Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1124

ตอนที่ 1124

เพื่อเต๋าเดิมแท้

เกือบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่สาม บุรุษวัยกลางคนที่อยู่ในชุดจักรพรรดิ ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่สาม กำลังมองเข้าไปในลูกแก้วผลึกที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามัน

มีลำแสงหมุนวนไปมาอยู่ภายในลูกแก้วผลึก และเห็นได้ชัดว่ามีโลกแห่งหนึ่งอยู่ภายในนั้น ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะบอกได้ว่าภายในโลกแห่งนั้นมีอยู่สามคน พวกมันกำลังแผดร้องออกมา และเห็นได้ชัดว่าต้องการจะพุ่งทะลวงออกมาจากโลกภายในนั้นแต่ก็ไม่อาจจะทำได้

ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ในที่แห่งนี้และมองเห็นพวกมัน ก็จะต้องตกตะลึงขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ บางทีหนังศีรษะเขาอาจจะด้านชาขึ้นมาก็เป็นได้ นั่นเป็นเพราะว่า…เขารู้จักสองในสามของพวกมัน!

หนึ่งคือเด็กชายหงปินที่ตายไปแล้ว และอีกคน…คือผู้ฝึกตนลำดับขั้นอันดับสิบ ไห่ตงชิง!

สำหรับคนที่สาม สามารถจะคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่ามันคือใคร อย่างที่คิดมันคือผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากชนเผ่าที่สอง ซึ่งตกตายไปด้วยเงื้อมมือของเต้าเทียน

ถึงแม้ว่าคนทั้งสามเหล่านี้จะตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่วิญญาณของพวกมันกลับถูกผนึกอยู่ภายในลูกแก้วผลึก ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง!

ทันใดนั้น บุรุษที่อยู่ในชุดจักรพรรดิก็ลืมตาขึ้น และแสงอันลี้ลับก็สาดประกายออกมาจากดวงตาทั้งคู่นั้น

มันหันหน้าอย่างช้าๆ มองไปยังทิศทางของเขตชายแดนระหว่างชนเผ่าที่สามและชนเผ่าที่สี่ ในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่สาม

พื้นฐานฝึกตนของบุรุษผู้นี้ไม่ได้สูงส่งมากนัก และมันก็ไม่ได้อยู่ในแม้แต่อาณาจักรเซียน อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายอันแปลกประหลาดกำลังลอยวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ทำให้ดูลึกลับไปโดยสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกับที่มันลืมตาขึ้นมา เงาร่างจำนวนมากก็ปรากฏกายขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมัน บ้างก็ยืนอยู่บนยอดเขา บ้างก็ลอยตัวอยู่บนอากาศ พวกมันทั้งหมดสวมใส่ชุดสีดำ โดยมีผ้าคลุมศีรษะปกคลุมอยู่ ทำให้ยากที่จะมองเห็นใบหน้าของพวกมัน แต่เงาร่างทั้งหมดต่างก็กระจายระลอกคลื่นแห่งอาณาจักรโบราณออกมา

แน่นอนว่าผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรสายลม ต่างก็ไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ถึงแม้แต่อาณาจักรเซียน อย่าว่าแต่เป็นอาณาจักรโบราณ แต่ในที่แห่งนี้กลับมีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณอยู่หลายคน ยิ่งไปกว่านั้นในท่ามกลางผู้แข็งแกร่งชุดดำ มีอยู่สองถึงสามคนที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกมันสามารถจะเทียบได้กับผู้อาวุโสจากสำนักและตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้า พร้อมกับมีตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วสิบดวงขึ้นไป

พวกมันทั้งหมดลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ กำลังรอคอยคำสั่งจากบุรุษที่อยู่ในชุดจักรพรรดิ

สำหรับบุรุษผู้นั้น สีหน้ามันสงบนิ่งเหมือนเช่นเคยขณะที่โบกสะบัดมือขวา ทำให้เกิดเป็นภาพจำนวนมากแวบปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าของมัน หนึ่งในภาพเหล่านั้นคือภาพของเมิ่งฮ่าวที่กำลังผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่สาม

มันมองไปอย่างครุ่นคิด ขณะที่เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไป ดวงตามันแวบประกายขึ้น

“จัดการเด็กหญิงนางนั้นแล้วหรือไม่?” มันถามขึ้นมาในทันที

“พวกเราส่งคนไปสังหารนางแล้ว” หนึ่งในผู้ฝึกตนชุดดำกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง คล้ายกับเป็นชายชรา “แต่น่าเสียดายที่นางเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง และหลบหนีจากไปจนไกล นางยังคงมีชีวิตอยู่”

