บทที่ 763 เจ้ารู้ความผิดของตัวเองหรือไม่
ป๋ายเสี่ยวฉุนพากองทัพศพโลหิตหนึ่งพันนายพุ่งออกมาจากพระราชวังด้วยความฮึกเหิมเปี่ยมอำนาจ ทุกที่ที่ผ่าน เหล่าองค์รักษ์นอกพระราชวังต่างตัวสั่นด้วยความหวาดผวา พอเห็นท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างชัดเจน พวกเขาก็ไม่กล้าหายใจแรง ยิ่งไม่กล้าขยับเข้ามาขัดขวาง
เพราะช่วงที่ผ่านมานี้ เรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการได้แพร่ไปอย่างครึกโครม ขณะเดียวกัน การตื่นขึ้นมาของกองทัพศพโลหิตก็เลื่องลือไปทั่วทั้งแดนทุรกันดารแล้วเช่นกัน
ต่อให้เป็นสำนักต้นแม่น้ำทั้งสี่ของเขตแม่น้ำทงเทียนก็ยังรู้ข่าวจากกำแพงเมืองฝั่งที่พวกเขารับผิดชอบว่าคนที่ชื่อป๋ายฮ่าวได้รับตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการของนครจักรพรรดิขุย
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือคนโปรดคนใหม่ของราชวงศ์จักรพรรดิขุย ทั้งยังเป็นมีดที่แหลมคมเล่มหนึ่งในมือของต้าเทียนซือ!
และทุกเรื่องราวที่คนผู้นี้เคยกระทำลงไปในนครผียักษ์ก็ถูกคนขุดค้นออกมาอย่างรวดเร็ว นั่นคือบุคคลที่จิตใจอำมหิตถึงขนาดสังหารคนในตระกูลของตัวเอง ทั้งยังกำเริบเสิบสานถึงขั้นกล้าจับตัวครึ่งเทพ อีกทั้งเรื่องราวหลังจากนั้นอย่างการค้นบ้านยึดทรัพย์ แย่งชิงลูกเมียผู้อื่น เรื่องราวทั้งหลายทั้งแหล่เหล่านี้ล้วนทำให้ทุกคนที่รับรู้ถึงกับสำลักลมหายใจ ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
ผู้คนพากันตระหนักได้ว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้…ก็คือคนบ้าระห่ำ อีกทั้งพลังในการต่อสู้ของเขาก็ยังไม่ธรรมดา สามารถฝ่าทะลวงวงล้อมโจมตีของเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจนับร้อยคนแล้วลักพาตัวคนเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อถูกคนหลายร้อยล้อมฆ่าก็ยังโจมตีกลับไปได้อย่างเด็ดขาด
บุคคลเช่นนี้เดิมทีก็เลิศล้ำน่าตะลึงอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเบื้องหลังของเขานอกจากต้าเทียนซือแล้วยังมีราชาผียักษ์ ทั้งยังเป็นลูกเขยที่ราชาผียักษ์ประทานงานแต่งให้ด้วยตัวเอง
ตัวตนทุกอย่างนี้ของเขาทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็น…บุคคลยิ่งใหญ่แห่งแดนทุรกันดาร!!
อีกทั้งเขาในเวลานี้ยังมีชื่อเสียงยิ่งกว่าพวกโจวหงและกงซุนอี้เสียอีก
โดยเฉพาะตอนนี้ต้าเทียนซือยังให้ท้ายเขาอย่างเต็มที่ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงฮึกเหิมห้าวหาญ ยิ่งวางตัวเบ่งอำนาจกำเริบเสิบสาน นำพากองเกราะดำที่บนร่างแผ่ปราณดุร้ายเข้มข้นกลายร่างเป็นรุ้งยาวหนึ่งพันเส้นทะยานไปพร้อมเสียงอึกทึก ตรงดิ่งเข้าหา…ตระกูลหลี่ในนครจักรพรรดิขุย!!
