Skip to content

A Will Eternal 740

บทที่ 740 ฝีมือสูสี

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุน ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็เกิดความลังเลใจเล็กน้อย คนทั้งสองหันมามองหน้ากัน แม้จะรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ทว่าพวกเขาก็ยังระวังตัว เพราะในความเป็นจริงแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขายังมีการออมคำไว้ก่อน สำหรับการหลอมไฟสิบหกสี พวกเขาล้วนสามารถทำได้ในระดับที่หลอมหกครั้งสำเร็จหนึ่งครั้ง!

และหากโชคดี ห้าครั้งสำเร็จหนึ่งครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่นี่ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดในการหลอมไฟสิบหกสีของอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำแล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำรับหลอมไฟ!

ทว่าการปรับเปลี่ยนตำรับไฟหลายสีนั้นยากมาก อาจารย์หลอมวิญญาณตลอดทั้งแดนทุรกันดารล้วนเข้าใจดี ต่อให้เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินที่หากคิดจะเปลี่ยนแปลงก็ยังจำเป็นต้องเสียทั้งเวลาและแรงกายแรงใจมหาศาล และก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป นับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก

เพราะอย่างไรซะตำรับหลอมไฟนี้ก็ถูกถ่ายทอดต่อกันมาโดยผ่านการปรับเสริมของคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า และต้องได้รับการทดสอบจากคนจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงได้มั่นคงในที่ท้ายสุด

คิดมาถึงตรงนี้ พวกเขาสองคนก็วางใจลงได้ เลยสั่งให้คนไปจัดการทันที ไม่นานบนลานถนนหน้าร้านทั้งสามก็ถูกจัดให้เป็นพื้นที่การประลอง

พื้นที่นี้ขนาดไม่เล็ก มากพอให้คนทั้งสามหลอมไฟในเวลาเดียวกัน อีกทั้งเมื่อเวลาถูกถ่วงไปช่วงหนึ่ง เรื่องนี้จึงเริ่มก่อตัวขึ้นจนผู้ฝึกวิญญาณจำนวนมากได้รับรู้ ตอนนี้สี่ทิศแปดด้านจึงมีคนมาเยือนไม่ขาดสายและได้ล้อมรอบจุดนี้ไว้แน่นขนัด

แถมบนท้องฟ้ายังมีคนอีกไม่น้อยที่เบียดเสียดกันมากหลายแสนคน จุดที่ห่างออกไปไกลยังมองเห็นรุ้งหลายเส้นที่ตะบึงเข้ามา อีกทั้งเรื่องนี้ยังดังไปเข้าหูทหารองค์รักษ์ของนครจักรพรรดิขุย จนมีคนหลายร้อยคนมาล้อมวนอยู่รอบบริเวณ มีพวกเขาอยู่ด้วย แม้จะทำให้สถานที่แห่งนี้วุ่นวาย แต่กลับไม่อยู่เหนือการควบคุม

โจวหงเองก็มาเหมือนกัน ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่ปรากฏตัว

เสี่ยวหลางเสิน หลี่เทียนเซิ่ง เมี่ยวหลินเอ๋อร์ หรือแม้แต่องค์ชายรองก็ยังตามมา พวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจับตัวในกาหลอมวิญญาณต่างก็มากันทุกคน

และยังมีบุตรหลานในตระกูลสูงศักดิ์ที่ไม่ได้เข้าร่วมในกาหลอมวิญญาณอย่างเฉินสงอีกบางส่วนที่ปรากฏตัว พวกเขาต่างก็กำลังชี้ไม้ชี้มือมายังป๋ายเสี่ยวฉุน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขนาดและระดับการได้รับความสนใจของการประลองครั้งนี้จึงเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกไม่น้อย จำนวนคนไม่เพียงแต่มากขึ้น อีกทั้งการปรากฏตัวของเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกฮึกเหิมในหัวใจ

เฉินม่านเหยาเองก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย นางมาที่นี่เพียงลำพัง ไม่ได้มาพร้อมกับพวกองค์ชายรอง ยามนี้นางกำลังยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มองไกลๆ มายังป๋ายเสี่ยวฉุน

