Skip to content

A Will Eternal 793

บทที่ 793 ตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์

ในสายตาของบุตรอนุภรรยาและลูกหลานสายตรงที่ไม่มีสิทธิ์สืบทอดในทุกตระกูล ต่อให้ในอดีตพวกเขาจะเคยรังเกียจชิงชังป๋ายเสี่ยวฉุนมากแค่ไหน ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนคือตัวแทนของพวกเขา คือคนที่คอยตรวจสอบการปฏิบัติใช้โองการประทานคุณแด่ประชาให้กับพวกเขา!

และเวลานี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีใครคิดจะก่อกบฏ ทว่าจุดที่เหี้ยมโหดที่สุดของโองการประทานคุณแด่ประชานี้ก็ได้เผยตัวออกมาในที่สุด แผนการนี้อำมหิตเกินไป ตระกูลของพระยาสวรรค์ทุกคนมีผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ทว่าในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้สูงศักดิ์ ตบะสูงส่ง มีภรรยามากมาย ลูกหลานก็ย่อมเยอะตามไปด้วย หากพวกเขาปกป้องและสนับสนุนลูกหลานเหล่านี้รวมไปถึงพวกลูกหลานสายตรงที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการสืบทอด ย่อมเท่ากับว่าพวกเขายืนอยู่ข้างเดียวกับต้าเทียนซือ!

เมื่อเป็นเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะลงมือสังหารสายเลือดของตัวเอง หาไม่แล้วความวุ่นวายภายในตระกูลย่อมต้องคงอยู่ไปตลอดกาล แล้วอย่างนี้พวกเขาจะก่อกบฏได้อย่างไร!

และหากสืบสาวราวเรื่องกันอย่างถึงแก่นแล้ว ภายใต้โองการประทานคุณแด่ประชานี้ ทรัพยากรและทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลก็จะไม่มีทางเล็ดรอดไปถึงมือคนนอกแม้แต่น้อย ทุกอย่างล้วนแบ่งให้กับลูกหลานที่มีสายเลือดของพระยาสวรรค์ นี่จึงทำให้ต้าเทียนซือเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่บนเหตุผล!

ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณธรรม ด้านหลักการ หรือไม่ว่าจะเป็นด้านของการสนับสนุน ทุกอย่างล้วนไปอยู่ที่ฝ่ายของต้าเทียนซือทั้งหมด ความอำมหิตของแผนการนี้จึงเผยออกมาให้เห็นอย่างครบถ้วนในที่สุด และคนที่ยิ่งน่ากลัวมากไปกว่านั้นก็คือ…พวกชาวบ้านในนครจักรพรรดิขุย!

ความต่างระหว่างชนชั้นสูงกับชาวบ้านทั่วไปมีมากจนปะทุให้เห็นอย่างเด่นชัดภายใต้โองการประทานคุณแด่ประชานี้ เพราะประชาชนแทบทั้งหมดในนครจักรพรรดิขุยต่างก็ให้การสนับสนุนโองการประทานคุณแด่ประชาอย่างเต็มกำลัง!

ต่อให้เรื่องนี้จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อตัวพวกเขาเอง ทว่าความอิจฉาที่มีต่อชนชั้นสูง ความริษยาที่มีต่อพวกผู้สืบทอดก็ทำให้พวกเขาหวังจะได้เห็นทุกคนในตระกูลผู้สูงศักดิ์ได้รับการแบ่งสมบัติอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าบุคคลยิ่งใหญ่ถูกโค่นล้มทำลาย แม้ว่าอาจจะมีคนเก่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย แต่ความต่างระหว่างพวกเขากับคนเหล่านี้ก็จะย่นระยะเข้ามาอีกเยอะมาก

และการย่นระยะห่างเช่นนี้ อันที่จริงก็ทำให้พวกชาวบ้านในนครจักรพรรดิขุยฮึกเหิมกันได้มากพออยู่แล้ว

อีกทั้งระดับการสนับสนุนที่พวกเขามีต่อต้าเทียนซือยังทบทวีไปจนถึงขีดสุด ทำให้ชื่อเสียงและบารมีของต้าเทียนซือระเบิดเพิ่มขึ้นจากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ไปจนถึงระดับที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

ถึงขั้นที่ว่าหากเขาคิดจะก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ก็เหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!

