บทที่ 789 ศพหุ่นเชิดเกราะเหล็ก
“นี่ใช่แค่ยืมมีดฆ่าคนเสียที่ไหน เขามันเป็นบ้าไปแล้ว เพียงเพราะต้องการตามหาวิญญาณทาสของเขา!” ต้าเทียนซืออมยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาฉายแววลึกล้ำ
“วิญญาณทาส?” เจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามอึ้งงัน
“เมื่อครู่นี้มีคนจับวิญญาณทาสของเขาไป คนที่ลงมือรู้จักนิสัยของข้าผู้อาวุโสเป็นอย่างดีถึงทำให้ข้ารับสัมผัสได้ช้าไปหนึ่งก้าว จับตัววิญญาณทาสของป๋ายฮ่าวไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ตามหา…” ขณะที่ต้าเทียนซือเอ่ยเนิบช้า เจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามนั่นก็ตะลึงไปอีกครั้ง
“เจ้าลองไปตรวจสอบดูสิว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของผู้ใด” ต้าเทียนซือเข้าใจดีว่าเพราะคนเหล่านั้นเดาออกว่าตนย่อมไม่มีทางออกหน้าให้ป๋ายฮ่าว เพราะก่อนหน้าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเสนอแผนนี้เขาก็คิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ ทว่าตอนนี้เขากลับเริ่มลังเลบ้างแล้ว
“สามารถทำเรื่องแบบนี้ในนครจักรพรรดิขุยได้ เกรงว่าคงมีแต่ราชาสวรรค์คนใดคนหนึ่งเท่านั้น…ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
เจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่าแผนการของป๋ายฮ่าวผู้นั้นอำมหิตยิ่งนัก เด็กคนนี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้!”
“เจ้ามองเพียงแค่ด้านเดียว ไม่ได้มองด้านอื่น ราชาผียักษ์มีลูกสาวแค่คนเดียว แผนการนี้ของป๋ายฮ่าวไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อราชาผียักษ์เลยแม้แต่น้อย และการที่เขาคิดแผนแบบนี้ออกมาได้โดยที่ยังคำนึงถึงราชาผียักษ์ สามารถมองออกว่า เด็กคนนี้รู้จักบุญคุณคน!
หากเขาไม่มีใจที่รู้จักบุญคุณคน ข้าคงไม่กล้าใช้เขาต่อ แต่ในเมื่อเขารู้จักตอบแทนคุณ ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่ราชาผียักษ์ให้เขาได้ ข้าผู้อาวุโสก็สามารถให้เขาได้มากกว่าเป็นเท่าตัว!” ต้าเทียนซือคลี่ยิ้มน้อยๆ สีหน้าแฝงเร้นไว้ด้วยสติปัญญาเฉียบคม
“เขาติดตามราชาผียักษ์ อนาคตย่อมมีจำกัด แต่หากติดตามข้าผู้อาวุโส อนาคตของเขาจะกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด!”
