Skip to content

A Will Eternal 86

บทที่ 86 มาไม้นี้อีกแล้ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทาง วิ่งเร็วราวกับบิน ทะยานดิ่งลงจากเขามา ถึงขั้นวิ่งออกจากสำนักไปเดินเตร็ดเตร่อยู่ในตลาดตีนเขาสำนักธาราเทพเสียนาน

“จะทำยังไงดี” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาอึดอัดคับข้องใจอย่างถึงที่สุด พอคิดขึ้นมาได้ว่านกตัวนั้นมาแย่งยาไปเองแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน ผู้เฒ่าโจวเองก็ช่างไร้เหตุผล…

“แต่ว่า ดูเหมือนข้าจะ…ได้ที่หนึ่ง?” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น พลันก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้จึงอึ้งไปเล็กน้อย

“โถ่ ด้วยฐานะศิษย์น้องเจ้าสำนักของข้า เดิมทีไม่คิดไปแย่งชิงกับเด็กๆ พวกนั้นเสียหน่อย” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งที ภาคภูมิใจอยู่ไม่มากก็น้อย แต่พอคิดขึ้นได้ว่าเมื่อได้ที่หนึ่งก็จำเป็นต้องไปเข้าร่วมศิษย์ศึกแห่งความภาคภูมิใจกับชายฝั่งทิศเหนือจึงกลับมากลุ้มใจอีกครั้ง

เดินเตร่ในตลาดอยู่นานจนกระทั่งถึงช่วงกลางดึก ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญว่ายังไงตัวเองก็ต้องกลับไป ดังนั้นจึงหยิบแผ่นหยกถ่ายทอดเสียงออกมาส่งข้อความให้กับสวีเป่าไฉ

ให้สวีเป่าไฉไปดูที่พักของตัวเองว่าผู้เฒ่าโจวได้ไปดักรออยู่ที่นั่นหรือไม่

ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงจากแผ่นหยกที่สวีเป่าไฉตอบกลับมาจึงวางใจลงเล็กน้อย กลับเข้าไปในประตูภูเขาอย่างระมัดระวัง รีบขึ้นไปบนเขาเซียงอวิ๋น มองไกลๆ ไปเห็นว่ามีเงาร่างของสวีเป่าไฉอยู่ด้านนอกที่พักเพียงลำพัง จึงสังเกตการณ์อย่างรอบคอบอยู่อีกครู่ใหญ่ถึงได้รีบเดินเร็วๆ เข้าหา

สวีเป่าไฉมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทันที นัยน์ตาเผยความตื่นเต้น กำลังจะเอ่ยปากพูดก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนลากเข้าไปในที่พัก

“อาจารย์อาป๋ายโปรดวางใจ ผู้เฒ่าโจวถูกท่านเจ้าสำนักเรียกกลับไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว…” สวีเป่าไฉรีบเอ่ยปาก เขามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยแววตากระตือรือร้นอย่างสุดๆ

‘ตอนอยู่ฝ่ายครัวไฟเขาก็ซุกซ่อนความสามารถเอาไว้อย่างลึกล้ำ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องอย่างการขายรายชื่อศิษย์ฝ่ายนอก พอเข้ามาอยู่ฝ่ายนอก การประลองเล็กครั้งแรกก็สร้างความครึกโครมขึ้นมาในวงเล็กๆ ที่น่าตะลึงที่สุดก็คือเรื่องตระกูลลั่วเฉิน ไม่นึกเลยว่าเขาจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ ฐานะลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ ความสูงศักดิ์ของศิษย์น้องเจ้าสำนัก ตอนนี้ยังได้ที่หนึ่งของศึกคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติอีก ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…ภายภาคหน้าเขาต้องได้เป็นบุคคลสูงส่งเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอย่างแน่นอน!’