“หลี่เทียนเซิ่ง เจ้ากับพวกโจวหงมาหาเรื่องข้าครั้งแล้วครั้งเล่า คิดจะเอาชีวิตข้าให้ได้ ข้าปล่อยเจ้าไปหนึ่งครั้ง เจ้าก็กลับมาเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ข้าโมโหเต็มทีแล้ว ข้าบอกเจ้าไว้เลย หากข้าโมโหเมื่อไหร่ แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปลอดโปร่งโล่งใจ นัยน์ตาเผยแววคาดหวังอย่างเข้มข้น เขาอยากจะรู้นักว่าหากตอนนี้พวกคนที่อยากฆ่าเขามาอยู่ต่อหน้า คนพวกนั้นจะมีท่าทีเช่นไร
“หลี่เทียนเซิ่งก็คือคนแรก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งเพิ่มความเร็ว ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เขาและกองเกราะดำทั้งพันคนก็ขยับเข้าไปใกล้ตระกูลหลี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดทาง เงาร่างที่แผ่กลิ่นอายความโอหังอวดดีของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ชักนำความสนใจจากคนนับไม่ถ้วน พวกเขาพากันสูดหายใจดังเฮือกๆ ขณะเดียวกันพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมุ่งไปคือที่ไหน ในใจพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบพร้อมๆ กับมีการคาดเดามากมายผุดขึ้นมา
“แผ่ปราณดุร้ายอย่างไม่คิดปิดบังขนาดนี้ ป๋ายฮ่าวคิดจะทำอะไร…”
“ในเขตที่เก้า ก็คือที่ตั้งของตระกูลหลี่…”
ตระกูลหลี่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่เก้า กินอาณาบริเวณไปเกือบสองส่วนของพื้นที่ทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของอิทธิพลตระกูลพวกเขาเทียบเคียงได้กับนามของพระยาสวรรค์ คนในตระกูลมีมากมาย ทั้งยังมีผู้ฝึกวิญญาณจำนวนไม่น้อยที่อยู่ใต้สังกัด เมื่อเป็นเช่นนี้อำนาจและอิทธิพลของพวกเขาย่อมไม่ต่างจากลูกหิมะที่กลิ้งหลุนๆ ยิ่งกลิ้งลูกหิมะก็ยิ่งขยายใหญ่จนแทบจะกลายมาเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่น้อยนักจะมีใครกล้าล่วงเกิน
ขณะที่ทุกคนกำลังประหวั่นพรั่นพรึงกันอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนได้พากองเกราะดำหนึ่งพันคนเหยียบเข้าไปในพื้นที่ที่เก้าแล้ว มองไกลๆ ก็เห็นว่าในลานของตระกูลหลี่มีเจดีย์สูงนับร้อยจั้งหลังหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า!
เจดีย์สูงนี้มีนามว่าเจดีย์พระยาสวรรค์! ในนครจักรพรรดิขุยมีเพียงพระยาสวรรค์เท่านั้นที่สร้างได้ ความสูงคือร้อยจั้ง แต่หากเป็นเจ้าพระยาสวรรค์ จะสามารถสร้างเจดีย์สูงพันจั้งได้!
แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองมายังเจดีย์ของตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่เองก็สังเกตเห็นการมาเยือนของป๋ายเสี่ยวฉุน ฉับพลันความวุ่นวายโกลหาจึงเกิดขึ้น คนจำนวนมากในตระกูลหลี่พากันบินออกมา ทุกคนต่างก็จ้องนิ่งมายังพวกป๋ายเสี่ยวฉุนที่บินตรงมาที่นี่
หลี่เทียนเซิ่งเองก็อยู่ในกลุ่มคน อีกทั้งยังถูกคนจำนวนนับไม่ถ้วนห้อมล้อม เขาคือนายน้อยของตระกูลหลี่ ทั้งยังเป็นผู้กล้าซึ่งสร้างความภาคภูมิใจ ฐานะอันสูงส่งของเขาถึงขั้นที่ว่าหากบิดาของเขาไม่ปรากฏตัว คำพูดของเขาก็ไม่ต่างจากคำพูดของประมุขตระกูล
“ป๋ายฮ่าว!!” หลังจากเห็นชัดว่าคนมาคือใคร หลี่เทียนเซิ่งก็ผวาอยู่ในใจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นดุดัน นัยน์ตาฉายความอาฆาตแค้นรุนแรง ครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลให้กับตระกูลเฉิน และตัวการของเรื่องทุกอย่างนี้ก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้
ทว่าเพียงชั่วพริบตาความอาฆาตแค้นนี้กลับถูกซุกซ่อนอยู่ในหัวใจเขา เขารู้ดีว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหมือนกับในอดีต อีกฝ่ายถูกแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการ เบื้องหลังก็ยิ่งมีต้าเทียนซือคอยให้การสนับสนุน และวันนี้ยังมาเยือนด้วยท่าทางเหี้ยมหาญ นี่จึงทำให้เขาใจหายวาบ รีบสั่งให้คนเปิดใช้ค่ายกลทันที
แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่เขาเพิ่งถ่ายทอดคำสั่งออกไป เสียงแหวกอากาศก็ดังเกริกก้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนนำพากองเกราะดำหนึ่งพันคนเยื้องกรายมาถึง เมื่อเขาปรากฏตัว ปราณดุร้ายบนร่างของกองเกราะดำพันคนก็กลายมาเป็นเมฆหมอกสีดำที่ปกคลุมหลี่เทียนเซิ่งไว้กลางอากาศ
ส่วนรอบด้านกลับมีผู้ฝึกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้ข่าวจึงพากันตามมาดูเหตุการณ์ เมื่อมองเห็นภาพนี้ ในใจของพวกเขาก็ราวกับมีคลื่นยักษ์ถาโถม การคาดเดาต่างๆ นาๆ ประดังเข้ามากลางใจ
“หรือว่าต้าเทียนซือจะลงมือแล้ว?! ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่โดน…จะเป็นตระกูลหลี่!!”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง นี่อาจมีความเป็นไปได้ว่าป๋ายฮ่าวอาศัยตัวตนของตัวเองมาแก้แค้นส่วนตัว!”
และขณะที่ฝูงชนพากันตื่นตระหนก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยืนอยู่หน้ากองเกราะดำหนึ่งพันคนด้วยมาดเย่อหยิ่งจองหอง เขาก้มหน้าลงมองพื้นดิน พอกวาดสายตาไปทั่วทั้งตระกูลหลี่หนึ่งรอบก็ย้ายมามองคนของตระกูลหลี่หลายร้อยคนที่ชักมีดง้างคันธนูเตรียมลงมือ ซึ่งสายตาของเขามองหลี่เทียนเซิ่งที่ถูกกลุ่มคนโอบล้อมนานกว่าใคร
“หลี่เทียนเซิ่ง เห็นข้าผู้ตรวจการมาเยือน ยังไม่คารวะอีกรึ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาดุดัน เสียงดังอึงอลราวเสียงฟ้าคำรณ กองทัพศพโลหิตที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยิ่งแผ่ปราณเหี้ยมหาญออกมารุนแรงมากขึ้น
คนตระกูลหลี่หน้าเปลี่ยนสี ทว่าหน้าตาของพวกเขากลับเริ่มอำมหิตดุร้ายไม่ต่างกัน ลมหายใจของหลี่เทียนเซิ่งหอบรัวเล็กน้อย หัวใจของเขาสั่นสะท้าน กระวนกระวายถึงขีดสุด ทว่ากลับไม่เปิดเผยออกมาภายนอก เพียงแค่คำรามกร้าวด้วยสีหน้าไม่น่ามอง
“ป๋ายฮ่าว เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก บังอาจละเมิดเบื้องสูง ที่นี่คือจวนพระยาสวรรค์ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ ยังไม่รีบถอยไปอีก!!”
“จวนพระยาสวรรค์? หึหึ ที่นายท่านป๋ายของเจ้าตั้งใจมาเยือนก็คือจวนพระยาสวรรค์ตระกูลหลี่ของพวกเจ้านี่แหละ ได้ยินมาว่าตระกูลหลี่ของพวกเจ้าร่ำรวยไม่น้อย ข้าผู้แซ่ป๋ายกังวลว่าสมบัติที่พวกเจ้าซุกซ่อนไว้จะมีของปลอม จึงมาช่วยตรวจดูให้”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือไพล่หลัง เชิดคางขึ้นพลางเอ่ยอย่างโอหัง ทว่าในใจกลับยิ้มร่าราวดอกไม้ผลิบาน เขารู้สึกว่าประโยคนี้ของตัวเองพูดได้น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ที่เขาชอบที่สุดก็คือการข่มคนอื่นโดยที่ตนเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าทั้งด้านกำลังคนและด้านศีลธรรมแบบนี้นี่แหละ
“บังอาจ!!”
