บทที่ 705 เจ้าทำอะไรลงไปกันแน่
ระหว่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนและอู๋ฉางกงเผ่นหนีกลับมายังนครผียักษ์ ราชาผียักษ์ที่อยู่ในตำหนักราชาก็มีสีหน้าตื่นเต้นถึงขีดสุด ในมือของเขาถือผลราชาผีเอาไว้!
ผลนี้ถูกเขาใช้ตราผนึกแย่งชิงเอามาผ่านความว่างเปล่า แม้จะทำผิดกฎ ทว่าผลราชาผีนี้สำคัญต่อเขามากเกินไป มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้มันไปตกอยู่ในมือของคนอื่นแล้วให้คนอื่นใช้มันมาข่มขู่ตัวเองได้
ดังนั้นต่อให้ทำผิดกฎเขาก็ยังกัดฟันมองข้ามอย่างไม่แยแส
“ในที่สุดข้าก็ได้ผลราชาผีผลที่ห้ามาอยู่ในมือ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะแก้ไขข้อบกพร่องของห้าธาตุ ทำให้วิชาการฝึกตนของข้าเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ นั่นก็เท่ากับว่าข้าสามารถชดเชยข้อบกพร่องในช่วงระยะเวลาเสื่อมถอยที่เป็นภัยถึงตายได้อย่างสมบูรณ์แบบ!” ราชาผียักษ์แหงนหน้าหัวเราะร่า ยามนี้เขาปิติยินดีอย่างไร้คำบรรยาย รอมานานหลายปีขนาดนี้ ทั้งยังถูกคนมากมายขัดขวางโจมตี ทว่าสุดท้ายก็ยังได้มาอยู่ในมือเขา นี่จึงทำให้ราชาผียักษ์พึงพอใจกับแผนการและวิธีการของตัวเองอย่างมาก
“ส่วนราชาเก้านรกภูมิ ราชาชิงชัยและราชาเทพจุติ หึ ตาแก่สามคนนี้เล่นงานข้าไม่แล้วไม่เลิก แม้ตอนนี้ข้าจะทำผิดข้อห้าม แต่อย่างไรซะพวกเขาก็วางแผนเล่นงานข้าก่อน ช่วงนี้ข้าแค่ต้องถ่อมตัวสักหน่อย จะเปิดโอกาสให้พวกเขามาหาเรื่องข้าไม่ได้ เมื่อเวลานานเข้า เรื่องนี้ก็จะคลี่คลายไปเอง” ราชาผียักษ์ยิ้มบางๆ นัยน์ตาฉายประกายแสงแห่งความเฉลียวฉลาดราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา
เพียงแต่เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในกาหลอมวิญญาณ
ตราผนึกที่อยู่ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ช่วยให้เขารับรู้เรื่องภายนอกที่เกิดขึ้น มันแค่ทำหน้าที่ช่วงชิงบุปผาราชาผีมาให้เขาเท่านั้น
ท่ามกลางเสียงหัวเราะระรื่น เขาเก็บผลราชาผีไว้เป็นอย่างดี เตรียมจะไปปิดด่านเพื่อผสานรวมผลราชาผีทั้งห้าลูกเข้ามาในกาย ทว่าช่วงเวลาที่เขาลุกขึ้นยืนนั้นเอง สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปน้อยๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ห่างออกไปไกล
ในสายตาของเขา เขามองเห็นเรือราชาผีลำหนึ่งกำลังห้อทะยานเข้ามา หลังจากเข้ามาถึงในชั่วพริบตาก็มีเงาร่างสองเงากระโดดผลุงลงมาจากเรือราชาผีแล้วตรงดิ่งมาที่ตำหนักราชาของตน
สีหน้าของอู๋ฉางกงซับซ้อน ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ข้างกายเขากลับสีหน้ามืดทะมึนคล้ายไฟโทสะกำลังลุกโชน
“เจ้าป๋ายฮ่าวกลับมาเร็วน่าดู ดูท่าแล้วก็ไม่เห็นว่าจะบาดเจ็บตรงไหน”
ราชาผียักษ์ไอแห้งๆ หนึ่งที เขารู้สึกผิดต่อป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่บ้าง ใจเลยอยากจะหลบเลี่ยง แต่เข้าใจดีว่าการหนีหน้าไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ดังนั้นจึงวางสีหน้ามากบารมี กลับลงไปนั่งบนเก้าอี้ราชาอีกครั้ง รอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง
และยามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่นอกตำหนักก็บินมาถึงรูปปั้นผียักษ์อย่างรวดเร็ว
