Chapter 9
พบเทพีจันทรา
ตะวันเห็นแววหวาดกลัวในดวงตาเธอก็พูดปลอบว่า“คุณไม่ต้องกลัวนะ คุณปลอดภัยแล้ว”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วหมอก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับ” หมอพูดทักทาย
“สวัสดีครับ” ตะวันลุกขึ้นยืนไหว้แล้วก็บอกว่า “เธอเพิ่งฟื้นเมื่อสักครู่นี้เองครับ”
หมอพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันไปทักทายคนไข้ว่า “สวัสดีครับ รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”
เจ้าหญิงจันทรามองอย่างระวังตัว
“ขอหมอตรวจหน่อยนะครับ” หมอพูดเสียงนุ่มพลางยิ้มให้
เจ้าหญิงจันทราพยักหน้า
หมอก็จัดแจงตรวจตามหน้าที่ เขาสั่งให้ทำอะไรเจ้าหญิงจันทราก็ทำตามอย่างงุนงง
พอตรวจเสร็จหมอก็บอกว่า “โอเคครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาการโดยรวมทั่วไปปกติดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ” ตะวันพูดพลางยกมือไหว้
หมอยิ้มรับแล้วก็เดินออกไป
แล้วตะวันก็หันไปถามเจ้าหญิงจันทราว่า “หิวมั้ยครับ”
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าแต่เสียงท้องร้องเบาๆ
ตะวันยิ้มแล้วก็บอกว่า “ถ้างั้นเดี๋ยวผมสั่งอาหารมาให้นะครับ” แล้วเขาก็หันไปโทรสั่งอาหาร
พอสั่งเสร็จเขาก็นั่งลง
เจ้าหญิงจันทรามองเครื่องโทรศัพท์อย่างสงสัยว่ามันคืออะไร ที่นี่มีแต่ข้าวของแปลกๆ คนก็ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ มีแต่คนแปลกหน้าที่นางไม่รู้จัก นางอยู่ที่ไหนหรือ…? นางมองไปรอบๆตัวอย่างงงๆสงสัย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูเข้ามา “อาหารที่สั่งมาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ตะวันลุกขึ้นยืน
เจ้าหน้าที่วางอาหารไว้บนโต๊ะแล้วก็ออกไป
“โจ๊กมาแล้ว ทานสักหน่อยนะครับ” ตะวันบอกแล้วก็กดปุ่มปรับหัวเตียง
“ว๊าย!” เจ้าหญิงจันทราตกใจผวาลุก
ตะวันชะงัก! รีบบอกว่า “ใจเย็นๆนะครับ ผมแค่จะปรับหัวเตียงให้” แล้วเขาก็กดปุ่ม
เจ้าหญิงจันทรามองอย่างหวาดระแวง
“ใจเย็นๆนะครับ ไม่ต้องตกใจครับ” ตะวันปลอบ พอปรับหัวเตียงเสร็จเขาก็เอาหมอนวางรองให้ “นั่งตรงนี้นะครับ” เขายื่นมือไปแตะไหล่
เจ้าหญิงจันทราปัดมือเขาออกอย่างถือตัว
ตะวันหดมือกลับพลางยิ้มให้ แล้วเขาก็หันไปเลื่อนโต๊ะอาหารเข้าไปให้
เจ้าหญิงจันทรามองอย่างสงสัย นางมองดูทุกการกระทำของเขาอย่างแปลกใจ
ตะวันเปิดฝาชามออก
เจ้าหญิงจันทราจ้องอาหารในชามเขม็ง กลิ่นอาหารลอยเตะจมูกชวนกิน นางเห็นช้อนวางอยู่ข้างชามก็เอื้อมมือไปหยิบ แต่มือไม่ค่อยมีแรง นางจึงทำช้อนตก เคร้ง!
