Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1400

ตอนที่ 1400

กระแสน้ำวนโลงศพเขียว

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของไห่เมิ่งพุ่งกระจายออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายครึ่งท่อนล่างจากเอวลงไป กลายเป็นจุดแสงไปจนหมดสิ้น จากนั้นอย่างน่าตกใจยิ่งที่นางสังเกตเห็น…กระแสน้ำวนแห่งหนึ่งกำลังหมุนวนไปมาอยู่ยังที่ห่างไกลออกไปมากๆ

เป็นกระแสน้ำวนที่มีขนาดใหญ่กว่าอาณาเขตที่ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และภายในนั้นก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัว ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังที่กระจายออกมาจากอาณาจักรเทพ

ภายในนั้นมีอันตรายอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ และภายในรอยแตกของกระแสน้ำวนปริศนานั้น สามารถจะแยกแยะได้ว่าภายในอาณาเขตรงกลางของมัน…เป็นโลงศพโลงหนึ่ง!!

โลงศพนั้นเป็นสีเขียว และภายในเป็นซากศพของหญิงสาวที่ดูเหมือนว่ากำลังหลับใหลอยู่

ข้างโลงศพเป็นแผ่นป้ายศิลาแห่งหนึ่ง บนแผ่นป้ายมีลายเส้นที่ไห่เมิ่งจื้อจุนพอจะอ่านออกได้ว่า

“ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต่างก็เป็นหนี้ข้า และข้า…ก็เป็นหนี้ท่านด้วยเช่นกัน ท่านสามารถจะตื่นขึ้นมา แต่ก็ไม่ต้องการ ดังนั้น…ข้าจะเปลี่ยนความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ ให้ถูกฝังไปพร้อมกับท่าน”

กระแสน้ำวนนั้นอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล, อาณาจักรเทพ หรือว่าอาณาจักรมาร เป็นโลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะผ่านมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าได้เกิดขึ้นมาในยุคสมัยที่ยังไม่มีอาณาจักรเทพหรืออาณาจักรมารซะอีก!

เห็นได้ชัดว่า เหตุที่ความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่นี้ยังคงมีอยู่…ก็เนื่องมาจากโลกแห่งนั้น!

ไห่เมิ่งไม่เคยเห็นสตรีนางนั้นมาก่อน แต่ในทันทีที่มองเห็นนาง จิตใจก็เริ่มหมุนคว้าง เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่า…นี่เป็นสถานที่ที่อาณาจักรขุนเขาทะเลจะมีโอกาสอยู่รอดต่อไป!

กระแสน้ำวนนั้นดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ประกอบไปด้วยสีดำและสีขาวเท่านั้น รวมถึงเวทข้ามกาลเวลาบางอย่างด้วยเช่นกัน ทำให้ไห่เมิ่งจื้อจุนไม่อาจจะตรวจสอบได้นานมากนัก ชั่วขณะต่อมาสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางก็แทบจะถูกใช้ไปจนหมดสิ้น ดังนั้นนางจึงดึงมันกลับมา ในตอนนี้ตั้งแต่ด้านล่างลำคอของนางลงมาได้กลายเป็นจุดแสงไปหมดแล้ว

“หาพบแล้ว สถานที่แห่งนั้น…คือโอกาสรอดของอาณาจักรขุนเขาทะเล!!”

ดูเหมือนว่าไห่เมิ่งจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา แต่ในตอนนี้เองที่ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตต้องพลุ่งพล่านขึ้นมา ขณะที่อาณาจักรเทพปรากฏขึ้นห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

แต่ไห่เมิ่งจื้อจุนก็ยังคงยิ้มออกมา ขณะที่ศีรษะกลายเป็นจุดแสงไป จุดแสงเหล่านั้นกลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับผีเสื้อมุ่งหน้าตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พร้อมกับผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ผีเสื้อพุ่งห่างออกมาจากอาณาจักรเทพ ซึ่งยังคงไล่ล่าติดตามมาอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันก็ตามที

จุดแสงเหล่านั้นคือสิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทั้งหมดของไห่เมิ่งจื้อจุน และกำลังจะจางหายไป นางรีบผลักดันให้ผีเสื้อพุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวนที่ถูกค้นพบโดยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว และส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นให้กับฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่

“ไปยังที่แห่งนั้น…นั่นคือสถานที่…ที่อาจจะมีความหวังเหลืออยู่!”