อู๋ฉางกงที่อยู่ข้างกันลังเลเล็กน้อย
พอเข้ามาใกล้ตำหนักราชาก็หันไปคารวะป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งทีแล้วรีบกลับที่พักของตัวเองโดยด่วน เขาไม่มีทางยื่นเท้าลงไปกวนน้ำขุ่นบ่อนี้ด้วยเด็ดขาด
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก หากบอกว่าไม่ใช่คำสั่งของหวังเหย่ ข้าก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด แต่หวังเหย่คิดจะทำอะไรกันแน่? คิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลผู้สูงศักดิ์เกือบแปดส่วนในแดนทุรกันดารเลยหรือไร?” อู๋ฉางกงถอนหายใจอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยสักน้อย
เมื่อเห็นว่าอู๋ฉางกงจากไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงใช้ความเร็วเท่าเดิม แปบเดียวก็มาถึงนอกตำหนักราชา ในใจเขาแค้นเคืองไม่น้อย พอนึกถึงภาพในกาหลอมวิญญาณ หากไม่เพราะตนร้ายกาจมากฝีมือ เกรงว่าคงเอาชีวิตไม่รอดแน่แล้ว
และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลุมที่ราชาผียักษ์ขุดไว้
ป๋ายเสี่ยวฉุนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่พอเข้ามาใกล้ตำหนักราชาแล้ว เขากลับสูดลมหายใจเข้าลึก เก็บความเดือดดาลทั้งหมดลงไป ในใจแค่นเสียงหึอยู่หลายที ก่อนจะเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่
“ป๋ายฮ่าวคารวะหวังเหย่!” เพิ่งจะเข้าไปป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตะโกนเสียงดัง ใช้สายตาที่มีแววตัดพ้อมองไปยังราชาผียักษ์ที่อยู่นั่งบนเก้าอี้ราชา
“ที่แท้ฮ่าวเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว ฮ่าๆ คราวนี้ฮ่าวเอ๋อสร้างคุณความชอบครั้งใหญ่จริงๆ” ราชาผียักษ์หัวเราะฮ่าๆ เป็นครั้งแรกที่พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แถมใบหน้ายังไม่มีความเคร่งขรึม กลับเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน นัยน์ตาฉายแววชื่นชมอย่างปกปิดไม่มิดราวกับว่าชื่นชอบป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างลึกซึ้งเข้าไปถึงกระดูก
ส่วนคำเรียกว่าฮ่าวเอ๋อร์ ก็ยิ่งหลุดจากปากเป็นครั้งแรก
ป๋ายเสี่ยวฉุนมีสีหน้าปั้นยากเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ราชาผียักษ์กลับรีบโบกมือเป็นพัลวัน
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม ฮ่าวเฮ่อ ครั้งนี้เจ้าช่วยข้าผู้เป็นราชาได้เยอะเลย ข้าผู้เป็นราชาได้สั่งความไปแล้วว่าให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลอง วันนี้นายท่านอย่างพวกเรามาร่วมดื่มด่ำให้สำราญใจ อีกอย่างเจ้ามีอะไรที่ต้องการหรือไม่ ขอแค่เป็นสิ่งที่ข้าผู้เป็นราชาทำได้ ย่อมตอบแทนให้เจ้าสมปรารถนาแน่นอน!” ระหว่างที่พูดราชาผียักษ์ยังเดินลงมาจากเก้าอี้ด้วยใบหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“ป๋ายฮ่าวไม่ต้องการของรางวัลใด เพียงแต่ครั้งนี้พวกเขารังแกกันเกินไป! หวังเหย่ไม่รู้อะไร พอข้าเข้าไป คนทั้งกลุ่มมารุมเล่นงานข้าคนเดียว เห็นได้ชัดว่าคิดจะกำจัดข้า ดังนั้นข้าจึงจำต้องลงมือเพื่อรักษาชีวิตรอด
หากไปล่วงเกินผู้สูงศักดิ์คนใดก็ล้วนทำไปเพื่อหวังเหย่ทั้งสิ้น!”