“คุณไม่มีแรง งั้นให้ผมช่วยนะ” ตะวันบอกอย่างอาสา
เจ้าหญิงจันทราเงียบ
ตะวันจึงถือวิสาสะช่วย เขาหยิบช้อนตักโจ๊กเป่าให้แล้วก็ป้อน
เจ้าหญิงจันทรามองหน้าเขา
ตะวันพยักหน้า “ทานหน่อยนะคุณจะได้มีแรง”
เจ้าหญิงจันทราจึงยอมอ้าปากกินโจ๊ก
ตะวันตักป้อนอีก
เจ้าหญิงจันทรากินโจ๊ก น้ำตาเริ่มคลอในดวงตา นานแล้วที่ไม่เคยมีใครป้อนอาหารให้แบบนี้นับตั้งแต่ท่านแม่จากไป ภาพในอดีตหวนคืนมาให้คิดถึง น้ำตาค่อยๆรินไหล
ตะวันชะงัก! “โจ๊กร้อนเหรอครับ?”
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าแล้วก็ปล่อยโฮ “ฮือๆๆๆ…” นางผวากอดเขาเหมือนหาที่พึ่ง
ตะวันตกใจ รีบวางช้อนลง ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่กอดพลางลูบหลังปลอบ
เจ้าหญิงจันทราร้องไห้พักใหญ่ก็เริ่มเบาลง นางสะอื้นผละออกพลางปาดน้ำตาทิ้ง
“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ” ตะวันถามพลางย่อตัวลงจ้องดวงตาคู่สวย เขาเห็นนัยน์ตาคู่นั้นชัดๆเป็นครั้งแรก เธอไม่ใช่ทิวาแน่นอนเพราะทิวามีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม แต่ดวงตาคู่นี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม
เจ้าหญิงจันทราพยักหน้าแล้วก็ก้มหน้าหลบอย่างขัดเขิน ก็นางไม่เคยให้ใครได้เห็นความอ่อนแอของนางเช่นนี้เลยสักครั้ง
ตะวันล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ แล้วก็บอกว่า “ถ้างั้นทานต่อนะครับ คุณจะได้แข็งแรงไวๆ
เจ้าหญิงจันทราพยักหน้า ตะวันตักโจ๊กป้อน
จนกระทั่งกินไปได้ค่อนชาม เจ้าหญิงจันทราก็ยกมือทำท่าว่าพอ
ตะวันหยุดป้อนแล้วก็ส่งแก้วน้ำให้
เจ้าหญิงยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วก็วาง
ตะวันเลื่อนโต๊ะออกแล้วก็นั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง แล้วก็ถามว่า “คุณรู้สึกดีขึ้นมั้ยครับ”
เจ้าหญิงจันทราพยักหน้า
ตะวันก็ถามอีกว่า “คุณมาจากไหนเหรอครับ?”
“นครจันทรา” เจ้าหญิงจันทราตอบ
“แล้วคุณเอาเสื้อผ้าของทิวามาจากไหนครับ?” ตะวันถามแล้วก็หันไปหยิบถุงใส่เสื้อผ้าที่เก็บมาจากโรงพยาบาลพลางหยิบเสื้อผ้าเครื่องประดับทั้งหมดออกมาวางข้างเตียง
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าอย่างงุนงง
ตะวันจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ เขาหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปแล้วก็ยื่นให้อีกฝ่ายดูพร้อมกับถามว่า “แล้วคุณรู้จักผู้หญิงคนนี้มั้ยครับฦ”
เจ้าหญิงจันทราจ้องภาพบนมือถืออย่างงงๆ “เอ๊ะ! นั่นข้าหรือ” นางจับโทรศัพท์ไปจ้องมองใกล้ๆ “ไม่ใช่” แล้วนางก็ถามว่า “นางเป็นใครหรือ? ไยจึงหน้าตาเหมือนข้ายิ่งนัก”
“นี่คือทิวา เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนของผมครับ เธอเหมือนกับคุณมาก ส่วนเสื้อผ้าพวกนี้ของพวกนี้ก็เป็นของเธอ” ตะวันบอกแล้วก็ถามว่า “แต่ทำไมคุณถึงใส่เสื้อผ้าของเธอล่ะครับ?”
