บทที่ 765 ใต้เท้าเช่นข้าชอบปลูกดอกไม้
คำพูดนั้นดังจบ ม่านแสงสีเลือดที่เป็นค่ายกลก็พลันบิดเบือน ก่อนจะจำแลงมาเป็น…หัวใจสีเลือดขนาดใหญ่มหึมา!
เมื่อมองอย่างละเอียดจึงเห็นได้ว่านี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่หัวใจดวงนี้กลับประกอบกันขึ้นมาจากหัวใจนับแสนดวง และเห็นได้ชัดว่าหัวใจแสนดวงนี้เป็นตัวแทนของการตายของสตรีหนึ่งแสนคน!
และนี่ก็คือพลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายกลตระกูลหลี่ ชั่วขณะที่หัวใจยักษ์นับแสนดวงนี้ปรากฏก็พลันถูกโจมตีให้พังทลาย กลายมาเป็นควันสีดำที่แทบจะไม่ต่างจากสีน้ำหมึกซึ่งแผ่กระจายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว
ทุกที่ที่ผ่าน ความว่างเปล่าก็ล้วนถูกกัดกร่อน ถึงกระทั่งที่ว่าแม้แต่ผู้ฝึกวิญญาณหลายคนซึ่งพึ่งพาตระกูลหลี่ก็ยังหลบเลี่ยงไม่ทัน หลังจากถูกควันดำนั้นสัมผัสเข้าเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาก็ร้องโหยหวนก่อนจะกลายมาเป็นกองเลือดที่สาดลงบนพื้นแผ่นดิน
มีเพียงคนตระกูลหลี่ที่ฝึกวิชาหัวใจสตรีเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในควันพิษนี้ อีกทั้งดวงตาของพวกเขายังเผยความบ้าคลั่ง อ้าปากเขมือบกลืนควันพิษอย่างกระหาย ฉับพลันนั้นอาการบาดเจ็บบนร่างของพวกเขาก็ประสานตัวเข้าหากัน ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าประหัตประหารกองทัพศพโลหิตอีกครั้ง
ความร้ายแรงของพิษนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนชาหนึบไปทั้งหนังศีรษะ ร่างถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเวลานี้เอง ดวงตาของพระยาสวรรค์หลี่บิดาหลี่เทียนเซิ่งพลันฉายแสงเย็นเยียบ ฉวยโอกาสที่รอบด้านวุ่นวายเดินหนึ่งก้าวออกมาจากเจดีย์สูง ตลอดทั้งร่างของเขากลายมาเป็นสายฟ้าเส้นหนึ่งที่มองข้ามควันพิษตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
“ป๋ายฮ่าว ตายซะเถอะ!!”
ลูกตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว หันขวับไปมองพระยาสรรค์หลี่ที่ตรงเข้ามาใกล้ ที่เขาไม่ได้ลงมือตั้งแต่แรกก็เพราะเตรียมรอรับมือกับพระยาสวรรค์หลี่คนนี้ พอเห็นว่าพระยาสวรรค์หลี่ปรากฏตัว ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดออก
แต่ยังไม่ทันรอให้เขาลงมือ น้ำเสียงเย็นชาอึมครึมก็พลันกังวานไปสี่ทิศ
“พระยาสวรรค์หลี่ ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาจากเจดีย์พระยาสวรรค์แล้ว ไม่เสียแรงที่ข้าผู้อาวุโสลงทุนรอเจ้ามานานขนาดนี้”
“เฮยหมิง!!” พระยาสวรรค์หลี่หน้าเปลี่ยนสี ถอยกรูดไปข้างหลังทันใด ทว่ากลับสายไปแล้ว ชั่วขณะที่เขาถอยไปนั้น มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เยื้องกรายลงมาจากท้องฟ้า ความเร็วที่มาพร้อมกับเสียงกึกก้องตรงเข้ากดทับลงบนค่ายกลของตระกูลหลี่ ก่อนจะลอดทะลุทะลวงไปในพริบตา คว้าจับพระยาสวรรค์หลี่เอาไว้กลางมือ!
“พระยาสวรรค์!!”
“ท่านพ่อ!!”
คนตระกูลหลี่ที่อยู่รอบด้านพากันร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตื่นตะลึง
ยิ่งหลี่เทียนเซิ่งก็ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจสั่นสะท้าน หวาดกลัวจนถึงที่สุด เขากลัว กลัวแล้วจริงๆ
ตลอดทั้งตระกูลหลี่ตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึง ขณะเดียวกันคนรอบด้านที่มามุงดูเหตุการณ์ก็เบิกตากว้าง สูดลมหายใจดังเฮือกๆ
บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าขึ้น แล้วเขาก็มองเห็นทันใดว่ากลางอากาศมีเงาร่างสีดำนั้นยืนอยู่!
