Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1158

ตอนที่ 1158

เทียนอวิ๋นซ่างเหริน

เมื่อเทียนฟงซ่างเหรินได้ยินเสียงของศิษย์พี่, เทียนอวิ๋นซ่างเหริน มันก็คึกคักขึ้นมาในทันที เชื่อว่าตนเองในที่สุดก็มีความหวังขึ้นมาแล้ว ดวงตามันแวบประกายรังสีสังหารขึ้น และคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สังหารเมิ่งฮ่าวไปด้วยการลงมืออย่างฉับพลัน

อย่างไรก็ตามขณะที่ความคิดของมันผุดขึ้นมาในจิตใจ…เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา เกิดเป็นพลังเสียงที่คล้ายกับสายฟ้ากระแทกเข้าไปในหูของเทียนฟงซ่างเหริน ทำให้ร่างกายมันสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง และจิตใจก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวในรูปแบบของวิหคยักษ์สีฟ้าไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย กลับพุ่งลงไปยังเทียนฟงซ่างเหริน ใช้กรงเล็บตวัดลงไปยังศีรษะของมันอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเสียงดังกร้วมได้ยินมา ขณะที่ศีรษะของมันแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ

ไม่มีเวลาให้มันได้แผดร้อง หรือให้วิญญาณมันหลบหนีจากไปได้ กรงเล็บของวิหคยักษ์สีฟ้ากรีดเฉือนลงไปอีกครั้ง ด้วยพลังทำลายล้างตรงไปยังร่างกายที่เหลือของมัน

เสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่เทียนฟงซ่างเหรินระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่วิญญาณของมันก็ถูกทำลายไป!

ปกติแล้วเมิ่งฮ่าวจะไม่โจมตีไปด้วยพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ แต่เทียนฟงซ่างเหรินก็โลภมากเป็นอย่างยิ่ง เขาเสนอหยกเซียนหนึ่งล้านชิ้นด้วยเจตนาดี แต่แทนที่จะถอนตัวมันกลับรุกไล่ต่อไป การใช้หยกเซียนสิบล้านชิ้นเป็นข้ออ้างของเทียนฟงซ่างเหริน หรือแม้แต่การบอกว่าจะทำลายเหรียญหยก ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการข่มขู่กรรโชก…

ถ้าเป็นของสิ่งอื่นก็อาจจะไม่เป็นไร แต่เหรียญหยกนี้เป็นร่องรอยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับท่านปู่และท่านตาทั้งสองของเขา แล้วเขาจะสะกดกลั้นความต้องการสังหารของตนเองไว้ได้อย่างไร? ถ้ามันพูดกับเขาด้วยความสุภาพสักเล็กน้อยเช่นเดียวกับที่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินพูดออกมา

เมิ่งฮ่าวคงไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะดูเหมือนว่าคำพูดของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินสุภาพ แต่จริงๆ แล้วก็เย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่ามันคุ้นเคยกับการออกคำสั่งในตลาดแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่เมิ่งฮ่าวไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องสะกดข่มอารมณ์กับบุคคลเช่นนี้

เขาจึงสังหารไปอย่างหมดจด ไม่นานต่อมาเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ดังก้องออกมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน เงาร่างผู้หนึ่งปรากฏขึ้น บินฝ่าอากาศมา ในเวลาเดียวกันนั้นน้ำตกกระบี่ก็ตกลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ สงบนิ่งไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง อันที่จริงเสียงระเบิดนั้นดังออกมาจากน้ำตกกระบี่ที่แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่อาจจะทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย!

ขณะที่เสียงแผดร้องด้วยความตกใจดังก้องออกมา ชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น มันสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วง ดูสง่างามอย่างถึงที่สุด ขณะที่มันบินตรงมา ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตก็ม้วนตัวออกไป ในทันทีที่ผู้ฝึกตนชุดม่วงแดงมองเห็นมัน ต่างก็คุกเข่าลงไปโขกศีรษะกันทั้งหมด

“ขอน้อมพบ ท่านปรมาจารย์!”