ภาพนี้ทำให้เหล่าพระยาสวรรค์ทั้งหลายหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ ทุกคนล้วนถูกเขย่าคลอน ในใจของพวกเขาหลายคนเต็มไปด้วยความปวดร้าวขมขื่น เพราะในความเป็นจริงแล้ว พระยาสวรรค์พวกนี้ต่างก็เจ้าเล่ห์มากแผนการกันทั้งนั้น จึงมีหลายคนที่ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของโองการประทานคุณแด่ประชานี้ตั้งแต่แรกเริ่ม!

เพียงแต่ว่า…รู้ก็ส่วนรู้ ทว่าการแก้ไขนั้น…กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“หากแผนนี้ป๋ายฮ่าวเป็นคนคิดขึ้นมาจริงๆ …เด็กคนนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!!”

“อุบายของคนผู้นี้ล้ำลึกจนถึงขั้นที่ทวยเทพและผีร้ายต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด การวางแผนเล่นงานใจคนของเขานับว่าชั่วช้าถึงขีดสุด!”

“คนแบบไหนกันถึงได้คิดแผนการอำมหิตขนาดนี้ขึ้นมาได้…ข้ารู้แล้ว ป๋ายฮ่าวผู้นี้…ปีนั้นเขาก็คือบุตรอนุภรรยา สมควรตายนัก หรือว่านี่คือความคิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในตระกูลป๋ายของนครผียักษ์แล้ว!!”

ยิ่งเวลาพ้นผ่าน มรสุมลูกนี้ก็ยิ่งพัดกระหน่ำรุนแรง เริ่มตั้งแต่ที่นครจักรพรรดิขุย จนกระทั่งกวาดตะลุยไปทั่วทั้งแดนดุรกันดาร ไม่เพียงแต่ตระกูลของพระยาสวรรค์ ยังมีตระกูลของอาจารย์หลอมวิญญาณจำนวนมากที่ต่างก็ตกอยู่ท่ามกลางพายุบ้าคลั่งลูกนี้

ซึ่งเวลานี้จุดศูนย์กลางและตัวการของมรสุมลูกนี้อย่างป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในจวนตรวจการ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเผยความเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้หยุดพักแม้แต่นาทีเดียว ข่าวคราวที่ถูกส่งมาล้วนถูกเขาตรวจตราอย่างละเอียดทุกข่าว คอยวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง หมายจะสืบสาวไปจนเจอเบาะแส

ตั้งแต่ป๋ายฮ่าวหายตัวไปจนถึงวันนี้ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว ความบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายกลายมาเป็นทะเลเพลิงพิโรธที่เผาไหม้ทุกผู้คน ขณะเดียวกันก็สร้างความทุกข์ทรมานให้กับตัวเขาเองด้วย

เขามิอาจไม่เป็นกังวลเรื่องความเป็นความตายของป๋ายฮ่าว ครึ่งเดือนกว่ามานี้ เขาไม่เจอข่าวใดๆ ที่มีประโยชน์แม้แต่ข่าวเดียว ทั้งหมดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัดกลุ้มกังวลใจ อารมณ์หงุดหงิดถึงขีดสุด

ลมหายใจของเขาพลุ่งพล่าน คลื่นแห่งปราณแฝงไว้ด้วยความกระวนกระวายไม่สงบนิ่ง มีเพียงช่วงเวลาที่วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของข่าวต่างๆ ที่ได้รับมาเท่านั้น ลมหายใจของเขาถึงจะมั่นคง แม้ว่าข่าวจากในแผ่นหยกจะมีเยอะมาก แต่กลับไม่ถือว่าครอบคลุมเท่าใดนัก ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ดีว่าหากต้องการตามหาตัวป๋ายฮ่าว เขาจำเป็นต้องได้รับเบาะแสที่มากกว่านี้

“กองเพลิงแห่งโองการประทานคุณแด่ประชาครั้งนี้ยังจำเป็นต้องถูกกระพือให้พัดแรงอีกหน่อย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าจ้องเขม็งไปยังท้องฟ้าที่ห่างออกไปไกล ทิศทางนั้น…คือพื้นที่เขตที่ห้าของนครจักรพรรดิขุย!

ในเขตที่ห้านี้ก็คือตำแหน่งที่อยู่ของตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์!

“ได้เวลาลงมือกับตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์แล้ว มีเพียงเล่นงานตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์เท่านั้นถึงจะไม่เพียงแต่ทำให้ได้รับข่าวมาจากในตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ ทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกหลานในตระกูลพระยาสวรรค์ที่ยังมีความหวาดกลัวอยู่ด้วย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันกรอด พลันผุดลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดตัวบินออกมา ไม่นานก็พาศพหุ่นเชิดทั้งหมดตรงดิ่งไปยังพื้นที่เขตที่ห้า!

