Skip to content

A Will Eternal 794

บทที่ 794 เจ้าพระยาสวรรค์ก็ต้องอดทน

ผู้คนที่ตามป๋ายเสี่ยวฉุนมามุงดูเหตุการณ์ยามนี้ก็พากันเงียบงัน พวกเขาเห็นกับตาตัวเองว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถเข้าไปในบ้านของเจ้าพระยาสวรรค์สิบคนนี้ได้ ในใจจึงเกิดความคิดมากมายนับไม่ถ้วน

และเรื่องนี้ก็กำลังแพร่ขยายออกไป ทำให้คนจำนวนมากในนครจักรพรรดิขุยเริ่มจับตามองที่แห่งนี้

ในม่านแสง คนตระกูลเฉินทุกคนมีสีหน้านิ่งเฉย พวกเขาพากันเงยหน้าขึ้นมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ข้างนอกผ่านม่านแสง

เฉินสงเองก็อยู่ในกลุ่มคน ตอนนี้สีหน้าของเขาซับซ้อนเล็กน้อย อันที่จริงแล้วถึงแม้เขาจะเป็นลูกหลานสายตรง ทว่าก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน แต่ไรไหนมาก็เกลียดแค้นป๋ายเสี่ยวฉุนมากอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกพูดไม่ออก เขารู้รากฐานของตระกูลตัวเองดี แล้วเขาก็รู้ดีว่าหากมีการแบ่งสมบัติอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนที่ตนจะได้มา…จะทำให้เขาใจเต้นได้มากแค่ไหน และเกรงว่านั่นคงเป็นทรัพยากรที่มากมหาศาลจนชีวิตนี้เขาคงมิอาจได้ครอบครอง

และขณะที่คนตระกูลเฉินต่างเกิดความคิดหลากหลายรูปแบบนั้น รอยยิ้มของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่นอกม่านแสงก็ยิ่งเย็นเยียบ ดวงตาของเขาฉายความบ้าคลั่งที่รุนแรงมากขึ้น ในเมื่อเขามาแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีการคาดการณ์มาก่อน รู้ดีว่าหากเทียบกันแล้ว ตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์ต้องแทะยากกว่าตระกูลพระยาสวรรค์แน่นอน

ดังนั้นตอนที่มาเขาก็คิดแล้วว่าตนพร้อมทุ่มสุดกำลัง นั่นจึงเป็นเหตุให้เขามาเยือนตระกูลเฉินซึ่งเคยมีข้อพิพาทกับตนเยอะสุดเป็นตระกูลสุดท้าย

หากก่อนหน้านี้ราบรื่นก็ยังพอว่า แต่หากไม่ราบรื่น ถ้าเช่นนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็เตรียมจะแสดงความบ้าระห่ำของตัวเองที่ตระกูลเฉินแห่งนี้!

และตอนนี้เขาก็ไม่คิดแม้แต่จะหาเหตุผลอีกแล้ว ท่าทีของตระกูลเฉินมากพอจะให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมา มือขวาเขาจึงพลันยกขึ้นแล้วชี้ไปยังม่านแสงตระกูลเฉินที่อยู่เบื้องหน้า

“กองทัพศพหุ่นเชิด จงทำลายม่านแสงค่ายกลนี้ให้แก่ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเสียงเรียบ คำพูดของเขาดังออกมา ทำเอาทุกคนที่ได้ยินอึ้งค้าง ไม่ว่าจะเป็นคนมากมายที่ล้อมวงอยู่ไกลๆ หรือคนตระกูลเฉินเองก็ตาม พวกเขายังไม่ทันตั้งตัวได้ทัน ดวงตาของศพหุ่นเชิดห้าพันนายที่อยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันฉายแสงแดงก่ำ

โฮกๆ!

ศพหุ่นเชิดห้าพันนายร้องคำรามดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะพากันบุกออกไป ยิ่งชายฉกรรจ์เกราะเงินที่อยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งบินทะยานนำหน้าไปเร็วกว่าผู้ใด ครั้นจึงโจมตีลงบนม่านแสงนั้นอย่างไม่รีรอ

ตลอดทั้งม่านแสงพลันสั่นไหว และเวลานี้เอง เกราะดำครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนก็ทะยานเข้าไปใกล้แล้วลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดินก็ดังกระหึ่ม!