นี่คือปรมาจารย์แห่งตลาดเมฆาสวรรค์, เทียนอวิ๋นซ่างเหริน มันดูน่ากลัวและมีโทสะด้วยเช่นกัน แต่ภายในใจมันกำลังตกตะลึง กระบี่น้ำตกจากเมื่อครู่นี้มันปลดปล่อยไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็เก็บซ่อนความประหลาดใจไว้ ใบหน้าไม่แสดงออกถึงร่องรอยใดๆ

เสียงร้องด้วยความตกตะลึงดังก้องออกมาจากผู้ฝึกตนที่อยู่ในตลาด พวกมันต่างก็ประหลาดใจจากพลังและแรงกดดันที่กระจายออกมาจากชายชราชุดม่วงผู้นี้

นี่คือระลอกคลื่นพลังของคนที่สามารถจะก้าวเท้าเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่ามันจะล้มเหลว ก็ยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าได้

อากาศรอบๆ ตัวมันบิดเบี้ยวไปมา กฎธรรมชาติและแก่นแท้จำนวนมากพอจะมองเห็นได้อย่างเลือนลาง พลังการสะกดข่มของมันไร้ขอบเขต จนทำให้สีสันต้องแวบขึ้นไปด้านบน และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน

“เด็กน้อย เจ้ามาปล้นตลาดเมฆาสวรรค์ และยังได้สังหารศิษย์น้องของเหล่าฟูไปอีกด้วย เหล่าฟูไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยของตระกูลฟางหรือไม่! ไม่ว่าบิดาเจ้าฟางซิ่วเฟิง หรือแม้แต่ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งตระกูลฟาง, ฟางโส่วเต้าจะมาแสดงตนขึ้นหรือไม่ เจ้าต้องให้คำอธิบายกับเหล่าฟูมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของมันเต็มไปด้วยอำนาจแห่งสวรรค์ ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้ดวงดาวทั้งหมดในสนามแห่งดวงดาวสั่นสะเทือนไปมา

“ข้าสังหารศิษย์น้องท่าน เป็นเพราะว่ามันพยายามมาสังหารผู้แซ่เมิ่งก่อน! ยิ่งไปกว่านั้นมันยังโลภใช้สิ่งของบางอย่างที่ไม่ได้เป็นของมันมาข่มขู่กรรโชกผู้แซ่เมิ่งอีกด้วย! คนเช่นนั้นผู้แซ่เมิ่งต้องสังหารไปให้จงได้!” เมิ่งฮ่าวตอบโต้กลับไปด้วยเสียงราบเรียบ

“สำหรับการที่บอกว่าข้าปล้นตลาดเมฆาสวรรค์ ข้าได้วางหยกเซียนหนึ่งล้านชิ้นไว้บนโต๊ะแล้ว แต่พวกมันก็ยังพยายามจะมารีดไถข้า! ถ้าเช่นนั้น…ปล้นก็ปล้นเถอะ!”

“ไม่ว่าเจ้าจะแก้ตัวอย่างไร ไม่ว่าเจ้ากล่าวอ้างถึงเหตุผลอะไร เจ้าก็สังหารคนของข้าไปหนึ่งคนและขโมยทรัพย์สินของข้าไป เจ้าทำผิดกฎอย่างร้ายแรง ตลาดเมฆาสวรรค์ไม่ได้ตกอยู่ในอำนาจของสำนักหรือกลุ่มที่ทรงอิทธิพลใดๆ พวกข้าเป็นกลางมาโดยตลอด! แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องเช่นนี้ เหล่าฟูเทียนอวิ๋น ก็ไม่อาจจะอยู่นิ่งเฉยได้!” เสียงของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินดังก้องออกไป และพลังของมันก็พุ่งทะยานขึ้น เกิดเป็นลมพายุหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวมันในทั่วทุกทิศทาง

เสียงของมันระเบิดออกไปด้วยบรรยากาศที่สะกดข่ม ราวกับว่าคำพูดของมันคือกฎธรรมชาติของสวรรค์และปฐพี ในตลาดเมฆาสวรรค์แห่งนี้ คำพูดของมันคือพลังแห่งสวรรค์ และมันคือผู้เขียนกฎขึ้นมาเอง!

