Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1003

ตอนที่ 1003

ปรมาจารย์รุ่นแรก!

มีการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ตลอดช่วงของกลียุคในตระกูลฟางครั้งนี้ เมื่อฟางเต้าจื่อตื่นขึ้นมา ผู้ฝึกตนในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดยังไม่รู้สึกประหลาดใจ เท่ากับภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าของสำนักและตระกูลทั้งหมด ต่างก็มองไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาวและจิตใจที่สั่นสะท้าน เมื่อมีมือยื่นออกมาจากภายในกระแสน้ำวนของดินแดนบรรพบุรุษตระกูลฟาง จิตใจพวกมันต่างก็งุนงงไปโดยสิ้นเชิง

ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟางคือบุคคลในประวัติศาสตร์ของขุนเขาทะเลที่เก้า ซึ่งไม่มีทางจะถูกลืมเลือนไปได้

หลายปีก่อนโน้นเมื่อเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา ท่านได้ติดตามราชันหลี่ผู้ลึกลับ เพื่อทำการปราบปรามกองกำลังทั้งหมดของขุนเขาทะเลที่เก้ามาอย่างยาวนาน ท่านเริ่มต้นจากสูญจนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นไปทั่วทั้งสวรรค์ ท่านดำเนินการฆ่าฟันจนทำให้คนทั้งหมดต้องหวาดกลัว ความกล้าหาญอย่างบ้าคลั่งของท่านได้แปดเปื้อนไปทั่วทุกแห่งหน ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เช่นเดียวกับเป็นสีแดงของโลหิต!

ตลอดช่วงเวลานั้นที่คนทั้งหมดเริ่มรู้จักราชันหลี่ ก็รู้จักบุคคลอีกสามคนที่โดดเด่นอย่างน่าตกใจในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า เป็นบุคคลที่กลายมาเป็นฝันร้ายของยุคนั้น

ในที่สุดคนทั้งหมดก็ถูกรวบรวมเข้าด้วยกันโดยสามอสูรผู้ยิ่งใหญ่ รวมทั้งผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งได้เข้ามาร่วมกับคนทั้งสาม เพื่อเป้าหมายในการรวบรวมขุนเขาทะเลที่เก้าให้เป็นหนึ่งเดียว สุดท้ายก็มีทั้งหมดเก้าราชันอันยิ่งใหญ่

เมื่อความปั่นป่วนวุ่นวายของขุนเขาทะเลที่เก้าจบลงในที่สุด สำนักเซียนอสูรก็ถูกก่อตั้งขึ้นมา จนกลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดในขุนเขาทะเลที่เก้า กองกำลังของตระกูลและสำนักต่างๆ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมก้มศีรษะให้

ในช่วงงานเลี้ยงและโอกาสต่างๆ ผู้คนมักจะกล่าวว่าถ้าไม่มีปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง บางที…การทำสงครามของราชันหลี่อาจจะมีความยุ่งยากไปมากกว่านี้ นั่นเป็นเพราะว่ามีอยู่หลายครั้งที่ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยราชันหลี่ไว้

เนื่องจากเรื่องเหล่านั้นทั้งหมด ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟางจึงได้ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน ถึงแม้ว่าท่านได้ตายไปในช่วงของการเข้าฌานนานมาแล้วก็ตามที มือที่เหี่ยวแห้งซึ่งได้ปรากฏขึ้นในตอนนี้ ก็ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าต้องเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขึ้นมา

สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต่างก็ประหลาดใจ และความวุ่นวายขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากตระกูลจี้บนขุนเขาที่เก้า

อันที่จริงเจตจำนงของปรมาจารย์รุ่นแรกแห่งตระกูลจี้ที่หลับใหลไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งได้กลายเป็นอมตะด้วยการปฏิเสธต่อสวรรค์

ทันใดนั้นก็ตื่นขึ้นมาและ…มองไปยังทิศทางของสหายเก่า

ในตอนที่ท่านได้ตื่นขึ้นมา กฎธรรมชาติทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าก็เริ่มถูกสะกดไว้

กลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟางที่มองไป ต่างก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้าน ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้านับแสนครั้ง

บุคคลผู้นี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับพวกมัน แล้วพวกมันจะไม่รู้ว่าท่านคือใครได้อย่างไรกัน? ไม่มีกลุ่มคนในตระกูลแม้แต่เพียงคนเดียว ที่ไม่เคยเห็นภาพของท่าน และไม่เคยจะก้มศีรษะเพื่อกราบคารวะท่านมาก่อน

นี่คือ…ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง!!

เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าหนังศีรษะกำลังจะระเบิดออกมา ความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในจิตใจของคนทั้งหมด ไม่อาจจะเทียบได้กับความรู้สึกของเขา นั่นเป็นเพราะว่าทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักได้ว่าบุคคลผู้นี้…คือซากศพที่เขาได้เห็นซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหารโลกันต์!

“ท่าน…ท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!” เมิ่งฮ่าวคิด หอบหายใจออกมา จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้ฝึกฝนตนเองอยู่ในวิหารโลกันต์นั้น และอาจจะถูกท่านปรมาจารย์รุ่นแรกเฝ้าจับตาดูอยู่ก็เป็นได้ ทำให้รู้สึกว่ามีเหงื่อเย็นๆ กำลังไหลลงมาจากบนแผ่นหลังในทันใด

ทันทีที่บุรุษผู้นั้นได้ก้าวเท้าออกมาจากกระแสน้ำวน ดวงตาของฟางโส่วเต้าก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นเต้นและความนับถือ

“ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์รุ่นแรก!” มันกล่าวขึ้น คุกเข่าลงไปโขกศีรษะให้ในทันที

ฟาวตานอวิ๋นก็คุกเข่าลงไปเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน และหลุมขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้น เป็นหลุมที่ลึกลงไปจนเผยให้เห็นปรมาจารย์รุ่นเจ็ด และปรมาจารย์คนอื่นๆ ทั้งหมด ซึ่งได้หยุดการต่อสู้ และคุกเข่าลงเพื่อกราบสักการะ

จิตใจเขากำลังหมุนคว้าง ขณะที่ทันใดนั้นก็คิดไปเกี่ยวกับสิ่งที่บิดาได้เคยบอกไว้ ก่อนที่เขาจะออกมายังดาวตงเซิ่ง ดูเหมือนว่าท่านจะมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เมิ่งฮ่าวจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ บนดาวตงเซิ่งนี้

“ผลเนี่ยผานเป็นแค่เหยื่อที่ล่อให้ข้ามายังที่แห่งนี้เท่านั้น…” เมิ่งฮ่าวขบคิดด้วยความเข้าใจขึ้นมาในทันที

จี้ซิ่วฟางจ้องมองไปด้วยความงุนงง และทั่วทั้งร่างของนางก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่บุรุษในชุดยาวสีเขียวเดินออกมาจากกระแสน้ำวน นางเริ่มหอบหายใจออกมา และจิตใจกำลังหมุนคว้าง นางก็เคยเห็นภาพวาดของปรมจารย์รุ่นแรกแห่งตระกูลฟางด้วยเช่นกัน และเคยได้ยินตำนานอันน่ากลัวของท่านมาอย่างมากมาย

ท่านคือบุคคลที่…แม้แต่ราชันจี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัว เมื่อย้อนกลับไปในวันที่คนทั้งสองได้ต่อสู้เพื่อควบคุมสวรรค์ร่วมกัน!

ทำให้จี้ซิ่วฟางต้องตระหนักถึงทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาอีกครั้ง ขบคิดอยู่ภายในใจ

“นี่ก็คือไพ่ไม้ตายของฟางโส่วเต้า มันรู้มาโดยตลอดว่าปรมาจารย์รุ่นแรกยังคงมีชีวิตอยู่ ตลอดทั้งเวลานั้นเป้าหมายของพวกมัน…ไม่ใช่ตระกูลจี้ แต่ทั้งหมดนั้นก็คือ…ฟางเต้าจื่อ!!”

