Skip to content

A Will Eternal 60

บทที่ 60 ต่อสู้ตัดสินเป็นตาย

ภาพนี้เร็วเกินไป เร็วราวประกายแสงหินเหล็กไฟ คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดสามคนตายไปแล้วหนึ่งคน สองคนที่เหลือสูดหายใจเฮือก แต่ยามนี้ไม่มีเวลามามัวคิดมาก จึงรีบเข้าเข่นฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนทันที

มุมปากป๋ายเสี่ยวฉุนมีเลือดสดไหลซึม ระหว่างที่ตัวสั่นร่างก็ถอยหลังไปด้วย จนกระทั่งไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่เบื้องหลัง กระบี่ยาวที่อยู่ตรงหน้าอกถูกกระแทกออกมาอย่างแรง มือขวาของเขาคว้าจับที่กระบี่แล้วกระชากออกมา จากนั้นตวัดไปยังคนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายหลบหลีก คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดอีกหนึ่งคนก็เข้ามาถึงตัวแล้ว มือขวาทำมุทรา พลังมหาศาลระเบิดออก

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนบินขึ้นกลางอากาศ เลือดของเขาสาดกระเซ็น อาภรณ์ทั้งร่างกลายเป็นสีเลือด คนตระกูลลั่วเฉินสองคนนั้นไล่กวดเข้ามาในเวลาเดียวกัน วิกฤตความเป็นความตายมาเยือน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงไม่หมดหวัง ปณิธานต่อการมีชีวิตอยู่อันเข้มข้นรุนแรง ทำให้เขาเปล่งเสียงคำรามต่ำหนึ่งครั้ง เมื่อทำมุทรา ทวนยาวด้ามหนึ่ง ขวานใหญ่ด้ามหนึ่ง และยังมีกระบี่บินอีกสองเล่มก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดึงออกมาใช้ในเวลาเดียวกัน

โจมตีไปด้านหน้าด้วยพลังลมปราณม่วงควบคุมกระถางของเขาอย่างดุร้าย

คนตระกูลลั่วเฉินสองคนหน้าเปลี่ยนสี ร่ายพลังเวทเป็นหมอกดำจำนวนไม่ถ้วนเข้าสกัดขวางโดยพลัน เสียงกัมปนาทดังสะท้อน แรงโจมตีแผ่กระจายไปทั่ว อาวุธเหล่านั้นร่วงกราวไปทั่วสี่ทิศ มุมปากป๋ายเสี่ยวฉุนมีเลือดสดไหลออกมาไม่หยุด โซซัดโซเซถอยหลัง

“ควรจบสิ้นได้แล้ว!” คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดสองคนบุกเข้ามาเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ความเร็วยิ่งมากขึ้น พลังตบะระเบิดออกจนถึงขีดสุด พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ หมายคร่าชีวิตป๋ายเสี่ยวฉุน

‘มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!’ ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนคลุ้มคลั่ง พลังวิญญาณในร่างกายแห้งเหือด เขาคำรามเสียงแหบแห้ง ขณะที่คำรามนี้ พลังวิญญาณอ่อนจางที่สะสมอยู่ในเส้นลมปราณเล็กละเอียดนับไม่ถ้วน รวมถึงในเลือดเนื้อและกระดูกทั่วร่างกายมาตลอดหลายปีมานี้ก็ไหลทะลักราวกับมหาสมุทร ระเบิดออกมาเต็มที่

ตูม ตูม ตูม!

