Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1192

ตอนที่ 1192

ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าอันลึกลับ

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปมองยังมือที่แห้งเหี่ยวข้างนั้น มันก็อยู่ห่างจากหน้าผากเขาเจ็ดชุ่นแล้ว เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการทำลายล้าง รวมทั้งกลิ่นอายโบราณอันไร้ขอบเขต

ท้องฟ้ามืดสลัวลงไป พื้นดินตกอยู่ในความมืดมิด และสายลมก็สงบนิ่ง ดูเหมือนว่าแสงสีสันทั่วทั้งโลกแห่งนี้ถูกมือข้างนั้นดูดซับเข้าไป ปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายของมัน

ผิวหนังของมือที่แห้งเหี่ยวข้างนั้นเต็มไปด้วยรอยเปื้อนและรอยฟกช้ำ ราวกับว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีโลหิตไหลผ่านเส้นเลือดเข้ามาในที่แห่งนั้น กลิ่นเหม็นของการเน่าเปื่อยพุ่งกระจายออกมาเต็มไปทั่วบริเวณนั้น

ดูเหมือนว่ารอบๆ บริเวณนั้นเป็นอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่มือข้างนั้นคล้ายกับเป็นเซียนศักดิ์สิทธิ์ แค่มันชี้นิ้วออกไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ต้องดับดิ้นสิ้นสูญ

มือข้างนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนคนทั้งหมดไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใดๆ แต่นี่คืองานพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูล แล้วฟางซิ่วเฟิงและคนอื่นๆ ทั้งหมด แม้แต่สมาชิกธรรมดาทั่วไปของตระกูล จะไม่เตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดนี้ได้อย่างไร?

นอกจากนั้น…เนื่องจากค่ายกลเวทของดาวหนานเทียน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่มายังที่แห่งนี้ ก็ต้องลดระดับการฝึกตนไปอยู่ที่ขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ อย่างไรก็ตามผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า…คงอยู่ระหว่างอาณาจักรโบราณและอาณาจักรเต๋าด้วยอายุขัยที่จำกัด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลดพื้นฐานฝึกตนของพวกมันลง ค่ายกลเวทดาวหนานเทียนจะไม่โจมตีไปยังกลุ่มคนเช่นนี้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าฟางซิ่วเฟิงล้มเหลวในการก้าวเข้าไปในเต๋า ถึงแม้ว่าค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนจะไม่รับรองท่าน ร่างแหทำลายล้างก็จะไม่ปรากฏขึ้น

ฟางโส่วเต้า, ฟางเหยียนซวี และฟางซิ่วเฟิง บินขึ้นไปพยายามจะดึงเมิ่งฮ่าวกลับมา แต่เมิ่งฮ่าวก็ตัดสินใจทำในเรื่องที่แตกต่างกันออกไป เขามองไปยังมือที่ใกล้เข้ามาด้วยสายตาที่เย็นชา และจากนั้นก็กล่าวคำว่า ‘ค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน’ ทันใดนั้นเอง เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งพื้นดิน

กลิ่นอายที่ยากจะอธิบายออกมาได้จู่ๆ ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน, ในอากาศ, บนภูเขา, แม่น้ำ, ทะเล, ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมด และจากดาวหนานเทียนเอง กลิ่นอายนั้นระเบิดออกมาจากทั่วทุกที่ ก่อให้เกิดเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งรังสีสังหาร!

ขณะที่รังสีสังหารพุ่งออกมารวมตัวกัน ก็ปกคลุมไปทั่วทั้งดาวหนานเทียน กลายเป็น…ร่างแหภาพลวงตาขนาดใหญ่!

มันคือ…ค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน!

ดูเหมือนว่ามันจะปรากฏขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นแทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวพูดจบ เห็นได้ชัดว่า…เขาสามารถจะควบคุมค่ายกลนี้ได้!

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้แม้แต่ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีก็ยังต้องประหลาดใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาฟางซิ่วเฟิงเบิกกว้างขึ้น เช่นเดียวกับดวงตาของกลุ่มคนทั้งหมดในตระกูลฟาง สำหรับผู้ฝึกตนที่มาจากสำนักและตระกูลต่างๆ แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า เพื่อมาร่วมแสดงความยินดี จิตใจพวกมันสั่นสะท้านและหอบหายใจออกมา

“นั่นคือค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน?”

“ช่างเป็นพลังทำลายล้างอันน่ากลัวนัก! ค่ายกลนั้นสามารถจะกวาดล้างได้ทุกสรรพสิ่ง…ค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนช่างน่ามหัศจรรย์นัก แต่…ทำไมเมิ่งฮ่าวถึงเรียกมันมาได้?”

