ตอนที่ 1191
ต่อสู้เพื่อบิดา
ในทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งเขตพื้นที่จัตุรัส ผู้ฝึกตนทั้งหมดรู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนตระกูลฟาง ซึ่งกำลังมองขึ้นไปด้วยความกระตือรือร้น แม้แต่ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
ฟางซิ่วเฟิงลุกขึ้นมายืน มีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ขณะที่หันหน้าไปมองยังบุรุษหนุ่มเยาว์วัยผู้หนึ่งในชุดยาวสีน้ำเงินกำลังเดินตรงมายังคนทั้งหมด
นั่นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!
ใบหน้าเขายังคงซีดขาวอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าเพิ่งจะฟื้นคืนมาจากอาการเจ็บป่วยอันร้ายแรง มีท่าทางอ่อนแอกว่าปกติ และดูเหมือนนักศึกษาเป็นอย่างมาก ขณะที่เข้ามาใกล้ฟางซิ่วเฟิง พร้อมทั้งประสานมือคารวะ
“เจ้าตื่นแล้ว! มาทำอะไรที่นี่? ทำไมถึงไม่พักผ่อน!” ฟางซิ่วเฟิงกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก
“ข้านอนพอแล้ว พักผ่อนมากแล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกกำลังบ้างแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม อาการบาดเจ็บของเขาในครั้งนี้ร้ายแรงจนทำให้ต้องหมดสติไปมากกว่าหนึ่งเดือน ในทันทีที่ตื่นขึ้นมา ก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป และเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงมาอยู่ในที่แห่งนี้
ในทันทีที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้ามันก็สลดลงและถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว “เมิ่งฮ่าว…เจ้าคือเมิ่งฮ่าว! ข้าขอท้าประลองบิดาเจ้า ไม่ใช่เจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวไป ดวงตาแวบประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่มองไปยังผู้ฝึกตนนั้น
“เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือใคร แต่ก็ยังกล้ามาพูดจากับข้าเช่นนี้? เจ้าอาจจะรนหาที่ตาย แต่ถ้าข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ก็มีหลายวิธีที่จะทำเช่นนั้นได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์มาต่อสู้กับเจ้า? นี่คือตระกูลฟาง ดังนั้นเมื่อข้าบอกว่ามีสิทธิ์ ข้าก็ต้องมีสิทธิ์!” เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ข่มขู่คุกคาม
เมื่อกล่าวจบเขาก็ก้าวเดินตรงไป และไปอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนนั้นในทันที ใบหน้ามันสลดลง และกำลังพยายามจะหลบหนีจากไป แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา กลายเป็นพลังบดขยี้ที่คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม กระแทกเข้าไปในจิตใจมัน พร้อมกับเสียงแผดร้องอย่างโหยหวน จากนั้นร่างกายมันก็ระเบิดกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อและโลหิตไป
เป็นการสังหารที่ทรงประสิทธิภาพและรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวไม่สนใจว่าจะมีโลหิตพร่างพรมราวกับเป็นสายพิรุณอยู่ทั่วทุกที่ เห็นได้ชัดว่าเขากระทำสิ่งใดๆ แตกต่างไปจากบิดา บิดาเขาเป็นผู้นำตระกูล และมีสิ่งที่ต้องครุ่นคิดพิจารณาอยู่มากมาย แต่เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้นำตระกูล และเป้าหมายของเขาก็คือการข่มขวัญ
“ใครจะเป็นรายต่อไป?” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ โบกสะบัดแขนเพื่อให้หยดโลหิตพุ่งออกไปจากชายแขนเสื้อ
คำถามของเมิ่งฮ่าวพบกับความเงียบกริบ สายตาทุกคู่จ้องนิ่งมาบนร่างเขา หลายคนซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็เคยเห็นแค่ภาพลวงตาของเมิ่งฮ่าวมาเท่านั้น ทำให้นี่คือการพบเห็นตัวเป็นๆ ครั้งแรกของพวกมัน ตอนนี้เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวด้วยสองตาของตนเอง ภาพของเขาก็ตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำของพวกมันอย่างที่ยากจะลบเลือนไปได้
จากวิธีการพูดจาและการกระทำของเขา ก็สามารถจะมองเห็นการข่มขู่คุกคามจากเขาได้อย่างง่ายดาย สายตามากมายต้องเบิกกว้างขึ้น ขณะที่ตระหนักว่านี่คือบุคคลที่…กล้าจะต่อต้านกฎเกณฑ์ใดๆ หรือแม้แต่สวรรค์ก็ตามที!
