Skip to content

A Will Eternal 766

บทที่ 766 เสียงคำรามที่มาจากลานบ้านด้านหลัง

“ร่ำรวยแต่ไร้คุณธรรม ตระกูลหลี่นี่ช่างเข้าใจขูดเนื้อเถือหนังประชาชนเสียจริง! พวกเขาทำนาบนหลังคนชัดๆ …” ป๋ายเสี่ยวฉุนตั้งคำจำกัดความให้กับตระกูลหลี่ แล้วก็หาคำอธิบายที่ถูกทำนองคลองธรรมต่อการยึดทรัพย์ของตัวเอง ตอนนี้จึงมองไปยังโจวอีซิงที่กำลังเคลื่อนย้ายหญ้าวิเศษเจ็ดสีด้วยสีหน้าขุ่นเคือง พลางเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ดอกไม้นี่อย่าแตะแรงให้เกิดความเสียหาย เฮ้อ ตัวข้าผู้ตรวจการไม่มีงานอดิเรกอื่นใด ความชอบเดียวก็คือดอกไม้ใบหญ้า แม้มันจะไม่ใช่ของของข้า แต่ข้าก็มิอาจทนเห็นคนอื่นไปแตะต้องจนมันเหี่ยวเฉาได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนแอบเหลือบมองแวบหนึ่ง ก่อนจะพึมพำราวคนปลงอนิจจัง

โจวอีซิงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ครุ่นคิดว่าขนาดคนโง่ก็ยังมองออกว่าดอกไม้นี้ไม่ธรรมดา เขาบ่นงึมงำอยู่กับตัวเอง รู้ดีว่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ไปเก็บเอามาเองเพราะไม่อยากตกเป็นขี้ปากคนอื่น และเห็นได้ชัดว่านี่คือการบอกเป็นนัยให้คนย้ายดอกไม้นี้ไปที่จวนของเขา…

“และยังมีใต้พื้นนี่อีก ข้ารู้สึกว่ามันค่อนข้างประหลาด อีซิง ไหนเจ้าลองขุดให้ข้าดูสิ” จนกระทั่งดอกไม้วิเศษเจ็ดสีนั้นถูกโจวอีซิงขุดย้ายออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงชี้นิ้วไปที่พื้นด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

โจวอีซิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบยกเท้าขวากระทืบลงไปบนพื้นอย่างแรงทันที ทันใดนั้นพื้นดินรอบด้านก็พลันแตกกระจาย รอยร้าวแผ่ขยายไปแปดทิศ ก่อนจะเผยให้เห็นวัตถุที่ฝังอยู่ใต้ดินลักษณะเหมือนหนังสัตว์ชิ้นหนึ่ง!

เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนังสัตว์นี้เป็นหนังของสัตว์อะไร ตลอดทั้งชิ้นเป็นสีดำ มองเหมือนไม่สะดุดตา แล้วก็ไม่มีคลื่นปราณวิญญาณใดๆ แผ่ออกมา

เหมือนจะเป็นหนังสัตว์ปกติทั่วไป ทว่าวินาทีที่มันเผยกายกลับทำให้ร่มราตรีนิรันดร์ในถุงเก็บของของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้านอย่างแรง

ในสนามรบกลางราตรีตรงพื้นที่ที่แปดสิบเก้าคราวก่อน ร่มราตรีนิรันดร์ได้ช่วยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนต้านทานการโจมตีจากคนฟ้าเฉินฮ่าวซง และนั่นจึงทำให้มันพังทลาย เสียหายอย่างหนักจนเหลือเพียงแกนร่ม

เมื่อสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของร่มราตรีนิรันดร์ที่อยู่ในถุงเก็บของ

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อึ้งงัน หลังจากผสานรวมอำนาจจิตเข้าไปในถุงเก็บของ เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีความกระหายใคร่ขุมหนึ่งแผ่ออกมาจากร่มราตรีนิรันดร์ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าความกระหายนี้มีต่อหนังสัตว์ชิ้นนั้น

