Skip to content

A Will Eternal 734

บทที่ 734 เบาเสียงหน่อย

การเปลี่ยนแปลงแรกเกิดขึ้นในจวนของเสี่ยวหลางเสิน เขานั่งนิ่งอยู่บนตำแหน่งประธาน สีหน้าไร้อารมณ์ กำลังมองลงไปยังผู้ฝึกวิญญาณสองคนที่ประลองเวทกันอยู่ด้านล่าง

การประลองเวทครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับชัยชนะจะได้รางวัลจากเสี่ยวหลางเสินและสามารถเข้ามาเป็นผู้ติดตามในตระกูลของเขา

สำหรับเสี่ยวหลางเสินแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเท่าไหร่นัก ทว่าสำหรับคนทั้งสองถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะคนที่ตบะค่อนข้างอ่อนแอผู้นั้น เขาคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เพื่อศึกครั้งนี้เขาถึงกับซื้อยาวิญญาณระดับสูงมาใช้อย่างไม่เสียดายเงิน ก่อนหน้าที่จะลงสนามประลองก็ได้ดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกาย หมายจะให้พละกำลังของตนเองคงอยู่ในระดับสูงสุดได้อย่างยาวนาน

ทว่าขณะที่ศึกนี้ดำเนินมาได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ร่างเขาถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเผยความเหลือเชื่อและไม่คาดคิด กำลังจะอ้าปากหมายพูดอะไรบางอย่าง ทว่าศัตรูของเขากลับเห็นว่านี่คือโอกาสอันดี มีหรือจะยอมง่ายๆ ดังนั้นจึงพุ่งเข้ามาสังหารทันที

“หลี่หลินเซิน เจ้ารอเดี๋ยว” ลมหายใจของชายวัยกลางคนผู้นี้ถี่กระชั้น รีบตะโกนเสียงดัง แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ใยดี เขารีบร่ายเวทคาถา ไล่กวดเข้ามาโจมตีระยะประชิด ชายวัยกลางคนสีหน้าร้อนใจ ถอยกรูดห่างออกไปพร้อมอ้าปากจะพูดต่อ ทว่าการเคลื่อนไหวนี้รุนแรงเกินไปทำให้ความปั่นป่วนยากจะระงับส่งออกมาจากในช่องท้องของเขา ขณะที่ถอยหนีร่างกายจึงมีเสียงปู๊ดๆ ดังกัมปนาทจนทุกคนชะงักค้าง

เสียงนี้ดังเกินไป พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นนี้ก็เหมือนว่าในกางเกงของชายวัยกลางคน จะมีลมบางอย่างพุ่งโจมตีออกมาจนกางเกงพองสะบัด แถมยังมีกลิ่นเหม็นเกินบรรยายที่ลอยคลุ้งไปแปดทิศ กลิ่นนี้เข้มข้นอย่างยิ่ง ขนาดมีลมพัดโชยก็ยังไม่สามารถพัดให้มันจางหายไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาก็เนื่องจากอยู่ใกล้เขามากแล้ว แม้จะไม่ถึงกับกระโจนเข้าใส่ ทว่าอยู่ใกล้ขนาดนั้น กลิ่นจึงพลันปกคลุมไปทั่วกายของเขา คนผู้นี้มีตบะรวมโอสถช่วงต้น ควันพิษทั่วไปยากจะเขย่าคลอนเขาได้ แต่กลิ่นนี้กลับทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันควัน และถึงขั้นอาเจียนออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

ภาพนี้ทำให้ผู้ชมรอบด้านที่มองศึกนี้มองเซ่อกันไปทันใด เดิมทีเสี่ยวหลางเสินนั้นหลับตาอยู่ แต่ตอนนี้เขาพลันลืมตาโพลง ขนาดเขาเองก็ยังมองอึ้งไปทันที

“นั่นมันเสียงอะไร”

“ผิดปกติ ผู้ฝึกวิญญาณอย่างพวกเราเลี่ยงการกินธัญญพืชมานานแล้ว หรือว่า นี่คือเวทอภินิหารอะไรของโจวเฉินอู่?” ผู้คนรอบด้านรู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย แต่ละคนเบิกตากว้าง ทางฝ่ายหลี่มู่เซินเองก็ถึงกับบ้าคลั่ง ข่มกลั้นความรู้สึกอยากขย้อนอาเจียนเอาไว้แล้วร้องคำรามอย่างเดือดดาล

“โจวเฉินอู่ เจ้าทำอะไร!!”

