บทที่ 784 ปราณสังหารเทียมฟ้า
การตัดขาดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ทันเตรียมตัวรับมือเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้ความเชื่อมโยงระหว่างเขากับลูกศิษย์ก็ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง!
“ฮ่าวเอ๋อร์!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเผือดสี เขาลุกผลุงขึ้นยืน ในหัวใจก็ยิ่งสั่นสะเทือนกึกก้อง ความรู้สึกกระวนกระวายอย่างรุนแรงทำให้เขารู้สึกเหมือนยืนอยู่ระหว่างคลื่นลูกยักษ์ที่โถมกระหน่ำ
เขายังถึงขั้นไม่ทันได้คิดอะไรให้มากความ ความปิติยินดีที่ได้กลายมาเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินก็ยิ่งถูกเขาโยนทิ้งไปไม่มีเหลือ เวลานี้ความคิดเดียวของเขาก็คือป๋ายฮ่าว
เขาก้าวเดินออกไปข้างหน้าอย่างไร้ความลังเล ร่างหายวับไปจากห้องลับในบัดดล พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนือจวนตรวจการ
ก่อนที่จะกลายร่างเป็นรุ้งยาวบึ่งไปยังสถานที่สุดท้ายที่ในสมองของเขารับสัมผัสได้ถึงปราณป๋ายฮ่าวรวดเร็วประดุจสายฟ้าแลบ
เขาใช้ความเร็วเต็มกำลัง ทั้งยังร่ายใช้วิชาการหายตัว ระเบิดความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ในตอนนี้ เสียงแหวกอากาศแหลมดังราวกับนภากาศถูกฉีกทึ้ง พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่กลางตลาดคึกคักแห่งหนึ่งบริเวณริมขอบอาณาเขตของจวนตรวจการ
ถนนสองข้างทางของที่แห่งนี้หรูหราครึกครื้นอย่างยิ่ง ร้านรวงมีมากมายนับไม่ถ้วน คนสัญจรกันขวักไขว่ไม่ขาดสาย มองไม่เห็นวี่แววว่าจะมีเรื่องร้ายใดๆ เกิดขึ้น กลับเป็นการปรากฏตัวของป๋ายเสี่ยวฉุนที่มาพร้อมกับเสียงแหวกอากาศสะเทือนฟ้าดินเสียอีกที่ทำให้ฝูงชนซึ่งอยู่ข้างทางพากันตกตะลึง คนไม่น้อยถอยกรูดออกห่าง หันขวับมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คือป๋ายฮ่าว!!”
“เขามาทำอะไร…” คนที่อยู่ข้างทางแตกตื่นกันอย่างหนัก หลังจากจำได้ว่าผู้มาเยือนคือป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ละคนก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ชื่อเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเลื่องลือมากเกินไป
และที่ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นวิตกระคนสงสัยไม่คลายก็คือสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ดำคล้ำถึงขีดสุด อีกทั้งร่างของเขายังสั่นเทิ้ม อำนาจจิตของเขาแผ่ออกมานานแล้ว ไอสังหารรุนแรงที่แผ่ออกมาจากร่างเขาเป็นระลอกไม่ต่างจากคลื่นพิโรธที่กำลังโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
ไอสังหารนี้ดุเดือดเกินไป ปิดฟ้าคลุมดิน ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบด้านหน้าเปลี่ยนสี สูดลมหายใจดังเฮือก
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้เป็นอะไรไป!!”
“สวรรค์ เขาคิดจะทำอะไร!!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!!” ทุกคนอกสั่นขวัญผวา เพราะไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่รุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทว่าเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ ในใจร้อนรน วิตกกังวล โทษตัวเอง ความคิดมากมายหลากหลายมารวมตัวกันกลายเป็นความบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็นเจตจำนงแห่งความดุร้ายกระหายเลือดคล้ายจะทำลายฟ้าพิฆาตดิน!!