พลังวิญญาณในเส้นลมปราณเล็กละเอียดเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้ตัดสินเป็นตายหลายครั้งก็ได้ไหลเคลื่อนคลายตัวออกแล้ว ยามนี้อันตรายถึงชีวิตมาเยือน ท้ายที่สุดจึงถูกปลุกขึ้นมาหมด พรั่งพรูเข้าสู่ทางเดินลมปราณหลักของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพร้อมเพรียง พริบตาเดียวก็รวมตัวกันกลายเป็นแม่น้ำเส้นใหญ่หนึ่งเส้นไหลเวียนไปทั่วร่าง เสียงตึงตังราวกับเสียงตีกลองดังสะท้อนไปทั่วร่างกาย บุกพุ่งราวพายุคลั่ง ทำให้ทางเดินลมปราณจำนวนไม่น้อยถูกกระแทกจนปะทุออกมา

เวลาเดียวกันนี้ คลื่นตบะรวมลมปราณขั้นเจ็ดระลอกหนึ่งระเบิดออกมาฉับพลัน

คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดสองคนเข้ามาใกล้พร้อมกัน สัมผัสได้ถึงตบะรวมลมปราณขั้นเจ็ดบนร่างป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้าก็เผือดสี ถึงขั้นที่ว่าในดวงตายังมีความไม่อยากเชื่อเผยให้เห็นทันควันด้วย

“ฝ่าทะลุขั้นขณะต่อสู้!!”

“นี่…นี่เป็นไปได้ยังไง!” ขณะที่ในใจของคนทั้งสองสะพรึงกลัว ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้า ในดวงตาของเขาเผยแววโหดเหี้ยม พลังวิญญาณระลอกนี้ที่ออกมา แม้ว่าจะมิอาจบรรเทาอาการบาดเจ็บ แต่กลับเติมเต็มพลังที่เดิมแห้งเหือดไปแล้วของเขาให้ไหลทะลักพรั่งพรู กลับมามีพลังชีวิตกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง

ร่างกายพลันถลันพุ่งออกไป ตรงมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าคนผู้หนึ่ง ขณะที่คนตระกูลลั่วเฉินกำลังอึ้งตะลึง มือขวาของเขาเป็นสีดำสนิท ตรวนสลายลำคอพลันสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมา

เสียงกร๊อบดังลั่น คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดคนนี้เดิมทีก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้อยู่แล้ว ร่างกายจึงดิ่งเข้าหามือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างมิอาจควบคุมราวกับรนหาที่ตายเสียเอง และถูกป๋ายเสี่ยวฉุนบีบเค้นลำคอจนแหลกละเอียด

อีกคนหนึ่งเวลานี้หนังหัวชาหนึบ ตามองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งมาหาตนเองจึงเปล่งเสียงร้องโหยหวน รีบถอยร่นทันที นัยน์ตาเขาฉายแววหวาดกลัวอย่างรุนแรง จิตใจครั่นคร้ามเพราะเกรงกลัวป๋ายเสี่ยวฉุน

“นายน้อยช่วยข้าด้วย!!” ขณะที่กำลังก้าวถอยหลัง ผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดคนนี้เปล่งเสียงร้อนรนออกมา

ยามนี้เฉินเหิงอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสามสิบจั้ง ตามองเห็นภาพที่เกิดขึ้นด้านหน้าจึงคำรามด้วยความโกรธแค้น

“รนหาที่ตาย!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหลือบแลเฉินเหิงแม้แต่น้อย มือขวาทำมุทราชี้ไป อาวุธเหล่านั้นที่ตกอยู่รอบด้านล้วนสั่นไหวขึ้นมาในทันที ส่งเสียงดังสนั่นรุนแรงราวกับตอบรับคำเรียกของป๋ายเสี่ยวฉุน

พวกมันลอยขึ้นมาทันใด ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าก่อนหน้าพุ่งเข้ามาใกล้เฉินเหิงในพริบตาเดียว ยับยั้งฝีเท้าที่กำลังเข้าใกล้ที่แห่งนี้ของเขา

เสียงปึงปังดังสะท้อน เมื่อถูกอาวุธเหล่านั้นกั้นขวางเอาไว้ ต่อให้เฉินเหิงมีตบะรวมลมปราณถึงขั้นเก้าก็ยังมิอาจทำลายได้ในทันใด จึงถูกสกัดเอาไว้

ขณะเดียวกันกับที่เฉินเหิงถูกขัดขวางอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดร่างเหินไปหาคนพลังรวมลมปราณขั้นแปดที่กำลังหลบหนีผู้นั้น ไอสังหารเข้มข้น กำหมัดต่อยลงไปดังตูม

