บทที่ 655 ธงโลหิตหมื่นทารก
ขณะที่ทุกคนตามหากันให้วุ่นอยู่ในนครผียักษ์ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พาราชาผียักษ์มาปรากฏตัวอยู่กลางค่ายกลนำส่งหลังแล้วหลังเล่า
ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ยังหาค่ายกลนำส่งระยะแสนลี้หลังนั้นไม่เจอเสียที
ป๋ายเสี่ยวฉุนได้แต่ทดลองไปทีละอัน ทอดสายตามองไปจึงเห็นแสงค่ายกลเปล่งวูบวาบอยู่ตามจุดต่างๆ ในนครผียักษ์
บ้างก็เป็นทิศตะวันออก บ้างก็ทิศตะวันตก หรือบางครั้งก็ทิศเหนือ เดี๋ยวออกจากตรงนู้น เดี๋ยวมาโผล่ตรงนี้ ต่อเนื่องไม่หยุด…
ส่วนผู้อาวุโสสามตระกูลใหญ่และกองทัพของหกพระยาสวรรค์ต่างก็รู้เรื่องการนำส่งของป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นกัน แม้ว่าทุกคนจะตะลึงงันด้วยคาดคิดไม่ถึงว่าในนครผียักษ์จะมีค่ายกลนำส่งอยู่เยอะขนาดนี้ ทว่าด้วยความจนใจจึงได้แต่กัดฟันตามหาต่อไป ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นแสงนำส่งปรากฏอยู่ข้างกายพวกเขาก็จะรีบพุ่งเข้าไปใกล้ทันที
“ไม่ใช่…”
“นี่ก็ไม่ใช่…”
“เอ๊ะ? นี่คือค่ายกลลับ ผนึกมิวางวาย!!” ค่ายกลนำส่งเปล่งแสงและส่งเสียงดังตูมตามสะท้อนก้องไม่ขาดหาย ป๋ายเสี่ยวฉุนนำส่งผ่านค่ายกลหลังแล้วหลังเล่า ราชาผียักษ์ที่อยู่ในมือเขากลับเบิกตาค้างอ้าปากกว้าง ตะลึงงันไปนานแล้ว
ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนลอดผ่านค่ายกลลับแห่งหนึ่งมาได้ ตอนที่ปรากฏตัวก็มาโผล่อยู่กลางลานบ้านแห่งหนึ่งฝั่งทิศตะวันตกของนครผียักษ์ ค่ายกลนำส่งนี้เพิ่งจะปรากฏ ร่างของพวกเขาก็เพิ่งจะเยื้องกรายมาถึง ทว่ารอบด้านกลับมีเสียงห้อทะยานดังลอยมาทันที
ประมุขตระกูลเฉินกับผู้อาวุโสอีกสามคน รวมไปถึงคนในตระกูลอีกไม่น้อยกำลังตามหาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง พอเห็นแสงนำส่งเปล่งวาบ พวกเขาก็พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วโดยไร้ความลังเล เมื่อเหยียบเข้ามาในลานกว้างแห่งนั้นจึงเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนและราชาผียักษ์ที่เพิ่งปรากฏตัวทันที
“คือป๋ายฮ่าว!!”
“แจ้งบุรพาจารย์!!”
ทุกคนลงมือโดยพลัน เวทอภินิหารมากมายรวมไปถึงอาวุธวิเศษหลายชิ้นต่างก็พุ่งโจมตีเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพร้อมเพรียงในชั่วพริบตา
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ไม่ทันได้เปิดใช้ค่ายกลอีกครั้ง คว้าร่างของราชาผียักษ์ถอยกรูดไปข้างหลัง แทบจะขณะเดียวกับที่เขาถอยไปเสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้อง
ลานบ้านที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้พลันกลายมาเป็นหลุมลึก สิ่งปลูกสร้างโดยรอบพังพินาศ เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ป๋ายเสี่ยวฉุนเคลื่อนที่รวดเร็วกลายเป็นภาพติดตา คว้าคอราชาผียักษ์ฝ่าออกไปพร้อมกัน
แต่เพิ่งจะฝ่าออกมาเบื้องหน้าของเขากลับมีธงผืนใหญ่ที่ราวกับสามารถม้วนตลบฟ้าดิน พกพาหมอกเลือดเข้มข้นพุ่งเข้ามาใกล้ สกัดขวางทางไปของเขา
อีกทั้งในหมอกเลือดนี้ยังมีร่างของเด็กโลหิตที่ก่อตัวขึ้นมามากพอ…หมื่นคน!