“สหายนักพรตหลี่ วันนี้พอแค่นี้ก่อน วันหน้าค่อยมาสู้กันใหม่” โจวเฉินอู่หน้าแดงก่ำ เขาก็คลุ้มคลั่งมากเหมือนกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้จึงรีบพูดรัวเร็วแล้วหมุนกายเตรียมจากไปทันที ในใจเขาร้องคร่ำครวญ เพราะอาการไม่สบายท้องนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขายังถึงขั้นได้ยินเสียงปุดๆๆ ดังมาจากในท้องตัวเอง เสียงนี้ช่างน่าหวาดหวั่น ทำให้เขาขายหน้าผู้คนยิ่งนัก

“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่!!” ขณะที่โจวเฉินอู่กำลังจะจากไป ทว่าหลี่หลินเซินผู้นั้นรู้สึกว่าตัวเองถูกหยามเกียรติ ท่ามกลางเสียงร้องคำรามคลุ้มคลั่ง เขาก็ยอมข่มกลั้นอดทนกับกลิ่นเหม็นโฉ่ ไล่ตามไปอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ โจวเฉินอู่หันหลังให้กับเขา

“เจ้าอย่าตามมา ข้าทนไม่ไหวแล้ว!!” โจวเฉินอู่ร้องอุทานเสียงแหลมดัง แต่ก็ยังสายเกินไป หลี่หลินเซินผู้นั้นพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมความเกรี้ยวกราด การโจมตีของเขากระแทกลงบนหลังของโจวเฉินอู่ และโจวเฉินอู่ก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้ยินเพียงเสียงป๊าดๆ ที่คล้ายกับอสนีบาตซึ่งดังออกมาจากในร่างของเขา ก่อนจะตามมาด้วยกลุ่มควันที่ระเบิดออกมา คราวนี้หลี่หลินเซินถึงกับถูกควันพวกนั้นพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า

กลิ่นนี้เข้มข้นกว่าก่อนหน้านั้นอีกหลายเท่า แถมหลี่หลินเซินยังอยู่ใกล้กว่าครั้งก่อนและปะทะกันจังๆ อีกด้วย เขาจึงสูดกลิ่นเข้าไปไม่น้อย เสียงร้องคำรามรวดร้าวระเบิดออกมาจากปากของหลี่หลินเซิน ร่างของเขาก็ยิ่งถูกม้วนตลบออกไปข้างหลัง เสียงร้องของเขาโหยหวนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“โจวเฉินอู่ เจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!!!”

พอถูกถ่วงเวลาเช่นนี้ โจวเฉินหงที่ใบหน้าแดงแปร๊ดจึงฉวยโอกาสโกยแนบอย่างรวดเร็ว ตลอดทางที่ทะยานไป เสียงปุ๊งๆๆ ดังออกมาไม่ขาดหาย มองไกลๆ ก็เห็นว่าด้านหลังของเขามีควันขุ่นคลั่กเป็นกลุ่มๆ ถูกปล่อยออกมา

จนกระทั่งเขาหายไปไม่เหลือเงาแล้ว

ผู้ฝึกวิญญาณที่อยู่ในจวนของเสี่ยวหลางเสินก็ยังไม่คืนสติ ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อควันพวกนั้นลอยมาทางพวกเขา ทุกคนถึงได้ร้องโหวกเหวกอย่างเหลือเชื่อ

“นั่นมัน นั่นมันกลิ่นตด?!!”

“โจวเฉินอู่ผู้นี้ต้องจงใจแน่นอน!”