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง คนพลังรวมลมปราณขั้นแปดกระอักเลือดสด ขณะที่กำลังจะถอยหนีต่อกลับมองไม่เห็นว่ามือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทรานานแล้ว กระบี่ไม้เล่มหนึ่งลอยมาด้านหลังคนผู้นั้นอย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวก็เจาะทะลุผ่านศีรษะและลอยมาปราฏด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนในสภาพอาบเลือด

คนตระกูลลั่วเฉินพลังรวมลมปราณขั้นแปดผู้นั้นเบิกตากว้าง มองโลกด้วยสายตาเคว้งคว้าง ร่างกายร่วงหล่นพื้นดังตึง กระตุกอยู่สองสามครั้ง ปากก็มีเลือดพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ไม่นานดวงตาก็มืดดับ สิ้นลมขาดใจตายไป

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ ร่างกายป๋ายเสี่ยวฉุนโอนเอน แม้ว่าตบะเขาจะฝ่าขั้นไปได้แล้ว แต่การเข่นฆ่าเมื่อสักครู่นี้เผาผลาญพลังไปมาก เวลานี้มุมปากจึงมีเลือดไหลไม่หยุด ร่างเขาถอยหลังกรูด หลบหนีเข้าไปในป่าอีกครั้ง

เขารู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายเหลือแค่คนเดียวแล้ว และคนผู้นี้ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด นั่นก็คือตบะรวมลมปราณขั้นเก้าที่แผ่พลังไปทั่วร่าง ซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้นานแล้ว

‘รวมลมปราณขั้นเก้า…’ ก้นบึ้งหัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนขมฝาด แต่ความปรารถนาในการมีชีวิตอยู่นั้นรุนแรงนัก ทำให้เพลิงโลหิตในใจเขาโชติช่วง เขารู้ดีว่าคราวนี้ไม่ใช่อีกฝ่ายตาย ก็เป็นตัวเองที่สิ้น!

ไม่มีทางเลือกที่สาม

แทบจะวินาทีที่เขาถอยหลัง เฉินเหิงเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังก้องสะเทือนฟ้าดิน หมอกโลหิตทั่วร่างกระจายออกไป อาวุธเหล่านั้นแต่ละชิ้นล้วนสั่นสะท้านและเริ่มปรากฏรอยปริแตก ไม่นานก็พังทลายดังตูม เฉินเหิงทะยานออกมาจากหมอกเลือดในชั่วพริบตา เขาหายใจถี่กระชั้น มองศพของคนทั้งสามที่อยู่รอบด้านก็ยิ่งคำรามอย่างแค้นเคือง ดวงตาแดงฉานเช่นเดียวกัน รีบไล่กวดไปตามทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจากไป

คนสองคน คนหนึ่งหนี คนหนึ่งไล่ล่า ยิ่งนานก็ยิ่งทะลวงลึกเข้าไปในผืนป่าของเทือกเขาไร้นามแห่งนี้ เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น แม้จะเป็นตอนกลางวันแต่ก็มองเห็นสายฟ้าแลบไม่ชัด เพราะฝนที่ยิ่งตกก็ยิ่งหนัก

“เจ้าคือซ่างกวานเทียนโย่ว หรือว่าหลู่เทียนเหล่ย!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาฆาตของเฉินเหิงดังลอยออกมา ขณะที่เขาทำมุทรา รอบด้านพลันมีหมอกโลหิตเก้าเส้น ดูคล้ายงูเหลือมสีเลือดเก้าตัวลอดทะลุผ่านป่าอยู่ด้านหน้าเขา คอยพ่นแสงสีเลือดไปทางป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดเวลา

“ข้าคือปู่เจ้าไง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าซีดขาว แต่ความรู้สึกกลับเฉียบไว คอยหลบหลีกอยู่หลายครั้ง นายน้อยของตระกูลลั่วเฉินที่ตามมาเบื้องหลังเริ่มเข้าประชิดมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ๆ ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันกระโดดขึ้น ทำท่าราวกับจะโบยบินไปด้านหน้าทั้งๆ ที่ร่างกายสั่นสะท้าน เฉินเหิงที่อยู่เบื้องหลังก็พลันกระโดดขึ้นมาทันกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนกระโดดเหยียบลงไปบนต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า

ไม้ใหญ่ต้นนี้ส่ายไหวอย่างรุนแรง ร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนยืมพลังส่วนนี้ดีดตัวขึ้นแล้วพลิกตัวกลับกลางอากาศ ดิ่งเข้าหาเฉินเหิงที่ไล่ล่าอยู่ด้านหลัง

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร วันนี้เจ้าตายแน่!” ไอสังหารวาบผ่านในดวงตาของเฉินเหิง มือขวาทำมุทราโบกสะบัด งูเหลือมสีเลือดเก้าตัวรอบกายพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน อ้าปากกว้างหมายจะกลืนกิน

ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงฉาน คำรามเสียงต่ำหนึ่งที มือทั้งสองทำมุทรา พลังวิญญาณในร่างกายที่มีไม่มากแผ่ออกมา กระถางสีม่วงใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นทันใด บดบังร่างกายเขาไว้ภายใน ปล่อยให้งูเหลือมสีเลือดทั้งเก้าตัวนั้นกลืนกิน พุ่งเข้าหมายกระแทกเฉินเหิงทั้งอย่างนั้นโดยที่ความเร็วไม่ได้ลดลงแม้แต่นิด ส่งเสียงดังสนั่นไปตลอดทาง

“ฝีมือช่างอ่อนหัด!” เฉินเหิงหัวเราะเสียงเย็น ขณะทำมุทรางูเหลือมสีเลือดเก้าตัวนั้นกลายร่างเป็นหมอกเลือด พริบตาเดียวก็รวมตัวกลายมาเป็นกะโหลกสีเลือดหนึ่งหัวลอยอยู่บนศีรษะ มันพุ่งเข้าชนกระถางสีม่วงที่ตรงดิ่งเข้ามา

เสียงตูมตามดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน กระถางม่วงสั่นไหว ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ไม่กี่ทีก็แตกสลาย พอถึงท้ายที่สุดก็ระเบิดกระจาย ส่วนกะโหลกสีเลือดนั้นแม้ว่าจะหายไปครึ่งใหญ่แต่ก็ยังคงอยู่

แทบจะชั่วขณะที่เสียงกระแทกดังลอยออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนถลาออกมาจากกระถางที่พังทลายลง พริบตาเดียวก็พุ่งตรงไปยังกลุ่มหมอกเบื้องล่าง

เวลาเดียวกันนั้นเฉินเหิงที่อยู่ในกลุ่มหมอกประกายตาวาบไหว ทันทีที่กลุ่มหมอกจางลง ร่างกายของเขาก็พุ่งออกมาจากหมอกสีเลือด มือขวาทำมุทรา แล้วทั่วทั้งมือขวาก็ถูกกลุ่มหมอกรัดพันเอาไว้ หลอมรวมเข้ากับฝ่ามือกลายเป็นใบหน้าผีร้ายอำมหิต

เมื่อเขาพุ่งออกมา ก็ได้เผชิญหน้ากับป๋ายเสี่ยวฉุน

สองคนสบตากัน ร่างเข้ากระแทกตะลุมบอน คนหนึ่งกำหมัด คนหนึ่งกางฝ่ามือ คนหนึ่งมีแสงสีดำเปล่งกะพริบ ผิวหนังคงกระพันระเบิดพลัง คนหนึ่งมีอาคมปีศาจ ใบหน้าผีร้ายอาฆาต

เสียงดังราวกับหูจะดับลอยออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดสด ทั่วทั้งร่างมีเสียงพลั่กๆ ดังให้ได้ยิน ลอยถอยไปข้างหลังไม่เป็นท่าราวกับว่าวสายป่านขาด ตลอดทางกระแทกกับใบไม้ต้นไม้มากมายต่อเนื่อง

