Skip to content

A Will Eternal 764

บทที่ 764 การดิ้นรนของตระกูลหลี่

หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปล่อยคำพูดนั้นออกมา ในห้องลับแห่งหนึ่งตรงยอดสูงสุดของเจดีย์สูงตระกูลหลี่ บิดาของหลี่เทียนเซิ่ง พระยาสวรรค์ของตระกูลหลี่ผู้สูงส่งคนนั้นเวลานี้กำลังนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้ามืดทะมึนไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด

ตบะครึ่งก้าวคนฟ้าของเขาก็เริ่มเกิดคลื่นแห่งความไม่มั่นคงคล้ายอารมณ์เขาสั่นไหวจนมากพอจะส่งผลกระทบต่อตบะได้

คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาได้ยินชัดเจน อันที่จริงตอนที่พวกป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง เขาก็สัมผัสได้แล้ว อีกทั้งยังจับตามองอยู่ตลอดเวลา และท่ามกลางการจับตามองนี้สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เปลี่ยนมาเป็นมืดคล้ำไม่น่าดูอย่างยิ่งยวด

ลมหายใจของเขาเริ่มยุ่งเหยิงอย่างห้ามไม่ได้ เขาเป็นถึงพระยาสวรรค์ ยามที่มองปัญหาย่อมมองได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าพวกหลี่เทียนเซิ่ง เขาเข้าใจดีว่าครั้งนี้…ต้องเป็นความต้องการของต้าเทียนซือแน่นอน หาไม่แล้วเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้ย่อมไม่กล้าพาคนมาแน่ๆ

นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องพละกำลัง แต่เป็นปัญหาเรื่องความต่างทางด้านตำแหน่งฐานะ จะอย่างไรซะเขาก็เป็นหนึ่งในพระยาสวรรค์หนึ่งร้อยแปดคนของราชสำนักขุย การที่ผู้ตรวจการกล้ามาเยือนอย่างกำเริบเสิบสานโดยไม่กังวลถึงผลกระทบเช่นนี้ได้บอกถึงท่าทีของต้าเทียนซืออย่างชัดเจนแล้ว

“นี่คือการพูดจาโจมตีอย่างนั้นหรือ…” พระยาสวรรค์หลี่เงียบงัน ในใจเริ่มไม่เป็นสุข ความไม่เป็นสุขนี้ทำให้เขาระแวดระวังตัวอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงความเข้าใจที่ตัวเองมีต่อต้าเทียนซือ หน้าผากเขาก็ค่อยๆ มีเหงื่อผุดซึม ดวงตามีความหวาดกลัววาบผ่าน

“ต้าเทียนซือ…จะฆ่าข้า!” คำตอบนี้ทำให้สีหน้าของพระยาสวรรค์หลี่เปลี่ยนมาเป็นดุร้าย ลมหายใจเริ่มหอบหนัก ต้องรู้ว่าหากต้าเทียนซือคิดจะฆ่าเขา ถ้าเช่นนั้นก็ยากที่ตนจะหนีพ้นเคราะห์ภัยครั้งนี้!

แต่เขาไม่ยอม เขาฝึกตนมานานหลายปี ในที่สุดก็ฝึกมาถึงขั้นพระยาสวรรค์ ควบคุมตระกูลใหญ่ไว้ในมือ เขาย่อมไม่มีทางยอมนั่งรอความตายแน่นอน เขาจำเป็นต้องดิ้นรน ต้องหาหนทางคลี่คลายเจตจำนงแห่งการสังหารครั้งนี้ให้ได้!

“ต้องถ่วงเวลาเอาไว้!!” พระยาสวรรค์หลี่ตัดสินใจได้ทันที เขารู้ดีว่าวิธีช่วยเหลือตัวเองมีเพียงถ่วงเวลาออกไป ขณะเดียวกันยิ่งเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะมีเวลาให้พระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์คนอื่นๆ รวมไปถึงราชาสวรรค์ทั้งสี่มีเวลาได้ตั้งตัว

เพราะอย่างไรซะตัวตนของเขาก็คือพระยาสวรรค์ หากพระยาสวรรค์สามารถถูกจัดการได้ตามใจชอบ ถ้าเช่นนั้นพระยาสวรรค์คนอื่นก็ยิ่งต้องเห็นใจในชะตากรรมของเขา ในเมื่อน้ำต้องพึ่งเรือ เสือต้องพึ่งป่า ในเวลาอย่างนี้พวกเขาก็ต้องยื่นมือมาช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันนี่ก็ถือเป็นการช่วยเหลือตัวพวกเขาเองด้วย!

และหากขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักลุกฮือขึ้นมา ต่อให้เป็นต้าเทียนซือเอง เกรงว่าก็คงต้องระวังตัวมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ยังมีจักรพรรดิขุยอีกคน…ไม่สิ จะไปหาจักรพรรดิขุยไม่ได้!” พระยาสวรรค์หลี่ตัวสั่นสะท้านเพราะพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ เขารู้สึกว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ต้องมีปัญหาที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นซ่อนอยู่

“หากต้าเทียนซือคิดจะฆ่าข้า เพียงแค่ชี้นิ้วก็ทำได้ แต่เหตุใดถึงได้ให้ป๋ายฮ่าวผู้นี้ปรากฏตัว…เขาสังหารข้าเป็นเรื่องเล็ก แต่นี่เขาคิดจะอาศัยข้าเพื่อดูว่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่จะช่วยพูดแทนข้า เป็นการล่องูออกจากถ้ำ!!”

พระยาสวรรค์หลี่คิดมาถึงตรงนี้ก็พลันเย็นสันหลังวาบ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความคิดของเขาก็หมุนวนเร็วจี๋ ตัดสินใจได้ทันที ด้านหนึ่งคือถ่วงเวลารอให้คนมาช่วย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือคิดหาวิธีหนีไป!

“ถ่วงเวลา ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่…” ดวงตาของพระยาสวรรค์หลี่เป็นประกายระยิบระยับ ครั้นจึงส่งข้อความเสียงให้กับหลี่เทียนเซิ่งบุตรชายของเขาที่อยู่ข้างนอก

“โจมตีกองทัพศพโลหิต ทั้งยังต้องสังหารป๋ายฮ่าวผู้นี้โดยไม่เสียดายค่าตอบแทนใด!!”

โลกภายนอก ขณะที่คนตระกูลหลี่พากันประหวั่นพรั่นพรึง หลี่เทียนเซิ่งพลันตัวสั่นสะท้าน หลังจากได้ยินข้อความเสียงที่บิดาส่งมาให้ ลมหายใจของเขาก็ถี่รัว แม้จะรู้สึกว่าเรื่องราวยังไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้น แต่กลับไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก เขาพลันเงยหน้าขึ้นจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง ก่อนจะคำรามดังลั่น

“ป๋ายฮ่าวถ่ายทอดราชโองการปลอม เจตนาชั่วร้าย ทุกคนของตระกูลหลี่ จงสังหารพวกเขาซะ!” เมื่อคำพูดของหลี่เทียนเซิ่งดังจบ คนของตระกูลหลี่ที่อยู่รอบด้านก็พากันลังเลเล็กน้อย แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าหากตระกูลหลี่ล้มลง พวกเขาก็ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น เวลานี้ทุกคนจึงตัดสินใจเด็ดขาด พากันร้องคำรามแล้วพุ่งพรวดออกไปข้างหน้า

เวลาแค่พริบตาเดียว คนนับหมื่นที่แผดเสียงกึกก้องก็ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตากว้าง โบกมือหนึ่งที ชายฉกรรจ์เกราะดำพันคนที่อยู่รอบด้านก็เงยหน้าขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน พริบตาเดียวก็พุ่งออกไปประหัตประหารกับคนของตระกูลหลี่

เสียงตูมตามดังสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้บุกออกไป แต่ถูกคุ้มกันอยู่ในวงล้อมของกองเกราะดำพันคน เขารู้ดีว่าชีวิตน้อยๆ ของตัวเองมีค่ามากแค่ไหน

เขาย่อมไม่มีทางพาตัวเองไปพัวพันอยู่กับอันตรายเด็ดขาด และตอนนี้เขาเองก็ได้เห็นพลังแห่งการเข่นฆ่าที่น่าตกตะลึงของกองทัพเกราะดำของตัวเองเป็นครั้งแรก