ฟางซิ่วเฟิงยิ้มน้อยๆ ออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไร ห่างออกไปด้านข้าง ดวงตาฟางโส่วเต้าแวบเป็นรอยยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็สบตากับฟางเหยียนซวี ทั้งคู่ต่างก็แอบพยักหน้าให้แก่กัน
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวรู้ว่าพวกท่านมีวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้หลากหลายรูปแบบ แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดๆ ก็ตาม ก็ไม่มีวิธีใดที่จะเหมาะสมอย่างแท้จริง เพื่อพิจารณาถึงตำแหน่งของพวกท่านในตระกูล และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะใช้วิธีการปกติออกมาได้
เมิ่งฮ่าวต้องแสดงออกถึงการข่มขู่คุกคามออกมา และสังหารใครบางคนไปในทันที ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนที่เคยรู้จักเขาเมื่อในอดีต ต่างก็รู้ดีถึงคำพูดอันแหลมคมของเขา นอกจากนี้ก็มีผู้คนไม่มากนักที่จะมีเปรียบในการโต้เถียงกับเขา
เมิ่งฮ่าวรอคอยอยู่ชั่วขณะ แต่ไม่มีใครก้าวเดินออกมา จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ไม่มีใคร?”
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย เด็กน้อย!” ทันใดนั้น สายลมอันรุนแรงก็พุ่งขึ้นมา ภายในสายลมนั้นเป็นบุรุษวัยกลางคนที่กำลังพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว มันไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน แต่เป็นอาณาจักรโบราณ
“ข้าไม่ได้รนหาที่ตาย ข้ากำลังมองหาความตาย ความตายของเจ้า!” เสียงเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น และปล่อยให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนนั้นกระแทกลงมาบนร่าง มันไม่มีอะไรราวกับว่าเป็นแค่แสงที่พุ่งผ่านร่างเขาไปเท่านั้น บุรุษวัยกลางคนจ้องมองมาด้วยความตกใจ ในเวลาเดียวกันนั้น มือของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า คว้าจับไปบนศีรษะของมัน
“ควาญวิญญาณ!” เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ผ่านนิ้วออกไป ทำให้บุรุษผู้นั้นสั่นสะท้านและส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา มันทนได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น ก่อนที่จะพังทลายกลายเป็นชิ้นๆ ไป
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หายตัวไปในทันที ไปปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในท่ามกลางกลุ่มฝูงชน อยู่เบื้องหน้าของโต๊ะตัวหนึ่ง เผชิญหน้ากับชายชราที่นั่งอยู่ที่นั่น สีหน้าชายชราเปลี่ยนไป และกำลังจะลุกขึ้นมายืน แต่เมิ่งฮ่าวก็ต่อยหมัดสังหารเทพออกไป ชายชราแม้แต่โต๊ะตัวนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที
เมิ่งฮ่าวหายตัวไปอีกครั้ง ไปปรากฏกายขึ้นใหม่ในทิศทางที่แตกต่างกัน ไปอยู่เบื้องหน้าสตรีนางหนึ่ง ซึ่งถือแผ่นหยกไว้ในมือ นางกำลังจะบดขยี้แผ่นหยกนั้นไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือไปคว้าจับแขนนางไว้
“ให้ข้าช่วย!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น บีบมือลงไปเต็มแรง ทั้งแผ่นหยกและแขนข้างนั้นของนางถูกบดขยี้ไปในทันที จากนั้นเขาก็โบกสะบัดแขนออกไป ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากนาง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่จะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
ในชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวก็แวบไปมาในตำแหน่งที่แตกต่างกันภายในกลุ่มฝูงชนสิบเจ็ดแห่ง แต่ละครั้งที่เขาไปปรากฏกายขึ้นตรงหน้าของผู้ฝึกตนที่แตกต่างกัน เขาก็จะสังหารไปอย่างฉับพลัน
หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ เมิ่งฮ่าวก็กลับมายังตำแหน่งเดิมในเขตพื้นที่จัตุรัส กลุ่มฝูงชนตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ยังมีผู้ฝึกตนบางคนได้ด่าทอเขาด้วยความเกรี้ยวกราดอีกด้วย
ความปั่นป่วนวุ่นวายนั้นเริ่มรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่าที่เห็น การกระทำของเมิ่งฮ่าวกำลังนำไปสู่หายนะบางอย่าง
แต่ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เยือกเย็นลงขณะที่กล่าวว่า “ผู้ฝึกตนตระกูลฟาง จงรับคำสั่งนายน้อย นำบุรุษผู้นั้นมา และมัน, มันด้วย…” เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วไปยังผู้คนนับร้อยอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาชี้ไปยังพวกมัน เครื่องหมายผนึกที่เรืองแสงก็ปรากฏขึ้นบนร่างพวกมัน
พวกมันทั้งหมดมีท่าทางตกใจขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