เจ้าหญิงจันทราชี้ไปที่เสื้อผ้าแล้วก็ถามว่า “ข้าสวมใส่สิ่งของพวกนี้หรือ?”
ตะวันพยักหน้าแล้วก็เล่าว่า “คือตอนที่พวกเราพบคุณน่ะครับ คุณนอนสลบไม่ได้สติ คุณใส่เสื้อผ้าพวกนี้อยู่ แล้วเราก็เห็นคุณได้รับบาดเจ็บ” เขาชี้ที่แผลที่ข้อมือแล้วก็เล่าต่อว่า “พวกเราก็เลยรีบพาคุณส่งโรงพยาบาล คุณหน้าตาเหมือนกับเธอมาก พวกเราก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณคือเธอ ส่วนทิวา” เขาชี้ที่รูปในมือถือ “เธอหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมถึงอยากรู้ว่าคุณเอาของๆเธอมาได้ยังไงครับ”
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”
ตะวันเครียด แล้วเขาก็ถามว่า “ถ้างั้นแผลนี่คุณไปได้มายังไงครับ” เขาชี้ที่ข้อมือ
เจ้าหญิงจันทราก้มมองแผลที่ข้อมือ “ข้ากรีดเลือดบวงสรวงเทพีจันทรา”
ตะวันอึ้ง! กรีดข้อมือตัวเองเนี่ยนะ…พระเจ้าช่วย นี่เขากำลังคุยกับคนบ้าอยู่รึไง
“เมื่อกี้คุณว่าคุณมาจากไหนนะ นครๆอะไรนะครับ?” เขาถามอีก
“นครจันทรา” เจ้าหญิงจันทราตอบ
“นครจันทราเหรอ?” ตะวันทวนคำแล้วก็ถามว่า “แล้วนครจันทรานี่มันอยู่ตรงไหนของแผนที่โลกเหรอครับ?”
“ท่านอยากเห็นนครของข้าหรือ?” เจ้าหญิงจันทราถาม
“ครับ” ตะวันพยักหน้า
เจ้าหญิงจันทรามองไปรอบๆห้องแล้วก็ชี้มือไปที่กะละมังสแตนเลส “สิ่งนั้นมีน้ำหรือไม่?”
ตะวันมองตามแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่มีครับ” แล้วเขาก็ถามว่า “คุณอยากเช็ดตัวเหรอครับ?”
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าแล้วก็บอกว่า “ไม่ใช่ ข้าจะให้ท่านดูนครของข้า” นางหันไปเห็นเหยือกน้ำข้างเตียง นางก็สั่งว่า “ท่านเอาสิ่งนั้นมาให้ข้า”
ตะวันลุกไปหยิบกะละมังให้อย่างงงๆ
เจ้าหญิงจันทราชี้ให้วางกะละมังบนเตียงข้างตัวนาง ตะวันทำตาม
แล้วเจ้าหญิงก็สั่งว่า “ท่านเอาน้ำเทใส่ให้ข้าด้วย”
ตะวันหันไปหยิบเหยือกน้ำเทน้ำลงไป
“เททั้งหมด” เจ้าหญิงจันทราสั่ง ตะวันทำตาม พอเทหมดแล้วเขาก็วางเหยือกไว้ที่เดิม
เจ้าหญิงจันทรายกมือขึ้นเหนือกะละมัง “ท่านดูในน้ำนี่ซิ” นางสั่งเขา
ตะวันก้มมองน้ำ พลัน! ก็มีแสงสว่างอ่อนๆเปล่งออกมาจากมือของเจ้าหญิงจันทรา
“เฮ้ย!” ตะวันตกใจ แล้วในน้ำก็มีภาพขึ้นมา เขาจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อาจจะละสายตาได้ เขาเห็นเมืองกลางหุบเขา ใจหนึ่งอยากจะใส่เกียร์หมาแล้วโกยอ้าว แต่อีกใจสั่งให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เอาวะ! จะเป็นไงให้มันรู้กันไปซิวะ
“นครจันทรา” เจ้าหญิงจันทราบอก นางก็ก้มลงมองภาพในน้ำเช่นกัน
ภาพในน้ำเป็นภาพมุมสูงแล้วก็เปลี่ยนเป็นตึกรามบ้านช่อง
ตะวันหยิกแขนตัวเองให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันและมีสติดีทุกอย่าง แมร่งเอ้ย…เจ็บฉิบ เธอทำได้ยังไง…!?