ยังไม่สิ้นสุด กองทัพศพหุ่นเชิดห้าพันนายยังตามหลังมาติดๆ ศพหุ่นเชิดห้าพันนายร่วมมือกันระเบิดเวทอภินิหารที่แกร่งกล้าที่สุดของตัวเองออกมา ชั่วพริบตาเดียว เวทคาถาก็พลันกระจายกลบฟ้าทับดิน ประหนึ่งสงครามที่ปะทุขึ้น เวทคาถาห้าพันเส้นก่อกลายมาเป็นคลื่นพิโรธเทียมฟ้าที่ม้วนตลบซัดสาดเข้าหาม่านแสงค่ายกลของตระกูลเฉิน!!

“ป๋ายฮ่าว เจ้าจะทำอะไร!!” เสียงดูถูกจากในม่านแสงเมื่อครู่นี้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้องคำรามเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ทุกคนในตระกูลเฉินพากันหน้าเปลี่ยนสี

ยิ่งพวกคนที่มุงดูอยู่รอบด้านก็ยิ่งเบิกตากว้าง สำลักลมหายใจอย่างเหลือเชื่อ

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้เขา…เขา…”

“สวรรค์! เขาถึงกับออกคำสั่งให้โจมตีตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์เชียวหรือ!!”

“เขากล้าทำขนาดนี้จริงๆ หรือ!!” พวกคนที่มองดูอยู่ต่างก็ถูกกระตุ้นความฮึกเหิม พวกเขารีบส่งข่าวนี้ออกไปอย่างกระตือรือร้น ทันใดนั้นทุกคนในนครจักรพรรดิขุยที่รู้เรื่องนี้ต่างก็พากันหน้าเปลี่ยนแปลงไปหลายรูปแบบ

ถึงขั้นมีพระยาสวรรค์จำนวนไม่น้อยที่ผุดลุกขึ้นยืนในเจดีย์พระยาสวรรค์ของตัวเอง มองไปยังทิศทางที่ตั้งของตระกูลเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ยังมีเจ้าพระยาสวรรค์อีกเก้าคนที่ต่างก็อึ้งตะลึง พากันกวาดอำนาจจิตออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะเงยหน้ามองพระราชวังบนนภากาศแล้วเงียบงัน

ส่วนพวกคนในตระกูลที่เป็นบุตรอนุภรรยายามนี้ก็อึ้งงันกันราวกับไก่ไม้ แต่ละคนสูดลมหายใจดังเฮือกๆ ในสมองมีเพียงประโยคเดียวที่ลอยขึ้นมา

“เขาบ้าไปแล้ว!!”

ขณะที่เรื่องนี้สร้างความครึกโครมให้กับคนมากมาย ต่อให้ม่านแสงค่ายกลของตระกูลเฉินจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็มิอาจสกัดกั้นมหาสมุทรเวทคาถาที่สะเทือนเลือนลั่นปฐพีเช่นนี้เอาไว้ได้ หลังจากที่คลื่นเวทคาถาพวกนั้นกระแทกเข้ามา มันก็พลันพังทลาย แตกสลายเป็นชั้นๆ ก่อนจะระเบิดดังกึกก้อง!

เมื่อมันระเบิดออก พายุบ้าคลั่งลูกหนึ่งก็พัดหมุนคว้างกระแทกเข้ามาในตระกูลเฉิน ความวุ่นวายพลันบังเกิด เสียงร้องคำรามด้วยความเดือดดาลจากคนนับไม่ถ้วนดังเซ็งแซ่ และในเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ก็มีเสียงคำรามกร้าวที่แฝงเร้นไว้ด้วยความโกรธแค้นดังลอยมา

“ป๋ายฮ่าว เจ้ารนหาที่ตาย!” เมื่อคำพูดนี้ดังก้อง เจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์พลันสั่นสะเทือน คลื่นพลังขุมหนึ่งแผ่กระจายออกมารอบด้าน พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปแปดทิศแล้วปะทะเข้ากับคลื่นเวทคาถาที่ตรงเข้ามากระแทกตระกูลเฉินโดยตรง

เสียงตูมตามดังเกริกก้อง ต่อให้เป็นในวังหลวงก็ยังได้ยินกันอย่างชัดเจน คลื่นเวทคาถาพังทลายไปในบัดดล ศพหุ่นเชิดห้าพันนายที่อยู่ในนั้นล้วนถูกพัดให้ถอยตลบออกไป ทว่าชายฉกรรจ์เกราะเหล็กและเกราะดำครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนกลับทวนกระแสการโจมตี กลายร่างเป็นภาพติดตาที่พุ่งเข้าหาเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์!

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่พวกเขามาถึง ชั้นเมฆบนเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ก็พลันปั่นป่วน ฟ้าดินเปลี่ยนสี ใบหน้ามายาขนาดใหญ่ยักษ์ที่เป็นของเฉินซงพลันจำแลงกายออกมาแล้วร้องคำรามสาปแช่งใส่ศพหุ่นเชิดอย่างพวกเกราะเงินที่เข้ามาใกล้

“ฟัน!”

