ตอนที่ 1157
ไม่ซื้อแล้ว
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในบริเวณนั้น เหรียญหยกเช่นนั้นอาจจะมีค่าเท่ากับหินลมปราณยี่สิบถึงสามสิบล้านก้อนเป็นอย่างมาก เมื่อหยกเซียนหนึ่งชิ้นมีค่าเท่ากับหินลมปราณหนึ่งหมื่นก้อน อย่างมากที่สุดก็คงใช้หยกเซียนไม่กี่พันชิ้นเท่านั้น และคงน้อยกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเทียนฟงซ่างเหรินก็เพิ่งจะพูดถึงหยกเซียนสิบล้านชิ้น ซึ่งเทียบเท่ากับหินลมปราณหนึ่งแสนล้านก้อน…
คงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงความร่ำรวยเช่นนั้นได้ เป็นจำนวนที่มากเป็นพิเศษสำหรับสำนักหรือตระกูลทั้งหมด สำหรับตลาดเมฆาสวรรค์…คงต้องใช้เวลานับร้อยหรืออาจจะเป็นพันปี ที่จะเก็บรวบรวมหยกเซียนได้ถึงสิบล้านชิ้น
สำหรับมันแล้วการเรียกร้องด้วยจำนวนเช่นนี้…ก็เท่ากับเป็นการปล้นชิงอย่างไร้ยางอาย
คนทั้งหมดที่มองดูอยู่ต่างก็อ้าปากค้างต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ พวกมันทั้งสะท้านใจต่อคำพูดของเทียนฟงซ่างเหริน ทั้งประหลาดใจต่อการแสดงออกถึงความร่ำรวยของเมิ่งฮ่าวในเวลาเดียวกัน
“สิบล้านหยกเซียน และเจ้าก็ได้เหรียญนั่นไป! มิเช่นนั้น มันก็จะเป็นของตลาดเมฆาสวรรค์ และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว ต่อให้เหล่าฟูจะบดขยี้มันไปก็ตาม!” เทียนฟงซ่างเหรินกล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวเป็นใคร และคิดว่าถ้าเขามีหยกเซียนน้อยกว่าหนึ่งล้านชิ้น มันก็จะไม่ไปหาเรื่องเขา แต่ด้วยจำนวนที่มากมายเช่นนี้ก็ผลักดันให้มันมาถึงจุดที่ไม่สนใจว่าเขาคือใครอีกต่อไป
เงินทองสามารถทำให้ผู้คนบ้าคลั่ง ทำให้พวกมันสูญเสียจิตใจของตนเองไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมเข้ากับความต้องการอย่างแรงกล้า สำหรับเทียนฟงซ่างเหรินแล้ว หยกเซียนสิบล้านชิ้นคุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิตด้วย
เมื่อคิดว่ามันตัดสินใจเช่นนี้ไปแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่ามันเลยผ่านจุดที่คิดว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่จะไปตอแยเมิ่งฮ่าว และเลือกที่จะไปข่มขู่คุกคามเขา!
อันที่จริงมันไม่เคยให้ความสนใจต่อภาพรวมของตลาดเมฆาสวรรค์มานานแล้ว จากความคิดของมัน ถ้าสามารถลงมือกับเงินมากมายเช่นนั้นได้ มันสามารถจะหลบหนีไปถึงสุดขอบจักรวาลได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมั่นใจด้วยว่าถ้าศิษย์พี่ออกมาจากการนั่งเข้าฌานตามลำพัง ด้วยจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ถึงแม้ว่ามันไม่สอดมือเข้ามา ศิษย์พี่มันก็คงจะลงมือเองอย่างแน่นอน นอกจากนี้เทียนฟงซ่างเหรินยังรู้จักเทียนอวิ๋นซ่างเหรินมากกว่าผู้ใดทั้งหมดอีกด้วย
“วันนี้มันจะซื้อเหรียญหยกนี้…หรือว่าไม่ซื้อ!?” มันคิด ผู้ติดตามชุดแดงทั้งสี่ต่างก็หอบหายใจออกมาเช่นเดียวกับมัน ขณะที่ช่วยกันขัดขวางเมิ่งฮ่าวไว้
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ จ้องมองไปยังเทียนฟงซ่างเหริน ใบหน้ากลายเป็นเย็นชาลง
“เหล่าตงซี (ไอ้แก่) ที่ไร้ยางอาย! ข้าเสนอหยกเซียนหนึ่งล้านชิ้น แต่เจ้าไม่ต้องการ? ถ้าเช่นนั้น…เมิ่งโหม่ว (ผู้แซ่เมิ่ง) ไม่ซื้อแล้ว!”
