ตอนที่ 1327
ก็แค่สัตว์อสูรเท่านั้น
“พยายามมาเกลี้ยกล่อม…เพื่อให้ข้าเปลี่ยนข้าง?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง แต่แววตาแวบประกายแห่งการดูถูกออกมา “เจ้าไม่คู่ควรที่จะมาทำเรื่องเช่นนี้”
มีแต่คนนอกคอกที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆ เท่านั้น ถึงจะมาพูดจากับเมิ่งฮ่าวเช่นนี้ ถ้าคนผู้นี้เป็นอี้กู่จื้อจุน ซึ่งตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวเป็นคนเยี่ยงไร มันไม่มีทางจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้
ย้อนกลับไปในสมัยของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เมื่ออาณาจักรทั้งหมดพังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนในอาณาจักรแห่งนั้นถึงแม้ว่าจะต้องถูกทำลายและตายไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็ยังไม่ยอมที่จะก้มศีรษะให้กับสามสิบสามสวรรค์ ถ้าตอนนั้นยังเป็นเช่นนั้น แล้วตอนนี้จะแตกต่างออกไปได้อย่างไร เมื่ออาณาจักรขุนเขาทะเลมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และกำลังสืบทอดความเป็นอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่อยู่!?
การก้มศีรษะยอมปฏิบัติตามคำสั่ง เป็นการทรยศต่อผู้คน บ้านของตนเอง และทุกสิ่งทุกอย่างของคนผู้นั้น…เพื่อที่จะกลายเป็นทาสเต๋า เมื่อคนผู้หนึ่งไม่อาจจะควบคุมความเป็นตายของตนเองได้ เมื่อคนผู้หนึ่งไร้อิสรภาพ…แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน?!
เมื่ออวี่เหวินเจียนได้ยินคำตอบของเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกว่าจิตใจสงบนิ่งขึ้นมาในทันที
สำหรับคนนอกคอกเขาสีม่วง มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับว่าไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย จากนั้นตัวมันและคนนอกคอกอีกสองคนก็ก้าวถอยไปทางด้านหลังเพื่อเปิดทางให้
“เมื่อจักรพรรดิเต๋าเมิ่งไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ และพวกเราทั้งสามก็ไม่อาจจะขัดขวางด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงยินยอมให้ท่านผ่านเข้าไปในหุบเขาสุสานเทพได้ เชิญ” คนนอกคอกเขาสีม่วงยิ้มและผายมือให้เมิ่งฮ่าวเดินผ่านไป
อวี่เหวินเจียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แรงกดดันที่มันรู้สึกจากสามคนนอกคอกห้าแก่นแท้เหล่านี้ ทำให้ตระหนักได้ว่าตนเองไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่ามันจะรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังคงกัดฟันแน่นด้วยความขุ่นเคือง และบอกกับตัวเองว่าต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายมากกว่านี้ ก็ต้องเข้าไปในหุบเขาสุสานเทพให้จงได้
อย่างไรก็ตามเมื่ออวี่เหวินเจียนกำลังจะเดินตรงไป ก็คาดไม่ถึงว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ ขึ้น ขณะที่มองไปยังคนนอกคอกทั้งสาม และเริ่มหัวเราะขึ้นมากล่าวว่า
“พวกเจ้าทั้งสามฝึกตนมาแบบผิดๆ หรือว่าสมองมีปัญหา?” ทันใดนั้นเขาก็เดินตรงไปหนึ่งก้าว และเมื่อเหยียบย่างเท้าลงไป พลังก็พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามียักษ์ตนหนึ่งกำลังกระทืบเท้าลงมาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ราวกับเป็นคลื่นของมหาสมุทรที่สาดซัดกระแทกเข้ามา
“นี่คืออาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ใช่สวรรค์ชั้นแรก! ทุกสรรพสิ่งในที่แห่งนี้เป็นของขุนเขาทะเล ไม่ใช่ของพวกเจ้า แค่พวกเจ้ายืนอยู่ในที่แห่งนี้ ไม่ได้หมายความว่า ข้าจำเป็นต้องขออนุญาตพวกเจ้า ใช่หรือไม่?”