เมื่อเห็นว่ารอบด้านมีคนเบียดเสียดกันแน่นขนัด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าการหลอมไฟสิบหกสีของเขา หลอมสามครั้งจะสำเร็จได้หนึ่งครั้ง แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ดี กระนั้นเขากลับอับจนหนทาง

“หากแข่งกันหลอมไฟสิบห้าสีก็คงดีสินะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ทว่าตอนนี้ก็ได้แต่แข็งใจลงแข่ง ในใจภาวนาให้ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานพูดจาสัตย์จริงตามที่บอก นั่นคือหลอมเจ็ดแปดครั้งสำเร็จหนึ่งครั้งจริงๆ

เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานกลับมีท่าทีสบายกว่าเยอะมาก คนทั้งสองนั่งขัดสมาธิขนาบข้างป๋ายเสี่ยวฉุน ยามนี้กำลังหลับตาเข้าฌาน รวบรวมสมาธิให้มั่นคง รอให้การประลองเริ่มต้นขึ้น

ไม่นานเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้านก็สงบลง เงาร่างของโจวหงที่ปรากฏอยู่กลางอากาศก้มหน้าลงมองมายังเบื้องล่าง เมื่อสายตาของเขามองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน แต่ประกายนั้นก็ถูกเก็บไปอย่างรวดเร็ว

“ปรมาจารย์ซือหม่าและปรมาจารย์ซุนได้เชิญให้ราชาน้อยอย่างข้าเป็นผู้ดำเนินการประลองหลอมไฟครั้งนี้ ราชาน้อยอย่างข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก ข้าไม่ขอพูดมาก การประลอง เริ่มได้!” เมื่อเสียงที่ดังกังวานของโจวหงกึกก้องไปทั่วบริเวณ คนรอบด้านก็พลันย้ายสายตามารวมอยู่บนร่างของพวกป๋ายเสี่ยวฉุนสามคนที่อยู่ในเขตใจกลาง

ชั่วขณะที่พวกเขามองมานั้น ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานพลันลืมตาโพลง คนทั้งสองสีหน้ามาดมั่น ไร้ซึ่งความลังเลใจ เมื่อมือทั้งคู่ทำมุทรา ในถุงเก็บของของพวกเขาก็มีสถูปวิญญาณจำนวนมากบินออกมาทันที พอพวกเขาแตะเบาๆ ทันใดนั้นวิญญาณพยาบาทจำนวนมากก็กระจายตัวกันออกมาเป็นผืน

พวกเขาลงมือหลอมไฟทันทีโดยไม่มีมัวรีรอ ไฟพลันบังเกิดจากความว่างเปล่า อันดับแรกคือไฟหนึ่งสี กฎของการประลองครั้งนี้ก็คือสุดท้ายต้องหลอมไฟสิบหกสีออกมาให้ได้!

มือไม้ของคนทั้งสองคล่องแคล่วอย่างถึงที่สุด รากฐานของอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำปรากฏออกมาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลาย พวกเขาจึงรู้ดีว่าการเดิมพันครั้งนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างชื่อเสียงกลับคืนมาให้พวกเขาอีกครั้ง ดังนั้นจึงลงมือคล่องแคล่วว่องไวโดยไม่มีออมมือแม้แต่น้อย

และเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ ฝ่ามือของพวกเขาก็หุบเข้าหากัน พอแบออกอีกครั้ง กลางมือของแต่ละคนต่างก็มีกองไฟปรากฏขึ้นหนึ่งกอง ความเร็วไม่มีใครเป็นรองใคร

ส่วนทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุน ในขณะที่โจวหงพูดขาดคำ เขาก็หยิบเอาสถูปวิญญาณออกมาเริ่มหลอมไฟ และในด้านความเร็วก็ไม่ด้อยไปกว่าซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานสองคนแม้แต่น้อย คนทั้งสามแทบจะหลอมไฟหนึ่งสีได้ในเวลาเดียวกัน!

ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบด้านได้เปิดโลกทัศน์ พากันแสดงสีหน้าสนใจ

“แค่ไม่กี่อึดใจก็หลอมไฟหนึ่งสีได้แล้ว!!”

“ไม่เสียแรงที่เป็นปรมาจารย์ สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ขั้นสีดำ!!”

ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานสองคนสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เป็นขั้นสีดำเหมือนกัน ในฐานะที่เป็นขั้นสีดำ หากการหลอมไฟหนึ่งสีไม่รวดเร็วคุ้นเคยได้เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่คู่ควรให้กลายมาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา

จากนั้นคนทั้งสามก็เริ่มหลอมไฟอีกครั้ง ไม่นานไฟสองสี ไฟสามสี ไฟสี่สีก็ทยอยกันปรากฏ จนกระทั่งมาถึงไฟสิบสี!

ท่ามกลางขั้นตอนนี้ ความเร็วของคนทั้งสามกลับไม่เป็นรองกัน แทบจะแล้วเสร็จในเวลาเดียวกัน นี่จึงทำให้ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานรู้สึกหนักใจเล็กน้อย แต่ก็แค่ทำให้อารมณ์เกิดคลื่นกระเพื่อมไหวเท่านั้น

ทว่าอันดับถัดมา หลังจากที่ไฟสิบเอ็ดสี ไฟสิบสองสี ไฟสิบสามสีทยอยกันปรากฏ ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานสองคนต่างก็สังเกตเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงตามมาติดๆ นัยน์ตาของพวกเขาจึงเริ่มแสดงความเคร่งเครียดให้เห็น

ส่วนผู้ชมที่อยู่รอบด้านก็พากันสูดลมหายใจดังเฮือกๆ ไม่หยุด บางคนถึงกับกลั้นลมหายใจ แต่ทุกคนล้วนใจสั่นสะท้านเหมือนกันหมด ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นการหลอมไฟมาก่อน เพราะในบรรดานี้ก็มีอาจารย์หลอมวิญญาณอยู่ไม่น้อย หรือแม้แต่บางคนก็เคยหลอมไฟด้วยตัวเองมาก่อน

ทว่า การหลอมไฟของอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำกลับไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นกันง่ายๆ เพราะอย่างไรซะในสภาวะที่อาจารย์ชั้นดินล่องลอยไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขั้นสีดำจึงถือเป็นขั้นสูงสุดของอาจารย์หลอมวิญญาณในแดนทุรกันดารแล้ว

“ไม่นึกว่าอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำ จะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ ไฟหนึ่งสีถึงไฟสิบสามสี ไม่พูดถึงการทำสำเร็จในครั้งเดียว ระดับความเร็วก็น่าตะลึงมากเหมือนกัน! แถมวิธีการหลอมไฟของพวกเขาก็แทบจะไม่ต่างกันเลย!”

“หึ ทั้งสามคนนี้ต่างก็ไม่ใช่ขั้นสีดำธรรมดาๆ พวกเขาน่าจะนับเป็นสุดยอดของขั้นสีดำได้แล้ว!”

“ครั้งนี้ถือว่าได้เปิดโลกทัศน์อย่างแท้จริง ข้ารู้สึกว่ามีประโยชน์ต่อการหลอมไฟของตัวเองมาก มีหลายจุดที่ควรค่าแก่การนำมาเรียนรู้”

เสียงพูดคุยจากคนรอบด้านไม่เข้าหูป๋ายเสี่ยวฉุนแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาจมจ่อมอยู่กับการหลอมไฟอย่างสุดกำลัง นิสัยของเขาเป็นคนแสวงหาความมั่นคง ทว่าครั้งนี้กลับไม่มั่นใจเต็มร้อย จึงได้แต่ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดเพื่อรับประกันว่าตัวเองจะไม่ล้มเหลว

ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาสองคนก็สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ให้ความสนใจคนรอบด้านอีก แต่ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปไว้ที่กองไฟกลางมือตัวเอง เพราะอย่างไรซะที่พวกเขาจะหลอมในอันดับต่อไปก็คือไฟสิบสี่สี ซึ่งพวกเขาไม่สามารถวอกแวกได้

และเวลานี้เอง ฝูงชนที่อยู่รอบด้านก็ได้เห็น ความแตกต่างด้านวิธีการหลอมไฟของคนทั้งสามเป็นครั้งแรก!