ส่วนเฉินเหิงแค่ร่างสั่นหนึ่งทีเท่านั้น สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เลือดลมในร่างพลิกตีกลับ ตกตะลึงกับพละกำลังที่มากมายของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เหมือนกัน ยามนี้เขาสะบัดร่างหนึ่งทีเหินทะยานไปไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุนต่อ พอมือขวายกขึ้น กลุ่มหมอกรอบกายเขาก็กระจายไปรอบด้าน ปกคลุมไปทั่วบริเวณสิบกว่าจั้ง กลายเป็นใบหน้าคนขนาดมหึมา พุ่งเข้ากดทับป๋ายเสี่ยวฉุนตามการเคลื่อนไหวของเขา

นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยแววเหี้ยมโหดเพราะถูกบีบให้ผจญกับความตาย บิดร่างตัวเองกลางอากาศแรงๆ หนึ่งครั้งพร้อมกับยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังเฉินเหิง การชี้ครั้งนี้ของเขาทำให้พลังลมปราณม่วงควบคุมกระถางพลันระเบิดออกมา

ไม่ใช่ใช้ควบคุมวัตถุอีกต่อไป แต่ใช้ควบคุมร่างกายของเฉินเหิง เฉินเหิงไม่เคยพบเจอวิชาเช่นนี้มาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่พลันปกคลุมไปทั่วทิศ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังคว้าจับร่างกายของตนเอง

เฉินเหิงยิ้มเย็นชา ตบะพลันแผ่ซ่าน ใบหน้าคนสีเลือดที่อยู่เบื้องหลังคำรามเสียงต่ำ เสียงดังเปรี๊ยะๆ สะท้อนไปทั่ว พลังวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนขาดออกทันที แต่ร่างกายของเฉินเหิงก็หยุดชะงักน้อยๆ ด้วยเหตุนี้เช่นกัน

วินาทีที่เขาหยุดชะงักนั้น กระบี่ไม้ก็คำรามตรงเข้าหา ขณะเดียวกันร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็พุ่งพรวดออกไปโดยไม่สนว่าต้องเสียอะไรไป ขับเคลื่อนผิวหนังคงกระพันทั่วร่าง ดิ่งตรงเข้าหาพร้อมเสียงดังตูมตาม

“น่าขัน!” เฉินเหิงสะบัดปลายแขนเสื้อ ใบหน้าคนสีเลือดเบื้องหลังทะลุผ่านร่างกายของเขาแล้วกดทับลงไปด้านล่าง กระทบกับกระบี่ไม้เสียงดังลั่น กระบี่ไม้สั่นไหวแต่กลับไม่พังทลาย พุ่งทะลุผ่านใบหน้าคนสีเลือดนี้ ทิ่มแทงจนเกิดรูโหว่หนึ่งช่อง

ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนลอดเข้าไปตามช่องโหว่ อาศัยผิวหนังคงกระพันอดทนต่อความเจ็บปวด พุ่งถลาออกไปทันที ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเหิงเปล่งแสงวาบ มือขวาทำมุทราชี้ไปอีกครั้ง

แสงสีเลือดโค้งเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นทันควัน ลักษณะราวมีดโค้ง พุ่งตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

วินาทีนั้นแสงสีเลือดเส้นโค้งนี้ตวัดฉับเข้าบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน หน้าอกของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเลือดอาบจนมองไม่เห็นผิวหนัง แต่หมัดของเขาที่รวมตบะตลอดร่างเอาไว้ก็กระแทกลงไปเช่นกัน

เสียงกัมปนาทดังลอยมา ร่างเฉินเหิงสั่นสะเทือนถอยร่นไปหลายก้าว สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่การโจมตีของป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่จบลง วินาทีนี้ความเร็วของเขาแทบจะสูงถึงขีดสุด เขาถึงขนาดไม่สนใจชีวิต…ระเบิดออกเต็มกำลัง

ตูมๆๆๆ !

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!