สวีเป่าไฉเห็นภาพเหตุการณ์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนวิ่งแซงทุกคนกลายเป็นอันดับหนึ่งตลอดทั้งขั้นตอนกับตาตัวเอง เขาสะท้านสะเทือนอยู่นาน ในใจมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นบุคคลน่าทึ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ไปแล้ว โดยเฉพาะย้อนคิดถึงภาพในอดีตแต่ละภาพก็ยิ่งเคารพเลื่อมใสป๋ายเสี่ยวฉุน รีบกำมือประสาน โค้งตัวคารวะต่ำหนึ่งที

“ยินดีกับอาจารย์อาป๋ายด้วยที่คว้าอันดับหนึ่งแห่งการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติชายฝั่งทิศใต้ของเรา!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปรอบๆ ที่พักพักหนึ่ง ผ่อนลมหายใจยาวอยู่ในใจหนึ่งที เงยหน้ามองไปทางถ้ำสถิตของผู้เฒ่าโจวบนยอดเขา สาบานกับตัวเองว่ารอให้ตนฝึกถึงขั้นสร้างฐานรากเมื่อใด จะต้องเอานกที่ใส่ร้ายตนตัวนั้นมาตุ๋นกินให้ได้!

ยามนี้ได้ยินคำพูดสวีเป่าไฉ ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้หันหน้ามามองสวีเป่าไฉ ไอแห้งๆ หนึ่งที

“ตัวข้านั้นไม่สนใจชื่อเสียงลาภยศ เป็นบุคคลดั่งเมฆขาวบนนภากาศ เดิมไม่คิดจะไปช่วงชิงชื่อเสียงจอมปลอมนี้กับเด็กๆ พวกนั้น แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ผู้เฒ่าโจวดันปรากฏตัวไม่ถูกเวลาเสียนี่” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากเนิบนาบ วางท่าทีเป็นผู้อาวุโสสูงศักดิ์ที่คล้ายกำลังปลงอนิจจัง

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเช่นนี้ แม้ว่าภายนอกสวีเป่าจะไม่กล้าเผยสีหน้าออกมา แต่ในใจต้องดูหมิ่นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ในสายตาของเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายเป็นศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจในศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจอีกที เวลานี้จึงรีบเอ่ยปาก

“อาจารย์อาป๋ายเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา แต่ศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจอย่างอาจารย์อาป๋าย เกรงว่าต่อให้อ่อนน้อมถ่อมตนแค่ไหน บางครั้งที่โบกสะบัดมืออย่างไม่ตั้งใจก็ยังเปล่งประกายแสงเป็นที่จับจ้องได้อยู่ดี!”

ประโยคนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินแล้วพลันมีดอกไม้ผลิบานในใจ แต่สีหน้ากลับเยือกเย็น ในใจปรารถนาอยากให้สวีเป่าไฉพูดเพิ่มอีกสักสามสี่ประโยคแทบแย่ ดังนั้นตอนที่หันไปมองสวีเป่าไฉสีหน้าจึงเผยความชื่นชมและให้กำลังใจ

สวีเป่าไฉได้รับกำลังใจจากป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเอ่ยปากอย่างตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

“คราวนี้ได้อาจารย์อาป๋ายเป็นตัวแทนชายฝั่งทิศใต้ของเราเข้าประลองศึกศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจกับชายฝั่งทิศเหนือ ต้องขจัดความอ่อนแอของชายฝั่งทิศใต้เราที่มีมาหลายปีทิ้งไปสิ้น ทำให้ชายฝั่งทิศเหนือสะท้านสะเทือนกันไปหมด!”