“ตาเฒ่าชุดดำ เราเป็นพวกเดียวกันนะ เจ้านี่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย เรามาอยู่ที่นี่กันเป็นครึ่งๆ วันแล้ว เจ้ากลับเพิ่งจะปรากฏตัวเอาป่านนี้ นี่ยังไม่เท่าไหร่ พอข้าอุตส่าห์ตกปลาตัวใหญ่มาได้ด้วยความลำบาก เจ้าดันโผล่มาชุบมือเปิบเสียได้!
เจ้ามันแย่งคุณความชอบของข้าชัดๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สบอารมณ์ทันใด อาศัยว่าตัวเองคือผู้ตรวจการจึงตะโกนเสียงดังใส่อีกฝ่าย
เงาร่างชุดดำก้มหน้ามองป๋ายเสี่ยวฉุนปราดหนึ่ง นิ่งคิดอยู่ครู่ก็เอ่ยเนิบนาบ
“หากเขายังอยู่ในสถูปพระยาสวรรค์ แค่ความคิดเดียวเขาก็ระเบิดตัวเองตายได้ แต่ต้าเทียนซือให้ข้าผู้อาวุโสจัดการคนผู้นี้ ดังนั้นข้าผู้อาวุโสจึงจำต้องจับตัวเขาให้ได้อย่างแท้จริง”
“ส่วนเรื่องแย่งคุณความชอบนั้น…ข้าผู้อาวุโสจะมอบโชควาสนาอย่างหนึ่งให้แก่เจ้าก็แล้วกัน” กล่าวจบเขาก็ยกมือขวาขึ้นมา ทันใดนั้นในตระกูลหลี่แห่งนี้ก็มีลมพายุพัดตะลุยไปรอบด้าน ส่วนค่ายกลที่เดิมทีก็พังทลายไปส่วนหนึ่งอยู่แล้ว มาตอนนี้เจอกับพายุก็ยิ่งปริแตกออกเป็นวงกว้าง กลายมาเป็นเศษชิ้นส่วนทันที!
ท่ามกลางเสียงปังๆ ดังสนั่นหวั่นไหว คนของตระกูลหลี่ถูกพลังโจมตีกลับ แต่ละคนจึงกระอักเลือด และเพียงแค่การชี้นิ้วครั้งเดียวของผู้เฒ่าชุดดำ ควันพิษที่เข้มข้นอบอวลนั้นกลับมารวมตัวกันแล้วสลายเป็นพันกลุ่ม ก่อนจะตรงดิ่งเข้ากรอกเทใส่หนึ่งในสองครึ่งก้าวคนฟ้าของกลุ่มชายฉกรรจ์เกราะดำหนึ่งพันคนอย่างบ้าคลั่ง
ชายฉกรรจ์เกระดำผู้นั้นเริ่มตัวสั่น เมื่อสูดรับควันพิษเข้าไป ร่างของเขาก็ยิ่งสั่นสะท้านรุนแรงมากขึ้นคล้ายกำลังเน่าเปื่อย ทว่าความเร็วในการดูดซับนั้นไม่มีลดลง กลับกันคือยิ่งเร็วมากขึ้น ทั้งยังลอดทะลวงไปทุกรูขุมขนของเขาด้วย
ทันใดนั้นเขาก็พลันเงยหน้าแล้วเปล่งเสียงร้องคำรามแหบโหย ตบะที่ระเบิดออกมากลับ…ไม่ใช่ครึ่งก้าวคนฟ้าอีกต่อไป แต่กำลังจะฝ่าทะลุ พลังอำนาจนั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไต่ทะยานขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง พริบตาเดียวก็สะเทือนนภากาศ แต่น่าเสียดายที่…ท่ามกลางขั้นตอนนี้ ควันพิษของหัวใจสตรีนับแสนคล้ายไม่พอให้ประคับประคอง ทำให้การฝ่าทะลุของชายฉกรรจ์เกราะดำค่อยๆ หยุดชะงักลง ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ กระนั้นตบะของเขากลับขยับเข้าไปใกล้คนฟ้าอย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว!
มากพอจะกำราบครึ่งก้าวคนฟ้าได้ทั้งหมด!!
ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองตาค้าง กลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นๆ ลงๆ แม้เขาจะมองออกว่าตบะที่เพิ่มขึ้นสูงของศพขุยนี้เป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ไม่ใช่ตลอดกาล แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตะลึงลานอยู่ดี
“นี่มันตัวประหลาดอะไรกัน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเพียงว่าภาพนี้อยู่เหนือการคาดคิดของตัวเอง เขารู้สึกว่านอกจากคำว่าตัวประหลาดแล้วก็ไม่มีคำใดที่นำมาใช้บรรยายชายฉกรรจ์เกราะดำผู้นี้ได้อีก
“หากเกราะดำหนึ่งแสนคน…เป็นอย่างนี้ได้ทั้งหมด นั่นไม่เท่ากับว่า…สามารถระดมพลคนฟ้าหนึ่งแสนคน ครึ่งเทพหนึ่งแสนคนเลยหรอกหรือ…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…” พอนึกถึงภาพที่น่าหวาดกลัวนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังเล่นตลกกับตนเอง เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของแดนทุรกันดารแห่งนี้ยากจะหาคำมาพรรณนาอย่างแท้จริงๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจดังเฮือก ตระหนักได้ทันใดว่าบนร่างของชายฉกรรจ์เกราะดำเหล่านี้ต้องมีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่บางอย่างอยู่แน่นอน! และการขาดแคลนทรัพยากรก็คือหนึ่งในนั้น!
“นี่ก็คือรากฐานที่เชื้อพระวงศ์ทิ้งเอาไว้…น่าเสียดายที่มีช่องโหว่อันถึงแก่ชีวิต!” ในน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจของเงาร่างชุดดำมีความเสียดายแฝงเร้นอยู่ หลังจากส่ายหัว ขยับร่างหนึ่งครั้ง เขาก็พลันหายตัวไป
หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นรัวเร็วเล็กน้อย เหม่อมองชายฉกรรจ์เกราะดำผู้นั้นที่ตบะขยับเข้าใกล้คนฟ้า พักใหญ่ดวงตาของเขาก็เผยความตื่นเต้นและปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง
“ที่แท้ข้าก็ควบคุมกองทัพที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมขึ้นมาทันที ขณะที่เงยหน้าหัวเราะร่า ความคิดก็พลันแล่นเร็วจี๋
ทันใดนั้นชายฉกรรจ์เกราะดำที่ตบะขยับเข้าใกล้คนฟ้าก็พลันมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับเป็นผู้พิทักษ์ของเขา
ป๋ายเสี่ยวฉุนพกพาเอาความพอใจ พกพาเอาความลำพองใจจ้องมองไปยังคนของตระกูลหลี่ ขณะที่กำลังจะโบกมือให้ชายฉกรรจ์เกราะดำเหล่านี้กำราบตระกูลหลี่ ทว่าเวลานี้เอง หลี่เทียนเซิ่งที่ใจสั่นสะท้านมองความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุนออก หนังหัวของเขาชาหนึบ รีบร้องตะโกนเสียงดัง
“พวกข้ายินดีทำตามโองการของผู้ตรวจการ ขอผู้ตรวจการช่วยตรวจสอบ…สมบัติทั้งหมด…ในตระกูลหลี่ของพวกเราด้วยเถิด…” หลี่เทียนเซิ่งพูดรัวปรื๋อ กล่าวจบกลัวว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่พอใจจึงรีบประสานมือโค้งตัวคารวะต่ำๆ
ยามนี้ทุกคนในตระกูลหลี่ต่างก็หน้าซีดขาว ค่ายกลถูกทำลาย พระยาสวรรค์ก็ถูกจับตัว ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาหมดสิ้นซึ่งปณิธานในการต่อสู้
พอได้ยินคำพูดของหลี่เทียนเซิ่ง ทุกคนลังเลกันไปครู่หนึ่งก็พากันก้มหน้ายกมือคารวะ
ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงงัน ถลึงตามองคนทั้งหมดที่ทำท่าคารวะอยู่เบื้องหน้าตัวเอง สายตาย้ายมามองที่ร่างของหลี่เทียนเซิ่งด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย นั่นเพราะหลี่เทียนเซิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองฉับไวเกินไป อีกทั้งคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมายังเลียนแบบคำพูดของตนก่อนหน้านี้ด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือรอบด้านยังมีคนไม่น้อยจ้องมองอยู่ นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอดถลึงตาดุดันไม่ไหว
แค่นเสียงหึในลำคอหนึ่งครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่สนใจพวกหลี่เทียนเซิ่งอีก แต่เริ่มตรวจค้นบ้านตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่มีพระยาสวรรค์ รากฐานจึงลึกล้ำอย่างยิ่ง แม้ว่าสามตระกูลใหญ่ในนครผียักษ์จะมีบุรพาจารย์คนฟ้า แต่อย่างไรซะก็ไม่ได้อยู่ที่ศูนย์กลางแห่งอำนาจของแดนทุรกันดาร จึงมิอาจเทียบเคียงกันได้
หลังจากที่สถูปวิญญาณหลังแล้วหลังเล่า ยาวิญญาณถุงแล้วถุงแล้ว และยังมีอาวุธล้ำค่าอีกมากมายถูกรื้อค้นออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองดูอยู่ก็ตาแทบพร่าลาย คอยสูดลมเข้าปอดเฮือกๆ ไม่ขาดระยะ
เขาได้เห็นกระดูกวิเศษที่สูงสามจั้งกว่า บนกระดูกนี้มีปราณวิญญาณเป็นระลอกแผ่ออกมา ลักษณะคล้ายคลึงกับรูปปั้นปราณวิญญาณที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเห็นอยู่หลายส่วน
และยังมีอาวุธวิเศษหลายชิ้นที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบสาม สิบสี่ครั้ง หรือแม้แต่น้ำของแม่น้ำทงเทียนก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก แถมป๋ายเสี่ยวฉุนยังได้เห็นหินวิเศษด้วย…
สมบัติทั้งหมดมากมายดารดาษ กองทับกันเป็นภูเขา ขณะที่เขากำลังยึดทรัพย์อยู่นี้ โจวอีซิงก็ตามมาถึงในที่สุด พอเห็นภาพทุกอย่าง เขาก็ยืนมองเซ่อไปทันที ก่อนจะรีบลงมือจัดการตามคำสั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน
ยิ่งรื้อค้นเท่าไหร่ ทรัพย์สมบัติก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า ทว่าพอได้เห็นพื้นที่ต้องห้ามหลังตระกูลหลี่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับขยี้ตาอย่างแรงด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง เหม่อมองพื้นที่ต้องห้ามที่ถูกร่ายตราผนึกไว้หลายชั้น ซึ่งภายในนั้นก็คือ…ดอกไม้ต้นหนึ่งที่มีใบเจ็ดใบ!
“หญ้าวิเศษเจ็ดสี!!” หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง หญ้าวิเศษเจ็ดสีนี้เขาเคยอ่านเจอในตำราภาพเมื่อครั้งอยู่ที่สำนักอันตมรรคาฟ้าดารา รู้ว่านั่นคือวัตถุดิบหลักในการทำยาที่ช่วยให้คนฝ่าทะลุจากก่อกำเนิดสู่คนฟ้า!
สามารถทำให้อัตราความสำเร็จในการเลื่อนสู่คนฟ้าของนักพรตก่อกำเนิดเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า!!
แม้ว่าจะเป็นเพียงคนฟ้าขั้นต่ำสุด แต่อย่างไรซะนั่นก็คือคนฟ้า ต้องรู้ว่าตอนนั้นในสำนักสยบธาร บุรพาจารย์ของสำนักธาราเทพและสำนักธาราโลหิตต่างก็ปิดด่านหมายจะฝ่าทะลุขั้นให้ได้ ทว่าความยากกลับมากมหาศาล ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจากมาพวกเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ หากตอนนั้นมีหญ้าวิเศษเจ็ดสีแบบนี้อยู่ต้นหนึ่ง ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะฝ่าทะลุขั้นก็ต้องมีมากขึ้น!
และหญ้าวิเศษชนิดนี้ก็นับว่าหายากยิ่งในเขตของแม่น้ำทงเทียน หากมันปรากฏตัวเมื่อไหร่ ย่อมต้องชักนำให้เกิดลมคาวฝนเลือด ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งแน่นอน ทว่าตอนนี้มันกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน
ต้องเข้าใจว่าที่นี่คือแดนทุรกันดาร สภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่เหมาะจะให้พืชหญ้าวิเศษใดๆ เติบโต ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับได้เห็นกับตาของตัวเอง!
เขาสำลักลมหายใจ แล้วก็สังเกตเห็นทันทีว่าพื้นดินรอบด้านของที่แห่งนี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่อื่น
“ดอกไม้นี้ไม่เลว ทหาร จงขุดมันออกมา จำเอาไว้ว่าอย่านำไปส่งที่จวนของข้าเด็ดขาด ใครส่งมาหาข้าคนนั้นมีเรื่องแน่ แม้ว่าข้าจะชอบปลูกดอกไม้มากๆๆๆ แต่ข้าเป็นถึงผู้ตรวจการ มีหรือจะขโมยของที่ตัวเองมาตรวจสอบได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งที หัวใจเต้นรัวเร็ว ทว่ากลับวางมาดนิ่งเฉย เอ่ยด้วยถ้อยคำหนักแน่น