Skip to content

A Will Eternal 754

บทที่ 754 ฟ้าเป็นใจ

เจ้าพระยาสวรรค์ที่ลงมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือผู้อาวุโสของเฉินสง หนึ่งในสิบเจ้าพระยาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ของนครจักรพรรดิขุย…เฉินฮ่าวซง!

สิบเจ้าพระยาสวรรค์แห่งนครจักรพรรดิขุยต่างก็เป็นขอบเขตคนฟ้า ทั้งยังไม่ใช่คนฟ้าธรรมดา แต่เป็น…คนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบ!

พวกเขาสิบคนก็คือรากฐานที่สำคัญของนครจักรพรรดิขุย สูงส่งเกินกว่าที่บุรพาจารย์ของสามตระกูลใหญ่และอู๋ฉางกงจากนครผียักษ์จะเทียบเคียงได้ ต่อให้เป็นสตรีธุลีแดงเอง หากนับกันที่ความลึกล้ำของตบะก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

เพียงแต่ว่าบิดาของสตรีธุลีแดงคือราชาผียักษ์ นี่ก็คือแต้มต่อของนาง ขณะเดียวกันบนร่างของนางก็ยังมีอาวุธล้ำค่าที่ราชาผียักษ์มอบให้…ทำให้นางมีพลังในการต่อสู้กับคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบได้ครั้งหนึ่ง!

ทว่าอาวุธล้ำค่านี้เพียงแค่ทำให้นางพอจะเอาตัวรอดจากน้ำมือของคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบได้อย่างกล้อมแกล้มเท่านั้น หากต้องปกป้องใครบางคนก็ยากที่จะทำได้ โดยเฉพาะ…ยามนี้เฉินฮ่าวซงได้ลงมือแล้ว นี่จึงทำให้สตรีธุลีแดงที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วหน้าเปลี่ยนสี ได้แต่เอ่ยห้ามน้ำเสียงร้อนรน

กระนั้นเฉินฮ่าวซงก็ยังดวงตาเป็นประกาย ขมวดคิ้วน้อยๆ น้ำใจจากสตรีธุลีแดง ก่อนหน้านี้เขาได้คืนไปหมดแล้ว ตอนนี้พอเห็นว่าอีกฝ่ายปรากฏตัว ทั้งยังเห็นได้ชัดว่ามาเพื่อป๋ายฮ่าว เขาก็เข้าใจดีว่าบางทีสตรีธุลีแดงอาจไม่ยินดีทำเช่นนี้ แต่จำเป็นต้องทำเพราะมีราชาผียักษ์สั่งการอยู่เบื้องหลัง

“หากเป็นคนที่ตายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าราชาผียักษ์จะยังออกหน้าเพื่อเขาอีกหรือไม่” เฉินฮ่าวซงแค่นเสียงเย็น แม้ว่าวันนี้เขาจะเพิ่งเคยเห็นหน้าป๋ายฮ่าวเป็นครั้งแรก ทว่าความเกลียดแค้นกลับมีอยู่ในใจนานแล้ว การเดิมพันด้วยยาวิญญาณแปดร้อยล้านเม็ดนั่นทำให้เขาตกอยู่ในสภาพจนตรอกอย่างถึงที่สุด

เวลานี้จึงไม่คิดจะสนใจสตรีธุลีแดง นิ้วมือของเฉินฮ่าวซงไม่เพียงแต่ไม่ถูกดึงกลับมา กลายเป็นว่ายิ่งชี้ไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่เฉินฮ่าวซงชี้นิ้วมา ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเสียงดังอึงอล ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินฮ่าวซงยังไม่ได้ลงมือ เขารู้สึกว่าพลานุภาพของคนผู้นี้หนักอึ้งเช่นเดียวกับผู้เฒ่าคนนั้น ทว่าตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายลงมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันหน้าเปลี่ยนสีทันใด

เขาสัมผัสได้ทันทีว่า เฉินฮ่าวซงผู้นี้นับว่าเป็นคนฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ตนเคยเจอมา อีกทั้งนิ้วนี้ของเขา มองดูเหมือนไม่ได้ชักนำปณิธานของฟ้าดินใดๆ ทว่า…ในความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุน นิ้วนี้ต้องกระแทกลงบนร่างของเขา โดยที่เขามิอาจหลบเลี่ยงได้แม้แต่น้อย!