ถ้ามันบอกว่าเจ้าผิด เจ้าก็เป็นคนผิด! ถ้ามันบอกว่าเจ้าก่อความชั่วอย่างร้ายแรง เจ้าก็เป็นคนชั่ว ไม่ว่าเจ้าจะทำจริงหรือไม่ก็ตาม!

เสียงของมันดังก้องไปทั่ว ทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ข่มขู่คุกคามจากมัน สำหรับผู้ฝึกตนชุดสีม่วงแดง พวกมันเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นี่คือปรมาจารย์ของพวกมัน ซึ่งมีกลิ่นอายสะกดข่มไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับใครก็ตามที

“หยิบสิ่งของที่เจ้าขโมยจากตลาดเมฆาสวรรค์ออกมาเดี๋ยวนี้ ยอมจำนนและยอมรับผิด จากนั้นก็บอกให้ผู้นำตระกูลของเจ้ามานำตัวเจ้าไปด้วยตนเอง นั่นคือทางเลือกของเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นในตอนนี้!”

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงสะกดข่มเย็นชาเหมือนเช่นเคย และความแข็งแกร่งของมันก็สามารถจะสนับสนุนท่าทีเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน กล่าวกันโดยปกติแล้ว มันเป็นคนที่ระมัดระวังตัวในทุกเรื่อง แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ มันมักจะแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา

ไม่ว่าใครจะเป็นคนถูกหรือผิด ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในอาณาจักรของตนเอง มันต้องถูกต้องเสมอ!

เหตุผลหนึ่งที่ทำไมตลาดเมฆาสวรรค์ถึงอยู่ได้มานาน และเจริญก้าวหน้าได้เช่นนี้ นั่นก็เนื่องมาจากความระมัดระวังตัวและท่าทีที่สะกดข่มเช่นนี้ นอกจากนั้น…ก็มีกองกำลังอันแข็งแกร่งน้อยมากยินดีที่จะบังคับให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องตกอยู่ในมุมอับ

เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย มันสามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็คือไพ่ไม้ตายของมัน

ยิ่งไปกว่านั้นการที่สามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้อย่างง่ายดาย ก็หมายความว่ากองกำลังที่แข็งแกร่งใดๆ ก็ตาม อาจยินดีที่จะรับตัวมันไว้ ซึ่งก็เป็นไพ่ไม้ตายอีกใบของมัน

ถึงแม้มันจะเห็นว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าพลังเช่นนั้นต้องมีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันจึงดูถูกเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงศิษย์น้องของมันจะอยู่ในอาณาจักรโบราณขั้นสุดท้าย แต่ก็มีพื้นฐานฝึกตนที่สับสนวุ่นวาย ถ้าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องการ มันก็สามารถจะสังหารไปได้อย่างง่ายดายทุกเมื่อ

อาจจะเป็นความจริงที่น้ำตกกระบี่ของมันไม่อาจจะทำอันตรายเมิ่งฮ่าวได้ แต่เมื่อคิดไปถึงประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาของตนเอง ทำให้มันยังคงเชื่อมั่นว่าสามารถจะจัดการเขาได้ นอกจากนี้เขาเป็นเพียงแค่นายน้อยแห่งตระกูลฟาง ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ทรงพลังอย่างแท้จริง

ถึงแม้ว่าตำแหน่งนี้จะฟังดูมีเกียรติ แต่ก็เป็นแค่ในนามเท่านั้น

ตัวเทียนอวิ๋นซ่างเหรินเองเชื่อว่า หลังจากสงครามบนดาวตงเซิ่ง ตระกูลฟางจะต้องมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก คงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นเพียงเพราะนายน้อยที่ต่ำต้อยเช่นนี้