ทุกคนโกลาหลขึ้นมาทันใด เสี่ยวหลางเสินเองก็พะอืดพะอมอย่างถึงที่สุด ทั้งยังมากด้วยความโมโห ทว่าที่นี่ยังเป็นแค่จุดเกิดเหตุแรก ซึ่งพอผ่านไปหนึ่งก้านธูป ในนครจักรพรรดิขุยก็มีเหตุการณ์ที่สอง เหตุการณ์ที่สาม เหตุการณ์ที่สี่เกิดขึ้น

ยิ่งเหตุการณ์ที่สี่ก็ยิ่งน่าตกใจ สถานที่เกิดเหตุคือกลางเมืองอันครึกครื้นของพื้นที่ที่แปดสิบเจ็ด นักพรตหญิงหน้าตาสวยงามผู้หนึ่งกำลังถูกนักพรตชายหลายคนห้อมล้อม พวกเขาพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ทันใดนั้น หญิงสาวพลันหน้าเปลี่ยนสี ในร่างมีเสียงปู๊ดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา

“เสียงอะไร?” ชายหนุ่มหลายคนที่อยู่ข้างกายหญิงสาวตะลึงงัน หลังจากมีคนเอ่ยขึ้นมา พวกเขาก็ได้กลิ่นระลอกหนึ่งที่ไร้คำบรรยาย ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสี หญิงสาวคนนั้นก็อึ้งค้าง ทว่าในร่างกลับมีเสียงปู๊ดๆๆ ดังลั่นออกมาอย่างมิอาจควบคุม

เสียงนี้ประหนึ่งเสียงรัวกลองที่ดังออกมาจากในร่างของนาง ทุกคนเบิกตาค้างอ้าปากกว้าง ดวงหน้างดงามของหญิงสาวคนนั้นก็ยิ่งซีดเผือด นางกรีดร้องเสียงแหลม ด้วยความอับอายจึงหมายจะหยุดยั้งอาการ แต่ยิ่งพยายามหยุดยั้ง อาการกลับยิ่งรุนแรง

ปุ๊งๆๆๆ!!!

ควันขุ่นคลั่กเป็นวงกว้างหลายผืนพลันระบิดออกมาแล้วแผ่ไปทั่วกลางเมือง พริบตาเดียวคนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างร้องอุทานตกใจ รีบเบี่ยงหลบว่องไว เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายทันที

ภาพเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่แปดสิบเจ็ดนี้เท่านั้น พื้นที่ที่แปดสิบแปด แปดสิบหก แปดสิบห้าล้วนเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่แปดสิบเก้าที่ยิ่งมีคนเกิดอาการเช่นนี้มากกว่าที่ใด

ไม่นานก็เกิดเป็นเหตุการณ์บานปลาย เสียงปู้ดป้าดมาพร้อมกับควันเข้มข้นฉุนกึกที่แผ่ไปแปดทิศ ไม่ว่าใครที่ได้กลิ่นต่างก็อาเจียนอย่างบ้าคลั่ง และหากกลิ่นนั้นติดร่างเมื่อไหร่ก็ยากที่จะขจัดได้

ต่อให้อยู่ห่างไปไกลมากก็ยังเห็นควันข้นขุ่นเป็นกลุ่มๆ ที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในเมือง สร้างความตะลึงลานให้กับผู้คน

และนี่ยังไม่เรียกว่าร้ายกาจที่สุด ที่ทำให้ผู้ฝึกลมปราณที่ไม่สบายท้องทุกคนรู้สึกใกล้บ้าก็คือพอพวกเขาปลดปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้ออกมาแล้ว ทุกคนต่างก็เริ่มท้องเสีย หากอยู่เพียงลำพังก็นับว่าโชคไม่เลว แต่คนไม่น้อยกลับอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดังนั้นเมื่อภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนปะปนไปด้วยเสียงคำรามแหบพร่าอย่างบ้าคลั่งจึงระเบิดจากทั่วพื้นที่ที่แปดสิบเก้ารวมไปถึงบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!!”

“หรือว่ามีศัตรูมาโจมตี นี่มันผิดปกติ!!”

“เป็นใคร ใครเป็นคนทำ ข้าจะฆ่ามัน!!”