“เพียงแค่หนังสัตว์ชิ้นเดียว”

โจวอีซิงสัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหยิบเอาหนังสัตว์ขึ้นมาดูด้วยความใคร่รู้ พอมองแล้วไม่เห็นเส้นสนกลในใด ถึงได้หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนขยี้ตาตัวเองอย่างแรงจนกรอบดวงตาแดงก่ำน้ำตาเอ่อคลอ เขามองหนังสัตว์ชิ้นนั้น ครั้นจึงถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง

“เห็นหนังสัตว์ชิ้นนี้ ข้าก็ไพล่หนึ่งไปถึงต้าเฮยที่เคยอยู่เป็นเพื่อนข้าในยามเด็ก…ช่างเถอะๆ หนังสัตว์ชิ้นนี้ข้าเอาไปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็แล้วกัน คิดดูแล้วต้าเทียนซือก็คงไม่ว่าหากข้าจะนำหนังสัตว์ธรรมดาชิ้นหนึ่งไปจากตระกูลหลี่” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจพลางส่ายหัว พอรับหนังสัตว์มาจากมือโจวอีซิงก็ลูบๆ คลำๆ อยู่พักใหญ่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พอเก็บมันไปไว้ในถุงเก็บของเรียบร้อยจึงหมุนตัวจากไป

โจวอีซิงมองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างคลางแคลงใจ ก่อนจะส่ายหัวยิ้มเจื่อนแล้วทำการยึดทรัพย์ต่อไป ไม่นานตลอดทั้งตระกูลหลี่ก็ถูกตรวจค้นและยึดทรัพย์ไปจนเกลี้ยง…

หัวใจคนตระกูลหลี่หลั่งเลือด โดยเฉพาะหลี่เทียนเซิ่งที่ได้แต่มองสมบัติของตระกูลหีบแล้วหีบเล่าถูกขนย้ายไปคาตาตัวเอง หัวใจเขาเจ็บร้าว แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าดีกว่าอะไรทั้งนั้น เขาเชื่อว่าหากตนเผยความไม่พอใจออกมาเพียงเสี้ยวเดียว ป๋ายเสี่ยวฉุนจะต้องฉวยโอกาสนี้จัดการตนแน่นอน

ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบเขาจึงบอกให้ตัวเองคลี่ยิ้มเอาไว้ตลอดเวลา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นแข็งเกร็ง น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก จนกระทั่งตระกูลหลี่ถูกยึดทรัพย์ไปจนเกลี้ยงแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนที่หันมามองหลี่เทียนเซิ่งก็ยังถึงกับเผยความนับถือออกมา

“ไม่นึกว่าจะมีตบะมั่นคงถึงขนาดคลี่ยิ้มมองข้ายึดทรัพย์ของตระกูลได้…เกรงว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป หัวใจของหลี่เทียนเซิ่งผู้นี้คงถูกขัดเกลาจนเปลี่ยนมาเป็นไม่ธรรมดา…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความระวังตัวทันที ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด

“ทหาร จงจับตัวพวกเขาไปขังไว้ในคุกใหญ่ ส่วนหลี่เทียนเซิ่งผู้นี้ส่งตัวเขาไปคุยกับพัศดี คนผู้นี้มีตบะแข็งแกร่งมั่นคง จงสอบปากคำให้หนัก แล้วจับขังแยกเป็นพิเศษ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าตนควรกันไว้ก่อนจึงออกคำสั่งฉับไว

พูดจบก็ไม่สนใจหลี่เทียนเซิ่งที่แอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพียงสะบัดร่างหนึ่งครั้งนำพากองทัพศพโลหิตบินทะยานไปบนท้องฟ้า

“เป้าหมายต่อไปก็คือตระกูลเฉิน เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ต้องเพิ่มความเร็วสักหน่อย” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็บินจากไปไกลอย่างรวดเร็วทันที

เบื้องหลังมีเกราะดำจำนวนมากติดตามมา พกพาเอาพลังอำนาจอย่างคนที่เพิ่งยึดทรัพย์ตระกูลหลี่ทะยานไปยังตระกูลเฉินที่อยู่ในเขตที่สิบสาม!