มันไม่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ร่วมกันของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่สำคัญพอที่จะให้ตระกูลฟาง ต้องมามีปัญหากับตนเองจนทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตไป

ตระกูลฟางอาจจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่เมื่อคิดไปถึงศักดิ์ฐานะของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะคิดว่า สำนักหรือตระกูลใดๆ ก็ตาม มักจะให้ความสำคัญกับกองกำลังส่วนใหญ่ มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับบุคคลเพียงคนเดียว

ความอัปยศพ่ายแพ้ของตัวบุคคล และความเสื่อมโทรมของตระกูล เป็นทางเลือกที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้

การวิเคราะห์ของมันจริงๆ แล้วก็ถูกต้อง ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะไปยังอาณาจักรสายลม ตระกูลฟางอาจจะจัดฉากแสดงขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างเงียบๆ ซึ่งช่วยรักษาหน้าตาให้กับทั้งสองฝ่าย ท้ายที่สุดเหรียญหยกก็จะถูกส่งไปยังตระกูลฟาง และตลาดเมฆาสวรรค์ก็จะได้หยกเซียนทั้งหมดมา

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินเคยคิดเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้มาก่อน และผลลัพธ์สุดท้ายก็มักจะเป็นเช่นเดียวกัน

แต่น่าเสียดาย มีอยู่อย่างหนึ่งที่มันไม่รู้ นั่นก็คือ…ผู้นำตระกูลที่แท้จริงของตระกูลทุกชั้นฟ้า!

เมื่อได้เห็นเทียนอวิ๋นซ่างเหรินแสดงท่าทีที่สะกดข่มเช่นนั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหัวเราะหึๆ ขึ้นมา จากนั้นดวงตาก็สาดประกายด้วยความเย็นชา และเขาก็มองไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของตระกูลฟาง ซึ่งกำลังถูกดูแลโดยกลุ่มคนของตระกูลฟางหกคน ทั้งหมดนั้นดูคุ้นตา ถึงแม้ว่าเขาจะจดจำนามของพวกมันไม่ได้ก็ตามที

เขารับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเมล็ดเต๋าในร่างของพวกมันทั้งหมดได้อย่างเลือนราง ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเลือนรางเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีเมล็ดเต๋าที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง คนอื่นๆ ไม่อาจจะเป็นเช่นนี้

กลุ่มคนทั้งหมดตกตะลึง พวกมันจดจำนายน้อยของตนเองได้ตั้งแต่มองไปแค่แวบแรก ความขัดแย้งระหว่างเขาและเทียนอวิ๋นซ่างเหรินในตอนนี้ทำให้พวกมันต้องสะท้านใจขึ้นมา

“พวกเจ้าทั้งหกได้ยินสิ่งที่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินพูดไปแล้วเมื่อครู่นี้ ใช่หรือไม่? ให้นำข้อมูลนี้รายงานกลับไปยังตระกูลเดี๋ยวนี้ ถามปรมาจารย์โส่วเต้าด้วยว่า ท่านสนใจรับตลาดเมฆาสวรรค์ไว้ และเปลี่ยนชื่อมันเป็นตลาดตระกูลฟางหรือไม่”

คำพูดของเมิ่งฮ่าวยิ่งเย่อหยิ่งกว่าคำพูดของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินมากนัก เดิมทีเขาคิดว่าจะไปยังดาวหนานเทียนก่อน และจากนั้นก็จะไปยังตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่ง

แต่เมื่อคิดว่าเหตุการณ์ได้ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงมีความคิดใหม่เกิดขึ้น เมื่อเขาคิดว่าจะไปแสดงความเคารพต่อบิดามารดาแล้วละก็ เขาก็จะนำตระกูลฟางไปพร้อมกับเขาด้วย!