“เขาเป็นมีดอาบยาพิษก็จริง แต่ประเด็นสำคัญคือมีดเล่มนี้อยู่ในมือของผู้ใด ราชาผียักษ์ไม่มีสิทธิ์นี้ ตลอดทั้งแดนทุรกันดาร ผู้ที่มีสิทธิ์นี้มีเพียงข้าอาวุโสคนเดียวเท่านั้น”
“ราชาผียักษ์ยกโจวจื่อโม่ให้เขาไม่ใช่หรือ ในเมื่อเขาชอบเฉินม่านเหยา และหากเขาสามารถผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จราบรื่นไปได้ด้วยดี ถ้าเช่นนั้นข้าผู้อาวุโสก็จะยกเฉินม่านเหยาเป็นของรางวัลให้เขา! ทั้งยังจะรับเขาเป็นลูกบุญธรรมด้วย!” ต้าเทียนซือเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงไม่นับว่าดังกังวานนัก แต่กลับเด็ดเดี่ยวไม่เว้นที่ให้ปฏิเสธ นี่ทำให้เจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามถึงกับใจสั่น ไม่กล้าตอบโต้อีกต่อไป เพียงก้มหน้ารับคำ
ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้มาปรากฏตัวอยู่นอกพระราชวัง สีหน้าของเขาดำคล้ำ นัยน์ตามีประกายเย็นเยียบ ไอสังหารแผ่อบอวลไปทั่วทั้งร่างราวกับว่าความบ้าคลั่งได้มารวมตัวกันถึงขีดสุดและคล้ายจะระเบิดออกมาฆ่าคนได้ตลอดเวลา
หลังจากที่ความคิดหนึ่งของเขาบังเกิดขึ้น กองทัพศพหุ่นเชิดก็ทะยานเข้ามาหาเขาทันที โจวอีซิงเองก็มาถึงด้วยอาการใจหายใจคว่ำ ก่อนจะติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตลอดทางไม่พูดไม่จาทะยานไปยังจวนตรวจการ
ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนเร็วมาก ผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่เขาก็พาศพหุ่นเชิดสามพันนายกลับมาถึงจวนตรวจการ ทว่าไม่ได้ลดตัวลงต่ำ เพียงยืนอยู่กลางอากาศเหนือจวนตรวจการ ก่อนจะหยิบเอาป้ายคำสั่งออกมา ผสานรวมอำนาจจิตเข้าไปข้างในด้วยดวงตาเป็นประกายลุกโชน ทันใดนั้นในสมองของเขาก็มีภาพบางอย่างลอยขึ้น
ในภาพเหล่านั้นคือใต้ดินของจวนตรวจการ โลงศพเก้าหมื่นกว่าโลงชัดเจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไอความเย็นวังเวงแผ่ออกมาเป็นระลอกคล้ายรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเรียกหา
ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบกวาดอำนาจจิตมองไปบนโลงเก้าหมื่นกว่าโลงอย่างไร้ความลังเล หลังจากเลือกมาได้สองพันโลงจึงพูดขึ้นด้วยสองคำ
“จงตื่น!”
ตูมๆๆๆ!
เสียงกัมปนาทดังสะท้านฟ้าดินทันใด นภากาศเปลี่ยนสี พื้นดินสั่นคลอน ผู้ฝึกวิญญาณของนครจักรพรรดิขุยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างก็สัมผัสได้ถึงคลื่นเคลื่อนไหวรุนแรงที่ส่งมาจากจวนตรวจการ
“จวนตรวจการเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว!”
“ที่นั่น…ที่นั่นมีควันดำผุดขึ้นมา!!”
“สวรรค์ มีโลงปรากฏออกมาอีกแล้ว นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ไหนเล่าลือกันว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้ตกอยู่ในอันตรายอย่างไรล่ะ!!”
เสียงฮือฮาด้วยความตกอกตกใจดังมาจากรอบด้าน และยังมีไม่คนน้อยที่บินออกมาจับตามองทิศทางที่ตั้งของจวนตรวจการซึ่งตอนนี้มีกลุ่มควันสีดำซัดตลบ ปราณดุร้ายสะเทือนฟ้า
พื้นดินสั่นไหวรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โลงศพโลงแล้วโลงเล่าแหวกพื้นดินขึ้นมา ก่อนจะร่วงมาอยู่บนพื้นดินด้วยเสียงกึกก้อง ทว่าส่วนใหญ่กลับลอยอยู่กลางอากาศเหนือจวนตรวจการ ภาพนั้นทำให้ทุกคนที่มองเห็นต่างอกสั่นขวัญผวา
โลงศพทั้งหมดสองพันโลงสร้างพลังอำนาจเขย่าคลอนฟ้าดิน ทว่าทั้งหมดนี้ยังไม่สิ้นสุด ชั่วขณะที่ฝาโลงพวกนั้นพังทลาย ศพหุ่นเชิดที่สวมเกราะดำจำนวนมากก็เดินออกมาช้าๆ
ยิ่งในโลงสองพันโลงนี้มีห้าโลงที่พิเศษกว่าใคร ตลอดทั้งโลงเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อน ส่วนโลงสุดท้ายนั่น แม้แต่ตัวโลงก็ยังไม่ได้ทำจากทองสัมฤทธิ์ แต่ทำมาจากเงิน!!