เมื่อนางเห็นปรมาจารย์รุ่นแรกเดินออกมา ใบหน้านางก็ซีดขาวราวไร้สีเลือด ฉับพลันนั้นนางก็ตระหนักว่าตั้งแต่ตอนแรกเป็นต้นมา ตัวนางเองเป็นแค่คนโง่ผู้หนึ่งเท่านั้น นางเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของนางแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ โดยที่ไม่ได้มองข้ามอะไรไปเลย อย่างไรก็ตาม…นางได้คำนวนพลาดในสิ่งที่สำคัญมากที่สุดไปโดยสิ้นเชิง!

ปรมาจารย์รุ่นแรกยังคงมีชีวิตอยู่!

“มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน…?

ปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟางได้ตายไปแล้ว! แม้แต่แก่นแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้าก็ยืนยันเช่นนั้น! ไม่มีทางที่มันจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้! แก่นแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้าเป็นของปรมาจารย์จี้! แล้วท่านจะทำผิดพลาดไปได้อย่างไรกัน!?!?” ขณะที่จี้ซิ่วฟางรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นั้น ฟางเต้าจื่อได้มองไปยังบุคคลที่กำลังเดินออกมาจากรอยแยก และจิตใจมันก็พังทลายลงไป

“เป็นไปไม่ได้…นี่ไม่อาจจะเป็นไปได้…”

ฟางเต้าจื่อกำลังสั่นไปทั้งร่างอย่างรุนแรง บุคคลที่มันหวาดกลัวมากที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นบิดาของมันเอง ซึ่งก็คือปรมาจารย์รุ่นแรก

ความหวาดกลัวนั้นมากมายยิ่ง ตลอดช่วงหลายปีที่ราชันจี้ได้ควบคุมสวรรค์ไว้ มันเลือกที่จะตัดความหวาดกลัวของตนเอง

ความหวาดกลัวนั้นคือจิตมารของมัน ถ้าไม่ตัดไปมันก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้พื้นฐานฝึกตนของตัวเองก้าวหน้าขึ้นไปได้อีกครั้ง

จิตมารนั้นจริงๆ แล้วก็คือโซ่ตรวนที่มันได้ผูดมัดตนเองไว้ ตลอดช่วงของการทำสงคราม มันได้อยู่ข้างตระกูลจี้ และเมื่อถึงเวลาที่ตระกูลจี้และตระกูลฟางต้องมาต่อสู้กันเอง มันคือบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของตระกูลฟาง…ที่ทำการทรยศต่อตระกูล

ท่านก่อตั้งตระกูลฟางขึ้นมา? ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะทำลายมันไป! นั่นเป็นเพราะว่าข้ากำลังจะสร้างตระกูลฟางรุ่นใหม่ขึ้นมา เป็นตระกูลฟางของข้าเอง!

เหล่านั้นคือคำพูดที่ฟางเต้าจื่อได้พูดออกไป เมื่อบิดาได้สะกดข่มมันไว้ และมันยังได้หัวเราะออกมาอีกด้วย

ตระกูลฟางพ่ายแพ้ในสงคราม ตระกูลจี้คือผู้ชนะ สามารถจะควบคุมสวรรค์ และปกครองขุนเขาทะเลที่เก้าได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหตุผลที่พวกมันได้รับชัยชนะ ไม่ใช่สืบเนื่องมาจากการทรยศของฟางเต้าจื่อเพียงเท่านั้น แต่การหักหลังของมันก็ถือได้ว่ามีบทบาทที่สำคัญในครั้งนั้น

สำหรับฟางเต้าจื่อ ในที่สุดมันก็ถูกจัดการไปโดยปรมาจารย์รุ่นแรก ถึงแม้ว่ามันจะก่อเป็นอาชญากรรมอันร้ายแรงขึ้นมา แต่ท่านปรมาจารย์ก็ยังไม่อาจจะทำใจสังหารมันไปได้ ท่านเพียงแต่ทำลายร่างกายมันไป ปล่อยให้วิญญาณของมันยังคงอยู่ เพื่อรอการถือกำเนิดใหม่ขึ้นมาในฐานะที่เป็นคนของตระกูลฟางต่อไป

ในช่วงเวลาที่ปรมาจารย์รุ่นแรกได้ตายไปในช่วงของการเข้าฌาน ฟางเต้าจื่อก็เกิดขึ้นมาใหม่หลายครั้งในตระกูลฟาง ถ้าไม่ใช่ว่าจี้เทียนได้ใช้เวทแห่งกรรมออกมา หลังจากที่ปรมาจารย์รุ่นแรกได้ตายไปแล้วละก็ บางทีฟางเต้าจื่ออาจจะตกอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อาจจะจดจำได้ว่ามันคือใครมาก่อน

แต่เนื่องจากเวทแห่งกรรมนั้น ทำให้มันระลึกชาติขึ้นมาได้

จากนั้นมันก็จดจำได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อในอดีต และความต้องการที่จะทำลายล้างตระกูลก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

ทำการฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนของตัวเอง ไม่ยอมปล่อยให้ตัวตนที่แท้จริงของมันเปิดเผยออกมาแม้แต่น้อยนิด ในที่สุดมันก็ตายไปและถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นับจากนั้นเป็นต้นมา มันก็จะระลึกได้ทุกครั้งในตอนที่มันถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ แต่ละครั้งมันก็จะทำการฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ

เคลื่อนไหวใดๆ ถึงแม้มันจะได้ข่าวว่าบิดาได้ตายไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านได้ตายไปจริงๆ และมันก็ไม่แน่ใจด้วยเช่นกันว่าบิดาได้ตกทอดการป้องกันอะไรไว้ก่อนที่จะตายไป แต่มันก็พยายามรอคอยและเฝ้ามองไปด้วยความอดทน ไม่เคยขยับตัวเคลื่อนไหว เฝ้ารอจนกระทั่งมั่นใจว่ามันจะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางเฮ่อซานได้บดขยี้แผ่นหยก ก็ทำให้มันต้องปฏิบัติการก่อนแผนที่วางไว้ ฟางเต้าจื่อถูกบังคับให้ต้องลงมือ แน่นอนว่าถ้ามันกระทำตามแผนในภายหลัง ตระกูลฟางก็จะต้องตกอยู่ในหายนะโดยสิ้นเชิง อันเนื่องมาจากการเตรียมการมาอย่างดีของตระกูลจี้

เจตนาของพวกมันที่จะปฏิบัติการตามแผนนี้ ก็เนื่องมาจากเรื่องราวเกี่ยวกับมรดกของราชันหลี่ เป็นมรดกที่แม้แต่ราชันจี้ก็ไม่อาจจะได้มาครอบครองได้ ซึ่งในไม่ช้าตระกูลจี้ก็คิดคำนวนได้ว่าโชคชะตาที่เกี่ยวข้องกับมรดกนั้นได้มาอยู่บนดาวตงเซิ่งแห่งนี้

ฟางเต้าจื่อรอคอยจนกระทั่งมั่นใจว่า ตระกูลฟางได้แสดงขุมกำลังทั้งหมดออกมา และแสดงตัวตนออกมาเป็นคนสุดท้ายแล้ว มันจึงมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าเดิมว่า…เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ดูดซับผลเนี่ยผานของปรมาจารย์รุ่นแรกเข้าไป ซึ่งฟางเต้าจื่อรับรู้ได้อันเนื่องมาจากสายโลหิตของมัน ทำให้ในที่สุดมันก็เชื่ออย่างแท้จริงว่าบิดาได้ตายไปแล้วจริงๆ!

ดังนั้น มันจึงเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนขึ้น และเดินออกมาจากความมืดในที่สุด

มันไม่เคยจะคาดคิดว่าหลังจากการวิเคราะห์ และการเตรียมการทั้งหมดของมัน ในตอนที่มันกำลังจะทำได้สำเร็จแล้ว แต่ทันใดนั้นก็ต้องพบว่าบิดาของมัน…ยังไม่ได้ตายไปจริงๆ!

“นี่เป็นไปไม่ได้! ถ้าท่านยังไม่ได้ตายไปจริงๆ แล้วทำไมถึงไม่สังหารข้าไปก่อนหน้านี้…?” ฟางเต้าจื่อแผดร้องออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

บุคคลที่ตอบคำถามมันไม่ใช่ปรมาจารย์รุ่นแรก แต่เป็นฟางโส่วเต้า

“พวกเราตระหนักดีถึงตัวตนของผู้ทรยศทั้งหมดในตระกูลฟาง” ท่านกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ยกเว้นท่าน พวกเราสามารถจะสังหารพวกมันไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ไม่ได้กระทำการใดๆ ตราบเท่าที่ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ การกวาดล้างพวกมันไปก็เป็นแค่การเลื่อนความหายนะออกไปเท่านั้น”

“สำหรับท่าน พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าท่านคือใคร…มีแต่จี้เทียนเท่านั้นที่พอจะรับรู้ได้ถึงร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับวิชาเวทของท่านปรมาจารย์รุ่นแรก แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจจะรู้ได้ว่าท่านได้เกิดใหม่ในฐานะอะไร”

“มีแต่การตายไปของท่านเท่านั้น ถึงจะทำให้ต้นเหตุความหายนะของตระกูลฟาง ต้องถูกตัดออกไปจนถึงรากเหง้าได้อย่างแท้จริง”

“ดังนั้น พวกเราจึงได้ซ้อนแผนการนี้ โดยมีเป้าหมายก็คือ…ล่อให้ท่านออกมา!”

ขณะที่ฟางโส่วเต้าพูด สายตาก็เลื่อนมองไปยังเมิ่งฮ่าว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป จิตใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ขณะที่มองไปยังแม่น้ำแห่งโลหิตที่ไหลนองไปบนพื้นของคฤหาสน์โบราณ

เมื่อปรมาจารย์รุ่นที่สอง, สี่ และหก ได้ยินคำพูดของฟางโส่วเต้า ใบหน้าพวกมันก็ซีดขาวไปโดยสิ้นเชิง

“ใครจะไปสนใจว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่!?” ฟางเต้าจื่อแผดร้องตะโกนออกมา “ ครั้งนี้ข้าอาจจะทำได้ไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย…ข้าก็ทำให้กลุ่มคนในตระกูลฟางต้องถูกกลบฝังไปพร้อมกับข้ามากมาย! นั่นก็เพียงพอแล้ว!”

ฟางเต้าจื่อแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา ด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม ในทันทีที่มันเห็นบิดาเดินออกมา มันก็รู้ว่า…ตัวเองพ่ายแพ้แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันพูดออกมาก็เป็นเรื่องจริง กลุ่มคนตระกูลฟางมากกว่าครึ่งถูกสังหารไป แม่น้ำแห่งโลหิตและภูเขาแห่งซากศพ มองเห็นได้ในทั่วทุกที่

ฟางโส่วเต้าไม่กล่าวตอบ มองไปยังฟางเต้าจื่อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ขณะที่ปรมาจารย์ปฐพีแห่งตระกูลฟาง รู้ดีถึงเรื่องราวทั้งหมดของฟางเต้าจื่อ ท่านยังรู้ด้วยอีกว่าฟางเต้าจื่อไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องราวความจริงทั้งหมด ทำให้ท่านต้องถอนหายใจ กล่าวออกมาอย่างเงียบๆ ว่า

“ผู้อาวุโสเต้าจื่อ ดาวดวงนี้…ไม่ใช่ดาวตงเซิ่งเดิมเหมือนที่เคยเป็น”

เมื่อฟางเต้าจื่อได้ยินก็ต้องอ้าปากค้างและสีหน้าก็สลดลง ราวกับว่าจู่ๆ มันก็จดจำถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้ต้องตื่นตระหนกด้วยความตกใจขึ้นมาในทันที

ในตอนนี้เองที่ฟางโส่วเต้าได้หันหน้าไปยังปรมาจารย์รุ่นแรก และโค้งตัวลงต่ำ

ปรมาจารย์รุ่นแรกในชุดยาวสีเขียว ซึ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ยื่นมือออกไปยังพื้นดินที่อยู่รอบๆ ตัวท่าน

พฤกษาแห้งเหี่ยว…บุปผาเบ่งบานในวสันตฤดู!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!