 

“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร? คาดไม่ถึงว่าเมิ่งฮ่าวจะควบคุมค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนได้จริงๆ?!”

ตอนนี้จิตใจคนทั้งหมดต่างก็หมุนคว้าง อันเนื่องมาจากเหตุการณ์อันน่าตกใจที่พวกมันมองเห็นกับตาตนเอง เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ถูกห้อมล้อมด้วยรังสีสังหารที่หมุนวนไปมาของค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน อย่างไรก็ตาม…เมื่อพิจารณาว่าเขาคือศูนย์กลางของสิ่งทั้งหมดนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง…ที่เขาสามารถควบคุมค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนได้จริงๆ!

การที่สามารถควบคุมค่ายกลสังหารนี้ได้ ก็จะหมายความว่า เขาสามารถจะควบคุมดาวหนานเทียนได้! และนั่นก็หมายความว่า…บนดาวหนานเทียนแห่งนี้ เขาคือผู้ไร้พ่าย!!

ภายในราชวังแห่งต้าถังที่อยู่ห่างไกลออกไป จักรพรรดิถังยืนอยู่ในห้องโถงหลัก มองออกไปยังที่ห่างไกล ท่านรู้สึกตกใจ แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็ต้องส่ายหน้าไปมา ย้อนกลับไปในตอนที่เมิ่งฮ่าวยังคงสลบไสลไม่ได้สติ ท่านก็พบว่าเขาผ่านการรับรองจากค่ายกลสังหารดาวหนานเทียน จากเหตุการณ์ที่ค่ายกลนี้ไม่สังหารฟางซิ่วเฟิงไปในตอนนั้น ก็เนื่องมาจากเมิ่งฮ่าวยินดีที่จะเสียสละตนเองเพื่อบิดา…ทำให้ค่ายกลนี้ยอมรับเขาโดยสมบูรณ์!

ราวกับว่าการกระทำของเมิ่งฮ่าวที่พยายามจะช่วยเหลือบิดา ทำให้บรรพบุรุษตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา…ด้วยเช่นนั้น ค่ายกลเวททั้งหมดจึงให้การรับรองเขาจนถึงจุดที่ยอมรับฟังคำสั่งจากเขา

มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ตรงเขตเทือกเขาที่ยืดยาวออกไปในดินแดนตะวันออก สุ่ยตงหลิวกำลังเดินขึ้นไปบนหน้าผา ทันใดนั้นท่านก็หยุดชะงักนิ่งและมองขึ้นไปในท้องฟ้า

“คนที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง…” ท่านพึมพำ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง ยิ้มออกมาและเดินต่อไป

ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มาร่วมงานพิธีของตระกูลฟาง สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

ร่างแหภาพลวงตาขนาดใหญ่ปกคลุมเมิ่งฮ่าวไว้ ทำให้ร่างเขาส่องประกายอันเจิดจ้าออกมา ราวกับว่าเขาเป็นตัวแทนของสวรรค์และปฐพี

มือที่แห้งเหี่ยวข้างนั้นตกใจด้วยเช่นกัน และเริ่มสั่นไปมา โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือถูกดึงกลับไป และยังเริ่มจางหายไปอีกด้วย ราวกับว่ามันต้องการจะออกไปจากดาวหนานเทียนให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าวอีกต่อไป

“เจ้าไม่อาจจากไปได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ โบกสะบัดมือออกไป ทันใดนั้นก็ทำให้ร่างแหภาพลวงตาส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา แสงนั้นดูเหมือนว่าจะผนึกทุกสรรพสิ่งไว้ และเสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังก้องออกไปในอากาศ ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก อากาศสั่นกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น และเงาร่างๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

เป็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวสีดำผู้หนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ในทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น ร่างแหขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงไปยังร่างมัน

เมื่อมองเห็นร่างแหกำลังใกล้เข้ามา ชายชราก็แหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องที่แหลมเล็กเสียดแทงแก้วหูออกมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายเริ่มพุ่งออกมามากขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะแก่ชราลงไปมากกว่าเดิม สองขาของมันแทบจะกลายเป็นเถ้าธุลีไป

มันกำลังจ่ายค่ายตอบแทนอย่างสูงลิ่ว เพื่อปลดปล่อยพลังการฝึกตนอันน่าเหลือเชื่อออกมา ตอนนี้มันแข็งแกร่งจนสวรรค์และปฐพียังต้องแวบเป็นสีสันขึ้นไป

ถ้าเป็นเช่นนี้ทั้งหมดก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่จากนั้นมันก็โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้เหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญลอยออกมาจากชายแขนเสื้อ

เหรียญทองแดงนั้นเป็นสีเหลืองเจิดจ้า และมีสัญลักษณ์เวทอยู่ที่ด้านหนึ่ง และสัญลักษณ์ปากั้วอยู่อีกด้าน ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็น ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น ไม่เพียงแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้น ฟางซิ่วเฟิงก็หอบหายใจออกมา สำหรับฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวี พวกท่านต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

“ปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้า!!” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นี่คือสิ่งที่เป็น…ปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้าจากทัณฑ์ที่เจ็ดในการก้าวเข้าไปในเต๋า โดยปกติแล้วมันจะถูกบังคับให้ปรากฏขึ้นมาในช่วงของการลงทัณฑ์ แต่มันกลับปรากฏขึ้นมาในตอนนี้ ตระกูลฟางจดจำมันได้ กลุ่มคนจากสำนักและตระกูลอื่นๆ ก็จดจำมันได้เช่นเดียวกัน กลุ่มคนเหล่านั้นลุกขึ้นมายืน ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง ดวงตาเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ในทันที และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นความละโมบอยากได้

ไม่ว่าของชิ้นนี้จะเป็นของจริงหรือหลอกลวง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทำให้คนทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้านไปตามๆ กัน

ถึงแม้ว่าในตอนนี้คนทั้งหมดจะมองเห็นได้ว่าชายชราผู้นั้นมีหน้าตาเช่นไร แต่ก็ไม่มีใครจดจำมันได้ ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลต่างๆ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรู้ว่ามันคือใคร

ฟางซิ่วเฟิงขมวดคิ้ว ชายชราผู้นี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับท่านด้วยเช่นกัน

เรื่องเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ในขุนเขาทะเลที่เก้า เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนจะผ่านจากอาณาจักรวิญญาณไปจนถึงขั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณอย่างไร้ชื่อเสียงเรียงนามโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่ามันจะล้มเหลวในการเอาชนะทัณฑ์เต๋า

และจบลงด้วยการเป็นผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า แต่คนเช่นนี้ก็ยากจะพบเห็นด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก่อนหน้านี้ก็ต้องมีผู้คนเคยติดต่อกับมันมาบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนที่เคยติดต่อกับมันก็ต้องเป็นกลุ่มคนที่มีพื้นฐานฝึกตนอย่างลึกล้ำ มันต้องไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียง ไม่มีใครรู้จัก นอกจากนี้ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะละเลยหรือไม่สนใจได้

แต่ก็ดูเหมือนว่าชายชราผู้นี้จะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง การคงอยู่ของผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าที่ไม่มีใครรู้จักเป็นเรื่องที่แปลกเพียงพออยู่แล้ว แต่ที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือว่า มันมีเหรียญปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้าอยู่หนึ่งเหรียญ ทำให้มันไม่เพียงแต่จะเป็นคนแปลกหน้าเท่านั้น แต่ยังลึกลับอย่างถึงที่สุดอีกด้วย!

ขณะที่สายตาทุกคู่กำลังจ้องนิ่งไปยังปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้า จู่ๆ ฟางซิ่วเฟิงก็แค่นเสียงเย็นชาพร้อมกับแววตาที่เย็นเยียบ กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่น่ากลัว “ที่แท้ก็คือซ่างกวนเหลากุ่ย (ปีศาจชราซ่างกวน) นี่เอง พวกเราเคยต่อสู้กันเมื่อหลายปีก่อนในเศษซากเซียน และข้าก็ทำลายพื้นฐานฝึกตนของเจ้าไป คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้รับโชควาสนาฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนกลับมาได้ เจ้าพยายามก้าวเข้าไปในเต๋าด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าล้มเหลว และตอนนี้อายุขัยของเจ้าก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว…ฮ่าวเอ๋อร์ คนผู้นี้คือศัตรูที่ไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเว่ยฟู่เหมื่อหลายปีก่อน ให้เจ้าเป็นตัวแทนของเว่ยฟู่ลงมือสังหารมันไป!”

ในทันทีที่เสียงของท่านดังก้องออกมา ดวงตาคนทั้งหมดก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง แต่ภายในใจพวกมันเริ่มก่นด่าสาปแช่งออกมา จากสิ่งที่พวกมันสามารถจะบอกได้ เมื่อฟางซิ่วเฟิงมองเห็นปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้า ก็คิดว่าน่าจะมีผู้คนพยายามจะแย่งชิงไป ดังนั้นท่านจึงสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้

แน่นอนว่าไม่มีใครจะส่งเสียงแสดงความสงสัยนี้ออกมาได้ นอกจากนั้นก็เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้มาเพื่อหาเรื่องฟางซิ่วเฟิงอยู่จริงๆ

ชายชราแหงนหน้าขึ้น และกู่ร้องออกมา ยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ เหรียญทองแดงที่เป็นปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้า จู่ๆ ก็ลอยฝ่าอากาศตรงไปยังร่างแหขนาดใหญ่นั้น

พื้นฐานฝึกตนของชายชราพุ่งขึ้นไปอย่างเต็มกำลัง สร้างเป็นลมพายุแห่งความตาย ม้วนกวาดออกไปยังทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ขณะที่มันพุ่งตรงขึ้นไปยังร่างแห ราวกับว่าต้องการจะหลบหนีออกไปจากดาวหนานเทียน

ตราบเท่าที่มันสามารถจะหลบหนีออกไปจากดาวหนานเทียนได้ ค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนก็ไม่อาจจะสังหารมันได้ นอกจากนี้อายุขัยของมันอาจจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ก็ยังมีเวทลับที่ทำให้มันมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีกเล็กน้อย

“ปีศาจภูเขา!!”

“ฟ้าคำราม!!”

“สังหารปีศาจ!!”

“จัดการวิญญาณ!!” ในตอนที่เหรียญทองแดงกระแทกเข้าไปในร่างแหภาพลวงตาขนาดใหญ่นั้น ชายชราก็แผดร้องตะโกนออกมา ตอนนี้มันอยู่ในขั้นสูงสุดเท่าที่สามารถจะทำได้ เหรียญทองแดงแวบแสงสีเหลืองอันเจิดจ้าออกมา และทันใดนั้นภาพอันน่ากลัวของปีศาจภูเขาก็ปรากฏขึ้น ยื่นมือของมันตรงไปยังร่างแหขนาดใหญ่ สายฟ้าปะทุขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่มันแผดร้องคำรามพุ่งตรงไป

ในทันทีที่ปีศาจภูเขาและร่างแหกระแทกเข้าหากัน เสียงกึกก้องก็ดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี พลังของสายฟ้ากลายเป็นมังกรสายฟ้าที่ยาวหนึ่งหมื่นจ้าง กระชากร่างแหให้ฉีกขาดออกจนเป็นรูขนาดใหญ่

ภาพอันน่าตกใจนี้ทำให้ม่านตาเมิ่งฮ่าว หรือแม้แต่จักรพรรดิถังยังต้องหดเล็กลง ไม่ใช่ว่าค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนอ่อนแอ แต่เป็นเพราะว่า…ปีศาจภูเขาบัญชาสายฟ้าคือสิ่งของที่มาจากในตำนาน

เต็มไปด้วยพลังอย่างไร้จุดสิ้นสุด สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือว่า ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะควบคุมค่ายกลเวทนี้ได้ แต่ก็ยังไม่เชี่ยวชาญเช่นเดียวกับจักรพรรดิถัง จึงไม่อาจจะปลดปล่อยประสิทธิภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มกำลัง

ชายชราแผดร้องคำราม กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังรอยขาดของร่างแห

พร้อมกับเสียงแค่นเย็นชา เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้น ทำท่าคว้าจับออกไป

ทันใดนั้นค่ายกลสังหารดาวหนานเทียนก็ส่องแสงเจิดจ้าออกมา รวมตัวกันจนกลายเป็นหัตถ์ยักษ์ บดขยี้ตรงไปยังชายชราด้วยพลังทำลายล้างอันน่ากลัว แววตาชายชราเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่แผดร้องออกมาอีกครั้ง เผาไหม้พลังชีวิตของตนเองมากขึ้นเพื่อปลดปล่อยพลังการฝึกตนออกมา ต่อสู้กลับไปยังหัตถ์ยักษ์นั้น

แต่ก็คล้ายกับเป็นแมงเม่าที่บินเข้าไปในกองไฟ ในชั่วพริบตาหัตถ์ยักษ์ก็คว้าจับร่างมันและบดขยี้จนตายไป เสียงแผดร้องโหยหวนดังก้องออกมา ขณะที่มันถูกกำจัดไปทั้งร่างกายและวิญญาณ แต่ก่อนที่มันจะตกตายไป จู่ๆ ก็ร้องตะโกนขึ้นด้วยความชั่วร้าย

“ตระกูลฟาง…พวกเจ้า…ไม่มีทางเป็นตระกูลทุกชั้นฟ้าได้ตลอดไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!