ท่ามกลางคนเหล่านี้ยังมีคนบางส่วนที่เป็นผู้มีชื่อเสียงในนครจักรพรรดิขุย ซึ่งพอมาเจอกับสภาพอเนจอนาถเช่นนี้ ไฟโทสะของแต่ละคนจึงโหมไหม้ เสียงร้องคำรามดังไม่หยุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกัน ทั้งยังเห็นกับตาตัวเองว่ามีผู้ฝึกวิญญาณคนหนึ่งที่นำแสดงภาพกลิ่นเหม็นควันคลุ้งฟ้าอยู่นอกร้านของตัวเอง เขามองเห็นกลุ่มควันขุ่นมัวที่แผ่กระจายไปทั่วด้าน มองเห็นผู้คนที่ถอยหนีกันจ้าละหวั่น

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ถึงกับเบิกตากว้าง วิญญาณป๋ายฮ่าวที่อยู่ข้างกันก็ยิ่งมองเซ่อ

“ผิดปกติ ควันที่ข้าเพิ่มเข้าไปน่าจะทำให้ท้องเสียสิ ทำไมถึงทำให้คนผายลมได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว เขารีบถอยกรูดออกห่าง ไม่กล้าให้กลิ่นเหม็นนั่นมาติดตัว ขณะที่ในใจกระวนกระวาย เขาพลันเบิกตากว้าง เพราะด้านนอกมีผู้ฝึกวิญญาณอีกคนซึ่งมีเสียงปุ้งๆๆๆ ออกมาจากในร่าง

ไม่นานก็มีคนที่สาม คนที่สี่

เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ลำพังเพียงแค่บนถนนที่ร้านเขาตั้งอยู่ก็มีคนเจ็ดแปดคนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ควันขุ่นคลั่กนั้นปกคลุมไปทั่วแปดทิศ ทุกคนพากันร้องอุทานด้วยความตกตะลึง เหตุการณ์วุ่นวายพัวพันกันอุตลุด

แม้แต่ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานที่อยู่ร้านข้างๆ ก็ตกตะลึงไปกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จนต้องเดินออกมาดูด้วยตัวเอง เมื่อเห็นว่าควันนั้นไม่สามารถกระจายหายไป แต่ขยายไปอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสองคนต่างก็ตกตะลึงและคลางแคลงใจกันไม่หยุด

“ท.. ท่านอาจารย์ ข้าเห็นว่าในมือคนผู้นั้นถือยาวิญญาณระดับสูงเอาไว้ หรือว่า” วิญญาณป๋ายฮ่าวรู้สึกท่าไม่ดี มองผู้คนด้านนอกที่แค้นเคืองจนคลุ้มคลั่ง แล้วก็หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน

“เบาเสียงหน่อย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจเสียแล้ว เขารีบพูดแล้ววิ่งปรู๊ดไปปิดประตูใหญ่ เขาเองก็กลัดกลุ้มเหมือนกัน

“หรือว่าข้าไม่ได้หลอมยามานานก็เลยเกิดข้อผิดพลาด? น่าจะท้องเสียสิ ทำไมถึงกลายมาเป็นผายลมไปได้ แถมกลิ่นเหม็นนี่ยังเหม็นเน่าเกินจริงมากด้วย”

ป๋ายเสี่ยวฉุนทึ้งผมตัวเอง รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย อดนึกถึงพวกอุบัติเหตุที่มักจะเกิดขึ้นในยามที่ตัวเองหลอมยาไม่ได้

“ครั้งนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ข้าไม่คิดจะให้เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้นี่นา”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหวาดผวาอยู่ในใจ แอบมองลอดช่องประตูไปเห็นควันเหม็นขุ่นมัวที่แผ่กระจายอยู่ด้านนอก

พอเห็นผู้ฝึกวิญญาณหลายคนที่หลบเลี่ยงอย่างว่องไว ซึ่งแต่ละคนต่างก็ถูกรมอยู่ในควันนั้นด้วยสภาพวิงเวียนใกล้จะหมดสติ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตกใจมากเหมือนกัน

“ควันเหม็นนี่มีอานุภาพมากขนาดนี้เชียวหรือ ถึงขนาดมองข้ามตบะของนักพรตได้ด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!