จุดที่คำสาปนี้ดังใส่พลันมีภูเขาใหญ่หลายลูกก่อตัวขึ้นมากลางความว่างเปล่าแล้วทะยานลงมาฟาดฟันพร้อมเสียงอึกทึก พวกชายฉกรรจ์เกราะเงินชนเข้ากับภูเขาใหญ่อย่างจัง ใบหน้าของเฉินฮ่าวซงบูดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง ทว่าทันใดนั้นตรงกลางหว่างคิ้วของเขากลับปรากฏแสงสีม่วงเส้นหนึ่งที่พุ่งทะยานแหวกความว่างเปล่ารวดเร็วราวผ่าลำไม้ไผ่ ตรงเข้าไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

คล้ายต้องการสังหารให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตายซะเดี๋ยวนั้น!

ทว่าเวลานี้เอง คลื่นคนฟ้าพลันแผ่ออกมาจากข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน ตอนนี้ข้างกายของเขามีแค่เกราะดำอยู่ตนเดียว เขาติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ตลอดเวลา เกราะดำนี้ก็คือศพหุ่นเชิดของป๋ายเสี่ยวฉุนที่มีตบะเทียบเคียงกับคนฟ้า

ชายฉกรรจ์ผู้นี้ก้าวเดินออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเล มือขวากำเป็นหมัดต่อยเปรี้ยงเข้าใส่แสงสีม่วงที่พุ่งมาใกล้ เสียงกัมปนาทดังสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน แสงสีม่วงนั้นพังทลาย ส่วนชายฉกรรจ์เกราะดำก็ตัวสั่นสะท้าน เซถอยไปหลายก้าว มือขวาที่ปะทะกับแสงสีม่วงระเบิดกระจาย แขนขวาหายไปทั้งแขน!

หากเปลี่ยนมาเป็นเรือนกายที่มีเลือดเนื้อจริงๆ บาดแผลนี้ย่อมสร้างความเสียหายมหาศาล ทว่าด้วยร่างกายที่พิเศษของเขาจึงทำให้เขาไม่แยแสอาการบาดเจ็บนี้สักนิด ทั้งยังมองเห็นได้ด้วยว่าจุดที่เลือดเนื้อของเขาขาดหายไป ตอนนี้กลับมีเนื้อใหม่ขยับขยุกขยิกคล้ายกำลังจะงอกออกมาอีกครั้ง!

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนได้ เงาร่างของเฉินฮ่าวซงก็ก้าวเดินออกมาจากเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ที่ยังคงสั่นสะท้าน เขาสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้างหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นลมพายุขุมหนึ่งก็กระแทกเข้าใส่ชายฉกรรจ์เกราะเงิน รวมไปถึงครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนนั้น

ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ครึ่งก้าวคนฟ้าเก้าคนล้วนตัวสั่นเทิ้ม ถอยกรูดอย่างพร้อมเพรียง ต่อให้เป็นชายฉกรรจ์เกราะเงินก็ยังร่างสั่นเยือก เซถอยไปหลายก้าว ทว่าเฉินฮ่าวซงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน สีหน้าของเขามืดคล้ำ ลมหายใจหอบรัวน้อยๆ

คลื่นคนฟ้าทั่วร่างของเฉินฮ่าวซงแผ่กระจายออกมาอย่างดุเดือด เขาคาดไม่ถึงว่าป๋ายฮ่าวจะกล้าลงมือกับตระกูลของตนจริงๆ! เพราะอย่างไรซะจากความขัดแย้งหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขามองออกแล้วว่าป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งนอกอ่อนใน แสร้งขู่ให้คนกลัวไปอย่างนั้น อีกอย่างเขายังวิเคราะห์นิสัยของป๋ายเสี่ยวฉุนออกตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าคนผู้นี้แม้จะโหดเหี้ยม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับให้ความสำคัญกับชีวิตน้อยๆ ของตัวเองอย่างถึงที่สุด จะไม่มีทางกล้าทำเรื่องที่เสี่ยงต่อชีวิตเด็ดขาด

ทว่าความเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดของป๋ายเสี่ยวฉุนในวันนี้กลับทำให้เขาทึ่งตะลึง ยามนี้จึงจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ป๋ายฮ่าว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเฉินฮ่าวซงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นชายฉกรรจ์เกราะเงินและศพหุ่นเชิดทั้งหมดก็หยุดมือ ทว่าจิตสังหารบนร่างของพวกเขากลับยังคงเข้มข้น สายตาจับจ้องคนตระกูลเฉินไม่ลดละดังเดิม