ท่ามกลางเสียงเกริกกร้อง ในโลงศพสี่ใบที่เต็มไปด้วยลวดลายก็พลันมี…ศพหุ่นเชิดร่างสูงใหญ่สี่คนซึ่งมีตบะครึ่งก้าวคนฟ้าเดินออกมา!
และที่น่าตะลึงที่สุดก็คือผู้ฝึกวิญญาณวัยกลางคนสวมเกราะเงินซึ่งเดินออกมาจาก…ในโลงสีเงิน!
คนผู้นี้สีหน้าไร้อารมณ์ ไอความเย็นตลบอบอวลไปทั้งร่าง ทว่าชั่วขณะที่ดวงตาของเขาเบิกโพลงกลับทำให้ท้องฟ้ามีเสียงอสนีบาต คลื่นคนฟ้าขุมหนึ่งระเบิดตูมออกมาจากร่างของเขา
อีกทั้งท่ามกลางการระเบิดนี้ ป้ายคำสั่งในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับสั่นไหวอยู่หลายที เพราะราวกับว่ามีเจตจำนงที่แกร่งกร้าวไม่ยอมแพ้แผ่ออกมาจากบนร่างของชายเกราะเงินซึ่งถูกป้ายคำสั่งนี้จับได้
ภายใต้การระเบิดคลื่นของคนฟ้า ปราณดุร้ายของชายเกราะเงินผู้นี้ก็พลันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ปราณเหี้ยมหาญนี้เข้มข้นมากถึงขั้นที่ว่าลำพังพละกำลังของเขาคนเดียวก็สามารถทำให้ศพหุ่นเชิดห้าพันนายที่อยู่รอบด้านพากันตัวสั่นเหมือนมิอาจแบกรับได้ไหว
แม้แต่เกราะดำครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนที่อยู่ท่ามกลางศพหุ่นเชิดห้าพันคนก็ยังตัวสั่นเทิ้ม ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นเกราะดำที่ติดตามอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดเวลาก็พลันเงยหน้าขึ้น
ดวงตาของชายฉกรรจ์เกราะดำเผยประกายประหลาด ชั่วขณะที่เงยหน้าขึ้นนั้น บนร่างของเขาก็ระเบิดคลื่นที่เทียบเคียงได้กับคนฟ้า คลื่นนี้สั่นคลอนฟ้าดิน ถึงกับฝืนทัดเทียมกับชายฉกรรจ์เกราะเงิน!
ภาพนี้ทำให้คนทุกคนรอบด้านที่มองเห็นพากันสูดลมหายใจดังเฮือก แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง!
“สวรรค์ ศพหุ่นเชิดคนฟ้าสองตน ครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าตน กองทัพเกราะดำเกือบห้าพันนาย!!”
“สมควรตายนัก ก่อนหน้านี้ไหนบอกว่าป๋ายฮ่าวตกอยู่ในอันตราย นี่มันข่าวลือชัดๆ เขาไม่เพียงแต่ไม่ตกอยู่ในอันตราย กลับยิ่งมีอำนาจค้ำฟ้ากว่าเก่าเข้าไปอีก!!”
“นี่มันถึงระดับเดียวกับผู้ตรวจการเฮยหมิงในอดีตแล้วนะ ควบคุมศพหุ่นเชิดถึงห้าพันนาย…”
“แดนทุรกันดารในทุกวันนี้ พละกำลังกองนี้เป็นรองแค่สี่ราชาสวรรค์และต้าเทียนซือเท่านั้น สามารถพูดได้ว่าตอนนี้ป๋ายฮ่าวคือบุคคลอันดับหนึ่งรองจากครึ่งเทพ!!”
