Skip to content

A Will Eternal 747

บทที่ 747 พวกเราไปขจัดภัยร้ายเพื่อปวงประชา

พูดแล้วก็แปลก หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจว่าจะไม่ออกไป เฉินม่านเหยาและซวี่ซานกลับไม่ตีกันอีกแล้ว พวกนางต่างยึดพื้นที่กันคนละมุมในร้าน ราวกับว่าความบันเทิงของพวกนางไม่ได้อยู่ที่ตัวป๋ายเสี่ยวฉุนอีกต่อไป แต่อยู่ที่การแข่งขันระหว่างพวกนางเอง

วิธีการแข่งขันนั้นง่ายมาก ดูว่าใครขายยาวิญญาณได้มากกว่ากัน ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาในร้านจึงต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกอย่างหนึ่ง นั่นคือเลือกว่าจะซื้อยาวิญญาณจากศิษย์รักของต้าเทียนซือ หรือซื้อจากบุตรีที่รักของหวังเหย่

นี่จึงทำให้พวกเขาเริ่มคิดไม่ตก ยังดีที่ในร้านนี้มีวิญญาณป๋ายฮ่าวอยู่ด้วย ดังนั้นคนเหล่านี้จึงกรูกันเข้าไปซื้อยาวิญญาณกับวิญญาณป๋ายฮ่าวแทน

ตอนนี้วิญญาณป๋ายฮ่าวก็เริ่มหายใจไม่คล่องคอ เขาเหมือนคนยกหินทุ่มใส่เท้าของตัวเอง ก่อนหน้านี้เพื่อไม่พาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เขาจึงวางสีหน้าบื้อใบ้ ทำท่าเหมือนวิญญาณทาสที่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น และหากตอนนี้เขาเดินเข้าไปในห้องเลียนแบบป๋ายเสี่ยวฉุน นั่นจะเป็นการเผยพิรุธทันที ดังนั้นจึงได้แต่แข็งใจรับรองลูกค้าด้วยอาการตัวสั่นเทิ้มภายใต้สายตาคมกริบราวคมกระบี่ที่จับจ้องมาจากสองฝั่งกาย

สามารถพูดได้ว่ากิจการของร้านยุ่งเหยิงปั่นป่วนไปหมดแล้ว

และพอเฉินม่านเหยากับซวี่ซานเห็นว่าเป็นเช่นนี้ก็ยอมไม่ได้ พวกนางถึงขั้นเรียกระดมพลคนที่เป็นเส้นสายของตัวเองมา คนหนึ่งเรียกคนจากนครจักรพรรดิขุย อีกคนเรียกคนมาจากนครเทพจุติ ทำให้ผู้ฝึกวิญญาณที่เดิมทีไม่คิดจะมาที่นี่จำต้องมาซื้อยาวิญญาณจากหญิงสาวทั้งสองคนตามคำสั่ง แถมแต่ละคนยังจ่ายเงินมือเติบอย่างใจกว้าง

นี่จึงทำให้ร้านของป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม ทุกคืนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังจำนวนรายรับที่วิญญาณป๋ายฮ่าวคอยรายงานให้ฟัง เขาก็ใจสั่นไม่หยุด สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจ ปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป ส่วนตัวเขาไม่ย่างเท้าออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว วันๆ เอาแต่ศึกษาไฟสิบเจ็ดสี ทำให้เขาเริ่มเข้าใจไฟสิบเจ็ดสีมากขึ้น บางครั้งยังทดลองหลอมด้วย แม้จะล้มเหลวทุกครั้ง แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เชื่อว่าไฟสิบเจ็ดสีของตนน่าจะใกล้หลอมได้สำเร็จแล้ว

แต่ปัญหาที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมก็เริ่มปรากฏขึ้นเช่นกัน

เมื่อเฉินม่านเหยาและซวี่ซานมาเยือนได้เกินครึ่งเดือน เรื่องนี้ก็ได้แพร่ออกไปทั่ว ยิ่งหญิงสาวสองคนนี้ให้คนของตัวเองมาซื้อยาวิญญาณเพื่อแข่งขันกัน เรื่องนี้จึงขยายออกไปเป็นวงกว้างจนครึกโครมไปถึงหูชนสูงศักดิ์ของนครจักรพรรดิขุย

ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นเฉินม่านเหยาหรือซวี่ซาน พวกนางต่างก็เป็นหญิงสาวผู้สูงส่ง ไม่ว่าจะด้วยฐานะ ชาติกำเนิด ตบะ ความสามารถ หรือหน้าตาของพวกนางก็ล้วนเป็นหนึ่งไม่เป็นรองใคร หญิงสาวแบบนี้ย่อมเป็นที่ใฝ่หาของคนนับไม่ถ้วน

บางคนที่เจ้ากี้เจ้าการยังมีการจัดลำดับหญิงสาวสองคนนี้ร่วมกับสตรีธุลีแดง ตั้งสมญานามพวกนางให้เป็นสามเทพธิดาแห่งแดนทุรกันดาร ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนอื่นๆ สวยสู้พวกนางไม่ได้ แต่ว่าทั้งสามคนนี้ต่างก็นับเป็นสุดยอดของทุกๆ ด้าน

ขนาดองค์ชายรองยังถูกดึงดูดความสนใจ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นได้ถึงความไม่ธรรมดาของพวกนางได้แล้ว

กลุ่มคนที่ตามจีบพวกนางมีมากเกินไป ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของสตรีธุลีแดงก็ทำให้คนบางส่วนขวางหูขวางตาป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว พอรู้ว่าเขาคือคู่บำเพ็ญตนของสตรีธุลีแดงที่ราชาผียักษ์จับคู่ให้ด้วยตัวเอง คนเหล่านั้นก็ไม่ชอบใจ ทว่ากลับข่มอารมณ์เอาไว้

เพียงแต่วันนี้เมื่อเฉินม่านเหยาและซวี่ซานปรากฏตัว พวกคนที่ชื่นชอบพวกนางก็นั่งไม่ติดกันอีกต่อไป พวกเขาพากันสืบข่าว ทั้งยังมีคนบางส่วนที่มาเยือนพื้นที่ที่แปดสิบเก้าเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเอง

พอได้เห็นเฉินม่านเหยาและซวี่ซานชิงดีชิงเด่นกันเพราะความหึงหวงป๋ายเสี่ยวฉุนกับตาตัวเอง ในใจของคนเหล่านี้ก็พลันมีไฟโทสะไร้ที่มาปะทุเดือด ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ของเฉินม่านเหยาแตกต่างไปจากภาพของนางในความทรงจำคนมากมาย ความชิงชังริษยาในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

แต่ยังดีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีชื่อเสียงไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในกาหลอมวิญญาณ หรือการหลอมไฟสิบแปดสีให้ปรากฏออกมาเสี้ยวหนึ่งก็ล้วนทำให้คนกริ่งเกรงได้ทั้งสิ้น

เพียงแต่ว่าช่วงเวลานี้กลับมีข่าวลืออย่างหนึ่งที่ถูกคนมีเจตนาตั้งใจผลักดันให้มันค่อยๆ แพร่ไปทั่วกลุ่มผู้มีอิทธิพลของนครจักรพรรดิขุย ยิ่งนานวันก็ยิ่งลือกันหนาหู

ข่าวลือนี้เรียบง่ายตรงประเด็น บอกว่าทั้งๆ ที่เกิดเรื่องในกาหลอมวิญญาณ แต่เหตุใดเฉินม่านเหยาถึงมีปฏิกิริยาแตกต่างไปจากเดิมเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนอยู่ในกาหลอมวิญญาณ พอเฉินม่านเหยาถูกจับตัวไป ก็เคยได้อยู่กับป๋ายเสี่ยวฉุนสองต่อสอง

และตอนที่ป๋ายฮ่าวอยู่ในนครผียักษ์ก็มีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ แม้แต่เมียคนอื่นยังกล้าแย่งชิงมาเป็นของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มักมากในกาม ให้เรียกเขาว่าเป็นพวกตัณหาจัดก็ยังไม่มากเกินจริง

หญิงสาวโฉมสะคราญอยู่ลำพังกับคนบ้ากามเช่นนี้ ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน และเจ้าคนตัณหาจัดผู้นี้ย่อมต้องมีวิธีการบางอย่างที่ทำให้เฉินม่านเหยาติดใจอ่อนโอนผ่อนตาม พอเขามาอยู่ในจักรพรรดิขุย เฉินม่านเหยาถึงได้มีท่าทางผิดปกติเช่นนี้