“…และสังหารพวกมันไปทั้งหมด!” โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย กลุ่มคนตระกูลฟางบินตรงไปยังบุคคลที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะบ่งชี้เหล่านั้น
เพื่อโต้ตอบกลับมา ผู้ฝึกตนนับร้อยเหล่านั้นแผดร้องขึ้น และหยิบเม็ดยาใส่เข้าไปในปาก ทำให้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดพุ่งขึ้นไป แต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานะเช่นนั้น พวกมันก็ยังไม่อาจจะต่อสู้กับตระกูลฟางได้ ในที่สุดเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังก้องออกมา และกลุ่มคนเหล่านั้นทั้งหมดก็ถูกสังหารไป
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว คนที่เคยร้องตะโกนออกมาด้วยโทสะกำลังเงียบกริบอยู่ในตอนนี้ กลุ่มคนจากตระกูลและสำนักใหญ่ ต่างก็รักษาความเยือกเย็นของพวกมันไว้เหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อนอยู่ในตอนนี้
“สหายเต๋าทั้งหลาย วันนี้คือวันพิธีอันยิ่งใหญ่ของเตียข้า ถ้าท่านต้องการจะแก้ไขปัญหาหนี้สินและความไม่พอใจใดๆ ตามธรรมเนียม ก็ให้ไสม้าเข้ามา แต่ถ้าพยายามกระทำตามอำเภอใจ…ข้าก็จะทำตามใจตนเองด้วยเช่นกัน” ถึงแม้ว่าใบหน้าเมิ่งฮ่าวจะซีดขาวอยู่เล็กน้อย แต่คำพูดก็เย็นชาและแดกดัน ตอนนี้มีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่เข้าใจเขาได้ลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม
“ช่างกล้าดีจริงๆ เมิ่งฮ่าว” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา เป็นเสียงของชายชราที่ดูเก่าแก่โบราณซึ่งกำลังเดินออกมา กระจายเป็นระลอกคลื่นอันน่าตกใจของวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณออกมาจากร่าง นี่คือคนที่เหมือนกับเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ซึ่งสามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ทุกเมื่อ!
“ข้าเป็นศัตรูกับบิดาเจ้า แต่เมื่อเจ้าต้องการเป็นตัวแทนของบิดา ข้าก็จะช่วยให้สมปรารถนา!” ชายชรากล่าว จ้องมองไปยังฟางซิ่วเฟิงอย่างชั่วร้าย
ฟางซิ่วเฟิงมองกลับไปยังชายชราด้วยสายตาที่เย็นชา เห็นได้ชัดว่าท่านจดจำมันได้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้ใช้วิชาเวทหรือของวิเศษบางอย่างเพื่อทำให้ท่านมองไม่เห็น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอาณาจักรเต๋าก็ตามที
เมื่อชายชราพูดจบ ร่างมันก็แวบฝ่าอากาศมา และภาพลวงตาของสัญลักษณ์ปากั้ว (ยันต์แปดทิศ) ก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว เริ่มหมุนวนไปมา ปะทุเป็นสายฟ้าขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว เวลาเดียวกันนั้นชายชราก็ทำท่าคว้าจับ ขณะที่เรียกกระบี่ขนาดใหญ่ออกมา จากนั้นก็ขยับสองนิ้วร่ายเวท และแผดร้องคำรามออกมา ทำให้แสงระยิบระยับพุ่งกระจายออกมาจากกระบี่เล่มนั้นอย่างไร้ขอบเขต พื้นฐานฝึกตนของมันพุ่งขึ้นไป และตะเกียงวิญญาณก็ปรากฏขึ้น หลอมรวมเข้าไปในสัญลักษณ์ปากั้ว จุดติดขึ้นมาด้วยเปลวไฟเซียน
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ชายชราเข้ามาใกล้ เขาก็ก้าวเดินตรงไป ในเวลาเดียวกันนั้น พลังก็พุ่งออกไป เขายื่นมือขวาออกไปในท่าคว้าจับ
นี่คือเวทปลิดดาว!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่ภาพลวงตาของหัตถ์ยักษ์ปรากฏขึ้น กระแทกลงไปยังสัญลักษณ์ปากั้ว บดขยี้มันจนมืดมิดลงไป กระบี่ขนาดใหญ่แตกกระจายไป และดวงตาของชายชราก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มันพยายามจะถอยไปทางด้านหลัง แต่ก็สายเกินไปแล้ว หัตถ์ยักษ์คว้าจับไปบนร่างมัน จนต้องส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าสังเวชออกมา จิตใจมันในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างเหลือคณา
“เจ้า…” มันเปล่งออกมาได้แค่คำเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะถูกลากไปอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
มันไม่มีเวลาจะพูดออกมาเป็นคำที่สอง สีหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชาขณะที่ยื่นมือออก คว้าจับไปบนศีรษะของชายชรา ไม่ว่าชายชราผู้นี้จะอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ เช่นเดียวกับเทียนอวิ๋นซ่างเหรินหรือไม่ เมิ่งฮ่าวก็ยังจะใช้วิชาควาญวิญญาณไปบนร่างมัน
ชายชรากู่ร้องออกมา และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำในทันที โดยไม่ลังเลใดๆ มันปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกไป ทำให้กลิ่นอายอาณาจักรเต๋าพุ่งกระจายออกไป อย่างน่าตกใจยิ่ง มันพยายามหลบหนีจากความตายในช่วงวิกฤตนี้ ด้วยการก้าวเข้าไปในเต๋า!
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะดูดซับแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เข้าไป เขาอาจจะไร้พลังที่จะทำการใดๆ เมื่อมาถึงตรงจุดนี้ แต่ในตอนนี้อาจจะถือได้ว่าเขาอยู่ในอาณาจักรเต๋าไปแล้ว สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือ ตอนนี้เขาเป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
แสงสีฟ้าพุ่งกระจายออกมาจากมือขวา ขณะที่เมิ่งฮ่าวใช้พลังของตนเอง ทำให้กลิ่นอายอาณาจักรเต๋ากระจัดกระจายออกไป ทำให้ความพยายามที่จะก้าวเข้าไปในเต๋า…ต้องล้มเหลวไป!
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าไปในจิตใจของชายชรา ขณะที่เริ่มต้นทำการควาญวิญญาณ
ร่างของชายชราสั่นสะท้านไปมา จากนั้นก็แผดร้องขึ้น “นายท่าน ช่วยข้าด้วย!!”
ปากเมิ่งฮ่าวบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็น ขณะที่เสียงของชายชราดังก้องออกมา ระลอกคลื่นก็แวบขึ้นในอากาศที่ด้านหลังมัน และฉับพลันนั้นมืออันแห้งเหี่ยวก็ยื่นออกมา
ดูเหมือนว่าเจ้าของมือข้างนั้นเพิ่งจะปีนขึ้นมาจากหลุมฝังศพ กระจายกลิ่นอายแห่งความตายออกมา ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือ…มือข้างนั้นกระจายกลิ่นอายของอาณาจักรเต๋าออกมา!
กลิ่นอายนั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นความแข็งแกร่งที่แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าทั่วไป ก็ยากที่จะต่อต้านมันได้
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และสายลมอันยิ่งใหญ่ก็กรีดร้องระงม ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง นี่คือดาวหนานเทียน เป็นสถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าไม่อาจจะผ่านเข้ามาได้ แต่มือข้างนั้น…กำลังกระจายกลิ่นอายอาณาจักรเต๋าออกมาอย่างเห็นได้ชัด! จึงมีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มือข้างนั้นเป็นของ…ผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า!!
ผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าอันน่ากลัว แขวนชีวิตอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย แต่ก็มีความแข็งแกร่งที่จะสะกดข่มผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าทั่วไปได้อย่างเหลือเฟือ
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ก็ทำให้ฟางซิ่วเฟิง, ฟางโส่วเต้า และฟางเหยียนซวี ต่างก็ก้าวเดินตรงมา หรี่ดวงตาเล็กลง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีร่องรอยแห่งความตกใจขึ้นแม้แต่น้อยสำหรับคนทั้งสาม
“ฮ่าวเอ๋อร์ กลับมา!” ฟางโส่วเต้าพูดขึ้นอย่างรีบร้อน ยื่นมือออกไปในอากาศ เพื่อฉุดดึงเมิ่งฮ่าวกลับมาทางด้านหลังด้วยความปลอดภัย
“ข้าเพิ่งจะคิดว่าคนผู้นี้ดูไม่เหมือนกับคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง แต่ก็กลายเป็นว่า…มันมีผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าหนุนหลังอยู่!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ หันหน้าไปมองยังมือข้างนั้นและกล่าวว่า “ค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน จงปรากฏขึ้น!”