ขณะที่ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีก็พากันหยิบเอาแผ่นหยกส่งข้อความบอกกล่าวคนรู้จักอย่างรวดเร็ว และเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่เหนือจวนตรวจการก็มองศพหุ่นเชิดสองตนที่กำลังยืนประจัญหน้ากันด้วยสายตาที่ยิ่งเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองออกว่าชายร่างใหญ่เกราะเงินเหมือนจะไม่ยินดีอยู่ในการควบคุมของตน หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น บางทีเขาอาจจะมีอารมณ์หยอกล้อสักคำสองคำ ใช้วิธีอื่นมาทำให้ชายร่างใหญ่เกราะเงินยอมอ่อนข้อให้ หรืออย่างมากก็แค่ใช้ป้ายคำสั่งกำราบอีกฝ่ายเท่านั้น
ทว่าตอนนี้อารมณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนกดดัน ความบ้าคลั่งดุเดือดถึงขีดสุด ความแข็งขืนของชายร่างใหญ่เกราะเงินจึงไปกระตุ้นอารมณ์โมโหของเขาทันที นัยน์ตาของเขาอบอวลไปด้วยไอความเย็น พลันยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่ชายร่างใหญ่เกราะเงินหนึ่งที
การชี้ครั้งนี้ทำให้เกราะดำเกือบตบะถึงคนฟ้าข้างกายเขาพุ่งออกไปอย่างเหี้ยมหาญ เกราะดำครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนที่อยู่รอบกายก็พลันแผ่ไอสังหารตลบอบอวลแล้วพุ่งเข้าใส่ชายร่างใหญ่เกราะเงินเช่นกัน
ยังไม่สิ้นสุด ยังมีศพหุ่นเชิดอีกห้าพันนายที่แต่ละคนพากันเงยหน้า ร้องคำรามแล้วลงมือกระโจนเข้าประหัตประหารอีกฝ่ายอย่างไม่ออมมือพร้อมเพรียงกัน
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะท้านแผ่นฟ้าสะเทือน ต่อให้ชายเกราะเงินจะเป็นคนฟ้าแต่ก็ต้านรับไม่ไหว เขายืนหยัดอยู่ได้แค่หนึ่งก้านธูป ร่างก็ถูกโจมตีลงไปกระแทกกับพื้นดิน พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างแรง ปราณบนร่างของชายเกราะเงินผู้นี้กระเพื่อมอย่างรุนแรงคล้ายยังไม่ยอมแพ้ แต่พอเห็นคนฟ้าเกราะดำและศพหุ่นเชิดทั้งหมดเตรียมจะร่ายวิชาอภินิหารมาโจมตีอีกครั้ง ร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม ทำท่ายอมอ่อนข้อให้ทันที
นั่นถึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ไม่สนใจพวกศพหุ่นเชิดเหล่านี้อีกต่อไป เพียงขยับร่างมาปรากฏตัวอยู่ในห้องลับ หลังจากนั่งขัดสมาธิเขาก็หลับตาทั้งคู่ลง
เขากำลังรอให้โองการประทานบุญคุณแก่ประชาถูกประกาศใช้!
เขาเชื่อว่าไม่ถึงพรุ่งนี้ อย่างมากสุดแค่ไม่กี่ชั่วยาม โองการประทานบุญคุณแก่ประชานี้…ก็จะต้องแพร่ไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นก็บุกทำลายไปทั่วตระกูลชนชั้นสูงในแดนทุรกันดาร!
และเวลานี้ เรื่องที่ในจวนตรวจการของป๋ายเสี่ยวฉุนมีศพหุ่นเชิดเพิ่มขึ้นมาอีกสองพันนายก็ได้ถูกเผยแพร่ไปจากปากของฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในจวนตรวจการกับตาตัวเอง การแพร่ข่าวนี้ก็ไวมากเหมือนกัน ไม่นานเท่าไหร่ ชนชั้นสูงทั้งหมดในนครจักรพรรดิขุยต่างก็พากันได้ยินเรื่องนี้ และแต่ละคนก็หน้าเผือดสีไปตามๆ กัน
“ผิดปกติ! เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”
“ไม่เพียงแต่ไม่ตกอยู่ในอันตราย พลังอำนาจกลับยิ่งดุเดือดร้อนแรง นี่ต้องมีปัญหาแน่นอน!!”
“ข้ารู้สึกได้ถึงความอันตรายอย่างบอกไม่ถูก!!”
“จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!”