“นางเป็นตัวแปรที่อันตราย เพื่อความปลอดภัยเจ้าต้องไปจัดการนางด้วยตัวเอง เสียเวลาไปมากแล้ว ดังนั้นต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด!” บุรุษในชุดจักรพรรดิกล่าว

“เพื่อเต๋าเดิมแท้!” บุรุษชุดดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ประสานมือและโค้งตัวลง

“เพื่อเต๋าเดิมแท้!” บุรุษในชุดจักรพรรดิกล่าวตอบ

“เพื่อเต๋าเดิมแท้!” บุรุษชุดดำที่เหลือเปล่งเสียงขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นโดยพร้อมเพรียงกัน ก้มศีรษะของพวกมันลง

“สำหรับเมิ่งฮ่าว…มันไม่มีอะไรเช่นเดียวกับเต้าเทียน ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็เหมือนกับเป็นมดแมลงที่ตกอยู่ภายในเขาวงกต ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ถ้ามันกล้าเข้ามายังภูเขากั๋วยิ่นเหมือนกับเต้าเทียน

มันก็จะต้องหลบหนีจากไปด้วยความตกใจกลัว และไม่กล้าที่จะเหยียบย่างเข้ามาในชนเผ่าที่สามอีกต่อไป พวกเราจะไปยุ่งเกี่ยวกับลำดับขั้นเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น ดังนั้นให้ปล่อยพวกมันไว้ตามลำพัง พวกมันจะมีประโยชน์ต่อพวกเราในภายหลัง ดังนั้นเมื่อไหร่ที่พวกเราออกไปจากภูเขาลูกนี้ เมื่อนั้น…พวกเราก็จะบรรลุถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่!” บุรุษผู้นั้นยิ้มออกมา จ้องมองไปยังลูกแก้วผลึกเป็นเวลานานชั่วครู่ และจากนั้นก็หลับตาลง

บุรุษชุดดำรักษาความเงียบไว้ หลังจากที่ประสานมือและโค้งตัวลง พวกมันก็กระจายออกไปอย่างช้าๆ แต่ละคนมุ่งหน้าออกไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน

ในถ้ำแห่งเซียนของชนเผ่าที่สาม จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่มองลงไปยังหน้ากากสีโลหิต จากนั้นก็มองลงไปที่พื้น ดวงตาสาดประกายขึ้น

เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไปในพื้น หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ขมวดคิ้ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ

แต่จากการที่อ๋าวเฉี่ยนกำลังดิ้นรนที่จะตื่นขึ้นมา เขาก็บอกได้ว่าความต้องการของมันมีแต่จะกระหายเพิ่มมากขึ้น เมิ่งฮ่าวไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องราวเช่นนี้เกี่ยวกับอ๋าวเฉี่ยนมาก่อน

ราวกับว่าเพื่อที่จะเติมเต็มความกระหายนั้น อ๋าวเฉี่ยนไม่เพียงแต่จะตื่นขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงร่างกายอีกด้วย มันน่าจะแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรุนแรง

“ที่ด้านล่างนี้มีอะไรแอบซ่อนอยู่กันแน่…?” เมิ่งฮ่าวคิด แต่แทนที่จะกระทำสิ่งใดๆ ด้วยความหุนหันพลันแล่น เขากลับเก็บหน้ากากสีโลหิตกลับเข้าไป หลับตาลง และเข้าฌาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป

ด้วยเม็ดยาและอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ ทำให้เมิ่งฮ่าวฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปเพียงแค่สามวันเท่านั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแสงอันเจิดจ้า

“ข้าฟื้นฟูกลับมาได้หกในสิบส่วนแล้ว…นับจากนี้ไปการฟื้นฟูของข้าจะค่อยๆ ลดลงตามปกติ” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ตลอดช่วงเวลาสามวันที่เขาทำการพักฟื้นอยู่ ความกระหายของอ๋าวเฉี่ยนยิ่งมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวตบลงไปบนถุงสมบัติ นกแก้วและผีโต้งบินออกมา พวกมันมองไปรอบๆ ด้วยความวิตกอยู่ชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายใดๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

“ไม่ต้องกังวลไป เต้าเทียนไม่ได้ไล่ล่าพวกเรามา” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา บางครั้งนกแก้วและผีโต้งก็แสดงท่าทีในการเผชิญหน้ากับความตายด้วยความกล้าหาญ แต่บางครั้งก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะขี้ขลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ

ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพวกมันไม่รู้ถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นกับเต้าเทียน ทำให้ต้องเรียกพวกมันออกมาโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการต่อสู้อย่างดุเดือดนั้น พวกมันทั้งคู่ต่างก็แกล้งทำเป็นไม่ว่าง