จิตใจของคนนอกคอกทั้งสามเริ่มสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับว่าภูเขากำลังบดขยี้ลงมาบนร่าง ราวกับว่าสวรรค์กำลังกดทับลงมาในจิตใจ สีหน้าต้องสลดลงและรีบถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าคิดว่าเมื่อข้าแสดงตัวออกมาแล้ว ก็แค่ถอยหลังไปและเปิดทางให้แค่นั้น?”
“อาณาจักรขุนเขาทะเลและสวรรค์ชั้นแรกทำสงครามกันอยู่ อะไรที่ทำให้พวกเจ้าทั้งสามเชื่อมั่นว่า…ข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า?” เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปอีกสามก้าว
แต่ละก้าวนั้นทำให้ร่างเขากระจายเป็นพลังที่ไม่ธรรมดาออกไป เกิดเป็นลมพายุม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว บดขยี้ตรงไปยังกลุ่มคนนอกคอกทั้งสามในทันที
แค่พลังที่พุ่งขึ้นมานี้ก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และจิตใจของสามคนนอกคอกกำลังหมุนคว้างไปมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน เกล็ดบนร่างเริ่มระเบิดขึ้น ขณะที่พวกมันรีบพุ่งถอยออกไปยังที่ห่างไกล
“เมิ่งฮ่าว บังอาจ!!”
“เจ้าสังหารสมาชิกในชนเผ่าของข้าที่ไม่อยู่ในอาณาจักรเต๋า พวกมันไม่ถูกถือว่าเป็นผู้สืบทอดในสวรรค์ชั้นแรก แต่ถ้าเจ้าสังหารพวกข้าที่เป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ตระกูลเจ้าก็จะอยู่ในรายชื่อที่ต้องถูกกวาดล้างไปของสามสิบสามสวรรค์!”
“เจ้ากำลังจะทำให้ตระกูลต้องถูกกำจัดไปทั้งหมด เมิ่งฮ่าว! เจ้ากล้าโจมตีพวกข้าจริงๆ?!?!”
“หุบปาก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ พลังของเขาบดขยี้ลงไปพร้อมกับเสียงระเบิดดังก้อง สามคนนอกคอกห้าแก่นแท้สั่นสะท้าน และเกล็ดบนร่างของหนึ่งในนั้น ก็ระเบิดออกไปจนหมดสิ้น จากนั้นหางของมันก็แตกกระจายไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่ห้า มันก็แผดร้องและระเบิดออกไป
คนนอกคอกห้าแก่นแท้ที่ทรงพลัง ถูกบดขยี้ไปราวกับเป็นกิ่งไม้ผุ ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และพลังจากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว!
เหลืออยู่แค่สองคนเท่านั้น! คนนอกคอกเขาสีม่วงฝืนต่อต้านได้ดีกว่าอีกคน ซึ่งกระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่ร่างกายของมันฉีกขาดออก
แม้ในขณะที่มันกำลังแผดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง เมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่หก
ตูม!
ร่างของคนนอกคอกนั้นบิดเบี้ยวไปมา หัตถ์ยักษ์กำลังบีบลงไปบนร่างมัน บดขยี้จนกลายเป็นก้อนเนื้อเลอะเลือน ตกตายไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการเดินไปหกก้าว เมิ่งฮ่าวก็สังหารศัตรูที่แข็งแกร่งไปแล้วสองคน สร้างความตกใจให้คนทั้งหมดเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของคนนอกคอกเขาสีม่วงซีดขาว และส่งเสียงกู่ร้องออกมา ขณะที่เริ่มขยายร่างใหญ่ขึ้นในทันที รูปร่างหน้าตาของมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อย่างน่าประหลาดใจยิ่งตอนนี้ที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าวคือกิ้งก่าสีดำที่มีความยาวหนึ่งพันจ้าง!
เขายาวสีดำของมันสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีม่วง มีท่าทางดุร้ายอย่างถึงที่สุด นี่คือร่างจริงของคนนอกคอกจากสวรรค์ชั้นแรก!