“พวกห้าศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจผู้ยิ่งใหญ่ของชายฝั่งทิศเหนืออะไรนั่น ที่ร่ำลือกันว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในพลังขั้นต่ำกว่าสร้างฐานราก แต่ละคนเหี้ยมโหดดุดัน โอหังกันยิ่งนัก คราวนี้ต้องให้พวกเขารู้ให้ได้ว่า ศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจที่แท้จริงอยู่ที่ชายฝั่งทิศใต้ของเรา อยู่ที่เขาเซียงอวิ๋น!” สวีเป่าไฉฮึกเหิมเป็นกำลัง

“ห้าศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจผู้ยิ่งใหญ่?” สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นปกติ แต่ในใจกลับสะดุ้งโหยง

“ใช่แล้ว ห้าศิษย์แห่งความของภาคภูมิใจผู้ยิ่งใหญ่พวกนั้น หนึ่งในนั้นคือเป่ยหันเลี่ยแห่งเขาลั่วรื่อ คนผู้นี้อวดดีบ้าระห่ำ ฝึกวิชาหนึ่งในสิบมหาเวทลึกลับแห่งสำนักธาราเทพ คาถารวิอัสดง และยังมีสัตว์ร้ายกลางคืนหายากหนึ่งตัวซึ่งดุร้ายมาก พละกำลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด ฉีกกระชากคนได้ทั้งเป็น หนึ่งคนหนึ่งสัตว์เคยสังหารศัตรูตัวฉกาจที่มีพลังรวมลมปราณขั้นเก้าหลายคนในครั้งเดียว! ถูกขนานนามว่าอันดับหนึ่งในฝ่ายนอกแห่งเขารื่อลั่ว!”

“ฉีกกระชากคนเป็นๆ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือก

“นี่ยังไม่เท่าไหร่นะ ยังมีอีกคนหนึ่งก็คือสวีซงแห่งเขาฉงติ่ง คนผู้นี้เกิดมาก็มีร่างกายที่มหัศจรรย์ ตอนที่เข้าสำนักในปีนั้นถูกท่านผู้นำของยอดเขาฉงติ่งรับไว้เป็นลูกศิษย์โดยต้องจ่ายค่าตอบแทนไปสูงมาก มีฝีมือในการควบคุมสัตว์ร้ายอยู่ในขั้นเชี่ยวชาญจนน่าหวาดกลัว เล่ากันว่าเขาสามารถควบคุมสัตว์ร้ายพร้อมกันได้ถึงห้าตัว เคยมีคนตบะรวมลมปราณผู้หนึ่งไปยั่วโทสะเขา จึงถูกเขาไล่ฆ่าสามเดือน สุดท้ายก็ควบคุมสัตว์ร้ายห้าตัวกลืนกินอีกฝ่ายทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่สามวัน ท้ายที่สุดก็เหลือแต่กระดูก!”

“เหลือแต่กระดูก?!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสะท้าน

“ยังมีคนที่เหี้ยมโหดยิ่งกว่าเขาอีก นั่นก็ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนที่สามกับคนที่สี่ เป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่ล้วนมาจากยอดเขายวนเหว่ย ฝ่ายหญิงชื่อกงซุนหว่านเอ๋อร์ รูปโฉมงามล้ำ ถนัดควบคุมสัตว์ปีกดุร้าย เคยท้ารบกับโจวซินฉี ไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ!

ฝ่ายชายชื่อกงซุนอวิ๋น ถนัดวิถีแห่งแมลงพิษร้าย ชอบสวมชุดสีดำ ใช้ร่างกายของตัวเองเพาะเลี้ยงแมลงวิเศษ ว่ากันว่าในร่างกายเขามีแต่ไข่แมลง แปลกประหลาดถึงขีดสุด ศัตรูที่ต่อกรกับเขาสุดท้ายมักจะถูกแมลงร้ายไต่ไปทั่วร่าง มุดเจาะเข้าไปในร่างกาย กลืนกินเลือดเนื้อ เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หากปฏิกิริยาตอบสนองช้าหน่อยก็จะถูกกลืนกินจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่กระดูก!”