“เมืองของข้า” เจ้าหญิงจันทราบอก
แล้วภาพก็เลื่อนไปเหมือนกำลังเดินไปที่ปราสาท
ภาพหายวับ! พร้อมกับเจ้าหญิงจันทราฟุบหมดแรง
“เฮ้ย!” ตะวันตกใจรีบยกกะละมังน้ำออกไป แล้วเขาก็ช่วยพยุงเธอ “คุณๆ คุณเป็นอะไรครับ?”
เจ้าหญิงจันทราฝืนเงยหน้ามองบอกเสียงแผ่วว่า “ข้าเหนื่อย”
“เหนื่อยเหรอ…ถ้างั้นคุณก็นอนก่อนนะครับ” ตะวันรีบกดปุ่มปรับหัวเตียงลง แล้วก็พยุงเธอนอนลง
เขาเห็นเหงื่อเต็มหน้าเธอจึงล้วงกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้
เจ้าหญิงจันทราตะลึงงัน! ใจหนึ่งอยากจะปัดมือนั้นออก แต่อีกใจหนึ่งกลับสั่งให้นิ่งเฉย นี่ข้าเป็นอะไรไป…ไยข้าจึงยอมให้เขาทำเช่นนี้…
ตะวันซับเหงื่อให้แล้วก็ถามว่า “ดื่มน้ำสักหน่อยมั้ยครับ”
เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าแล้วก็หลับตาลง
ตะวันมองใบหน้างามอย่างครุ่นคิด นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่? คนที่มีพลังพิเศษแบบในหนังไซไฟรึไงกัน หรือว่ามนุษย์ต่างดาว? หรือว่า…เอ่อ…คิดไม่ออก
เขาหันไปมองกะละมังพลางยกขึ้นสำรวจ ก็กะละมังธรรมดาๆ น้ำก็น้ำดื่มธรรมดา งั้นที่ไม่ธรรมดาก็คือเธอแล้วล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เจอแต่เรื่องปวดหัวทั้งนั้น นับตั้งแต่สุริยะปราคานั่นแล้วล่ะ สุริยะปราคาที่เกิดขึ้นฉับพลันจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในขณะนี้มันพิลึกพิลั่นเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด นี่เขาควรจะทำยังไงดีนะ?
เขาหลับตาลงอย่างต้องการพักสายตาชั่วครู่
“เจ้า…เจ้า…” เขาได้ยินเสียงเรียกจึงลืมตาขึ้น “เฮ้ย!” เขาตกใจ ก็เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เขามองรอบตัวแล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่า “เฮ้ย! ไรวะเนี่ย” ก็ตัวเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน เบื้องล่างของเขากับผู้หญิงคนนั้นเป็นดวงจันทร์ส่องแสงเรืองๆ
“ไม่ต้องตกใจไปหรอก สิ่งที่เจ้าเห็นขณะนี้เป็นเพียงการชักนำจิตวิญญาณของเจ้ามาสู่โลกของข้า” ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วก็บอกว่า “ข้าคือเทพีจันทรา”
ตะวันมองอย่างอึ้งๆ นี่มันอะไรอีกวะเนี่ย?