ขณะเดียวกันข่าวลือนี้ก็พูดถึงซวี่ซานเช่นกัน เรื่องที่เล่าลือนั้นก็ไม่ต่างกันมากนัก บอกว่าซวี่ซานต้องถูกชายบ้ากามผู้นี้ใช้วิธีการอะไรบางอย่างถึงได้ปักใจรักไม่คลาย ขณะเดียวกันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าคนบ้าตัณหาผู้นี้มีฝีมืออย่างแท้จริง ถึงได้กวาดเทพธิดาทั้งสามไปกินเรียบได้อย่างนี้

ช่วงแรกเริ่มข่าวลือนี้ยังแพร่อยู่ในขอบเขตเล็กๆ แต่ไม่นานก็ส่งผลกระทบไปเป็นวงกว้าง พอถึงท้ายที่สุดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทุกคนต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้!

บางคนที่พอได้ยินข่าวลือนี้ก็ถึงกับคลุ้มคลั่ง ร้องคำรามไม่หยุด บางคนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกลียดป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ากระดูกดำ ส่วนบางคนก็เลือกที่จะไม่เชื่อ

ทว่าทุกครั้งที่มีคนบอกว่าไม่เชื่อก็จะต้องมีคนตอกกลับมาทันที

“ป๋ายฮ่าวผู้นั้นเป็นคนอย่างไรเล่า นั่นคือคนบ้ากามที่แม้แต่เมียคนอื่นก็ยังไม่ละเว้น ส่วนเฉินม่านเหยาก็เป็นสาวงามเลิศล้ำปฐพีขนาดนั้น คราวก่อนนางตกอยู่ในเงื้อมมือเขาตั้งหลายวัน เรื่องที่ควรเกิดก็ย่อมต้องเกิดหมดแล้ว”

“หลักฐานชัดเจนจะตายไป หาไม่แล้วทำไมเฉินม่านเหยาถึงมีท่าทีผิดปกติ ซวี่ซานเองก็เป็นเหมือนกัน เจ้าคนหื่นกามสมควรตาย เขามันตัวหายนะชัดๆ!!”

ข่าวลือนี้ยิ่งแพร่ก็ยิ่งรุนแรง พอถึงท้ายที่สุดก็ถึงกับมีคนยืนกรานว่ามีหลักฐานยืนยันแน่ชัด คำวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายรูปแบบระเบิดอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้สูงศักดิ์ในนครจักรพรรดิขุย ทั้งยังถึงขั้นแพร่ไปถึงผู้ฝึกวิญญาณระดับล่างแล้วด้วย พริบตาเดียวเรื่องนี้ก็ดังไปทั่วทั้งเมือง

เฉินม่านเหยาและซวี่ซานต่างก็ได้ยินข่าวลือนี้ หญิงสาวทั้งสองคนโมโหอย่างมาก ทว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางข่าวลือที่พัดกระพือไปทั่วทุกหนแห่งนี้ เสียงโต้แย้งของพวกนางกลับเป็นเหมือนหินก้อนเล็กๆ ที่จมลงในมหาสมุทร มิอาจสร้างลูกคลื่นใดๆ ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว

มาถึงท้ายที่สุด พวกนางเองก็เริ่มแบกรับไม่ไหวอีกต่อไป ราชาเทพจุติกริ้วหนัก สั่งให้เจ้าพระยาสวรรค์คนหนึ่งที่เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชามาพาตัวซวี่ซานไปจากนครจักรพรรดิขุยด้วยตัวเอง

ส่วนทางฝ่ายเฉินม่านเหยานั้นก็ถูกต้าเทียนซืออาจารย์ของนางออกคำสั่งกักบริเวณ ทำให้นางต้องจากไปพร้อมความไม่เป็นธรรม

เมื่อหญิงสาวทั้งสองจากไป เรื่องนี้ก็เหมือนจะยุติลง ทว่าข่าวลือนั่นยิ่งถูกพัดกระพือ ยั่วยุความเดือดดาลของเหล่าลูกหลานผู้ทรงเกียรติในนครจักรพรรดิขุย ความเดือดดาลนี้ทับซ้อนเข้าด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดวันนี้มันก็ระเบิดออกมาอย่างมิอาจกักเก็บไว้ได้อีก

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!! พวกเราต้องขจัดภัยร้ายเพื่อปวงประชา!!”

ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่คำรามเดือดดาลแล้วพุ่งตัวออกไป ไม่นานลูกหลานผู้สูงศักดิ์ในนครจักรพรรดิขุยก็พากันระดมพลพุ่งไปโจมตี ในบรรดาคนเหล่านี้ไม่ใช่ทุกคนที่เสียสติ กลับกันคือคนส่วนใหญ่ล้วนมีสติรู้ตัวเองชัดเจนดี เช่นพวกเสี่ยวหลางเสิน หลี่เทียนเซิ่ง แต่ยิ่งพวกเขามีสติมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้

อีกทั้งท่ามกลางข่าวลือนี้พวกเขายังมีส่วนแอบผลักดันอย่างลับๆ นั่นถึงทำให้ข่าวลือครั้งนี้สร้างความบ้าคลั่งให้ผู้คนอย่างหนัก ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็มีศิษย์แห่งความภาคภูมิใจจำนวนมากที่ครึ่งหนึ่งมีตบะก่อกำเนิด ส่วนที่เหลือคือรวมโอสถพกพาเอาไอสังหารเทียมฟ้าพุ่งเข้ามาเข่นฆ่ายังเขตพื้นที่ที่แปดสิบเก้า บุกเข้าไปในร้านของป๋ายเสี่ยวฉุน!

โจวหงเองก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย ดวงตาทั้งคู่ของเขาเย็นชา ยิ้มหยันอยู่ในใจ

“ป๋ายฮ่าว ข้าอยากจะรู้นักว่าคราวนี้เจ้าจะรับมืออย่างไร!”

“ต่อให้พลังการต่อสู้ของเจ้าจะเลิศเลอแค่ไหน แล้วอย่างไรเล่า หากเจ้าลงมือทำร้ายหรือจับตัวคนเหล่านี้ ที่นี่ไม่ใช่กาหลอมวิญญาณ ตระกูลพวกเขาต้องระดมพลมาเล่นงานเจ้าแน่!

เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าชักนำความเดือดแค้นของระดับสูงในราชวงศ์จักรพรรดิขุย ต่อให้มีราชาผียักษ์คอยหนุนหลังให้เจ้า เจ้าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน!”

“และหากเจ้าขลาดกลัว ถ้าเช่นนั้นคราวนี้ เจ้าก็จะต้องถูกสังหารดั่งหมาที่ไร้เจ้าของ!”

“ไม่ว่าลงมือหรือไม่ เจ้าก็แพ้แล้ว ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!” โจวหงคิดมาถึงตรงนี้ก็ให้ตื่นเต้นสุดกำลัง เขาเป็นคนมีแค้นต้องชำระ ในกาหลอมวิญญาณเขาถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า นั่นคือฝันร้ายและความอัปยศในชีวิตของเขา ความเกลียดแค้นที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนจึงลึกล้ำถึงแก่น เขาเคยพยายามแก้แค้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ทว่าคราวนี้เขาเชื่อว่าต้องทำสำเร็จแน่นอน!

“แผนการคราวนี้ ข้าเป็นแค่คนจุดประเด็นเท่านั้น ต่อให้สืบหาความกันขึ้นมาจริงๆ แม้ข้าจะมีความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้าล่วงเกินคนไว้มากมาย ดังนั้นแค่ข้าจุดประเด็นก็มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนผลักดันมันอย่างต่อเนื่อง ป๋ายฮ่าว ไม่เพียงแต่ข้าที่อยากฆ่าเจ้า คนตลอดทั้งนครจักรพรรดิขุยก็ล้วนอยากฆ่าเจ้า! หึหึ!” โจวหงที่สีหน้ามืดทะมึนหัวเราะสะใจ จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วทะยานตัวไปเร็วยิ่งกว่าเดิม

มองไกลๆ นครจักรพรรดิขุยในเวลานี้ก็เห็นเป็นเงาร่างหลายร้อยเงา พวกเขามองข้ามองค์รักษ์พิทักษ์เมือง บินทะยานจากสี่ทิศแปดทาง ตรงเข้าหาพื้นที่ที่แปดสิบเก้า!

พอคนจำนวนนับไม่ถ้วนเห็นภาพนี้และจำบุคคลที่อยู่ในนั้นได้ ทุกคนก็พากันใจหายวาบ ส่วนพวกองค์รักษ์ก็ล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันไปหมด

“นั่นมันเฉินสง?!”

“และยังมีเสี่ยวหลางเสิน หลี่เทียนเซิ่ง จ้าวตงซาน!! คนเหล่านี้นับเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทั้งสิ้น!!”

“พวกเขาจะทำอะไร ดูท่าคงต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่แล้ว!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!