“ไม่เหลือแม้แต่กระดูก?!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ พอในสมองจินตนาภาพขึ้นมา ก็รู้สึกเพียงหนังหัวชาหนึบ

“คนสุดท้าย…คือคนที่ว่ากันว่าเป็นผู้ลึกลับที่สุดในศิษย์แห่งความภาคภูมิใจชายฝั่งทิศเหนือ คนผู้นี้ไร้นาม ท่านผู้นำเขากุ่ยหยาเป็นผู้นำกลับมาเมื่อยี่สิบปีก่อน ตัวตนลึกลับ ตั้งชื่อว่ากุ่ยหยาเพราะเขามาจากเขากุ่ยหยา เชี่ยวชาญอาคมวิถีภูตผี ฝึกวิชาหนึ่งในสิบมหาเวทแห่งสำนักธาราเทพ ซึ่งในตำนานกล่าวว่าเป็นวิชาที่ฝึกยากพอๆ กับวิชาเขตแดนธารา…นั่นคือวิชาขบวนผีราตรี! ว่ากันว่าได้ถึงระดับภูตผีร้อยตนแล้ว มีคนบอกว่าเขาคือศิษย์แห่งความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของชายฝั่งทิศเหนือ…” สวีเป่าไฉเล่าสิ่งที่ตัวเองรู้มาให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังทั้งหมด ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ฟังอยู่ใจก็ยิ่งกระหน่ำสะท้านเยือก

เขาพบว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของชายฝั่งทิศเหนือแต่ละคน ดูเหมือนล้วนโหดเหี้ยมยิ่งกว่าชายฝั่งทิศใต้อยู่เยอะมาก แม้ว่าชายฝั่งทิศเหนือจะควบคุมสัตว์เป็นหลัก เลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสกับคาวเลือด แต่ความต่างนี่ก็มากเกินไปราวฟ้ากับเหว

“ชายฝั่งทิศใต้ของพวกเราถูกชายฝั่งทิศเหนือกดหัวมาหลายปี พ่ายแพ้ศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทุกครั้ง ถึงขั้นที่ว่ามีครั้งหนึ่งได้ยินมาว่าเก้าในสิบคนล้วนเป็นคนของชายฝั่งทิศเหนือ เรื่องนี้ช่างอัปยศยิ่งนัก พวกเรา…” สวีเป่าไฉกำลังพูดใส่อารมณ์ดุเดือดเต็มที่ พลันพบว่าสีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนดูแปลกพิกล จึงอึ้งไปเล็กน้อย มองไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“อาจารย์อาป๋าย ท่านเป็นอะไรไป?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบเชิดคางขึ้น เอ่ยปากด้วยคำพูดที่น่าเกรงขามและน่าเลื่อมใส

“ตัวข้าเป็นคนของชายฝั่งทิศใต้คนหนึ่ง ได้ยินว่าชายฝั่งทิศใต้ของเราเป็นเช่นนี้ ในใจจึงให้เจ็บแค้นนัก!”

“อาจารย์อาป๋ายไม่จำเป็นต้องเจ็บแค้น ครั้งนี้มีอาจารย์อาป๋ายออกหน้า ต้องทำใหชายฝั่งทิศเหนือรู้ความร้ายกาจของชายฝั่งทิศใต้เราอย่างแน่นอน!” สวีเป่าไฉกำหมัดแน่น พูดอย่างฮึกเหิม

“ชายฝั่งทิศเหนือนับเป็นอะไรได้ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนแค่โบกมือก็ทำให้พวกเราสิ้นราบพนาสูรได้แล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกยกยอจนตัวลอย ลงมาได้ยากเสียแล้ว เวลานี้จึงยืดอกเชิดหน้า สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เอ่ยปากอย่างถือดี

สวีเป่าไฉตื่นเต้นจึงพูดอีกหลายคำ สุดท้ายถึงได้บอกลากลับไปพร้อมกับความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง

เวลานี้เป็นช่วงกลางดึก ในลานที่พักมีป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เพียงลำพัง เขาย้อนนึกถึงห้าคนนั่นที่สวีเป่าไฉพูดถึง ลมภูเขาพัดผ่านมา รู้สึกเพียงสันหลังที่เย็นวาบ