เขามองไปยังผู้ดำเนินการประมูล ที่กำลังรีบวิ่งจากไป ไม่สนใจเทียนฟงซ่างเหรินอีกต่อไป ทันใดนั้นร่างก็แวบขึ้น เคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วที่เทียนฟงซ่างเหรินและผู้ติดตามชุดแดงทั้งสี่มองเห็นแค่เป็นภาพอันเลือนลาง จากนั้นเขาก็ไปอยู่ที่ด้านหลังพวกมัน พุ่งไปปรากฏกายขึ้นบนเวทีหลักอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้ดำเนินการประมูล
“มอบมันมาให้ข้า!” เมิ่งฮ่าวกล่าวยื่นมือออกไป ผู้ดำเนินการประมูลสะท้านใจ โยนเหรียญหยกตรงไปยังเมิ่งฮ่าวโดยไม่ลังเล จากนั้นก็หลบหนีจากไป ไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายในตอนนี้
สีหน้าเทียนฟงซ่างเหรินสลดลงแผดร้องออกมา “เมิ่งฮ่าว เจ้ากำลังทำอะไร!?” มันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว ดวงตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหารพร้อมกับพลังที่พุ่งขึ้นไป
“ข้ากำลังทำอะไร? เจ้าตาบอดหรืออย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังปล้นเจ้าอยู่!?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงเย็นชา ทำท่าคว้าจับด้วยมือซ้าย และเหรียญหยกก็ลอยตรงมาที่เขา ในทันทีที่เหรียญนั้นลงมาอยู่บนฝ่ามือ เขาก็เก็บมันไว้ในถุงสมบัติ
ดวงตาของกลุ่มผู้ชมทั้งหมดเบิกกว้างขึ้น เพื่อตอบรับกับคำพูดที่ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทางราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำรามของเขาโดยเฉพาะ
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้ยินใครบางคนพูดว่า กำลังปล้นชิงอยู่ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนั้น ราวกับว่ามันเป็นความชอบธรรมและเป็นสิ่งที่สมควรจะกระทำ
โทสะของเทียนฟงซ่างเหรินพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่สี่ผู้ติดตามชุดแดงของมันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว พวกมันยกมือขึ้นปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทออกมา รวมพลังกันเพื่อก่อตัวเป็นเจดีย์วิเศษ จากนั้นก็บดขยี้ลงมายังเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาแสดงความโอหัง!” เทียนฟงซ่างเหรินแผดร้องด้วยโทสะ
เมิ่งฮ่าวยืนนิ่งไม่หลีกเลี่ยงหรือหลบหนี ดวงตาแวบประกายขึ้นด้วยความเย็นชา โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้พื้นฐานฝึกตนปะทุเป็นพลังขึ้นมา แรงระเบิดขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่เบื้องหน้าเขา
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป และสีหน้าของเทียนฟงซ่างเหรินก็สลดลง เจดีย์สั่นไปมาอยู่ชั่วขณะ และรอยแตกร้าวก็กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของมัน จากนั้นก็ระเบิดออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับมีหัตถ์ยักษ์ที่มองไม่เห็นบดขยี้มันให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
เจดีย์ที่ถูกบดขยี้ลงไปนั้นกลายเป็นเศษชิ้นส่วนของเถ้าธุลีนับไม่ถ้วน จากนั้นก็พุ่งกลับไปทางด้านหลังด้วยพลังสะท้อนกลับ ตรงไปยังเทียนฟงซ่างเหรินที่มีสีหน้าสลดลง เมื่อตระหนักว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้ ทันใดนั้นความรู้สึกถึงวิกฤตอันน่ากลัวก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจอย่างฉับพลัน
“เป็นไปไม่ได้!!” เทียนฟงซ่างเหรินประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง มันอยู่ในอาณาจักรโบราณขั้นสุดท้าย และในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด สามารถถือได้ว่าเป็นผู้ที่สำคัญและแข็งแกร่ง แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว มันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ก่อนหน้านี้มันไม่อาจจะมองเมิ่งฮ่าวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รู้แต่เพียงว่าเขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียน ที่มีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่เท่านั้น แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวช่างแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อและ…ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง!