คนรอบด้านที่มองเห็นกองทัพศพขุยตรวจค้นและยึดทรัพย์บ้านตระกูลหลี่กับตาตัวเองก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ตระกูลหลี่ที่ยิ่งใหญ่กลับตกต่ำเพียงชั่วพริบตา สำหรับทุกคนในนครจักรพรรดิขุยแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย

เห็นได้ชัดว่าต้าเทียนซือได้ยกมีดขึ้นแล้ว และมีดนี้ก็แหลมคมมากพอจะทำให้นครจักรพรรดิขุยเปลี่ยนสีได้!

ขณะที่ทุกคนพากันแพร่ข่าวนี้ออกไป ชนชั้นสูงแต่ละฝ่ายที่อยู่ในนครจักรพรรดิขุยก็ทยอยกันรู้เรื่องนี้ พวกเขาแต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี หรือแม้แต่สี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังได้รับข่าวนี้ด้วย เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ลมก็พัดกระโชกให้เมฆซัดตลบปั่นป่วน คนจำนวนนับไม่ถ้วนหวาดผวาใจสั่น ขณะเดียวกันสายตาของคนเหลือคณนาก็พากันจ้องนิ่งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

พวกเขาพากันลงมือในแบบของใครของมัน พร้อมกับจับตามองทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมุ่งหน้าไปอย่างใกล้ชิด!

และป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็กำลังเดินทางไปยังตระกูลเฉิน จิตใจของเขาจมจ่อมอยู่กับร่มราตรีนิรันดร์ในถุงเก็บของของตัวเอง ซึ่งเวลานี้มันกำลังเกิดการแปรสภาพเสมือนเกิดใหม่!

เห็นได้ชัดว่าหนังสัตว์ที่มองดูเหมือนธรรมดาชิ้นนั้นก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้หญ้าวิเศษเจ็ดสีเติบโตงอกงามในแดนทุรกันดาร ชั่วขณะที่มันถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บลงไปในถุงเก็บของ บนแกนร่มราตรีนิรันดร์ที่ผุพังก็มีใบหน้าผีกึ่งหัวเราะกึ่งร้องไห้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มนั้นลอยขึ้นมาทันใด เดิมทีใบหน้าผีนี้พร่าเลือนเพราะเสียหายอย่างหนัก ทว่ายามนี้มันได้พกพาเอาความกระหายและความตื่นเต้นมาควบคุมให้ร่มราตรีนิรันดร์ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหนังสัตว์ผืนนั้น!

เมื่อการผสานรวมเกิดขึ้น หนังสัตว์ชิ้นนี้ก็ช่วยซ่อมแซมตัวร่ม ขณะเดียวกันก็มีปราณขุมหนึ่งที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสนใจลอยขึ้นมาจากร่มราตรีนิรันดร์

ประหนึ่งว่ามันกำลังหล่อหลอมตัวเองเพื่อให้เลื่อนขั้นไปอีกระดับ ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นน้อยๆ ทั้งยังปิติยินดีอย่างยิ่ง ร่มราตรีนิรันดร์ช่วยเขาได้มาก มันคืออาวุธล้ำค่าอันเป็นกุญแจสำคัญในการฝึกกระดูกคงกระพัน

ก่อนหน้านี้เขายังกลุ้มใจอยู่ว่าควรจะซ่อมแซมร่มราตรีนิรันดร์ให้ดีดังเดิมได้อย่างไร มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าร่มราตรีนิรันดร์กำลังซ่อมแซมตัวเอง อีกทั้งสภาพของมันยังแข็งแกร่งมากด้วย ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรู้สึกได้ทันทีว่าการยึดทรัพย์ครั้งนี้ช่างเป็นเรื่องที่ถูกต้องยิ่งนัก