ชายฉกรรจ์เกราะดำเหล่านี้ไม่รู้จักความเจ็บปวดแม้แต่น้อย อีกทั้งตลอดร่างของพวกเขาเคยถูกหล่อหลอมมาก่อนจึงแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ผ่านที่ใดก็ประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายที่บุกเข้าไปฆ่าในฝูงหมาป่า เข่นฆ่าพร่าผลาญชีวิตศัตรูอย่างอาจหาญ

ไม่ว่าจะเป็นเวทคาถาหรืออาวุธวิเศษที่กระทบลงบนร่างของพวกเขาก็เหมือนว่าจะไม่ระคายผิวของพวกเขาแม้แต่น้อย ชายฉกรรจ์เกราะดำเหล่านี้ยังคงพุ่งเข้าสังหารอย่างไม่ยี่หระ เวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นๆ ลงๆ ไม่ขาดสาย คนตระกูลหลี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยสักนิด ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่ถูกชายฉกรรจ์เกราะดำพวกนั้นฉีกกระชากร่างทั้งเป็น!

กลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ไม่นานก็มีเสียงค่ายกลดังสนั่นหวั่นไหวลอยมาจากใต้พื้นดิน ก่อนที่ม่านแสงสีเลือดชั้นหนึ่งจะปรากฏขึ้นแล้วปกคลุมไปสี่ทิศ และที่คาดไม่ถึงเลยก็คือกลับมีเสียงหัวใจเต้นดังออกมาจากในค่ายกลนี้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อเสียงหัวใจเต้นดังกึกก้อง บนร่างของคนตระกูลหลี่ก็มีควันพิษร้ายสีดำแผ่คลุมไปทั่ว ทั้งยังมีคนตระกูลหลี่อีกไม่น้อยที่หยิบเอาหัวใจออกมาแล้วบีบให้แตกเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ชวนขนลุกขนพอง

ชั่วขณะที่หัวใจพวกนั้นถูกบีบจนแหลกละเอียด เงาร่างมายาของสตรีคนแล้วคนเล่าที่พกพาเอาความเจ็บแค้น ความอาฆาตพยาบาทก็พลันลอยขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์เกราะดำ

เงาร่างของสตรีเหล่านี้ก็คือพิษร้าย!! และหัวใจที่ถูกบีบจนแหลกลาญก็คือหัวใจสตรี!

นี่ก็คือวิชาพิษร้ายอันเป็นที่ภาคภูมิใจของตระกูลหลี่ มีนามว่า “หัวใจสตรีที่อำมหิตที่สุด”!

ทว่าตอนนี้เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนมองไป คนที่อำมหิตไม่ใช่สตรีเหล่านั้น แต่เป็นคนของตระกูลหลี่ที่ควักเอาหัวใจของผู้หญิงมาฝึกบำเพ็ญตนต่างหาก และนี่ก็ถือว่าเป็นวิชาที่เหี้ยมโหดที่สุดวิชาหนึ่ง และพิษนี้ก็น่ากลัวมากไม่ต่างกัน การบุกโจมตีของชายฉกรรจ์เกราะดำเจอกับอุปสรรคเป็นครั้งแรก อีกทั้งบนร่างของพวกเขาก็ยังปรากฏวี่แววแห่งการถูกกัดกร่อนให้เน่าเปื่อยในระดับที่ต่างกัน ความเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงจากเดิม ยิ่งพวกเกราะดำที่อยู่ด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งได้รับความเสียหายร้ายแรง ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบควบคุมให้พวกเขาเบี่ยงหลบ แต่พอพวกเกราะดำเบี่ยงหลบกลับเป็นการเปิดเผยตัวของป๋ายเสี่ยวฉุนเอง