“เจ้าไม่อาจจะตำหนิอู่เหยียในเรื่องนี้ได้ ด้วยระดับความสามารถของอู่เหยีย เพียงมองไปแค่แวบเดียวก็จะกำจัดเต้าเทียนไปได้นับพันครั้ง แต่ปัญหาก็คือข้าไม่ว่างจริงๆ ฮา ฮา ฮา” นกแก้วกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย

“ซานเหยียไม่เห็นด้วย ซานเหยียคิดว่าเจ้าต้องฝึกฝนเพิ่มเติม! เพื่อจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เจ้าจำเป็นต้องมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น! ซานเหยียจะไม่ช่วยเจ้าจนกว่าจะถึงคราวจำเป็นเท่านั้น!” ผีโต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

เมื่อได้ยินผีโต้งกล่าวเช่นนี้ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากอดีตที่ผ่านมา ผีโต้งมักจะลอกเลียนแบบคำพูดของนกแก้ว ไม่เพียงแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่รู้สึกผงะไปเล็กน้อย นกแก้วก็งุนงงไปด้วยเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้าทั้งสองโต้เถียงกันอีกแล้ว?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย

นกแก้วกระแอมไอออกมา จากนั้นก็จ้องมองไปยังผีโต้งด้วยสายตาอันน่ากลัว กล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่เป็นผู้อยู่เหนือกว่า

“เหล่าซานพูดถูกจริงๆ ดูเหมือนว่า อู่เหยียไม่จำเป็นต้องหลอกลวงเจ้า มันเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่ตกอยู่ในวิกฤตที่ร้ายแรงจริงๆ พวกเราก็จะไม่ช่วยเจ้า”

“ไม่ผิด! ซานเหยียและเจ้านกบัดซบชั่วร้ายนี้โต้เถียงกัน นับจากนี้เป็นต้นไปซานเหยียและมันมีความเห็นที่แตกต่างกัน!” ผีโต้งร้องตะโกนขึ้น

“เจ้าว่าอะไร? กล้าที่จะพูดมาอีกครั้งหรือไม่!?” นกแก้วแผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็ก เส้นขนของมันลุกขึ้นตั้งชี้ชัน

“ต่อให้สามครั้งซานเหยียก็กล้าพูด!” ผีโต้งแผดเสียงออกมา จ้องมองไปยังนกแก้ว

เมิ่งฮ่าวรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นว่าทั้งสองตัวกำลังจะเริ่มโต้เถียงกัน เขาก็พูดแทรกขึ้น “พอได้แล้ว! ถ้าพวกเจ้าต้องการทะเลาะกัน ก็ให้กลับเข้าไปในถุงสมบัติ นกแก้วลองมองไปรอบๆ ดูว่าเจ้าได้เห็นอะไรที่แปลกๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้หรือไม่? ผีโต้ง เจ้าก็ลองตรวจสอบดูด้วย มีบางสิ่งผิดปกติอยู่ในที่แห่งนี้ อาจจะมี เอ่อ…คนเลวอยู่!”

ตอนแรกผีโต้งมีท่าทางเย่อหยิ่งยโส แต่ในทันทีที่มันได้ยินคำว่าคนเลว ดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น มันมองลงไปยังพื้นดินอย่างละเอียด และจากนั้นก็หอบหายใจออกมาในทันที

“มีคนเลวจริงๆ ด้วย! คนเลวมากมาย!!”

นกแก้วมองไป และสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ค่ายกลแยกสวรรค์ปลดปล่อยโลหิต!!”

“นั่นคือค่ายกลเวทปีศาจโบราณ ผู้คนในปัจจุบันนี้ยังสามารถใช้มันได้!? มันถูกผลักดันด้วยพิธีการบวงสรวง แต่การบวงสรวงในที่แห่งนี้…เป็นไปไม่ได้!!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปหลอมรวมกับนกแก้วและผีโต้ง ทันใดนั้นจิตใจก็สั่นสะท้านขึ้น และจู่ๆ ก็มองเห็นภาพจำนวนมาก ลึกลงไปในพื้นดิน ไกลลงไปที่ด้านล่างมากๆ เป็นสุสานที่เหยียดยาวออกไป!

สุสานนั้นมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร และเห็นได้อย่างเด่นชัดว่ามีหลุมขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยโลหิตที่กำลังเดือดพล่านอยู่เก้าสิบเก้าหลุม โลหิตที่กำลังเดือดพล่านนั้นทำให้เกิดเป็นกลุ่มหมอกสีโลหิตม้วนตัวลอยขึ้นมาในอากาศ

ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงด้านข้างของหลุมโลหิตทั้งเก้าสิบเก้าเป็นผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน

พื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่ได้สูงมากนัก และมีรูปร่างที่ผ่ายผอมจนดูคล้ายกับเป็นถุงหนังห่อหุ้มกระดูก พวกมันอยู่ที่ด้านข้างหลุม ด้วยสีหน้าที่ดูบ้าคลั่ง ขณะที่ใช้มีดกรีดเฉือนลงไปที่แขน ปล่อยให้โลหิตไหลลงไปในหลุม

เสียงสวดมนต์ค่อยๆ ได้ยินมา กระจายเต็มไปทั่วทั้งสุสาน

ลึกลงไปในสุสานเป็นเงาร่างชุดดำสิบกว่าคน กำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังคอยเฝ้าพิทักษ์คุ้มกัน เพราะว่าพวกมันถูกปกป้องจากสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นค่ายกลเวท เมิ่งฮ่าวจึงไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน

ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือว่าตรงด้านล่างของหลุมโลหิตทั้งเก้าสิบเก้าหลุมนั้นเป็นผู้ฝึกตน กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มีทั้งหมดเก้าสิบเก้าคน หนึ่งคนต่อหนึ่งหลุม และพวกมันกำลังจมอยู่ในโลหิต ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวกำลังใช้วิชาการมองดูแบบพิเศษนี้แล้วละก็ เขาคงไม่อาจจะมองเห็นพวกมันได้

เมิ่งฮ่าวจดจำได้ว่าหนึ่งในผู้ฝึกตนเหล่านั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็น…ชายชราจากชนเผ่าที่เก้า, เจี้ยนเต้าจื่อ!

เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจออกมา ด้วยการช่วยเหลือของนกแก้วและผีโต้ง สายตาของเขาแทงทะลุผ่านเข้าไปในหลุมโลหิต สิ่งที่เห็นก็คือว่าหลุมนั้นจริงๆ แล้วก็มีรูปร่างเหมือนกับเป็นอุโมงค์ ถ้ามองดูให้ละเอียดก็จะเห็นรูเล็กๆ อยู่ตรงก้นหลุม

ที่ด้านล่างของรูเล็กๆ และด้านล่างของหลุมโลหิตทั้งเก้าสิบเก้าหลุมเหล่านั้น เป็นอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่ส่วนต่างๆ ของสุสาน

มันมีขนาดเล็กกว่าสุสานหลักมากนัก แทบจะคล้ายกับเป็นห้องลับที่เชื่อมต่ออยู่กับโครงสร้างขนาดใหญ่ตรงด้านบน เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็ดูคล้ายกับเป็นขวดน้ำเต้าที่พลิกกลับด้าน!

ภายในห้องลับนั้นมีรูปปั้นอยู่มากมาย ดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมทั้งเต่า, นกกระเรียน และแม้แต่ค้างคาว

รูปปั้นเหล่านั้นเชื่อมต่อกันด้วยลำแสงเพื่อก่อตัวเป็นรูปวงกลม ตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมขนาดใหญ่ในห้องลับนั้น เป็นแท่งน้ำแข็งสีโลหิต!

แท่งน้ำแข็งสีโลหิตนั้นประกอบด้วยสิ่งที่ถูกผนึกไว้ด้านใน…ค้างคาวสีโลหิตหนึ่งตัว!

ค้างคาวนั้นดูเหมือนกับรูปปั้นค้างคาว ซึ่งอยู่ในท่ามกลางกลุ่มรูปปั้นที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น!

ตอนนี้แท่งน้ำแข็งนั้นกำลังละลายอยู่ และขณะที่เป็นเช่นนั้น ปราณโลหิตก็พุ่งขึ้นไปในอุโมงค์ที่อยู่ด้านบน และถูกรูเล็กๆ ทั้งเก้าสิบเก้ารูดูดซับเข้าไป!

“ทั้งหมดนี้คืออะไรกัน?!” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อเขามองไปยังแท่งน้ำแข็งสีโลหิต ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งปีศาจอันไร้ขอบเขต พุ่งเข้ามาปะทะในจิตใจ ถึงแม้ว่าเขากำลังมองไปยังมันด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น โดยมีนกแก้วและผีโต้งคั่นกลางอยู่ แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนั้น เป็นกลิ่นอายของปีศาจที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและมีพลังอันน่ากลัว

มันต้องเป็น…บางสิ่งที่ผู้ฝึกตนไม่อาจจะควบคุมได้อย่างแน่นอน คล้ายกับเป็นสิ่งที่เกินกว่ากฎธรรมชาติของสวรรค์และปฐพี หรือแม้แต่แก่นแท้

“นั่นคือ…วิญญาณผู้ทรยศ…” นกแก้วพึมพำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!