เมื่อเห็นว่าราชาผียักษ์มีท่าทีเช่นนี้ ความโกรธเคืองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งดุเดือดเข้าไปใหญ่ ดังนั้นจึงรีบพูดเสียงดัง
“เรื่องเล็กน้อย การกระทำทั้งหมดของเจ้าในคราวนี้ล้วนเพราะได้รับคำสั่งจากข้าผู้เป็นราชา เจ้าวางใจได้เลย ข้าผู้เป็นราชาจะไม่ยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเด็ดขาด” ราชาผียักษ์เองก็เข้าใจว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ถูกคนนับร้อยไล่ฆ่า ระหว่างนั้นย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะอย่างไรซะเรื่องเล็กๆ แค่ป๋ายเสี่ยวฉุนโดนไล่ฆ่านี้ ราชาผียักษ์ก็คิดว่าตนสามารถแก้ไขได้ ดังนั้นจึงรีบเอ่ยปากรับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
เขาเพิ่งพูดขาดคำ สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงน้อยเนื้อต่ำใจเช่นเดิม ทว่าในใจกลับลำพองใจ แอบพูดกับตัวเองว่าราชาผียักษ์เอ๋ยราชาผียักษ์ เจ้าขุดหลุมฝังข้า ก็อย่ามาโทษที่ข้าจะขุดหลุมฝังเจ้ากลับบ้าง!
ดังนั้นจึงกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะพูดต่อไป ทว่าทันใดนั้นในถุงเก็บของของราชาผียักษ์กลับมีคลื่นสั่นไหวรุนแรงส่งออกมา
“มาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?” นัยน์ตาราชาผียักษ์เปล่งแสงวาบ หยิบเอาแผ่นหยกส่งข้อความเสียงออกมาพร้อมอมยิ้มน้อยๆ สำหรับเรื่องที่ตนลงมือในกาหลอมวิญญาณ เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ปิดไว้ได้ไม่นานจึงเตรียมการรับมือมาแต่แรกแล้ว ตอนนี้จึงกวาดอำนาจจิตเข้าไปในแผ่นหยกต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน
“ราชาเก้านรก” ราชาผียักษ์สีหน้าผ่อนคลาย กำลังจะส่งข้อความตอบกลับไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ในแผ่นหยกนั้นก็มีเสียงคำรามเดือดดาลราวภูเขาไฟระเบิดปะทุของราชาเก้านรกภูมิดังลอยมาเสียก่อน
“ราชาผียักษ์เจ้าไร้ยางอาย!!”
“ราชาเก้านรกภูมิ ข้าจะ ” ราชาผียักษ์ภูมิไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง นึกว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องผลราชาผี ดังนั้นจึงกล่าวต่อไปอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ทว่าทางฝ่ายของราชาเก้านรกภูมิกลับตะคอกกลับมาเสียงดังราวอสนีบาต แถมเสียงคำรามนี้ของเขายังถึงกับส่งผลกระทบต่อความว่างเปล่า ทำให้บริเวณรอบกายของราชาผียักษ์เกิดบิดเบือน
“ราชาผียักษ์ ในกาหลอมวิญญาณ เจ้าเอาผลราชาผีไปก็ยังพอทำเนา เพราะพวกเราก็เล่นงานเจ้าก่อน เจ้าจะโต้ตอบกลับมาด้วยวิธีเช่นนี้ พวกข้าก็จนคำพูด แต่ด้วยตัวตนของเจ้า เจ้าถึงขั้นลงมือกับลูกชายข้าโจวหง ราชาผียักษ์ นครเก้านรกภูมิของข้าไม่มีทางยอมจบเรื่องกับนครผียักษ์ของเจ้าง่ายๆ แน่!!” กล่าวจบราชาเก้านรกภูมิก็ตัดขาดการติดต่อไปเอง
ราชาผียักษ์อึ้งงัน คิดถึงคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้ เขาจึงมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความลังเลเล็กน้อย
“เจ้าลงมือกับโจวหงด้วยหรือ? ไม่ถึงตายใช่ไหม?”
“ใช่น่ะสิ เขารังแกกันเกินไป! หึ แต่ชีวิตน้อยๆ ของเขา ข้ายังช่วยเก็บไว้ให้” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างคุมแค้น
“ไม่ตายก็ดีแล้ว” ราชาผียักษ์ผ่อนลมหายใจอยู่ในใจตัวเอง ขบคิดว่าพลังในการต่อสู้ของป๋ายฮ่าวไม่ธรรมดาจริงๆ ขนาดถูกคนมากมายไล่ฆ่าก็ยังทำร้ายโจวหงได้ ขณะที่กำลังจะพูดต่อ ทว่าแผ่นหยกในมือกลับสั่นไหวอีกครั้ง คราวนี้เสียงแข็งกระด้างที่แฝงเร้นไว้ด้วยปณิธานในการต่อสู้กลับดังขึ้นมาเนิบช้า
“ราชาผียักษ์ ลูกชายข้าเกเร ควรเจอเคราะห์ครั้งนี้ อีกเดี๋ยวข้าผู้เป็นราชาจะไปขอบคุณเจ้าถึงที่!!”