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปลี่ยนมาเป็นสีแดงฉาน เขายืนอยู่ตรงหัวถนนที่วุ่นวาย สายตาของเขาทอดออกไปเบื้องหน้าซึ่งมีร้านขายวิญญาณร้านหนึ่งตั้งอยู่ รอบด้านร้านนี้ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ไม่มีแม้แต่คลื่นของเวทคาถา
หาเบาะแสใดๆ ไม่เจอ แต่กระนั้นเขาก็มั่นใจมากว่า ตอนที่เกิดเรื่องกับป๋ายฮ่าว สถานที่สุดท้ายที่ตนจับร่องรอยได้ก็คือที่แห่งนี้! ส่วนศพหุ่นเชิดนับร้อยตนที่ให้การคุ้นกันป๋ายฮ่าวกลับไร้ความเสียหายใดๆ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อครู่พวกเขาจะถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง ตอนนี้ทุกคนที่ล้อมอยู่รอบด้านถึงได้ยืนนิ่งไม่ขยับ
“ศพหุ่นเชิด!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแหงนหน้าแผดเสียงคำรามเขย่าคลอนท้องฟ้า เสียงที่แหบเครือนี้แฝงเร้นไว้ด้วยความเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งมีพายุที่หมุนคว้างสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
ชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเปิดปาก ศพหุ่นเชิดสองพันกว่าตนที่อยู่ในจวนตรวจการล้วนตัวสั่นเทิ้ม เงยหน้าขึ้นพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะกลายร่างเป็นรุ้งยาว ใช้ความเร็วที่มากที่สุดพุ่งสวบๆๆ ออกมา ศพหุ่นเชิดสามพันนายที่พุ่งทะยานมาหาป๋ายเสี่ยวฉุนก่อให้เกิดน้ำวนแห่งความดุดันราวกับจะเขมือบกลืนท้องฟ้า
พริบตานั้นน้ำวนชักนำลมและเมฆให้ปั่นป่วน ฟ้าดินเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงร้ายแรง และไม่นานศพหุ่นเชิดทั้งสามพันนายก็มารวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน
“ปิดผนึกแปดทิศรอบพื้นที่นี้ให้ข้า ทุกคน ทุกร้าน ทุกสถานที่ จงค้นให้หมด!! หาวิญญาณทาสของข้าให้เจอ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว ดวงตาของศพหุ่นเชิดสามพันนายพลันระเบิดแสงสีแดงก่ำ ความดุร้ายยิ่งเข้มข้น เวลาเพียงสั้นๆ พวกเขาก็พุ่งเข้าไปโอบล้อมแปดทิศตามคำสั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน
หลังจากการโอบล้อม พลังแห่งการปิดผนึกก็ระเบิดตูมตามปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ผู้ฝึกวิญญาณทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะมีตบะอะไร มีเบื้องหลังเช่นไร มีตัวตนแบบใด ตอนนี้ทุกคนต่างก็ถูกกักตัวไม่ให้เข้าออก
ไม่เพียงเท่านี้ ศพหุ่นเชิดทั้งสามพันนายยังเปิดฉากการค้นหาพร้อมไอสังหารตลบอบอวล ไม่เพียงแต่ร้านรวงที่โดนค้น แม้แต่ถุงเก็บของของทุกคนก็ยังอยู่ในรัศมีของการค้นหา ส่วนร้านที่อยู่เบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเป็นจุดสำคัญที่ถูกเน้นย้ำอย่างหนัก
ภาพนี้ทำให้ฝูงชนโกรธแค้นและต่อต้านกันอย่างรุนแรง ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่ตวาดถามน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เป็นเหตุให้สถานการณ์โกลาหลอลหม่านขึ้นมาโดยพลัน
ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นยืนนิ่งอึ้งไม่กระดุกกระดิกอยู่ที่เดิม เขาเหมือนคนที่ไม่ได้หายใจ ทว่าความเย็นชากลับแผ่ออกมาจากในร่างอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพื้นดินรอบด้านเริ่มเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง
ส่วนใบหน้าของเขาก็ราวกับคนตาย ไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด ร่างของเขาสั่นสะท้านน้อยๆ เส้นเลือดฝอยในดวงตามีมากจนแทบมองไม่เห็นสีอื่นในดวงตาทั้งสองข้างของเขา เห็นเป็นเพียงสีแดงฉาน
บวกกับผมเส้นยาวที่โบกสะบัดก็ยิ่งทำให้เขาในเวลานี้ปานประหนึ่งเทพมาร ยิ่งไอสังหารที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางความเย็นยะเยือกนั้นก็ยิ่งเทียมฟ้า เสมือนว่าใครก็ห้ามเข้ามาใกล้ หาไม่แล้วหากคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาก็จะทำลายโลกทั้งใบให้พินาศวอดวาย!
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินเสียงเอ็ดอึงของคนรอบด้าน แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงคำรามต่ำๆ จากคนแปดทิศ สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้มีเพียงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ลอยขึ้นมา
ภาพแรกคือภาพที่เขาเพิ่งถูกส่งมาถึงแดนทุรกันดารแล้วได้เห็นศพของป๋ายฮ่าว
ภาพที่สองคือภาพที่เขาใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าวไปอยู่ตระกูลป๋าย ได้เห็นร่องรอยบนพื้นดินในกระท่อมที่ป๋ายฮ่าวเขียนทิ้งไว้…
ภาพที่สามคือภาพในการหลอมวิญญาณที่เขาได้เจอวิญญาณของป๋ายฮ่าว…ภาพที่สี่คือภาพหลังจากที่ป๋ายฮ่าวฟื้นตื่นแล้วอีกฝ่ายคุกเข่าคำนับ เรียกขานเขาว่าอาจารย์
ภาพที่ห้าคือภาพตอนอยู่ในร้านหลอมพลังจิตที่เขาและป๋ายฮ่าวมีชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน ภาพที่ป๋ายฮ่าวคอยเอ่ยเกลี้ยกล่อมยามเขาบุ่มบ่าม…
ภาพที่หก ภาพที่เจ็ด…
ภาพเหตุการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวน จนกระทั่งมาหยุดนิ่งอยู่ที่ภาพสุดท้าย ภาพนี้เป็นสีดำมืดประหนึ่งอารมณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ ในความดำมืดนั้นมีเพียงประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุนครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อเนื่องไม่ขาดหาย…
“อาจารย์…ช่วย…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน ดวงตาไร้แววชีวิตชีวา และเวลานี้ความวุ่นวายรอบด้านก็ยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงตามการค้นหาของกองทัพศพหุ่นเชิด
“พวกเจ้าทำอะไร พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร!!”