“พวกคนชายฝั่งทิศเหนือนี่เป็นคนยังไงกัน ทั้งเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงแมลง เลี้ยงภูตผี…ฟังดูแล้วน่ากลัวมากเลย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดหายใจเฮือก ตอนที่กลับเข้ามาในบ้านไม้สมองยังคงมีคำบอกเล่าเกี่ยวกับชายฝั่งทิศเหนือของสวีเป่าไฉลอยขึ้นมาไม่หยุด

“ผู้เฒ่าโจวต้องตั้งใจอย่างแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆ สุดท้ายก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง

“ชีวิตนี้ของข้าเกลียดที่สุดก็คือการตีรันฟันแทงกับคนที่เก่งกว่า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจแล้วว่าศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้ พูดให้ตายยังไงตัวเองก็จะไม่ไป

แต่พอเช้าตรู่วันต่อมา ยังไม่ทันที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะคิดหาวิธีไม่เข้าร่วมศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจออก แผ่นหยกคำสั่งแผ่นหนึ่งก็ลอยลงมาจากเขาเซียงอวิ๋น กลายเป็นแสงสีดำบินเข้ามาในบ้านไม้ของป๋ายเสี่ยวฉุน พลันก็มีเสียงของหลี่ชิงโหวดังลอยมา

“ป๋ายเสี่ยวฉุน อันดับที่หนึ่งแห่งศึกคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติ อีกครึ่งเดือนต้องเข้าร่วมศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจชายฝั่งเหนือใต้กับคนอื่นอีกเก้าคน! ไม่อาจไม่เข้าร่วม มิฉะนั้นจะจับโยนเข้าไปในหุบเขาหมื่นอสรพิษ!”

“มาไม้นี้อีกแล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อย ฟังเสียงคำสั่งของหลี่ชิงโหวเขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกผู้เฒ่าโจวเล่นงานเข้าให้แล้ว…

เมื่อเสียงของหลี่ชิงโหวในแผ่นคำสั่งหายไป มีแสงกะพริบวาบหนึ่งทีแผ่นหยกก็หายไป กำไลชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ตกลงตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งไป หยิบเอากำไลขึ้นมาดูอย่างละเอียดแล้วหลอมพลังวิญญาณเข้าไป กำไลอันนี้ก็กลายเป็นของเหลวสีดำแล้วปกคลุมที่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนทันที แล้วจึงค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วร่าง

เวลาเดียวกันนั้นข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเสียงของหลี่ชิงโหวที่อธิบายวิธีควบคุมวัตถุชิ้นนี้ไว้ให้ และบอกให้รู้อย่างชัดแจ้งว่ากำไลชิ้นนี้สามารถสกัดกั้นพลังโจมตีทั้งหมดจากนักพรตขั้นสร้างฐานรากระยะต้นได้ในครั้งเดียว!

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น เวลานี้เขาไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในสำนักใหม่ๆ อีกแล้ว รู้ดีถึงคุณค่าของวัตถุคุ้มกันกายชิ้นนี้เป็นอย่างดี นี่ยังถึงขั้นล้ำค่ายิ่งกว่าโล่กระสาเทพที่เจ้าสำนักมอบให้ด้วยซ้ำ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองไปทางยอดเขาเซียงอวิ๋น

แม้ว่าหลี่ชิงโหวจะไม่ได้บรรยายเกี่ยวกับวัตถุชิ้นนี้มากมาย แต่บนข้อมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างลึกล้ำ เขานึกถึงประลองเล็กในครั้งนั้น นึกถึงความคาดหวังของหลี่ชิงโหว

เงียบงันไปเนิ่นนาน ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน นัยน์ตาเด็ดเดี่ยว

“ศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้ ข้าเข้าร่วมแน่แล้ว!”

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!