Skip to content

A Will Eternal 755

บทที่ 755 ข้าไม่ใช่ป๋ายฮ่าว

ดวงตาทั้งคู่ของเฉินฮ่าวซงหดตัวน้อยๆ เป็นจริงอย่างที่สตรีธุลีแดงกล่าว ในเมื่อเรื่องนี้ราชาผียักษ์บอกกล่าวแก่ต้าเทียนซือแล้ว ถ้าอย่างนั้นในขณะที่ยังไม่มีคำสั่งจากต้าเทียนซือก็แทบจะไม่มีใครกล้าทำอะไรป๋ายฮ่าวผู้นี้

ที่พูดว่าแทบ…ก็เพราะในนครจักรพรรดิขุยยังมีอีกคนหนึ่ง และเป็นเพียงแค่คนเดียว…ที่มีสิทธิ์มองข้ามต้าเทียนซือ ทว่าสิทธิ์นี้ ต่อให้เป็นคนผู้นี้เองก็ยังไม่กล้าใช้

คนผู้นี้ ก็คือจักรพรรดิขุยคนปัจจุบัน!

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองสตรีธุลีแดงและเฉินฮ่าวซง เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่คืนสติกลับมาจากการลงมือของเฉินฮ่าวซงก่อนหน้านี้ ตอนนี้จึงเริ่มกระวนกระวาย ถอนหายใจเฮือกๆ อยู่ในใจ กลัดกลุ้มระทมทุกข์ยิ่ง

“ทำไมข้าถึงได้ซวยขนาดนี้…วันนี้ชีวิตน้อยๆ ของข้าจะปลอดภัยหรือไม่…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจไม่เป็นสุข เพราะพอรู้ว่าเรื่องนี้แดงไปถึงหูของต้าเทียนซือ หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำไม่หยุด

สำหรับต้าเทียนซือผู้นี้ แม้ว่าพอมาอยู่แดนทุรกันดาร ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคือใคร!

ครานั้นเมื่อครั้งอยู่สำนักสยบธาร

เงาสะท้อนของผู้เฒ่าที่เป็นอาจารย์ของเฉินม่านเหยาซึ่งเคยปรากฎขึ้นมา แม้ด้วยเพราะอยู่ในเขตแม่น้ำทงเทียน การฉายภาพสะท้อนนั้นจึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองตบะของผู้เฒ่าไม่ออก แต่ตอนนี้พอมาย้อนนึกดู วิธีการเช่นนั้นมีหรือจะง่ายดาย

ขณะที่ในใจหวาดหวั่น ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าหากท่าไม่ดี ตนควรจะหนีออกไปจากนครจักรพรรดิขุยเช่นไร…

“ทำยังไงดี จะทำยังดี…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังร้อนใจ ทางฝ่ายของเฉินฮ่าวซงก็หยิบแผ่นหยกขึ้นมาส่งข้อความเสียงหาต้าเทียนซือ ผู้เฒ่าเจ้าพระยาสวรรค์ที่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ มาโดยตลอดก็นิ่งคิดไปพักหนึ่งแล้วหยิบแผ่นหยกขึ้นมาเช่นกัน

รอบด้านพลันเงียบงัน ทว่าในความเงียบนี้ แรงกดดันของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยิ่งมากกว่าเก่า เขารู้สึกว่าตัวเองดวงซวย ไม่เป็นธรรมยิ่งนัก นับตั้งแต่ที่มาอยู่นครจักรพรรดิขุย ตนทำตัวสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ทว่าปัญหากลับยังมีมาไม่ขาดสาย

ขณะที่สถานการณ์อยู่ในภาวะคุมเชิงกัน บนท้องฟ้าของนครจักรพรรดิขุย กลางพระราชวังอันเป็นที่รวบรวบกองกำลังยิ่งใหญ่ที่สุดของทั้งแดนทุรกันดาร เป็นตัวแทนของความสูงส่งเหนือผู้ใด ยามนี้ในตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง มีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่มองดูเหมือนหน้าตาปกติกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาเผยแววครุ่นคิด

แม้ว่าผู้เฒ่าคนนี้จะดูแก่ชรา ทว่าปราณบนร่างของเขากลับทำให้คนมองไม่รู้สึกได้ถึงความชราภาพใดๆ อย่างน่าแปลกใจ ราวกับว่าความแก่ชรานั้นเป็นเพียงแค่ภายนอก หากเลือดลมที่สมบูรณ์พลุ่งพล่านของเขาแผ่ออกมาก็จะปกคลุมทั้งนครจักรพรรดิขุยเอาไว้ได้เลย