เด็กทุกคนมองดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณสี่ห้าปี
บนร่างของทุกคนอาบไปด้วยเลือดสดเหมือนถูกถลกหนัง ดวงตาที่เผยความเจ็บปวดรวดร้าวหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมเปล่งเสียงร้องคำรามแห่งความอาฆาตแค้น ทว่าท่ามกลางเสียงคำรามนี้กลับแทรกไว้ด้วยเสียงสะอื้นไห้
“ท่านอา ช่วยพวกเราด้วยเถิด…”
“ท่านอาช่วยด้วย…”
“ข้าเจ็บเหลือเกิน ท่านอา เจ็บเหลือเกิน…” เสียงเหล่านี้กลายมาเป็นเสียงพิลึกพิลั่นที่โจมตีลงบนจิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุน!
ภาพนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งตะลึง แม้แต่ราชาผียักษ์ก็ยังม่านตาหดตัว
“ธงโลหิตหมื่นทารก!! ตระกูลเฉินบังอาจสร้างวัตถุต้องห้ามขึ้นมาในนครผียักษ์ของข้าเชียวรึ!!” ดวงตาของราชาผียักษ์ทอแสงคมกล้า ในใจบังเกิดความเดือดดาล
ธงโลหิตหมื่นทารกนี้จำเป็นต้องใช้เด็กแสนคนมาเซ่นไหว้ถึงจะหลอมออกมาได้ ถือเป็นอาวุธชั่วร้าย เพราะวิธีการสร้างนั้นเลือดเย็นทำลายกฎฟ้าดิน ต่อให้เป็นในแดนทุรกันดารเองก็ยังถูกจัดเป็นของต้องห้าม หากพบเจอเมื่อใดต้องถูกลงโทษสถานหนัก!
ทว่าประมุขตระกูลเฉินกลับกล้าหลอมมันออกมา ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าธงนี้เพิ่งถูกหลอมขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ยังมิอาจสำแดงอานุภาพได้อย่างเต็มที่ ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากในหมอกโลหิตก็ยังเข้มข้นจนทำให้คนที่ได้กลิ่นสติพร่าเลือนเหมือนถูกผีอำ
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี มองเงาร่างของทารกแต่ละคนที่ถูกชุบหลอมกลายมาเป็นวิญญาณอาฆาต ภาพนี้ทำให้ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง นัยน์ตาจึงเผยปราณสังหาร
เรื่องนี้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ล้วนสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คน ต่อให้เป็นในแดนทุรกันดารแห่งนี้ก็ตาม ยิ่งป๋ายเสี่ยวฉุนได้มาเห็นเองกับตาเช่นนี้ก็ยิ่งทนไม่ได้ ไอสังหารของเขาจึงแผ่อบอวล
“ข้าผู้แซ่เฉินคารวะราชาผียักษ์ เรื่องธงโลหิตนี้คงไม่รบกวนให้หวังเหย่ต้องเป็นกังวลใจ” น้ำเสียงเย็นชาอึมครึมดังลอยออกมาจากในหมอกโลหิต ไม่นานเรือนกายสูงโปร่งของร่างหนึ่งก็เดินออกมา
คนผู้นี้น่าจะอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ใบหน้าหล่อเหลา ทั่วร่างแผ่รัศมีของความเป็นเซียน มีเพียงความเย็นเยียบน่าสะพรึงในดวงตาเท่านั้นที่ทำให้มองออกว่านิสัยของคนผู้นี้อำมหิตชั่วช้า เขาก็คือประมุขตระกูลเฉิน ระหว่างที่พูดมือขวาของเขาก็ทำมุทราชี้ไปหนึ่งครั้ง หมอกโลหิตรอบด้านพลันซัดกลิ้งหลุนๆ ทารกเลือดนับหมื่นกรีดร้องเสียงแหลม ก่อนจะกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ขณะเดียวกันผู้อาวุโสและคนอื่นในตระกูลเฉินที่อยู่รอบด้านก็พากันลงมือ เสียงอึกทึกดังสะเทือนฟ้าดินอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ระหว่างที่ทำมุทราร่มราตรีนิรันดร์ก็ปรากฏออกมาสกัดกั้นเอาไว้ ส่วนเขาเดินพรวดออกมาหนึ่งก้าว ชนาเขย่าภูเขาระเบิดตูมตาม พุ่งชนตะลุยไปตลอดทาง ดิ่งเข้าสังหารประมุขตระกูลเฉิน
“ไสหัวกลับไปซะ!” ประมุขตระกูลเฉินหัวเราะเสียงเย็นยาวเหยียด สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ตบะก่อกำเนิดระเบิดตูม ในหมอกโลหิตที่อยู่รอบกายเขาพลันมีร่างสีม่วงของเด็กสามคนที่กรีดร้องโหยไห้ แต่ละคนต่างระเบิดตบะก่อกำเนิดกรากเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
เสียงอึกทึกดังก้องขึ้นอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามต่ำๆ เหวี่ยงร่างของราชาผียักษ์ทิ้งไป ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ระเบิดความเร็วขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของเขาตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเชื่องช้า เมื่อก้าวนั้นของเขาเหยียบลงบนพื้น เขาก็มาโผล่อยู่ข้างหน้าห่างจากประมุขตระกูลเฉินแค่สามจั้ง
“ตายซะเถอะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดัง มือขวากำเป็นหมัด พลังกล้ามเนื้อและพลังตบะระเบิดออกพร้อมกัน อีกทั้งกลางหว่างคิ้วที่อยู่ใต้หน้ากากก็ยังเกิดรอยปริแตกหนึ่งเสี้ยว นั่นก็คือเนตรทงเทียนที่เปิดออก
ฟ้าดินเขย่าคลอน ประมุขตระกูลเฉินหน้าเปลี่ยนสี เขารู้ว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้ไม่ธรรม แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีความเร็วน่าตกใจขนาดนี้ ช่วงเวลาวิกฤตคับขัน ดวงตาเขาจึงเปล่งแสงวาบ พลันตะโกนดัง
“ทารกโลหิตระเบิด!!”
ตูมๆๆ!
ทารกโลหิตรอบด้านที่พุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็กรีดร้องเสียงแหบโหยด้วยความเจ็บปวดทรมาน ก่อนที่ร่างจะระเบิดออกพร้อมกันกลายมาเป็นแรงโจมตีที่รวมตัวเป็นปากสีแดงฉานขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งอ้ากว้างอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วงับลงมาอย่างแรง
บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดปณิธานแห่งเลือดเหล็ก เขาเข้าใจดี หากไม่รีบสู้รีบจบ ตนต้องเสี่ยงอันตรายมากอย่างแน่นอน ยามนี้มือซ้ายจึงยกร่มราตรีนิรันดร์ขึ้นแล้วเขย่าอย่างแรง ทันใดนั้นลายเส้นสีทองสี่เส้นที่อยู่บนร่มราตรีนิรันดร์ก็เปล่งแสงพร่างพราว ป๋ายเสี่ยวฉุนกางร่มออก พอมันกลายมาเป็นร่มคันใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โบกหนึ่งครั้ง ร่มสกัดขวางปากใหญ่ด้านหลัง ส่วนร่างของเขาก็ไล่ล่าประมุขตระกูลเฉินไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
“ตายซะเถอะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงคำราม มือขวายกขึ้นร่ายตรวนสลายลำคอ กลางมือมีแรงดึงดูดที่ทำให้ประมุขตระกูลเฉินหน้าเผือดสี คิดจะเบี่ยงหลบแต่กลับไม่ทันแล้ว
กล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งเกินไป ความเร็วก็มากถึงขีดสุด พริบตาเดียวสองนิ้วที่ร่ายตรวนสลายลำคอของเขาก็พุ่งไปที่ลำคอของประมุขตระกูลเฉิน ใกล้จะทาบเข้ากับลำคอของอีกฝ่ายเข้าไปทุกขณะ ประมุขตระกูลเฉินหน้าซีดขาว นัยน์ตาเผยความเหลือเชื่อ ทว่ายามนี้เอง ทันใดนั้นห่างไปไกล็มีเสียงคำรามเดือดดาลที่ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีดังลอยมา
“ไสหัวไป!!” ร่างยังอยู่ห่างออกไปไกล ทว่าเสียงนี้กลับลอดผ่านความว่างเปล่ามาระเบิดอยู่ในหัวสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด มือขวาสั่นระริกอย่างมิอาจห้ามได้ ประมุขตระกูลเฉินพลันปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง ร้องเรียกหาบุรพาจารย์เสียงดัง ขณะเดียวกันก็คว้าโอกาสเบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด
ทว่าชั่วขณะที่เขาหมายจะเบี่ยงตัวให้พ้นไปจากวิถีโจมตีนั้น
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ มือขวายังคงพุ่งทาบลงไป แม้จะไม่ได้ทาบไปที่ลำคอของประมุขตระกูลเฉิน ทว่ากลับจับแขนขวาของเขาไว้ได้แล้วกระชากอย่างแรง เสียงกร๊อบดังลั่นมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แขนขวาของประมุขตระกูลเฉินถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าจับไว้อย่างแน่นหนา
เลือดสดพวยพุ่งทะลักทลาย ประมุขตระกูลเฉินหน้าซีดเผือด ถอยกรูดออกห่างอย่างรวดเร็ว และเวลานี้ฟ้าดินที่ห่างออกไปไกลก็มีเงาร่างเส้นหนึ่งก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะตรงดิ่งมาหาป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมเสียงดังกึกก้อง
นั่นคือผู้เฒ่าคนหนึ่งที่มีตบะคนฟ้า ซึ่งก็คือบุรพาจารย์ตระกูลเฉิน!
