเซิงอย่างมาก เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความสะเทือนใจให้เขาอย่างใหญ่หลวง
ความรู้สึกที่ว่าถูกคนวางเล่ห์อุบายปั่นหัวทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเสียหน้า นัยน์ตาเขาเผยความเคียดแค้นรุนแรง ไม่ยอมจากไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดแบบนี้ แต่แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามไปหาคนพรรคท้องฟ้าเช่นกัน
จึงเลือกไปหาคนที่กินสุดยอดยาปี้กู่แล้วอาการกำเริบ หลังจากที่ได้ตรวจสอบวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที
“สุดยอดยาปี้กู่ที่คนเหล่านี้กินเข้าไปล้วนถูกเปลี่ยนแปลงมาก่อน ไม่ใช่ยาที่ข้ามอบให้กับพรรคท้องฟ้า! ยาของข้าต่อให้มีข้อบกพร่อง อาการกำเริบได้เช่นเดียวกัน แต่ก็แค่พลังชีวิตเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น พักผ่อนนิดหน่อยก็จะฟื้นตัวกลับมาเอง เมื่อเทียบอันตรายเล็กน้อยแค่นี้กับสรรพคุณที่สามารถชดเชยการเผาผลาญได้นานถึงครึ่งเดือน ก็มากพอที่จะทำให้คนมองข้ามข้อบกพร่องไปได้แล้ว!
ทว่าพรรคท้องฟ้ากลับเปลี่ยนแปลงยาวิเศษของข้า ทำให้ระดับความอันตรายเพิ่มขึ้นสูง ขณะเดียวกันก็ลดช่วงเวลาในการชดเชยการเผาผลาญลงไปด้วย!!”
“ทว่าทำไมพรรคท้องฟ้าถึงต้องทำแบบนี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน ขยายความเร็วออกไปจากฝั่งตะวันออกของเมืองอย่างว่องไว มุ่งหน้าไปที่ทิศเหนือ พอมาถึงที่ฝั่งทิศเหนือของเมืองเขาก็พบทันทีว่าที่นี่ก็มีคนไม่น้อยที่กินสุดยอดยาปี้กู่เข้าไปแล้วพลังชีวิตเสียหายอย่างหนัก นั่นทำให้สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายกับมีสายฟ้าฟาดผ่าลงมา
“ข้าเข้าใจแล้ว พรรคท้องฟ้าคือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของนครฟ้า พวกเขาควบคุมกิจการจำนวนมาก และในนครฟ้า ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับมากที่สุดอยู่ที่อาหารวิเศษ เมื่อมีสุดยอดยาปี้กู่ จุดที่ได้รับการโจมอย่างรุนแรงที่สุด…ก็คืออาหารวิเศษ!
วัตถุประสงค์ที่พวกเขามาหาข้าไม่ใช่เพื่อต้องการเป็นตัวแทนขาย แต่เพื่อต้องทำลายสุดยอดยาปี้กู่ให้สิ้นซาก!!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหนัก ความเดือดดาลทะยานขึ้นสูง หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทุกด้าน ไฟโทสะของเขาก็ยิ่งเดือดพล่าน
“น่าสนใจ ไม่ใช้เวทคาถา ไม่ฆ่าคน แค่ใช้กลอุบาย…จุดนี้ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำได้ พรรคท้องฟ้า พวกเจ้ารอดูฝีมือข้าบ้างเถอะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน แล้วจึงแฝงตัวเข้าไปในเมืองทิศเหนือ