ราวกับว่า…ฟ้าเป็นใจ!

และในความเป็นจริง นี่ก็คือฟ้าเป็นใจอย่างแท้จริง!! และนี่ก็เป็นขอบเขตที่สูงล้ำที่สุดในเขตของคนฟ้า!

เขาไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก แล้วก็ไม่ได้สนใจพระยาสวรรค์ทั้งเก้าคนที่อยู่รอบกายด้วย เวลานี้ในใจเหมือนมีคลื่นลูกยักษ์ถาโถม ตะลึงพรึงเพริดไปกับนิ้วที่ชี้ลงมาอย่างน่าครั่นคร้ามนั้น

ในสายตาของเขา นิ้วนี้ได้เข้ามาแทนที่ท้องฟ้า มันใหญ่อย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เมื่อมันชี้ลงมาก็เหมือนฟ้าดินยุบถล่มลงมาบนร่างของตน ความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนเรือนกายและจิตวิญญาณจะพากันระเบิดแหลกลาญ

วิกฤตคับขัน ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคำรามแหบโหยอย่างเดือดดาล ความรู้สึกถึงความเป็นความตายอันรุนแรงนั้นทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าหากมิอาจต้านทานนิ้วนี้ไว้ได้ วันนี้ตน…ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!

ไม่ทันมัวมาคิดมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนที่แผดเสียงตะโกนพลันหยิบเอาทวนยาวสีดำที่ราชาผียักษ์มอบให้ออกมา วินาทีที่ทวนยาวซึ่งผ่านการหลอมพลังจิตสิบหกครั้งเล่มนี้ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเอาออกมา เขาก็ไม่ได้ถือมันไว้ในมือ แต่ขว้างออกไปทันที ทวนยาวกลายเป็นสายฟ้าสีดำที่ตรงดิ่งเข้าหานิ้วของเฉินฮ่าวซง!

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็ไม่คิดจะมองผลลัพธ์ ร่างถอยกรูดไปข้างหลังอย่างว่องไว ขณะที่ถอยหนี มือหนึ่งของเขาหยิบเอาร่มราตรีนิรันดร์มากางออก จนกระทั่งถอยมาหยุดอยู่ข้างกายโจวหงจึงใช้อีกมือคว้าร่างโจวหงที่หน้าเปลี่ยนสีเอาไว้

ทุกอย่างนี้พูดแล้วช้า แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตา แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าโจวหงเอาไว้ได้ เสียงกัมปนาทเขย่าคลอนท้องฟ้าก็ดังอึกทึกดั่งอสนีบาต

แม้แต่ทวนยาวสีดำที่หลอมพลังจิตสิบหกครั้งเล่มนั้นที่พอปะทะกับนิ้วของเฉินฮ่าวซงกลางอากาศก็ยังระเบิดกลายเป็นพายุคลั่งที่ทะยานสู่ฟากฟ้า

ตูมๆ ปังๆ!

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าทวนยาวสีดำที่หลอมพลังจิตสิบหกครั้งแตกออกไปทีละชุ่น พริบตาเดียวก็แหลกสลาย ขณะเดียวกันกับที่มันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นิ้วนั้นก็สลัวรางลงไปบางส่วน

เพราะอย่างไรซะนี่ก็คืออาวุธล้ำค่าที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบหกครั้ง หากเปลี่ยนมาเป็นคนฟ้าทั่วไป เกรงว่าการแตกสลายของทวนยาวนี้ก็คงสลายการโจมตีของคนฟ้าไปพร้อมกัน เพียงแต่ว่าเฉินฮ่าวซงผู้นี้คือคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบ การลงมือของเขาจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่า

เมื่อทวนยาวแหลกลาญ นิ้วมือมายาก็ร่วงลงมาอีกครั้ง มาปรากฏอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วกระแทกลงบนร่มราตรีนิรันดร์อย่างแรง