เขาสวมอาภรณ์เรียบง่าย มีเพียงแค่ชุดคลุมยาวสีขาวตัวหนึ่ง ไม่มีสิ่งประดับหรูหรา ทว่าอาภรณ์สีขาวธรรมดาตัวนี้กลับมากพอจะทำให้ทุกคนในแดนทุรกันดารที่ได้เห็นเกิดความตึงเครียด

เพราะทั้งหมดนี้ล้วนมาจากตัวตนของเขา ตัวตนของเขานั้นต่อให้สวมใส่เสื้อผ้าพื้นๆ เรียบง่ายแค่ไหนก็ยังเหมือนเอาทะเลดวงดาวมาห่มกาย

เขา ก็คือต้าเทียนซือ!

เวลานี้เขาก้มหน้าลงมองแผ่นหยกข้อความเสียงในมือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่แปดสิบเก้าล้วนมีคนมากมายเอามารายงานให้เขาทราบ เดิมทีนี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทว่ากลับทำให้ต้าเทียนซือครุ่นคิดอยู่นาน หรือถึงขั้นคิดไปไกลอย่างลึกซึ้ง

“น่าสนใจไม่น้อย…” ผ่านไปพักใหญ่ ต้าเทียนซือพลันคลี่ยิ้ม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนี้ออกจะเย็นชาไปสักเล็กน้อย อีกทั้งดวงตาของเขาก็แฝงประกายประหลาดเอาไว้

“เรื่องราวที่ล้อมวนอยู่รอบกายคนผู้นี้กลับชักนำให้เกิดคลื่นลมเช่นนี้ได้…

ราชาผียักษ์ต้องการได้ตัวเขาเป็นลูกเขย ราชาเทพจุติที่ต้องการดับความคิดของลูกสาวจึงต้องการให้ข้าสังหารคนผู้นี้ ลูกชายของราชาเก้านรกภูมิวางแผนสังหารเขา…สี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เอ๋ย ตอนนี้เพื่อคนคนนี้ พวกเจ้ากลับมีสามคนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยว”

“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคราวนี้ที่เรื่องในพื้นที่ที่แปดสิบเก้าแทบจะครอบคลุมไปทั้งนครจักรพรรดิขุย แทบจะดึงเจ้าพระยาสวรรค์ พระยาสวรรค์ทั้งหมดให้เข้ามาเกี่ยวข้อง…ต่อให้เจ้านายตัวจริงไม่ได้ปรากฎตัว ทว่าลูกหลานในตระกูลของคนเหล่านั้นก็เผยกายกันหมดแล้ว”

“ป๋ายฮ่าวคนเดียวกลับสร้างมรสุมลูกใหญ่ได้ขนาดนี้…น่าสนใจไม่น้อย และต้นตอเรื่องนี้นอกจากป๋ายฮ่าวแล้ว ยังมี…องค์ชายสองคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังนั่นอีก”

“ผู้บงการเบื้องหลังขององค์ชายทั้งสองสั่งการให้หลอกใช้โจวหง เพียงใช้ป๋ายฮ่าวเป็นเหยื่อล่อวางสถานการณ์ก็ทำให้คนมากมายยอมตายถวายชีวิตกันขนาดนี้เชียวหรือ…แผนการนี้เกรงว่าองค์ชายสองคนนั้นคงคิดไม่ออก วิธีการยืมมีดฆ่าคนแบบนี้นอกจากจักรพรรดิขุย ข้าผู้อาวุโสก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครวางแผนได้แยบยลเท่านี้อีกแล้ว” ประกายเย็นชาในดวงตาของต้าเทียนซือยิ่งเข้มข้น เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดลึกของพระราชวังแห่งนี้

“ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดแต่โดยดี คิดจะอาศัยโอกาสนี้สร้างความสัมพันธุ์ลับๆ อะไรบางอย่างงั้นหรือ…”