“ราชาชิงชัย!” ดวงตาทั้งคู่ของราชาผียักษ์หดตัว ในบรรดาสามราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ คนที่เขากริ่งเกรงมากที่สุดก็คือราชาชิงชัยผู้นี้
ทว่าตอนนี้เขายังคงงงงัน เรื่องที่มาเยือนกะทันหันนี้ทำให้เขาใจหายวาบ เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีจึงหันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างคลางแคลงใจ
“เจ้าลงมือกับราชาชัยน้อยด้วยรึ? เขาก็ไม่ตายใช่ไหม?”
“เขาน่ะหรือ ไม่ตายหรอก ไอ้หมอนี่จัดการยากมากเลยล่ะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมือด้วยท่าทางรังเกียจ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด
ราชาผียักษ์สีหน้าเหยเกเล็กน้อย แต่กลับมากด้วยความตกตะลึง ทว่าเวลานี้เอง แผ่นหยกในมือของเขาก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คือราชาเทพจุติ เสียงความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงของเขารุนแรงยิ่งกว่าราชาเก้านรกภูมิเสียอีก แถมฟังดูแล้วเหมือนจะแตกหักกันเลยด้วยซ้ำ
“ราชาผียักษ์ ลูกสาวผู้ลึกลับของเจ้าอยู่ในนครจักรพรรดิขุยใช่ไหม คนอื่นไม่รู้ แต่ข้าผู้อาวุโสรู้ดี! ข้าผู้อาวุโสจะไปเดี๋ยวนี้ ในเมื่อตาแก่หนังเหนียวอย่างเจ้ากล้าเป็นผู้ใหญ่ที่รังแกผู้น้อยอย่างหน้าด้านๆ ข้าผู้อาวุโสก็จะทำตามเจ้าดูบ้าง!” เสียงนี้ดังออกมาจากในแผ่นหยก ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่
ราชาผียักษ์ลมหายใจถี่รัว ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เร็วจนเขารับมือไม่ทัน ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน เขายังไม่ทันออกปากถาม ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับชิงพูดออกมาเองก่อนแล้ว
“วางใจเถิด ซวี่ซานก็ไม่ตายเหมือนกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือขึ้นประกอบพร้อมพูดเสียงดัง
ราชาผียักษ์มองป๋ายเสี่ยวฉุน ลางสังหรณ์ร้ายนั้นก็ยิ่งรุนแรง แต่ที่ตามมาติดๆ คือแผ่นหยกในมือของเขาที่สั่นติดต่อกันอีกนับร้อยครั้ง แต่ละเสียงที่ดังออกมา บ้างก็ขมขื่น บ้างก็วิงวอน หรือไม่ก็ฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธ มีครบหมดทุกรูปแบบ
ทั้งหมดนี้ทำให้จิตวิญญาณของราชาผียักษ์สั่นสะเทือนอีกครั้ง ต่อให้เขาเป็นครึ่งเทพ ตอนนี้ก็ยังยืนงง ต้องรู้ว่าแม้ตบะของคนเหล่านี้ที่ส่งข้อความเสียงมาให้จะเทียบเขาไม่ติด ตำแหน่งก็ยังไม่สูงส่งเท่าราชาสวรรค์อย่างเขา ทว่าจำนวนคนนั้นมากเกินไป นี่มันแทบจะเป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์แปดส่วนของตลอดทั้งแดนทุรกันดารเลยทีเดียว
แล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชาสวรรค์สามคนนั้นที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกับเขาเลย
ยิ่งตอนที่ทางฝั่งของเชื้อพระวงศ์ส่งข้อความเสียงมาบอกว่าองค์ชายรองหายตัวไป ราชาผียักษ์ก็รู้สึกเพียงว่าในสมองมีเสียงตูมดังขึ้นมา ยืนอ้าปากกว้างตาค้างมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าของคนถูกรังแก ก่อนจะอุทานเสียงหลง
“เจ้า … ตอนอยู่ในกาหลอมวิญญาณ เจ้าทำอะไรลงไปกันแน่!!”