นัยน์ตาหลี่เทียนเซิ่งฉายไอสังหาร รีบร้องคำรามกร้าวทันใด

“ฆ่าป๋ายฮ่าวซะ!!” เสียงของหลี่เทียนเซิ่งดังก้อง

ส่วนร่างก็พุ่งถลาเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ข้างกายของเขายังมีผุ้อาวุโสตระกูลหลี่อีกสิบกว่าคน ทุกคนล้วนมีตบะก่อกำเนิด ขณะที่ทุกคนพุ่งตัวออกมา เรือนกายก็กลายมาเป็นรุ้งยาวสีดำ ทั้งยังมีควันพิษแผ่ออกมาล้อมวนอยู่รอบกายพวกเขาอย่างน่าตกใจ อีกทั้งเหนือศีรษะของคนพวกนี้ยังมีควันดำที่รวมตัวกันกลายมาเป็นเงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ตรงหน้าอกของผู้หญิงกลวงโบ๋ไร้หัวใจ ทว่าการปรากฏตัวของนางกลับนำพาวิกฤตอันตรายระลอกหนึ่งที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี

ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะถอยหนี ทว่าทันใดนั้นชายฉกรรจ์เกราะดำที่อยู่รอบด้านซึ่งพอถูกควันพิษกัดกร่อน ดวงตาของแต่ละคนก็เผยแสงดำมืด ก่อนที่พวกเขาจะอ้าปากสูดลมดังเฮือกพร้อมกัน

การสูดลมพร้อมกันของคนพันคนก่อให้เกิดพายุบ้าคลั่งระลอกหนึ่งที่ดูดเอาควันพิษรอบด้านเข้าไปในร่างของพวกเขา และหากเป็นเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า แต่นี่เมื่อดูดควันพิษเข้าปาก พลังตบะของพวกเขากลับไต่ทะยานขึ้นสูงในชั่วพริบตา!!

การไต่ทะยานแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มพลังในระยะเวลาสั้นๆ และสารบำรุงที่ทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นก็คือควันพิษ!! แม้แต่อาการบาดเจ็บทั้งหมดของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็ยังประสานตัวทันทีตามตบะที่ไต่ขึ้นสูง ไม่เหลือความเสียหายใดๆ!

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง เขาเข้าใจทันทีว่ากองเกราะดำของตัวเองมีความสามารถมากเกินกว่าที่เขาวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเกรงว่าบนร่างของพวกเขาน่าจะยังซุกซ่อนความลับเอาไว้อีกมากมาย

และความจริงก็เป็นเช่นนี้ พวกชายฉกรรจ์เกราะดำสามารถดูดซับการทำร้ายจากเวทคาถาทุกอย่างเอาไว้ได้ ก่อนที่จะเอาการทำร้ายเหล่านั้นมาแปรเปลี่ยนเป็นสารบำรุงที่เพิ่มตบะของตัวเอง นี่นับเป็น…กองกำลังไร้เทียมทานที่ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง!

เวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าฮึกเหิม รีบชี้นิ้วไปยังพวกหลี่เทียนเซิ่งที่พุ่งเข้ามาเข่นฆ่าทันที

“จงจัดการพวกเขาให้ข้า!”

เกราะดำรอบด้านพลันแผ่ปราณสังหารดุร้ายอบอวลไปทั่ว แล้วจึงพุ่งเข้าไปสังหารพวกหลี่เทียนเซิ่ง!

“แย่แล้ว!” หลี่เทียนเซิ่งหน้าเปลี่ยนสี คิดจะถอยหนีแต่ก็สายไปเสียแล้ว พริบตาเดียวเขากับพวกผู้อาวุโสสิบกว่าคนที่อยู่รอบกายก็ถูกเกราะดำจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตี เลือดสดทะลักออกมาจากปาก อาการบาดเจ็บเข้าขั้นวิกฤตเต็มที

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหัวเราะร่าด้วยความตื่นเต้น

“หลี่เทียนเซิ่ง คิดจะสู้กับข้า หากข้าลงมือเมื่อไหร่ เทพยดาก็ยังต้องยกมือปิดหน้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนวิเคราะห์ประโยคนี้ของตัวเองก็รู้สึกว่าตนช่างพูดเก่งยิ่งนัก พูดได้มีพลังอำนาจอย่างยิ่ง

ทว่าเขาเพิ่งจะกล่าวจบ หลี่เทียนเซิ่งที่กระอักเลือดเพราะบาดเจ็บหนักกลับมีสีหน้าคลั่งแค้นดุร้าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง แผดเสียงร้องคำรามแหบโหย

“เซ่นหัวใจ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!