“ตระกูลหลี่ตระกูลเดียวก็ทำให้ร่มราตรีนิรันดร์ของข้าฟื้นคืนสภาพกลับมาดีดังเดิม ถ้าเช่นนั้นตระกูลเฉิน…จะมีเรื่องน่าประทับใจอะไรรอข้าอยู่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมรอคอย ก่อนจะดึงเอาสมาธิกลับมาจากในถุงเก็บของ เขาเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิม พาเกราะดำมากมายบุกไปยังพื้นที่ที่สิบสาม

การเดินทางของเขาถูกคนมากมายจับตามอง เมื่อทุกคนสังเกตเห็นทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมุ่งหน้าไป แต่ละคนก็พากันใจสั่น ยิ่งพระยาสวรรค์ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ที่สิบสาม สิบสองและสิบสี่ก็ยิ่งชากันไปทั้งหนังหัว ภาพจุดจบของพระยาสวรรค์หลี่ผุดขึ้นมาในใจของพวกเขาอย่างห้ามไม่ได้

“เป้าหมายของเขาคือใคร!!”

“สมควรตายนัก ข้าไม่เคยล่วงเกินป๋ายฮ่าวผู้นี้ แล้วก็ไม่เคยล่วงเกินต้าเทียนซือด้วย…”

ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็บินทะยานข้ามผ่านเขตพื้นที่ที่สิบสองไปด้วยพลังอำนาจห้าวหาญ ทันใดนั้นพระยาสวรรค์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่สิบสองก็พลันถอนหายใจยาวเหยียดอยู่ในใจ ทว่าตระกูลเฉินที่อยู่ในพื้นที่ที่สิบสามกลับเริ่มหวั่นวิตกแทน

พวกเขาหวังให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ผ่านทางมาเท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่า เมื่ออีกฝ่ายทะยานมาถึงน่านฟ้าเหนือที่ตั้งตระกูลเฉิน เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพลันหยุดชะงัก

“พระยาสวรรค์เฉิน จงออกมาพบข้า!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนกังวานไปทั่วทิศ พระยาสวรรค์ในพื้นที่ที่สิบสี่ก็พอจะวางใจได้ชั่วขณะ ทว่าพระยาสวรรค์เฉินที่อยู่ในเจดีย์พระยาสวรรค์ของตระกูลเฉินกลับรู้สึกไม่เป็นสุขเอาเสียเลย ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องเขม็งไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างก็สั่นสะท้าน หัวใจเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม

“ต้องรีบหนี!” พระยาสวรรค์เฉินไร้ซึ่งความลังเลใด เขารีบบีบแผ่นหยกให้แตกละเอียด ร่างจึงพลันพร่าเลือน

ขณะเดียวกัน ทุกคนในตระกูลเฉิน รวมไปถึงศิษย์แห่งความภาคภูมิใจตระกูลเฉินที่เป็นหนึ่งในคนซึ่งช่วยโจวหงกระจายข่าวลือเกี่ยวกับเฉินม่านเหยาและซวี่ซานก็กำลังอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวถึงขีดสุด จุดจบของพระยาสวรรค์หลี่ เขาเองก็ได้ข่าวมาแล้ว นี่จึงทำให้การมาเยือนของป๋ายเสี่ยวฉุนสร้างความสะพรึงกลัวต่อเขาอย่างยิ่งยวด

ตลอดทั้งตระกูลเฉินมีแต่ความเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงหายใจหอบหนักของคนนับไม่ถ้วนที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง สายตาของคนเหล่านั้นล้วนมารวมกันอยู่ที่ตัวป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยชายฉกรรจ์เกราะดำจำนวนมากกลางอากาศ

ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้เอามือไพล่หลัง เชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง รู้สึกว่าตนในเวลานี้เปี่ยมล้นไปด้วยบารมีแผ่ไพศาล ทว่ารออยู่พักใหญ่กลับไม่เห็นว่าพระยาสวรรค์เฉินผู้นั้นจะปรากฏตัว เขาจึงโบกมือทันควัน

“บังอาจมองข้ามบารมีของต้าเทียนซือเชียวรึ? จงตรวจค้นตระกูลเฉินให้ข้า หากใครต่อต้านก็จัดการได้เลย!” คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังจบ หุ่นเชิดผีเกราะดำที่อยู่รอบกายเขาก็พกพาเอาความดุร้ายบุกเข้าไปในตระกูลเฉิน

ส่วนหุ่นเชิดผีเกราะดำที่ตบะขยับเข้าใกล้คนฟ้าผู้นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สั่งให้เขาลงมือ แต่ให้คอยพิทักษ์อยู่ข้างหลังเขาอย่างใกล้ชิด

โจวอีซิงเองก็อยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ในเวลานี้อำนาจเทียมฟ้า เขาก็ทอดถอนใจให้กับการเลือกของตัวเองในคราวนั้นอีกครั้งว่าสิ่งที่เลือกไปนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว

และชั่วขณะที่กองทัพศพโลหิตบุกเข้าไปในตระกูลเฉิน ทันใดนั้นในเจดีย์สูงก็พลันมีพลังของการนำส่งระเบิดออกมา ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าก็มีเสียงแค่นเย็นชาดังขึ้น

“คิดจะหนีรึ?” เมื่อเสียงเย็นเยียบนั้นดังสะท้อน เงาร่างชุดดำก็เดินออกมาหนึ่งก้าว ไม่ได้มองไปยังเจดีย์พระยาสวรรค์ แต่ทอดสายตามองไปไกลแล้วไล่ตามไปทันที อีกทั้งขณะที่ไล่ตามนี้ เงาร่างชุดดำก็ยกมือขวาขึ้นคว้าจับผ่านอากาศ ความว่างเปล่าเบื้องหน้าจึงพลันพร่าเลือน ก่อนที่ภาพหนึ่งจะเริ่มเปลี่ยนมาเป็นชัดเจน ในภาพนั้นแสดงให้เห็นว่าพระยาสวรรค์เฉินกำลังเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้ค่ายกลนำส่งหนีออกไปจากตระกูลเฉินแล้ว

คนของตระกูลเฉินมองเห็นว่าพระยาสวรรค์ของตระกูลตัวเองหนีไป เดิมทีใจพวกเขาก็หวาดกลัวกันอยู่แล้ว ยามนี้หัวใจพลันหนักอึ้งจนแทบจะแหลกสลาย จนกระทั่งสูญเสียปณิธานในการต่อสู้ทั้งหมดไป ปล่อยให้กองทัพศพโลหิตบุกเข้ามากำราบพวกเขาทีละคน แล้วเริ่มตรวจค้นตระกูล

บ้านตระกูลเฉินร่ำรวยกว่าตระกูลหลี่มากนัก ต่อให้ด้วยประสบการณ์การยึดทรัพย์ของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าพอเห็นสมบัติเหล่านั้นเขาก็ถึงกับสูดลมดังเฮือกครั้งแล้วครั้งเล่า

ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปดูว่ามีจุดไหนที่ถูกละเลยไปบ้างหรือไม่ ทว่าหลังจากที่ชายฉกรรจ์เกราะดำจำนวนมากบุกเข้าไปยังลานหลังบ้านตระกูลเฉิน ทันใดนั้นกลับมีเสียงคำรามแหบโหยเสียงหนึ่งที่แฝงเร้นไว้ด้วยความปิติยินดีดังลอยมา

“ตระกูลเฉินของเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกันรึ ต่อให้วันนี้ข้าซ่งเชวียต้องตายอยู่ที่นี่ แต่ได้เห็นจุดจบเช่นนี้ของพวกเจ้า ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!