พวกมันดูไม่เหมือนกับผู้ฝึกตน แต่ดูคล้ายกับ…สัตว์ป่ามากกว่า!
แต่จริงๆ แล้ว พวกมันดูคล้ายกับสัตว์อสูรมากที่สุด!
กิ้งก่าที่ยาวหนึ่งพันจ้างแผดร้องคำรามเป็นเสียงดังก้อง ขณะที่เปลวไฟพุ่งออกมาจากร่างกาย แต่แทนที่จะกระโจนตรงมายังเมิ่งฮ่าว มันกลับหลบหนีจากไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วยความรวดเร็ว
“เมิ่งโหม่วคิดมากเกินไปแล้ว ก็แค่สัตว์อสูรเท่านั้น แต่ข้าก็ยังพูดคุยด้วยราวกับว่าพวกเจ้าเป็นผู้ฝึกตน” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่เจ็ด
ในทันทีที่ก้าวที่เจ็ดเหยียบย่างลงไป พลังของเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงระดับที่ยากจะพรรณนาออกมาได้ พลังแห่งขุนเขาทะเลส่งเสียงดังกระหึ่มปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ราวกับว่าเจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ถูกเมิ่งฮ่าวขับไล่ออกไปด้วยพลังของตนเอง!
ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นก็คือพลังแห่งขุนเขาทะเล โดยที่ไม่มีเจตจำนงของอาณาจักรหลงเหลืออยู่ ราวกับว่าพลังนั้น…ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง!
นี่คือ…การเปลี่ยนแปลงสวรรค์แทนที่เต๋า!
“เปลี่ยนแปลงสวรรค์แทนที่เต๋า? นี่…นี่เป็นไปไม่ได้!!” กิ้งก่าเขาสีม่วงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก สิ่งที่มันกำลังมองเห็นอยู่นี้ช่างคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง และจิตใจก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นก็มีภาพพุ่งขึ้นมาในจิตใจ เป็นความทรงจำของบรรพบุรุษที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในสายโลหิตของมัน มันมองเห็นบรรพบุรุษของตนเอง ซึ่งอยู่ในอาณาจักรชั้นต่ำแห่งหนึ่งภายใต้อาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ มันมองเห็นเหล่าบรรพบุรุษ…กลายเป็นพาหนะให้เซียนขับขี่
ในที่สุดนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่มันเห็น ขณะที่พลังการเปลี่ยนแปลงสวรรค์แทนที่เต๋าของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นมา จนกลายเป็นเจตจำนงแห่งการทำลายล้างที่ระเบิดออกไป ในชั่วพริบตาก็บดขยี้จิตวิญญาณของกิ้งก่ายักษ์จนแหลกละเอียดไป!
ตูม!
มันถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง!
คนนอกคอกอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นหอบหายใจออกมาด้วยความตกใจ ยังสิ่งที่พวกมันเพิ่งจะมองเห็นด้วยสองตาตนเอง สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ
“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาดขึ้น จ้องมองไปยังพวกมัน เขาตระหนักดีว่าด้วยจำนวนที่มากมายของกลุ่มคนนอกคอกในตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกวาดล้างพวกมันไปจนหมดสิ้น ถึงแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งขุนเขาทะเลก็ตาม
ตอนนี้กลุ่มคนนอกคอกเหล่านั้นกำลังสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือไม่ต้องสังหารพวกมันไป แค่เพาะเมล็ดพันธุ์อยู่ภายในใจพวกมัน
เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัว เพื่อทำลายจิตใจพวกมันไปในที่สุด!
เสียงเมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นตะบองที่ม้วนกวาดและกระแทกเข้าไปในจิตใจของกลุ่มคนนอกคอก ราวกับเป็นสายฟ้าที่ทำลายความกล้าหาญของพวกมัน และม้วนกวาดความต้องการต่อสู้ของพวกมันออกไป ความหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวท่วมท้นอยู่ในจิตใจพวกมัน และเสียงแผดร้องก็ได้ยินมาขณะที่พวกมันแยกย้ายกระจายกันออกไป หลบหนีจากไปด้วยความสับสนวุ่นวาย