แม้ว่าวิธีของซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาสองคนจะไม่เหมือนกัน แต่รูปแบบค่อนข้างตายตัว เป็นลำดับขั้นตอนดังเดิม ทางฝ่ายของซือหม่าเทา ทุกครั้งที่ผสานรวมวิญญาณพยาบาทล้วนทำตามขั้นตอนที่แน่นอน ส่วนซุนอี้ฝานกลับไม่ได้ควบคุมการผสานรวมทะเลเพลิง แต่ใช้มือหนึ่งจับวิญญาณมารวมกับทะเลเพลิงที่อยู่กลางฝ่ามือ

และบนร่างของคนทั้งสองก็จะมีแสงห้าสีแผ่ออกมาเป็นระยะ นี่ก็คือเวทลับการหลอมไฟของพวกเขาแต่ละคน พอร่ายเวทลับนี้ออกมาก็ทำให้ความเร็วในการหลอมไฟของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อย แต่วิธีการหลอมไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งตอนที่เขาเอาวิญญาณพยาบาทหลายหมื่นดวงมาเขมือบกลืนทะเลเพลิงสิบสามสีทั้งหมดพร้อมกัน นั่นก็ยิ่งทำให้คนรอบด้านส่งเสียงร้องอุทานด้วยความตกตะลึงทันที

“วิธีการหลอมวิญญาณของป๋ายฮ่าวไม่เคยมีใครทำมาก่อน!!”

“ผสานรวมวิญญาณพยาบาทหลายหมื่นดวงรวดเดียว เขาไม่กลัวว่าเปลวเพลิงจะไม่มั่นคงแล้วพังทลายไปหรือ!”

ทุกคนพากันเบิกตากว้าง จ้องมองตาไม่กะพริบ แล้วก็เห็นทันทีว่าเปลวเพลิงของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เพียงแต่มั่นคง อีกทั้งพอถูกเขาควบคุมยังขยายใหญ่มากขึ้น จำนวนวิญญาณพยาบาทที่ถูกเขมือบกลืนก็มากยิ่งขึ้น ยิ่งในด้านความเร็วก็ยิ่งไม่เป็นรองซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาที่ร่ายใช้เวทลับแม้แต่น้อย!

ครั้งนี้แม้จะไม่เสร็จพร้อมกัน ทว่าคนทั้งสามใช้เวลาไม่ถึงสิบชั่วลมหายใจ ฝ่ามือของพวกเขาที่แบออกอีกครั้งก็มีไฟสิบสี่สีปรากฏอยู่กลางฝ่ามือ

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับลมหายใจให้มั่นคงแล้วเริ่มหลอมต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองคนข้างกาย

วิญญาณพยาบาทจำนวนมากถูกเขาสาดกระจายออกมา ก่อนจะควบคุมให้ทะเลเพลิงเขมือบกลืนมัน ไม่นานไฟสิบสี่สีก็เลื่อนขั้นกลายมาเป็นไฟสิบห้าสี!

หลังจากที่ไฟสิบห้าสีของป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏ ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็ทยอยกันทำสำเร็จ มาถึงเวลานี้ ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาพลันบังเกิดความกดดันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนทำได้ถึงระดับนี้ พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่าในด้านการหลอมไฟ อีกฝ่ายมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ยิ่งในด้านวิธีการหลอมก็ยิ่งน่าตะลึง

คนทั้งสองที่กำลังใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสียต่างก็มีสีหน้าหนักใจไม่น้อยจึงหันมามองหน้ากัน ขณะที่กำลังจะถ่ายทอดข้อความเสียงให้อีกฝ่าย ทันใดนั้นพวกเขาก็พลันอึ้งงัน เพราะพวกเขาเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่หยุดมือ แต่กลับหลอมต่อไป ราวกับว่าคิดจะหลอมไฟสิบหกสีให้เสร็จรวดเดียว!

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้อ่อนด้อยเกินไป ไม่รู้ว่าไฟสิบหกสีไม่สามารถหลอมด้วยวิธีเช่นนี้ได้ เขาจำเป็นต้องสะสมไฟสิบห้าสีให้มากพอแล้วค่อยหลอมอีกครั้ง อัตราความสำเร็จจะมากกว่า”

“พวกเราชนะแน่แล้ว” ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทามองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ในใจสงบลงอีกไม่น้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!