เสียงเกริกก้องดังครืนครั่นขึ้นมาอีกครั้ง การปกป้องของร่มราตรีนิรันดร์ดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก ร่มทั้งคันถูกฉีกกระชาก ใบหน้าผีครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ครึ่งร้องไห้ครึ่งหัวเราะที่ถูกพลังหน้ากากอำพรางให้พร่าเลือนกรีดร้องเสียงแหลมแล้วหลุดออกมาจากตัวร่ม ก่อนจะเขมือบกลืนนิ้วมือนั้น

เพียงแต่การเขมือบกลืนนี้เป็นเหมือนงูที่พยายามกลืนช้าง ใบหน้าผีจึงแตกกระจายอย่างรวดเร็ว ตัวร่มพังพินาศอย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าแกนของร่มคันนี้ที่ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุใดกลับยังคงไม่บุบสลาย

ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบเก็บเอาร่มราตรีนิรันดร์กลับมาด้วยความเสียดาย อาศัยพลังการชนนี้ถอยหลังไปอีกครั้ง นิ้วมือข้างนั้นถูกลดทอนกำลังสองครั้งติดต่อกัน ยามนี้จึงดับสลัวไปแล้วเกินครึ่ง ขณะที่กำลังเข้ามาใกล้ โจวหงที่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวสลดใจก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเหวี่ยงมาวางไว้ด้านหน้า

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะกล้าฆ่าบุตรชายของครึ่งเทพ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่น ขณะเดียวกันกับที่เก็บเอาร่มราตรีนิรันดร์กลับไปก็หยิบเอายาวาสนาทลายฟ้าออกมาไว้บนมือ

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เฉินฮ่าวซงที่อยู่บนท้องฟ้าเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเอาโจวหงมาบังไว้ข้างหน้า สีหน้าก็พลันเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามอง นัยน์ตาลุกเรืองอย่างอดไม่ไหว ดวงตาของเขาเปล่งแสงวาบอยู่หนึ่งที ก่อนที่นิ้วมือมายาซึ่งมืดสลัวอยู่แล้วจะสลายไปเองครึ่งหนึ่ง ส่วนภาพมายาที่เหลือนั้นแตะลงไปบนร่างของโจวหงโดยตรง…

แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่ภาพมายานั้นแตะลงบนร่างของโจวหงกลับลอดทะลุร่างของเขา มาปรากฏอยู่ที่…เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน!

นิ้วนั้นยังคงร่วงลงมา!

ชั่วขณะที่ร่วงลงมานั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่น มือขวายกขึ้นยัดยาวาสนาทลายฟ้าเข้าปาก ขณะเดียวกันมือซ้ายของเขาก็กำเป็นหมัดต่อยเข้าหานิ้วมือมายาที่เข้ามาใกล้!

เสียงอื้ออึงดังขึ้นคล้ายจะกระชากนภากาศ กึกก้องไปสี่ทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง กระอักเลือดเป็นสาย ในร่างก็ยิ่งมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น ถอยกรูดออกไปไกล ชั่วเวลาที่เขาถอยร่นไปไหน พลังงานของยาวาสนาทลายฟ้าก็ระเบิดตามมา ทำให้ขณะที่อาการบาดเจ็บของเขาแผ่ขยายไปอย่างต่อเนื่องก็ฟื้นตัวคืนมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน พอถอยไปถึงรัศมีร้อยจั้ง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหยุดลง เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาซีดขาว ลมหายใจหอบหนักถี่รัว ทว่าอาการบาดเจ็บ…กลับฟื้นตัวหายดีหมดแล้ว!!

มองดูเหมือนไร้อาการบาดเจ็บ แต่ในความเป็นจริงแล้วอารมณ์ของเขาไม่นิ่งสงบเอาเสียเลย เขาค้นพบว่าตัวเองเข้าใจคนฟ้าน้อยเกินไป ระหว่างคนฟ้าด้วยกัน เห็นได้ชัดว่ามีความต่างที่มากถึงขีดสุด

“เฉินฮ่าวซงผู้นี้ น่าจะเป็น…คนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง! ยิ่งการลงมือของเขาเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกที่เหมือนท้องฟ้ากดทับลงมา ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองเฉินฮ่าวซงที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยหัวใจที่ยังคงเต้นถี่รัว แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้

“เป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยใช่ไหม หึ รอข้ากลายเป็นครึ่งเทพเมื่อไหร่ จะต้องเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยแก้แค้นเจ้าคืนกลับไปบ้าง!”