บิดามารดาไม่อาจจะออกมาจากดาวหนานเทียนได้ แต่เขาก็จะรักษาเกียรติของพวกท่านไว้ ด้วยการนำตระกูลไปแสดงความเคารพต่อพวกท่าน!

ในฐานะที่เป็นบุตรของพวกท่าน นี่คือ…ของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงเท่าที่เขาจะส่งมอบให้ได้!

ด้วยการเป็นบุตรของพวกท่าน พวกท่านก็จะได้รับเกียรติและชื่อเสียงจากตระกูลทั้งหมด!

สมาชิกตระกูลฟางทั้งหกสบตากันไปมา จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว สามคนในพวกมันถอยไปทางด้านหลังและกลับไปยังตระกูลฟางผ่านประตูเคลื่อนย้ายทางไกลในทันที

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินไม่ทำอะไรที่จะไปหยุดพวกมัน ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ยิ้มด้วยความเย็นชาออกมา เฝ้ารอคอยให้สมาชิกของตระกูลฟางที่ทรงอิทธิพลมาถึง ในความคิดของมัน เมื่อไหร่ที่ตระกูลฟางสอดมือเข้ามาในเรื่องนี้ เหตุการณ์ก็จะพัฒนาขึ้นจนถึงจุดที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะแก้ไขได้ตามลำพังคนเดียว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน และทันใดนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ กล่าวเสียงราบเรียบว่า “ในขณะที่รอคอยให้พวกมันมาถึง ข้าอยากจะเห็นว่าวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณจะเป็นอย่างไร…เมื่อเทียบกับข้าในแง่ของความแข็งแกร่ง!”

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา “ผู้เยาว์ที่ป่าเถื่อน เจ้า…”

แต่ก่อนที่มันจะทันได้กล่าวจบ สีหน้าก็ต้องสลดลงเมื่อเมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงมา

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ลมพายุที่หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเทียนอวิ๋นซ่างเหรินแตกกระจายไปในทันที กฎธรรมชาติและแก่นแท้ถูกรบกวนจนทำให้อากาศรอบๆ ตัวมันบิดเบี้ยวไปมา

ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเทียนอวิ๋นซ่างเหริน แสงสีฟ้าสาดประกายออกไป เขาโบกสะบัดมือทำให้ภูเขาเซียนจำนวนมากตกลงมา

จิตใจเทียนอวิ๋นซ่างเหรินสั่นสะท้าน ขณะที่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว โดยไม่ลังเลมันยกมือขวาขึ้น และฟาดออกไปที่เบื้องหน้า ทันใดนั้นตะเกียงวิญญาณทั้งหมดของมันก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัว เคลื่อนที่เป็นรูปแบบของค่ายกลเวท เริ่มโคจรหมุนวนในทันที และรูปแบบนั้นก็ปะทุขึ้นด้วยพลังของกฎธรรมชาติ จนกลายเป็นเส้นใยนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

“เปลี่ยนสวรรค์ แปลงปฐพี ทัณฑ์สายลมเมฆา!” มันแผดร้องออกมา ขณะที่เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ภูเขาเซียนของเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ แต่ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่สอง จากนั้นก็ชี้นิ้วขวาออกไป!

อากาศที่เบื้องหน้าเขาฉีกขาดออกจนกลายเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ ภายในนั้นมีศีรษะสีโลหิตพุ่งออกมา ซึ่งก็คือเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต แต่ครั้งนี้มันไม่ได้มีแค่ศีรษะเท่านั้นที่ปรากฏขึ้น แต่เป็นอสูรโลหิตทั้งตัว!

มันฉีกรอยแตกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้แสงสีโลหิตพุ่งกระจายออกมา จากนั้นอสูรโลหิตก็พุ่งตรงไป ยื่นมือคว้าจับไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน

สีหน้าของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินเปลี่ยนไปด้วยความตกใจในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!