เขาแข็งแกร่งจนเทียนฟงซ่างเหรินแทบไม่อาจจะหลบเลี่ยงจากการโจมตีของเขาไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่พื้นฐานฝึกตนของมันก็ยังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมิ่งฮ่าวทำให้ดวงตามันต้องเบิกกว้างขึ้นและสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง จิตใจกำลังเต้นรัวอย่างรุนแรงจนแทบจะหยุดเต้นไปอย่างง่ายดาย
มันไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันอันเข้มข้นเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ศิษย์พี่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินของมันก็ไม่มีแรงกดดันเช่นนี้ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมัน ขณะที่ถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด
มันเพิ่งจะหลบหนีออกไปจากพลังระเบิดหลักนั้นได้ แต่น่าเสียดายที่สี่ผู้ฝึกตนชุดแดงไม่อาจจะทำเช่นนั้น เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน ราวกับว่าสายลมทำลายล้างกำลังม้วนกวาดพวกมันไป ร่างกายถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นเศษเลือดเนื้อ เปลี่ยนให้สายลมนั้นกลายเป็นกลุ่มหมอกสีแดง เหลือไว้แต่เพียงโครงกระดูกของพวกมันเท่านั้น
โครงกระดูกเหล่านั้นคงอยู่เพียงแค่หนึ่งอึดใจ ก่อนที่จะกลายเป็นเถ้าธุลีไป แม้แต่วิญญาณของพวกมันก็ยังถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการโบกสะบัดมือไปแค่ครั้งเดียว เมิ่งฮ่าวก็สังหารสี่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนไปอย่างง่ายดาย และทำให้เทียนฟงซ่างเหรินได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่…นี่…”
“มันมีพื้นฐานฝึกตนอะไรกัน? มันบังคับให้เทียนฟงซ่างเหรินต้องล่าถอยออกไปได้จริงๆ!!”
“แต่เท่าที่มองไป ก็เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในอาณาจักรเซียน…”
“เทียนฟงซ่างเหรินเพิ่งจะเรียกมันว่าเมิ่งฮ่าว…เมิ่งฮ่าว…ข้าจำได้แล้ว!
มันคือเมิ่งฮ่าว นายน้อยแห่งตระกูลฟาง!! มันคือศิษย์เพียงคนเดียวของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งหมด! แต่…แต่ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?”
คนทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย
จิตใจเทียนฟงซ่างเหรินสั่นสะท้าน ขณะที่ตระหนักว่ามันไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวเพียงลำพังได้ ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าพื้นฐานฝึกตนของเขาอยู่ในอาณาจักรเซียน แต่หลังจากที่เขาโจมตีมา เทียนฟงซ่างเหรินก็รับรู้ได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งกว่าที่เห็นมากนัก
ขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง โลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก ทันใดนั้นมันก็แผดร้องตะโกนขึ้น “ศิษย์ของตลาดเมฆาสวรรค์ทั้งหมด จงฟังคำสั่งข้า สังหารคนผู้นี้ไปโดยไม่ต้องลังเลใดๆ!!”
ผู้ฝึกตนชุดม่วงแดงที่อยู่รอบๆ ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็รวบรวมความกล้าขึ้นมา แผดร้องคำรามพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เทียนฟงซ่างเหรินฉวยโอกาสนี้รีบหลบหนีจากไป
พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เมิ่งฮ่าวเริ่มเดินตรงไป เมื่อกลุ่มผู้ฝึกตนชุดม่วงแดงพยายามจะมาขัดขวาง เขาตวาดว่า “ไสหัวไป!”
เสียงของเขาดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่า กระแทกเข้าไปในหูของผู้ฝึกตน ทำให้จิตใจพวกมันหมุนคว้าง และพื้นฐานฝึกตนก็เริ่มไม่คงที่ สายตาเริ่มพล่ามัว จิตใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ
สำหรับเทียนฟงซ่างเหริน คำพูดนั้นทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมัน และรีบหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม
“บัดซบ! ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?” ใบหน้ามันซีดขาวขึ้นอย่างน่ากลัว เปี่ยมล้นไปด้วยความเสียใจ เหงื่อไหลลงมาจากใบหน้าขณะที่ตระหนักว่า มันได้ไปหาเรื่องเมิ่งฮ่าวอย่างดุร้ายมากแค่ไหน จึงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้มันหลบหนีจากไปได้
เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งฝ่าอากาศไป กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า สายลมอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา ขณะที่ระยะห่างระหว่างเขาและเทียนฟงซ่างเหรินลดลงจากไม่กี่ร้อยจ้างจนไม่ถึงสิบจ้าง
“ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!!” เทียนฟงซ่างเหรินแผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา ในตอนนี้จิตใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ตลาดเมฆาสวรรค์ทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมื่อผู้ฝึกตนได้ยินเมิ่งฮ่าวระเบิดเป็นการกระทำขึ้นมา และจากนั้นเทียนฟงซ่างเหรินก็แผดร้องขอความช่วยเหลือ พวกมันต่างก็ตกใจไปจนถึงแก่นกาย
คนทั้งหมดในร้านและแผงลอยที่เมิ่งฮ่าวเคยซื้อสินค้ามา มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ พวกมันตกใจเมื่อได้ยินว่าเขาคือใคร แต่ที่ยิ่งตกใจมากไปกว่านั้นคือพบว่า เขาไม่เพียงแต่จะมีความเป็นมาอย่างน่าเหลือเชื่อเท่านั้น แต่ยังมีพื้นฐานฝึกตนที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกมันรู้ในตอนนี้คือส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ถ้าพวกมันรู้ว่าตระกูลฟางในตอนนี้เป็นตระกูลทุกชั้นฟ้า และรู้ว่าเมิ่งฮ่าวคือปรมาจารย์ที่แท้จริงของตระกูลแล้วละก็ ความตกใจของพวกมันคงจะบรรลุถึงระดับที่ยากจะอธิบายออกมาได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนที่ประจำตำแหน่งตรงประตูเคลื่อนย้ายทางไกลต่างๆ ในสนามดวงดาวรับรู้ได้ถึงความวุ่นวายที่กำลังปะทุขึ้นมาในตลาด หลายคนในพวกมันเริ่มบินตรงมาเพื่อดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
ในเวลานั้นเองที่เมิ่งฮ่าวในรูปแบบของวิหคยักษ์สีฟ้า ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเทียนฟงซ่างเหริน และใช้กรงเล็บที่แหลมคมราวใบมีดกรีดเฉือนออกไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากระทำเช่นนั้น เสียงอันเย็นชาและน่ากลัวก็ดังก้องออกมาจากตลาด เต็มไปด้วยพลัง, ความไม่พอใจ และโทสะ
“ผู้เยาว์ อย่าได้ทำร้ายคน เหล่าฟูสามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ได้!” พร้อมกับเสียงนั้นตามมาด้วยลำแสงกระบี่ ที่ระเบิดเป็นรังสีสังหารออกมา กลายเป็นกระแสที่ดูคล้ายน้ำตกพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว แทบจะราวกับว่า…ถ้าเมิ่งฮ่าวกล้าโจมตีต่อไป น้ำตกนั้นก็จะกรีดเฉือนเขาเป็นชิ้นๆ!
คำพูดนั้นราวกับกำลังหารือเสนอข้อคิดเห็น แต่กลับทำการโจมตีมายังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของตลาดเมฆาสวรรค์ที่แท้จริงเป็นผู้ที่กดขี่ข่มเหงเช่นไร นี่คือเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ซึ่งเป็นผู้ที่เย่อหยิ่งถึงที่สุด! อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนมาแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าเมิ่งฮ่าว…เขาก็จะยิ่งเย่อหยิ่งมากไปกว่านั้น!