เฉินฮ่าวซงหรี่ตาทั้งคู่ลง แม้ว่าตบะของเขาจะสูงกว่าชายฉกรรจ์เกราะเงินไม่น้อย แต่เขาเข้าใจดีว่ากองทัพศพหุ่นเชิดนี้คือร่างที่ไม่ดับสลาย อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ซ่อนแฝง ยิ่งตอนนี้ศพหุ่นเชิดทั้งห้าพันคนได้เริ่มล้อมวงเข้ามาใหม่อีกครั้ง และก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีศพหุ่นเชิดเกือบคนฟ้าตนนั้นอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังหวาดหวั่น!

สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นเยียบเป็นน้ำแข็ง เขาจ้องเฉินฮ่าวซงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งข้ามผ่านจุดที่เมื่อครู่นี้มีม่านแสงกั้นขวาง เดินเข้ามา…ในตระกูลเฉิน!

“เมื่ออยู่ภายใต้โองการประทานคุณแด่ประชา ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน!”

“บุตรอนุภรรยาและลูกหลานสายตรงที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดของตระกูลเฉินทุกคน ข้ายินดีอ้าแขนรับข่าวที่พวกเจ้าส่งมาให้ เพื่อรับประกันว่าสมบัติในส่วนที่พวกเจ้าจะได้รับนั้นถูกต้องยุติธรรม!”

“หากพวกเจ้าละทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปเพียงเพราะความขี้ขลาด ทำให้ได้รับส่วนแบ่งที่ไม่ยุติธรรม ทำให้ผู้สืบทอดยังคงได้รับผลพวงมากที่สุด ถ้าเช่นนั้นผลลัพธ์ที่จะตามมา พวกเจ้าคงเข้าใจดี เกรงว่าที่พวกเจ้าเคยได้กินเข้าไปเท่าไหร่ ก็คงต้องคายออกมาเท่านั้น!”

“ทว่าพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ ขอเพียง…รายงานเรื่องราวทั้งหมดในตระกูล ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ทรัพยากร หรือมีใครเพิ่มเข้ามาให้ข้ารู้อย่างลับๆ เท่านี้ก็ได้แล้ว”

“คนชั่ว ข้าจะเป็นให้เอง!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเนิบช้าทว่ากลับทรงพลัง เมื่อดังเข้าหูของทุกคนในตระกูลเฉินก็ทำให้คนไม่น้อยแอบใจเต้นกระหน่ำอย่างห้ามไม่ได้

สีหน้าของเฉินฮ่าวซงไม่น่ามอง เขายืนอยู่ตรงนั้น เงยหน้ามองพระราชวังบนท้องฟ้าแล้วเงียบงัน ไม่ห้ามปรามอีก

ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวจบก็หันไปมองคนรอบด้านด้วยสายตาลึกล้ำอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะหมุนกายจากไป ทว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็พลันหันกลับมาด้วยดวงตาที่เปล่งแสงเย็นเยียบ

“ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าผู้แซ่ป๋ายอยู่ข้างนอก ใครบังอาจต่อต้านโองการประทานคุณแด่ประชา ทั้งยังบอกให้ข้าไสหัวกลับไปเมื่อพูดจบ?” เขาเอ่ยเนิบช้า พอขาดคำก็มีบุตรอนุภรรยาของตระกูลเฉินจำนวนไม่น้อยที่เหลือบมองไปยังผู้เฒ่าคนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลเหมือนตั้งใจและทั้งเหมือนไม่ตั้งใจ แม้แต่เฉินสงเองก็ยังกวาดตามองไปแวบหนึ่ง

ผู้เฒ่าคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน แต่ยังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยคำใด

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โบกมือหนึ่งครั้ง

“ฆ่าทิ้งซะ!”

แทบจะขณะเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจบ ศพหุ่นเชิดห้าพันนายก็ลงมือพร้อมกัน เสียงกัมปนาทดังคลอเคล้ามากับเสียงร้องโหยหวนของผู้เฒ่า ครู่เดียวผู้เฒ่าคนนั้นก็แหลกสลายทั้งกายและจิต สีหน้าของเฉินฮ่าวซงยิ่งดำทะมึนจนเกือบจะกลายมาเป็นเหล็กดำ โทษนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนโยนมาให้ช่างใหญ่หลวง ช่างอำมหิตยิ่งนัก ตอนนี้สถานการณ์เปราะบาง เขาสูดลมหายใจเขาลึกหนึ่งครั้งแล้วเลือกที่จะข่มกลั้นเอาไว้ ดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนหรี่ลงน้อยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!