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังตัวสั่น โจวหงที่อยู่ในมือของเขากลับตัวสั่นยิ่งกว่า เมื่อครู่นี้เขาตกใจเกือบตาย นิ้วจากคนฟ้าที่มาเยือนนั้นทำให้เขาเข้าใจไปว่าตนต้องตายแน่นอน ยามนี้พอรอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด

เขาก็บังเกิดความหวาดกลัวป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างถึงที่สุด ในที่สุดเขาก็มองออกแล้วว่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ก็คือคนบ้าที่ใจกล้าบ้าระห่ำอย่างแท้จริง!!

เวลาเดียวกันนั้น เงาร่างสีแดงสายหนึ่งก็พลันพุ่งมาจากทิศไกลแล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งนั่นก็คือสตรีธุลีแดง!

ก่อนหน้านี้นางเห็นทุกขั้นตอนการต้านรับพลังโจมตีจากคนฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน หัวใจนางก็สั่นไหวไม่หยุดเช่นกัน เมื่อมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนนางก็พลันค้นพบว่าดูเหมือนตัวเอง…จะเข้าใจป๋ายฮ่าวผู้นี้น้อยนิดยิ่งนัก อีกทั้งความอคติก็มีมากด้วย

“เฉินฮ่าวซง ข้ารับคำสั่งของเสด็จพ่อให้มาปกป้องป๋ายฮ่าว!” สตรีธุลีแดงรู้ว่าเวลานี้สถานการณ์เร่งด่วนจึงรีบเก็บเอาสายตาที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนกลับคืนมา สะกดความสั่นไหวในหัวใจลงไป แล้วหันขวับไปมองเฉินฮ่าวซงที่อยู่กลางอากาศ

รอบด้านเงียบสงัด วิธีการที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้คลี่คลายนิ้วสังหารจากเจ้าพระยาสวรรค์ทำให้พระยาสวรรค์เก้าคนที่อยู่โดยรอบพากันหน้าเปลี่ยนสี ตกตะลึงอย่างยิ่ง

วิธีการนั้นดูเหมือนธรรมดา แต่ต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องคิดรับมือให้ได้ในเสี้ยววินาที แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง นั่นจึงไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ เพราะมันไม่เพียงแต่ต้องใช้สติปัญญาอันเฉียบไวเท่านั้น!

สิ่งที่ต้องการมากกว่านั้นก็คือสัญชาตญาณในการต่อสู้ที่ลึกล้ำอย่างถึงที่สุด

และบัดนี้สัญชาตญาณในการต่อสู้ของป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็ทำให้ทุกคนที่เห็นอยู่ในสายตาต่างหวาดผวาในใจ

ภาพนี้ก็ทำให้เฉินฮ่าวซงขมวดคิ้วเหมือนกัน เขาแอบถอนหายใจอยู่กับตัวเอง ความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้แต่เขาเองยังตกใจ เพียงแต่ด้วยตัวตนของเขา การลงมือครั้งเดียวก็พอแล้ว ต่อให้เขาคิดจะลงมือต่อ การมาถึงของสตรีธุลีแดงก็ไม่เหมาะให้เขาดึงดันอีกต่อไป เพราะอย่างไรซะเบื้องหลังสตรีธุลีแดงก็คือราชาผียักษ์

ทว่าความคิดเหล่านี้ล้วนผุดขึ้นมาในใจเท่านั้น ภายนอกเขากลับมีสีหน้ามืดคล้ำ มองไปยังสตรีธุลีแดงแล้วกล่าวว่า

“เจ้าปกป้องเขาไม่ได้หรอก!” เฉินฮ่าวซงเอ่ยเนิบช้า

“เรื่องนี้เสด็จพ่อของข้าได้ขอคำแนะนำจากต้าเทียนซือแล้ว ในขณะที่ยังไม่มีโองการจากต้าเทียนซือ แม้ข้าจะปกป้องป๋ายฮ่าวผู้นี้ไม่ได้ ทว่าเฉินฮ่าวซง เจ้ากล้าลงมืออีกครั้งงั้นรึ!” ดวงตาที่แน่วนิ่งของสตรีธุลีแดงเผยความเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!