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้ว่าป๋ายฮ่าวที่ถูกเจ้าหลอกใช้มีปริศนามากมายจนน่าเหลือเชื่อ มีความเป็นไปได้มากอย่างถึงที่สุดแล้วว่าคนผู้นี้จะเป็นป๋ายเสี่ยวฉุน…และพอข้าจะเริ่มตรวจสอบ เขากลับมาปรากฎตัวอยู่นอกนครจักรพรรดิขุย ทั้งยังร่ายใช้…หมัดจักรพรรดิหมิง!!” ต้าเทียนซือหรี่ตาลง เรื่องนี้ทำให้ใจเขาไม่สงบสุข

“จักรพรรดิหมิง เจ้าบอกกับข้าว่า ให้ข้าเชื่อเขางั้นหรือ…” ต้าเทียนซือเงียบงัน ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็สะกดกลั้นความคิดเกี่ยวกับความน่าสงสัยในตัวตนของป๋ายฮ่าวกับความสัมพันธุ์ของเขาและจักรพรรดิหมิงในสมองลงไป แล้วเอาสมาธิไปวางไว้ที่เรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ที่แปดสิบเก้าอีกครั้ง

“ดูท่านครจักรพรรดิขุยคงสงบสุขมานานเกินไปแล้ว จักรพรรดิขุยถึงได้เริ่มคิดไม่ซื่อ ถ้าเช่นนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักจะยังมีใคร…ที่มีใจภักดีต่อจักรพรรดิขุยบ้าง?” ดวงตาของต้าเทียนซือเผยความเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัว เมื่อก้มหน้ามองแผ่นหยก สายตาก็เป็นประกายวาบ

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้…เขาล่วงเกินชนสูงศักดิ์แทบทั้งหมดในนครจักรพรรดิขุย เพราะอย่างไรซะเรื่องในกาหลอมวิญญาณก็นับว่าเขาสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คน ในเมื่อคนมากมายอยากให้เขาตายนัก ข้าผู้อาวุโสก็จะ…ให้ป๋ายฮ่าวผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อ แถมมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วย!” ต้าเทียนซือพลันหัวเราะ ยิ่งป๋ายเสี่ยวฉุนล่วงเกินคนไว้มากมายเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่าเขาตัวคนเดียวมากเท่านั้น

“เจ้าคือป๋ายฮ่าวก็ดี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ช่าง เรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว” การที่ได้คนโดดเดี่ยวเช่นนี้มาเป็นคนของตัวเอง สำหรับต้าเทียนซือแล้วนี่คือเรื่องดี!

อีกทั้งจักรพรรดิหมิงเองก็เคยแอบบอกเป็นนัยมาก่อน นี่จึงทำให้ต้าเทียนซือเริ่มมีใจอยากจะดึงป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาเป็นพวก และที่ประเสริฐที่สุดก็คือเบื้องหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีราชาผียักษ์ นี่จึงทำให้ต้าเทียนซือพึงพอใจมากกว่าเดิม

“หากเขากลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของโจวจื่อโม่จริงๆ ข้าคงยังลังเลอยู่บ้าง แต่พวกเขาสองคน ไม่มีทางได้สมหวังแน่!” ต้าเทียนซือแย้มยิ้ม เขารู้ดีว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือมีดงามเล่มหนึ่ง เหมาะสมอย่างยิ่งที่ตนจะเอามาใช้กับจักรพรรดิขุยซึ่งกำลังเกิดใจคิดกบฏ คนที่ล่วงเกินชนสูงศักดิ์ทั้งราชวงศ์เช่นนี้ หากตนให้โอกาสเขา ทั้งทำให้เขาคิดว่าตนคือที่พึ่งเดียวของอีกฝ่าย ถ้าอย่างนั้นเขาต้องผูกตัวติดไว้กับตนอย่างแน่นหนาแน่นอน

อีกทั้งจากเรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยไปรีดไถทรัพย์สินของตระกูลต่างๆ ในนครผียักษ์ก็ทำให้มองนิสัยของคนผู้นี้ออกว่าต้องเป็นคนที่ชอบอาศัยอำนาจไปแก้แค้นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้ตนหาตัวและจัดการคนที่สมคบคิดกับจักรพรรดิขุยได้ด้วย!

คิดมาถึงตรงนี้ ต้าเทียนซือก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด จึงเงยหน้าเอ่ยเบาๆ

“ทหาร จงนำโองการของข้าผู้อาวุโสไปยังพื้นที่ที่แปดสิบเก้า…แต่งตั้งให้ป๋ายฮ่าวเป็นผู้ตรวจการ ควบคุมกองพัน!”