การระดมพลของเขาได้รับความสนใจจากคนจำนวนนับไม่ถ้วนทันที เวลานี้ทุกคนต่างมองไปยังกองทัพศพหุ่นเชิดที่ทะยานผ่านท้องฟ้าแล้วติดตามไปห่างๆ จนกระทั่งพวกเขาเห็นว่าจุดหมายปลายทางของป๋ายเสี่ยวฉุนคือพื้นที่เขตที่ห้าอันเป็นที่ตั้งของตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์ ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจดังเฮือก ขณะเดียวกันในใจก็ถูกกระตุ้นเร้าอย่างรุนแรง

“ตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์!!”

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ช่างใจกล้ายิ่งนัก ถึงขนาดกล้ามาตรวจสอบการบังคับใช้โองการประทานคุณแด่ประชาในตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์!!”

และขณะที่เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจของคนมากมายดังอื้ออึงไม่หยุด กองทัพศพหุ่นเชิดห้าพันนายก็บุกเข้าไปในพื้นที่เขตที่ห้า ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่หน้าสุด ข้างกายเขาทั้งสองข้างขนาบด้วยศพหุ่นเชิดหนึ่งเกราะดำหนึ่งเกราะเงินที่แผ่คลื่นคนฟ้าออกมา ส่วนด้านหลังคือเกราะดำครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าตน ทั้งกองกำลังพกพาพลังอำนาจเกรียงไกรพลิกแผ่นฟ้าตลบแผ่นดิน

หลังจากเข้ามาถึงเขตพื้นที่ที่ห้า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตรงดิ่งเข้าไปยังตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์อย่างไม่มัวรั้งรอ

เขาเหมือนจะจำได้เลือนรางว่าเจ้าพระยาสวรรค์ตระกูลนี้คือผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ไม่เคยไปมาหาสู่กับตน ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่มีเวลาให้คิดพิจารณาอะไรมากนัก เพียงบุกทะยานเข้าไป ทว่าพอเขาเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นในตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ท่านนี้กลับมีม่านแสงชั้นหนึ่งแผ่ขึ้นปกคลุม สกัดกั้นป๋ายเสี่ยวฉุนให้อยู่เพียงภายนอก

ก่อนที่บนม่านแสงนั้นจะค่อยๆ มีใบหน้าหนึ่งลอยขึ้นมา ใบหน้านี้คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา ครั้นจึงเอ่ยเนิบช้า

“ผู้ตรวจการมีธุระอันใดก็พูดมาตรงนี้เถอะ สถานที่แห่งนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า!”

ม่านตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัวเข้าหากัน มองผ่านม่านแสงเข้าไปก็เห็นว่าเจ้าพระยาสวรรค์ของตระกูลนี้ รวมไปถึงคนในตระกูลจำนวนไม่น้อยต่างก็เงยหน้าขึ้นมองตน สายตาเหล่านั้นมีแต่ความนิ่งสงบ ทว่าความแปลกประหลาดที่ซ่อนแฝงอยู่ใต้สายตาเหล่านี้ก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจว่าต่อให้เป็นตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์เองก็มีคนไม่น้อยที่กำลังรอคอยโองการประทานคุณแด่ประชาอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ภายใต้การบีบบังคับจากเจ้าพระยาสวรรค์ ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยสิ่งที่คิดออกมาแม้แต่นิดเดียว

ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งเงียบไปครู่ ไม่ได้ฝืนบุกเข้าไป เพียงยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเอ่ยขึ้นเนิบช้า น้ำเสียงที่มีพลังของตบะแฝงเร้นอยู่จึงดังก้องไปทั่วในม่านแสง

“ข้าผู้แซ่ป๋ายได้รับบัญชาจากต้าเทียนซือให้มาตรวจสอบการดำเนินการตามโองการประทานคุณแด่ประชาของที่แห่งนี้!”

“ไม่ว่าจะเป็นตระกูลของพระยาสวรรค์ หรือตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ ต่อให้เป็นสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องปฏิบัติตามโองการประทานคุณแด่ประชา!”