ลมหายใจป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักค้าง ถอยหลังกรูด ทว่าในใจยังมีความไม่ยินยอม ธงทารกโลหิตที่ประมุขตระกูลเฉินเป็นคนหลอมออกมาได้ทำลายความเป็นมนุษย์ทิ้งไปแล้ว ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกสะเทือนใจ ไอสังหารจึงเผาไหม้ลุกโชน ขณะที่กำลังถอยหลังเขาก็พลันตบลงไปบนถุงเก็บของ หยิบธนูใหญ่ที่ผ่านการหลอมพลังจิตมาแล้วสิบสี่ครั้งออกมา!
พอขึ้นสายธนู เสียงตูมตามก็ดังแผ่สะท้านไปสี่ทิศประหนึ่งรอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนมีหลุมดำหลุมหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นแล้วดูดดึงปราณจากแปดทิศให้พุ่งเข้ามาตามสายธนูที่ถูกเหนี่ยวรั้ง
ทั้งยังมีลูกธนูที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบสี่ครั้งเช่นเดียวกันปรากฏอยู่บนสายธนู ก่อนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะปล่อยมือในฉับพลัน
ลูกธนูดีดผึงออกจากสายพุ่งแหวกอากาศด้วยเสียงดังเสียดแทงแก้วหู ลูกธนูกลายมาเป็นมังกรดำตัวหนึ่งซึ่งร้องคำรามกระโจนเข้าใส่ประมุขตระกูลเฉิน
เมื่อยิงเสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ร่ายใช้ความเร็วสูงสุดจากไปไกลทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองดูผลงาน
หน้าที่ซีดเซียวของประมุขตระกูลเฉินเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง วิกฤตพุ่งมาใกล้ทุกขณะ ทว่าเสียงแค่นเย็นชากลับเยื้องกรายจากฟากฟ้าลงมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าประมุขตระกูลเฉิน นั่นคือร่างของบุรพาจารย์ตระกูลเฉิน ร่างของเขาเดินออกมาจากความว่างเปล่า ยกมือขวาขึ้นคว้าจับธนูลูกนั้นแล้วบีบอย่างแรง
เสียงตูมดังสนั่น ลูกธนูระเบิดพังทลาย!
บุรพาจารย์ตระกูลเฉินสีหน้าดำทะมึน เมื่อครู่นี้หากไม่ช่วยประมุขตระกูลเฉินเขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนได้ในชั่วพริบตา ทว่าพอช่วยแล้วจึงถ่วงเวลาล่าช้าไปหลายชั่วลมหายใจ ยามนี้เห็นมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังเผ่นหนี ดวงตาของเขาก็ฉายไอสังหารเข้มข้น แต่ก็กริ่งเกรงอยู่เหมือนกัน เพราะอย่างไรซะเขาก็ไม่รู้ว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้ใช้วิธีการใดถึงได้ทำให้บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายผู้นั้นบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย!
เขาไม่อยากเดินตามรอยเท้าของบุรพาจารย์ตระกูลป๋าย ยามนี้ดวงตาจึงเปล่งประกายวาว พุ่งไล่ตามไปทันทีทันใด เมื่อมือทั้งคู่ทำมุทรา รอบกายของเขาก็เงาผีมืดดำที่สวมชุดเกราะปรากฏขึ้นหลายเงา เงาผีทุกเงาต่างก็แผ่คลื่นของก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ พวกมันล้วนพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน