Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1026

ตอนที่ 1026

หายนะของ 33 อาณาจักรขุนเขาทะเล

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกดฝ่ามือลงไปบนศีรษะของอี้ฝ่าจือ จิตใจเขาก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มอย่างรุนแรง จนรู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา ภาพและข้อมูลจำนวนมากมายได้ไหลออกมาจากสมองของอี้ฝ่าจือ เข้ามาใจจิตใจของเขา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวหลอมรวมเข้ากับความทรงจำของอี้ฝ่าจือ ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน

จิตใจเขาสั่นสะท้าน และเริ่มหอบหายใจออกมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าเขาได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกตกใจอย่างลึกล้ำจากสิ่งที่เขาได้เห็นในความทรงจำของอี้ฝ่าจือ

อี้ฝ่าจือแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่มันต้องพบเจอกับความเจ็บปวด มากมายยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในชีวิตของมัน มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าด้วยศักดิ์ฐานะที่สูงส่งของมันในอาณาจักรหลิงซิง จะต้องมาเผชิญกับวิชาควาญวิญญาณสักวันหนึ่ง

ปากของมันเต็มไปด้วยฟองน้ำลาย และดวงตาก็แดงก่ำเบิกโพลงขึ้นมาอย่างน่ากลัว ร่างกายบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ขณะที่รู้สึกราวกับว่ากำลังมีมือมารื้อค้นสมองของตัวเอง คว้าจับสิ่งที่อยู่ด้านในดึงออกไป เป็นความเจ็บปวด…ที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้!!

เสียงแผดร้องของมันเพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหวาดกลัวไปตามๆ กัน

มือของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะกระจายแรงดึงดูดอันแข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อออกมา ขณะที่วางอยู่บนศีรษะของอี้ฝ่าจือ ไม่ว่ามันจะตะเกียกตะกายดิ้นรนอย่างรุนแรงมากเท่าใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะหลุดรอดไปจากการคว้าจับของเมิ่งฮ่าวไว้ได้

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะมาคอยให้ความสนใจกับการดิ้นรนของอี้ฝ่าจือ เขาหอบหายใจออกมาขณะที่มองไปยังภาพอันน่าตกใจทั้งหมดที่กำลังปรากฏขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้า

“นี่…” เมิ่งฮ่าพึมพำขึ้น

เขากำลังมองไปยัง…โลกทั้งหมด!

ในโลกแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่มันควรจะเป็น ท้องฟ้าอยู่ด้านล่างและพื้นดินอยู่ที่ด้านบน อาคารบ้านเรือนทั้งหมด รวมทั้งภูเขาและแม่น้ำต่างก็ลอยตัวอยู่ที่ด้านบน

ดวงตะวันและจันทรา ซึ่งเป็นร่างสวรรค์ ต่างก็อยู่ตรงด้านล่าง!

ถ้าไปยืนอยู่บนร่างสวรรค์เหล่านั้น หรือบนพื้นผิวของดวงตะวัน และมองขึ้นไป ก็จะเห็นพื้นดินอันกว้างใหญ่ไม่รู้จบ เต็มไปด้วยภูเขาและเมืองโบราณต่างๆ

ภายในเมืองเหล่านั้น มองเห็นรูปปั้นอยู่มากมาย แต่ละรูปปั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นงูเหลือมเก้าหัว!

เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนอีกด้วย พวกมันส่วนใหญ่ดูคล้ายกับอี้ฝ่าจือ ไม่เหมือนกับมนุษย์หรือสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อยนิด

ยังมีบางคนที่ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ว่าถึงแม้พวกมันจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นนั้น แต่จริงๆ แล้วก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์อสูรด้วยเช่นกัน กลิ่นอายที่พวกมันกระจายออกมา ให้ความรู้สึกทั้งโหดร้ายและบ้าคลั่ง พวกมันเต็มไปด้วยความเย็นชาของกลิ่นอายอันน่ากลัวที่ระเบิดออกมา

นี่…ไม่ใช่สถานที่ใดๆ ในเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่

นี่คือ…โลกซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่!

ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วเมิ่งฮ่าวจะไม่เคยออกไปจากขุนเขาทะเลที่เก้ามาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเขามองเห็นได้ชัดเจน และรู้สึกได้ถึงบ้านของอี้ฝ่าจือ เขาก็บอกได้ว่ากฎธรรมชาติที่กระจายอยู่ในโลกแห่งนั้น แตกต่างไปจากสิ่งที่เขาเคยรู้จักมา

มันเป็นสถานที่ซึ่งโหดร้ายและตรงกันข้ามกับโลกของเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าในโลกแห่งนั้นการเข่นฆ่าสังหารคือกฎธรรมชาติที่แข็งแกร่งมากที่สุด

“นี่คือสถานที่อะไรกัน?!” เมิ่งฮ่าวคิด หอบหายใจออกมาขณะที่จิตใจหมุนคว้าง ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าอี้ฝ่าจือต้องมีความเป็นมาที่ลึกลับ แต่ในตอนนี้เมื่อเขามองเห็นโลกแห่งนั้นด้วยสองตาของตนเอง เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่า…อี้ฝ่าจือต้องไม่ได้มาจากเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนมากที่สุด

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นภาพของโลกแห่งนั้น ข้อมูลจากความทรงจำของอี้ฝ่าจือ ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไปในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ระเบิดขึ้นเป็นเสียงดัง แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เขาได้รับรู้ต่อโลกที่พลิกกลับด้านนี้

“ในสมัยโบราณ อาณาจักรที่สูงส่งกว่ามีเซียนอยู่!”

“ที่ไหนมีเซียนอยู่ ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะเกิดขึ้นมาอยู่ในท่ามกลางพวกมัน จากในอาณาจักรที่สูงส่งนั้น และเนื่องจากพลังอันน่าเหลือเชื่อนั้น มันจึงเป็นที่รู้จักกันในนามว่า…ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน!”

“ภายใต้อาณาจักรที่สูงส่งยังมีอาณาจักรอื่นๆ อีกสามพันอาณาจักร ซึ่งมีชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน จากรุ่นสู่รุ่น พวกมันเคารพบูชาต่อโลกเซียน สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้ทำการฝึกตนด้วยความหวังว่าจะสามารถบินขึ้นไปสู่โลกแห่งเซียนได้”

“คนทั้งหมดเฝ้าเพียรพยายาม ที่จะกลายเป็นเซียนอมตะให้จงได้!”

“อาณาจักรหลิง, อาณาจักรซิง, อาณาจักรสุ่ยมู่, อาณาจักรเทียนเหริน, อาณาจักรหลิงซิง, อาณาจักรเทาหลิน…ทั้งสามพันอาณาจักรต่างก็กราบกรานสักการะต่อผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน!”

“ใครก็ตามที่มาจากอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ จะคล้ายกับเป็นเทพในสายตาของอาณาจักรอื่นๆ ที่อยู่ต่ำกว่าทั้งสามพันอาณาจักรเหล่านั้น!”

“กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป หลังจากที่ผ่านไปนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน หายนะก็เริ่มเกิดขึ้น…”

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงของหายนะนั้น ได้ถูกบักทึกอยู่บนภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ ในยุคอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรหลิงซิง…ในวันนั้นตรงส่วนหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงตะวันเก้าดวงได้ปรากฏขึ้น ทำการลากรูปปั้นหลากสีขนาดใหญ่ พุ่งผ่านเข้ามาในท้องฟ้า รูปปั้นนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นบุรุษที่มีเส้นผมสีขาวโพลนไปทั่วทั้งศีรษะ!”

“ในวันนั้นตรงอีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ผีเสื้อเก้าตัวได้ปรากฏขึ้น กำลังลากโลงศพขนาดใหญ่ผ่านเข้ามาในความว่างเปล่า โลงศพนั้นถูกแกะสลักเป็นภาพของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!”

“กองกำลังทั้งสองเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างเพียงพอที่จะกลายเป็นคู่ต่อสู้ของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และทำให้อาณาจักรที่ต่ำกว่าอีกสามพันแห่งทั้งหมด ต้องสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว”

“จากนั้นหายนะก็เริ่มต้นขึ้น…สงครามได้เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากอาณาจักรที่ต่ำกว่าทั้งสามพันแห่งได้กลายเป็นผู้ทรยศ ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น พวกมันได้ก่อกบฏขึ้น พวกมันไปเข้าร่วมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งทั้งสองนั้นเพื่อมาทำลายอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่!”

 

“ในสงครามครั้งนั้น…โลกแห่งเซียนได้แตกกระจายไป สมาชิกนับไม่ถ้วนของสายโลหิตเซียนตกตายไป และเซียนโบราณมากมายถูกกำจัดไป กฎสวรรค์แห่งเซียนอันยิ่งใหญ่ล่มสลาย และราชันทั้งเก้าก็ตกตายไป ผู้ที่รอดชีวิตอยู่มีเพียงแค่สามผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ซึ่งได้ใช้วิชาเวทบางอย่างเพื่อสร้างเป็นเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา ซึ่งได้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนที่ปรักหักพังของโลกแห่งเซียนไป”

“เมื่อสงครามได้ยุติลง สามพันอาณาจักรที่ต่ำกว่าถูกทำลายไปมากกว่าเก้าในสิบส่วน สุดท้ายก็คงเหลือเพียงแค่สามสิบสามอาณาจักรเท่านั้น ซึ่งได้เจริญรุ่งเรืองและมีชื่อเสียงขึ้นมา ทำตัวเหมือนกับเป็นเครื่องกักกันสามสิบสามแห่ง ปิดผนึกโลกแห่งเซียนไว้โดยสิ้นเชิง!”

“หลังจากนั้น อาณาจักรทั้งสามสิบสามแห่งเหล่านั้นได้ทำการสังหารเซียนเพื่อความบันเทิง เหมือนกับเป็นงานอดิเรกของพวกมัน ใครก็ตามที่สามารถสังหารเซียนไปได้ ก็จะมีชื่อเสียงขึ้นมาอยู่ในสามสิบสามอาณาจักรเหล่านั้นทั้งหมด!”

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่ข้อมูลทั้งหมดได้ไหลเข้ามาในจิตใจ ในขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ เขาไม่ได้ตระหนักว่าอี้ฝ่าจือค่อยๆ เริ่มอ่อนแอลง และหยุดการดิ้นรนไป

รอยแตกร้าวเริ่มกระจายออกไปทั่วศีรษะของมัน และเปลวไฟแห่งพลังชีวิตก็ค่อยๆ เริ่มมอดดับลงไปอย่างช้าๆ วิญญาณของมันเริ่มพังทลายลง และพลังชีวิตของมันกำลังแตกดับไป

ร่างกายของมันเริ่มเย็นลงอย่างช้าๆ และดวงตาก็กลายเป็นสีเทาไป

เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่ข้อมูลในจิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นลมพายุ เขาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และไม่อาจจะควบคุมพลังของตนเองได้ ทำให้ศีรษะของอี้ฝ่าจือถูกบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป

เมื่อศีรษะของมันระเบิดออก ร่างกายของอี้ฝ่าจือก็ตกลงไปในความว่างเปล่า และค่อยๆกลายเป็นส่วนหนึ่งของเศษซากเซียนไป เมิ่งฮ่าวลดมือลง และทำท่าคว้าจับออกไป เพื่อเก็บแหวนที่เป็นของอี้ฝ่าจือไว้

ในตอนที่อี้ฝ่าจือตกตายไป เต่าเสวียนอู่ที่กำลังกู่ร้องอยู่ จู่ๆ ก็เงียบลงไป ร่างกายมันไม่ได้สั่นสะท้านอีกต่อไป และจมกลับลงไปในสระน้ำ ไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง

น้ำในสระสวรรค์ได้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม มองไม่เห็นระลอกคลื่นอยู่บนพื้นผิวของมันอีกต่อไป จนดูคล้ายกับเป็นกระจกขึ้นอีกครั้ง

ผู้ฝึกตนแห่งตระกูลจี้ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงของจี้เทียนก็ดังก้องเข้าไปในจิตใจของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ที่อยู่ในเศษซากเซียน

“สหายเต๋าทั้งหลาย ขอแจ้งให้ทราบว่า…ชนเผ่านอกคอกผู้นั้นได้ถูกไล่ล่าและถูกสังหารไปแล้ว”

คลื่นแห่งความตกใจที่เต็มอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าได้จางหายไปแล้วในตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าซึ่งกำลังอยู่ในเศษซากเซียนหยุดชะงักนิ่ง หลังจากที่มองไปรอบๆ ยังซากปรักหักพังอันลี้ลับอยู่ชั่วขณะ พวกมันก็หันร่างจากไป

ฟางโส่วเต้าลังเลอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็เลือกที่จะจากไปด้วยเช่นกัน

เศษซากเซียนได้กลายเป็นปกติเหมือนเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบลง ซากศพที่ลอยไปมาอยู่ชั่วนิรันดร์ ก็เดินทางอย่างไม่รู้จบของพวกมันต่อไป

ลึกเข้าไปในเศษซากปรักหักพัง เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปด้วยแววตาที่งุนงง ในตอนนี้ข้อมูลทั้งหมดที่เขารวบรวมมาได้จากวิชาควาญวิญญาณ กำลังหมุนคว้างไปมาอยู่ในจิตใจ

 

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก สีหน้าอันซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในสิ่งทั้งหมดที่ได้รับมาจากความทรงจำของอี้ฝ่าจือ แต่จากสิ่งที่เขาเคยรู้อยู่แล้ว รวมทั้งเหตุผลต่างๆ ทำให้เขามีความเชื่อมั่นถึงแปดในสิบส่วนว่ามันคงจะเป็นเรื่องจริง

“นั่นคือประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่?” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง

“ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน…ได้อธิบายถึงเรื่องราวที่แปลกๆ บางอย่าง ในตอนที่ข้ายังอยู่บนดาวหนานเทียน”

“เซียน…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า

“พันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรต้องมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ จริงๆ แล้วก็มีความเป็นไปได้สูง ที่พวกมันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสามผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น!” ด้วยเช่นนั้นเขาจึงเงยหน้า มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“สามสิบสามอาณาจักร กำลังเฝ้าระมัดระวังอยู่ที่ด้านนอก…มองลงมายังเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่…”

“สามสิบสามอาณาจักร, สามสิบสามสวรรค์…”

ขณะที่เขาเรียงลำดับความคิด ก็นึกย้อนกลับไปยังบางสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาจากแผ่นหยกของผู้ผนึกอสูรรุ่นหกและรุ่นแปด…

“ทัณฑ์แห่งขุนเขาทะเล…”

“แต่ละรุ่นของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร จะต้องเอาชนะทัณฑ์แห่งขุนเขาทะเลให้จงได้ เห็นได้ชัดว่านั่นคือทัณฑ์ที่ถูกลิขิตมาสำหรับพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรในแต่ละรุ่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า…พวกมันต้องการจะต่อสู้กับสามสิบสามอาณาจักร เพื่อให้ได้อิสรภาพกลับคืนมา!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จิตใจสั่นสะท้านอยู่เป็นเวลานาน กว่าที่จะทำให้เยือกเย็นลงได้ เขารู้ตัวดีว่าถึงแม้จะรับรู้เกี่ยวกับความลับนี้ แต่ด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนที่ต่ำต้อยเช่นนี้ของตนเอง ก็คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าใจมันได้ทั้งหมด หรือสามารถจะทำอะไรได้