“ข้าอยากขอร้องเจ้าให้เจ้าช่วยดูแลนางด้วย ข้าขอฝากนางไว้ในโลกของเจ้าสักพัก” เทพีจันทราพูด
ตะวันงง นางไหนวะ เพียงแค่คิด…เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏภาพเจ้าหญิงจันทราขึ้น
“นางคือเจ้าหญิงจันทรา” เทพีจันทราบอกแล้วก็พูดอีกว่า “ข้าขอร้องเจ้าให้เจ้าช่วยดูแลนางสักพักจนกว่าสถานการณ์ในนครจันทราจะกลับสู่สภาวะปกติ เจ้าคงสงสัยว่าสิ่งที่ข้าพูดหมายถึงเรื่องใด ข้าให้เจ้าเห็นเองดีกว่า เจ้าจะได้เข้าใจเรื่องราวได้เร็วขึ้น”
แล้วภาพเจ้าหญิงจันทราก็หายไป กลายเป็นภาพนครจันทราปรากฏขึ้น
ตะวันมองอย่างงุนงง
ตึกรามบ้านช่องในนครมายาสว่างไสวสะท้อนแสงจันทร์อ่อนๆ ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างปกติสุขจนกระทั่งภาพเปลี่ยนไปกลายเป็นชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น
“ราชาภากร” เทพีจันทราบอก แล้วภาพใหม่ก็ปรากฏขึ้นกลายเป็นกลุ่มคนมากมายดูฮึกเหิมคล้ายๆทหารในกองทัพ
“กองทัพของราชาภากร” เทพีจันทราบอกอีก แล้วภาพราชาภากรกับกองทัพบุกเข้านครมายา
กองทัพของทั้งสองนครห้ำหั่นฆ่าฟันกันด้วยพลังแห่งสุริยะและพลังแห่งจันทรา แล้วกองทัพของราชาภากรก็ยึดครองนครจันทราได้
ภาพเปลี่ยนไปเป็นภาพราชาอนธการถูกราชาภากรทารุน ภาพเจ้าหญิงจันทราถูกเฆี่ยนตี ผู้คนในนครมายาถูกทารุนอย่างโหดร้าย
ตะวันตะลึง! เสียงผู้คนกรีดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานดังก้องอยู่ในหัว “หยุด! หยุดนะโว้ย!”
ภาพหายวับ! เหลือเพียงความเงียบสงัด ตะวันมองเทพีจันทรา “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?”
“เจ้าก็ได้เห็นแผลที่หลังของนางแล้ว เจ้าคงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดข้าถึงส่งนางไปที่โลกของเจ้า” เทพีจันทราพูดแล้วก็อธิบายว่า “ดินแดนมายาเป็นมิติคู่ขนานของโลกมนุษย์ เมื่อสิ่งหนึ่งหายไปย่อมต้องมีสิ่งหนึ่งเข้ามาทดแทน”
ตะวันมองเทพีจันทราอย่างงุนงง
“ข้ามอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้า” เทพีจันทราพูดพร้อมกับวาดมือกลางอากาศ พลัน! ก็ปรากฏดวงจันทร์ดวงเล็กขนาดเท่าลูกเทนนิสขึ้นมา
แล้วดวงจันทร์ดวงนั้นก็แปรสภาพกลายเป็นสร้อยคอกับจี้รูปดวงจันทร์กลมๆเล็กๆ จากนั้นสร้อยก็ลอยไปสวมที่คอของตะวัน
“เมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้ว่าสิ่งนี้มีไว้เพื่ออะไร” เทพีจันทราบอกแล้วร่างของตะวันก็ตกวูบลงไป
“เหวอ…” ตะวันร้องลั่น ตะเกียดตะกายไขว้คว้า
“คุณ คุณคะ คุณ” นางพยาบาลเขย่าตัวตะวัน
“เหวอ…” ตะวันสะดุ้งลืมตาขึ้น
“คุณเป็นอะไรคะ?” นางพยาบาลถาม