“สมควรตายนัก ต่อให้เจ้ามาจากจวนตรวจการก็ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้ เจ้านายของข้าคือศิษย์ของเจ้าพระยาสวรรค์ พวกเจ้ากล้าค้นตัวข้ารึ!!”
ขณะที่เสียงเหล่านี้ดังเซ็งแซ่ก็มีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่พกพาเอาความเกรี้ยวกราดฝ่าฝูงชนกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
“ป๋ายฮ่าว ข้าผู้อาวุโสคือผู้ควบคุมของจวนเทียนซือ เจ้าเป็นบ้ามันก็เรื่องของเจ้า แต่นี่เพียงเพื่อหาวิญญาณทาสดวงเดียวกลับถึงขั้นเรียกใช้กองทัพศพหุ่นเชิด เรื่องนี้ข้าผู้อาวุโสต้องกลับไปรายงานต้าเทียนซือแน่นอน เจ้ายังไม่บอกให้คนถอยไปอีกรึ ข้าผู้อาวุโสจะกลับจวนเทียนซือ!” ผู้เฒ่าคนนั้นอาศัยว่าตัวเองคือคนของจวนเทียนซือ คนอื่นกลัวจวนตรวจการ แต่เขาไม่กลัว ในสายตาของเขา จวนตรวจการก็เป็นเพียงสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งในมือต้าเทียนซือของเขาเท่านั้น นั่นจึงทำให้เขากล้าตวาดใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไร้ความยำเกรง
จวนเทียนซือคือสถานที่ที่พิเศษอย่างแท้จริง นั่นคือตระกูลของต้าเทียนซือ ส่วนคำว่าผู้ควบคุมนี้ อันที่จริงแล้วตำแหน่งก็เท่ากับข้ารับใช้คนสนิทของตระกูลต้าเทียนซือ
ชั่วขณะที่ผู้เฒ่าคนนี้คำรามใส่หน้า ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นทันควัน ไม่พูดไม่จาก็ไปหยุดอยู่ข้างหน้าผู้เฒ่า ผู้เฒ่าคนนี้ยังไม่ทันตั้งตัว มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกขึ้น กำเป็นหมัดแล้ว…ต่อยโครมออกไป!
ความเร็วนั้นมากเกินไป พละกำลังนั้นเยอะเกินไป ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ไม่เคยลงมือมานาน ยามนี้พอลงมือ พลังการต่อสู้น่าตะลึงที่เทียบเคียงได้กับครึ่งก้าวคนฟ้าจึงระเบิดออกมา หมัดนั้นทำให้อากาศเผาไหม้ ความว่างเปล่ารอบด้านเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับพังทลายลงมาแล้วเขมือบกลืนผู้ควบคุมของจวนเทียนซือคนนั้น
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากผู้เฒ่า เลือดสดกระอักพุ่งเป็นสาย ร่างของเขาปลิวละลิ่วไปกลางอากาศราวว่าวที่สายป่านขาด ขณะที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ยังไม่ทันร่วงลงมา
ร่างของเขาก็แบกรับหมัดบ้าคลั่งนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ไหวจึงระเบิดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เหลือให้เห็นเพียงเศษเนื้อและฝนเลือดที่เทลงมาจากฟ้า…
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบด้านหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง พวกเขาสูดลมหายใจดังเฮือก เมื่อมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยสีหน้าตะลึงพรึงเพริดและเหลือเชื่อ ต้องรู้ว่า นั่นคือคนของจวนต้าเทียนซือ…
ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ปลิดชีพอีกฝ่ายเสียแล้ว!
“ใครขัดขืน ฆ่าไม่ต้องเว้น!” เสียงแหบพร่าที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเสียดกระดูกของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้องอยู่ในความเงียบสงัดรอบด้าน
ไม่มีใครกล้าขัดขืนอีกต่อไป และเวลานี้เอง โจวอีซิงก็รีบรุดมาจากทิศไกล เขามองเห็นความตายของผู้เฒ่าคนนั้น แล้วก็มองเห็นกองทัพศพหุ่นเชิดที่อยู่รอบด้าน
สุดท้ายตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ใจเขาก็พลันสั่นเยือก เขาไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนมาก่อน
“นายท่าน…”
เขาเอ่ยขึ้นตามจิตใต้สำนึก ทว่ายังไม่ทันเอ่ยจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับปรายตามามองเขาแวบหนึ่ง
“ไปตามหาวิญญาณทาสของข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่าสายตานั้นของเขากลับทำให้ในสมองของโจวอีซิงเกิดเสียงดังอึงอล รู้สึกเพียงว่าทั้งในและนอกร่างมีไอความเย็นผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนเขาตัวสั่นเทิ้ม รีบรับคำสั่งของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเข้าร่วมการค้นหาทันที