“แล้วบอกให้เขามาพบข้า!”

ขณะที่เสียงของต้าเทียนซือดังสะท้อน ความว่างเปล่าเบื้องหน้าของเขาก็พลันบิดเบือน ก่อนที่ร่างพร่าเลือนของคนผู้หนึ่งจะปรากฎขึ้น เงาร่างนี้ตะลึงไปกับตำแหน่งผู้ตรวจการก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงก้มหัวประสานมือรับคำว่าขอรับอย่างนอบน้อม พอขยับกายหนึ่งครั้ง ร่างก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

และขณะนี้ ในพื้นที่ที่แปดสิบเก้า ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงขมวดคิ้วไม่คลาย ในใจพะวงแต่ผลได้ผลเสีย กำลังเค้นสมองคิดว่าหากท่าไม่ดี ตนควรจะหนีไปอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

“หากไม่มีวิธีจริงๆ ก็คงได้แต่สู้สุดชีวิตแล้วหนีไป ยังดีที่ข้ามียาวาสนาทลายฟ้าให้กินได้อีกหลายครั้ง อีกทั้งยังมีหน้ากากอยู่ด้วย ขอแค่หนีออกไปได้ระยะหนึ่งค่อยเปลี่ยนแปลงรูปร่างก็ได้แล้ว”

เมื่อเวลาผันผ่านไป ความกดดันในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ต้องรอฟังผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนบนหัวมีหญ้างอกขึ้นมา ความรู้สึกกระวนกระวายใกล้บ้าทำเอาเขาปากคอแห้งผาก

“ราชาผียักษ์ก็พึ่งไม่ได้ หากเขาคิดจะช่วยข้าจริงๆ แค่ใช้ค่ายกลนำส่งเดินทางมาที่นี่ ข้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดอยากจะให้กำลังใจตัวเอง แต่ตอนนี้กลับไร้อารมณ์ เขาแอบเหลือบมองสตรีธุลีแดงที่อยู่ข้างกายกับเฉินฮ่าวซงที่อยู่บนฟ้าแวบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยอย่างเงียบเชียบ

ทว่าขณะที่เขาถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเฉินฮ่าวซงและผู้เฒ่าเจ้าพระยาสวรรค์ที่อยู่ข้างกายเขากลับนิ่วหน้า ไม่นานสตรีธุลีแดงเองก็ดวงตาเป็นประกาย คนทั้งสามทยอยกันไปมองยังทิศทางหนึ่ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็พอจะรู้สึกได้จึงหันไปมองเช่นกัน แล้วก็เห็นทันทีว่ากลางอากาศที่ห่างไปไม่ไกล ยามนี้ความว่างเปล่าพลันบิดเบือน แล้วเงาร่างพร่าเลือนสวมชุดคลุมสีดำร่างหนึ่งก็เดินออกมา

ชั่วขณะที่ร่างนี้ปรากฎตัว ต่อให้เป็นเฉินฮ่าวซงและผู้เฒ่าเจ้าพระยาสวรรค์ที่อยู่ข้างกายเขาก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด สตรีธุลีแดงก็ยิ่งนัยน์ตาหดตัว

ส่วนพระยาสวรรค์เก้าคนนั้นก็ยิ่งใจสั่น เห็นได้ชัดว่าเกรงกลัวเงาร่างชุดดำที่พร่าเลือนนี้มาก

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างรุนแรงทำให้หัวใจของเขาเต้นดังตึกๆ ๆ แทบกระดอนออกมาจากหน้าอก…และเหมือนว่านาทีถัดมามันอาจจะหยุดเต้นไปเลยก็ได้

และเวลานี้เอง เงาร่างชุดดำพร่าเลือนที่มองเห็นใบหน้าไม่ชัดนั้นก็กวาดสายตาอันคมกริบไปรอบด้าน จนกระทั่งมาหยุดอยู่บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน

“เจ้าก็คือป๋ายฮ่าว!” เสียงนี้อึมครึมน่าขนลุก ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนมีไอสังหารพุ่งเข้ามาเข่นฆ่า เดิมทีเขาก็ตื่นตระหนกอยู่แล้ว พอได้ยินประโยคนี้ก็พลันสะดุ้งโหยงราวกระต่ายน้อยขี้ตกใจ

“ข้าไม่ใช่ป๋ายฮ่าว…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!