“ลำดับขั้น…” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิด ดวงตาสาดประกายขึ้น ในที่สุดเขาก็มองไปรอบๆ เมื่อเลือกทิศทางได้แล้วเขาก็เริ่มบินไป เก็บความสงสัยและข้อสันนิษฐานต่างๆ ทั้งหมดฝังไว้ในส่วนลึกของจิตใจ เขารู้ว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ ออกไปจากเศษซากเซียนอันลึกลับและอันตรายนี้ให้ได้ก่อน เขาจำเป็นต้องไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ซึ่งอยู่ในทะเลที่เก้า

“ข้าต้องไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า เพื่อไปรับของรางวัลจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ จากนั้นเมื่ออยู่ในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ข้าก็สามารถจะแข็งแกร่งจนก้าวเข้าใปในอาณาจักรโบราณได้…และจากนั้นก็เริ่มก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าของตัวเอง!”

“ถ้าพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรในทุกๆ รุ่น ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์แห่งขุนเขาทะเลจริงๆ แล้วละก็ ข้าจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งให้มากกว่านี้อย่างต่อเนื่อง และในที่สุดเมื่อวันนั้นมาถึง…เมื่อข้าสามารถจะเดินทางออกไปนอกเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ได้! ข้าก็จะตัดสินใจเองว่า…ข้อมูลที่อยู่ในความทรงจำของอี้ฝ่าจือจะจริงหรือเท็จประการใด!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่น และจิตใจที่กำลังสั่นสะท้านของเขาก็ค่อยๆ กลับคืนมาเป็นปกติอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวหมุนตัวกลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้า พุ่งผ่านเข้าไปในเศษซากเซียน ขณะที่เขาเดินทางไปนั้น ก็มองไปยังซากปรักหักพังและซากศพที่กำลังลอยไปมาอยู่ในบริเวณนั้น พร้อมกับคิดไปถึงตำนานที่เกี่ยวข้องกับเศษซากเซียน และคาดคิดว่า…พวกมันเป็นเศษชิ้นส่วนของโลกแห่งเซียนซึ่งได้พังทลายลงไปในช่วงของสงครามใหญ่ในครั้งนั้น

เขาบินไปอย่างเงียบๆ กระจายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปในทั่วทุกทิศทาง คอยหลบหลีกจากสถานที่ที่อันตรายด้วยความระมัดระวัง และต้องหยุดชะงักนิ่งอยู่เป็นระยะ ในขณะที่รูปปั้นต่างๆ ซึ่งได้แตกหักไปแล้ว รวมถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์บางอย่างพุ่งผ่านไป ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพจากในสมัยโบราณก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ เป็นภาพที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่ในตอนนี้

เวลาเดินผ่านไป ในที่สุดก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน

ในช่วงเวลานั้น เมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไปในจุดศูนย์กลางของเศษซากเซียน ในบางครั้งเขาบินไปด้วยความรวดเร็ว แต่บางครั้งก็เชื่องช้าลงราวกับกำลังคลืบคลานไป ในครั้งหนึ่งเขาได้หันหน้าไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักเป็นสีดำสนิทโดยสิ้นเชิง เต็มไปด้วยต้นวัชพืชที่รกรุงรังนับไม่ถ้วน ซึ่งจริงๆ แล้ว…ต้นไม้เหล่านั้นเป็นต้นไม้เซียนที่หาได้ยากในโลกด้านนอก!

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังที่แห่งนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าหนังศีรษะกำลังจะระเบิดออกมา

“มันคือ…” สองตาเมิ่งฮ่าวต้องหรี่เล็กลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!