“ทุกคนในตระกูลมีสิทธิ์แบ่งทรัพยากรและสมบัติอย่างเท่าเทียมกัน พวกเจ้าที่เป็นบุตรอนุภรรยา เป็นลูกหลานสายตรงแต่กลับไม่มีสิทธิ์สืบทอด…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดพลางกวาดสายตามองคนในตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ที่อยู่ใต้ม่านแสง พักใหญ่ถึงพูดจบ พอเขากล่าวเสร็จ ใบหน้าของชายวัยกลางที่อยู่บนม่านแสงก็ปรายตามองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“พูดจบแล้ว? ไม่ส่ง!” ขาดคำ ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็หายวับไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นขมวดคิ้วฉับ นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งถึงหมุนตัวไปยังตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์คนที่สอง

จากนั้นก็คือตระกูลที่สาม ตระกูลที่สี่…ไม่นานเขาก็แทบจะไปครบทุกตระกูลที่อยู่ในพื้นที่ที่ห้า ในบรรดาตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์เก้าแห่ง ไม่ว่าตระกูลไหนก็ตามที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไปเยือน เขาล้วนได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นตระกูลที่หนึ่งอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!

ไม่มีเจ้าพระยาสวรรค์คนใดยอมให้เขาเข้าไปข้างใน ทุกคนล้วนปล่อยให้เขาพูดอยู่นอกค่ายกลเท่านั้น อีกทั้งพอพูดจบก็ยังส่งแขกอย่างไร้มารยาทกันทุกตระกูล

ภายใต้ท่าทีที่เหมือนจะให้ความร่วมมือแต่ก็ร่วมมืออย่างไม่เต็มใจนี้ ทำให้สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่น่ามองอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ติดตามมาดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็พากันเกิดความคิดมากมาย

เวลาเดียวกันนั้น คนที่จับตามองการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีพวกพระยาสวรรค์และลูกหลานของพวกเขา แต่ละคนที่อาศัยช่องทางของตนเองจนรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็พากันหนักอึ้งในหัวใจ

“หรือว่าโองการประทานคุณแด่ประชานี้จะดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว…”

คนจำนวนมากเริ่มใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย

และขณะที่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักต่างก็จับตามองป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สีหน้ามืดทะมึนก็มาถึงตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์คนสุดท้าย

คือตระกูลเฉิน!

ตระกูลของเฉินฮ่าวซงกินอาณาเขตของพื้นที่แห่งนี้ไปถึงครึ่งหนึ่ง เจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น ห่างออกไปไกลก็คือเจดีย์พระยาสวรรค์

และเวลานี้คนในตระกูลทุกคนต่างก็เงียบงัน ช่วงเวลาที่ผ่านมา โองการประทานคุณแด่ประชาที่เกิดขึ้นในตระกูลของพระยาสวรรค์ล้วนทำให้ลูกหลานทุกคนในตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์จิตใจหวั่นไหว

ทว่าพวกเขาไม่กล้ากระทำการใดๆ เพราะตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์กับตระกูลของพระยาสวรรค์นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

ท่ามกลางมรสุมคาวเลือดที่ต้าเทียนซือยกมีดประหัตประหารก่อนหน้านี้สามารถดับพระยาสวรรค์ไปได้สิบแปดท่าน ทว่าเจ้าพระยาสวรรค์นั้น…กลับไม่มีใครล้มลง หากว่ากันในบางระดับแล้ว ขอแค่พวกเขาไม่ทรยศต่อราชสำนัก ตำแหน่งของพวกเขาก็ยากที่จะถูกสั่นคลอน เพราะอย่างไรซะพวกเขาก็คือคนฟ้า และผู้แข็งแกร่งคนฟ้านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในแดนทุรกันดารหรือเขตแม่น้ำทงเทียนก็ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่สูงส่งเหนือผู้ใด!

บัดนี้แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง ม่านแสงชั้นหนึ่งก็พลันก่อตัวขึ้นสกัดกั้นป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ภายนอก ก่อนจะมีเสียงอื้ออึงทุ้มหนักดังก้องออกมาจากในม่านแสง

“พูดมาเถอะ พูดจบแล้วก็จงไสหัวกลับไป!” เสียงนี้แฝงความเหยียดหยามและยิ่งมากด้วยความรังเกียจ

ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแน่วนิ่ง ทอดสายตามองไกลไปยังเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ที่อยู่ในม่านแสงของตระกูลเฉิน แล้วจู่ๆ เขาก็พลัน…ยกยิ้ม

เพียงแต่รอยยิ้มนี้แฝงเร้นไว้ด้วยความเย็นชา ทั้งยังมากด้วย…ความบ้าคลั่งที่กำลังจะระเบิดออกมาเพราะสะกดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!