“ป๋ายฮ่าว เจ้าอยากตายหรือไร ตระกูลหลี่ของเรามีหรือจะยอมให้เจ้ามาทำตัวเหลวไหลได้!”
“น่าขันสิ้นดี ป๋ายฮ่าว สมองเจ้ามีปัญหาหรือไง!” หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยประโยคนั้นออกมา เหล่าคนในตระกูลหลี่ก็พากันร้องคำรามด้วยถ้อยคำที่ไร้ซึ่งความยำเกรงเพราะความเคยชิน
หลี่เทียนเซิ่งสีหน้าน่าเกลียด ในใจก็เริ่มร้อนรน รู้ดีว่าเรื่องในวันนี้ผิดปกติ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่ต้าเทียนซือจะลงมือกับตระกูลหลี่นั้นมีไม่มาก ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ…ป๋ายฮ่าวแก้แค้นส่วนตัวในนามส่วนรวม พอคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มกล้าหาญมากขึ้นจึงเอ่ยคำสั่ง
“ตระกูลหลี่ทั้งหมดจงฟังคำสั่ง ใครก็ตามที่เหยียบเข้ามาในรัศมีร้อยจั้งรอบตระกูลหลี่ จงสังหารให้สิ้น!”
พอขาดคำของหลี่เทียนเซิ่ง คนตระกูลหลี่ที่อยู่รอบด้านก็ร้องคำรามรับด้วยใบหน้าดุร้าย ก่อนจะพุ่งถลาออกไปพร้อมไอสังหาร
ขณะเดียวกันก็มีเงาร่างมากกว่าเดิมที่บินออกมาจากในจวนตระกูลหลี่ ในบรรดานั้นคนไม่น้อยคือคนของตระกูลหลี่ ทว่ามากกว่านั้นกลับเป็นผู้ฝึกวิญญาณที่พึ่งพาตระกูลหลี่ ทุกคนต่างก็แผ่ไอสังหารเข้มข้น กลุ่มคนนับหมื่นเบียดเสียดกันแน่นขนัด พลังอำนาจที่เกิดขึ้นคล้ายจะเหนือกว่ากองทัพศพโลหิตที่อยู่บนท้องฟ้าเสียอีก
ภาพนี้ทำให้ทุกคนพากันหวั่นวิตก ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตกใจสะดุ้งโหยง แต่พอนึกถึงตัวตนของตัวเอง นึกถึงคำสั่งของต้าเทียนซือ พอครุ่นคิดว่าในเมื่อต้าเทียนซือให้ตนมา จะอย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้ตระกูลหลี่ปลิดชีพตนหรอกกระมัง
ดังนั้นใจจึงสงบลงได้ ดวงตาจึงขึงถมึงทึงอีกครั้ง รู้สึกว่าลักษณะพลังของตัวเองอ่อนด้อยไปเล็กน้อย ดังนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก สายตากวาดผ่านพวกหลี่เทียนเซิ่ง มองไปยังเจดีย์สูงของตระกูลหลี่แล้วพลันเอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนัก
“พระยาสวรรค์หลี่ ข้าผู้แซ่ป๋ายได้รับคำสั่งจากต้าเทียนซือให้มาถามเจ้าหนึ่งประโยค…เจ้า รู้ความผิดของตัวเองหรือไม่!!”
ประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมา พลังอำนาจของเขาก็ทำให้ฟ้าดินถึงกับเปลี่ยนสี ฝูงชนที่อยู่รอบด้านหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนในตระกูลหลี่ก็พากันหน้าเผือดสี หลี่เทียนเซิ่งใจหายวาบ ในสมองมีเพียงเสียงดังอื้ออึง