ผีเสื้อเปลี่ยนทิศทาง เร่งความเร็วมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ไห่เมิ่งจื้อจุนบ่งบอกมาอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้เองที่จุดแสงซึ่งเป็นไห่เมิ่งเริ่มจางหายไป นางเฝ้ามองดูขณะที่ผีเสื้อหายลับไปยังที่ห่างไกลพร้อมรอยยิ้ม นางกระทำทุกอย่างสมความตั้งใจแล้ว

นางคือไห่เมิ่ง ผู้คอยคุ้มครองอาณาจักรขุนเขาทะเล มาตั้งแต่ยุคสมัยสงครามครั้งสุดท้ายของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้นางกำลังตกตายไป

สุ่ยตงหลิวใช้พลังชีวิตส่วนสุดท้ายออกมา เพื่อมอบความหวังให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล และตอนนี้ไห่เมิ่งก็กระทำเช่นเดียวกัน นางใช้ชีวิตของตนเองชี้ทางที่ถูกต้องให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล

“จิ่วเฟิงต้าเกอ (พี่ใหญ่เก้าผนึก) ข้ากำลังไปหาท่านแล้ว…”

“ข้าคือผู้ที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดในคนทั้งหมด ในตอนนั้นข้าไร้ประโยชน์ และตอนนี้…ข้าก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นกัน…แม้แต่ราชันจักรพรรดิข้าก็ไม่อาจจะสังหารได้อย่าว่าแต่ผู้ยิ่งใหญ่ ช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง”

“สำหรับกลุ่มคนรุ่นหลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ข้าหวังว่า…พวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างสงบและปลอดภัย” ไห่เมิ่งจื้อจุนยิ้มออกมา จางหายไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต…ตราบชั่วนิรันดร์

จากผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลที่อยู่บนผีเสื้อ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นการตายไปของนางด้วยสองตาของตนเองซึ่งก็คือตี้จ้าง เมื่อนางหายไป ความโศกเศร้าเสียใจอย่างลึกล้ำก็ปรากฏขึ้นในแววตาของท่าน

สำหรับเมิ่งฮ่าว ตอนนี้เขาอยู่ในโลกอีกแห่งภายในจิตใจของตนเอง เนื่องจากทะเลแห่งพลังการฝึกตนของตัวเอง ทำให้เริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น จากตะเกียงวิญญาณที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัว ถูกดับลงไปแล้วทั้งหมดยี่สิบดวง!

สำหรับเครื่องหมายผนึกที่อยู่บนหน้าผาก หนึ่งในเครื่องหมายเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวแทนของเวทรุ่นแรก เริ่มสมบูรณ์แบบไปมากกว่าครึ่งแล้ว!

แก่นแท้กำลังก้าวหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็วอยู่ภายในสัญลักษณ์เวทที่แปด ภายในร่างเต็มไปด้วยปราณอสูรและปราณเซียน รวมทั้งพลังอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เพื่อกลายเป็น…กลิ่นอายที่แปลกๆ โดยสิ้นเชิง

ตอนนี้หัวใจของเมิ่งฮ่าวกำลังเต้นรัวขึ้น ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…

ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าสายฟ้ากำลังบดขยี้ลงมา จนเริ่มกระจายออกไปด้านนอกร่างกายอย่างช้าๆ ทำให้สายฟ้าปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตตรงด้านนอกผีเสื้อ

เวลาล่วงผ่านไป แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ผีเสื้อพุ่งผ่านเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ยังทิศทางที่ไห่เมิ่งจื้อจุนบ่งชี้ เข้าไปใกล้กระแสน้ำวนที่นางค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ…

ในวันหนึ่งกลุ่มหมอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเริ่มลดน้อยลงไป ที่เบื้องหน้าของผีเสื้อ มองเห็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง มีขนาดใหญ่โตจนแม้ว่าจะยังอยู่ในที่ห่างไกลออกไป ก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้เป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งก็คือ…สถานที่ที่ไห่เมิ่งจื้อจุนมองเห็นด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนาง!

เวลาเดียวกับที่มองเห็นกระแสน้ำวน ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่อาณาจักรเทพ…ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีขนาดใหญ่โตจนไม่มีใครจะบอกได้ว่ามันมีขนาดใหญ่โตมากมายเพียงใด หรือบางทีอาจจะถูกต้องกว่าถ้าจะกล่าวว่า ผู้ที่รู้คำตอบนั้นหาได้ยากเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อนัก

สำหรับกลุ่มผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่นๆ ทั้งหมด ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวซึ่งก็คือความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้…ไร้จุดสิ้นสุดอย่างแท้จริง นอกจากนั้นสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่แล้วก็ไม่อาจจะเดินทางไปจนถึงจุดสิ้นสุดของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ได้ แม้แต่อาณาจักรเทพก็ไม่สามารถ

จุดสิ้นสุดนั้น…มีขนาดกว้างใหญ่มากเกินไป

ไม่มีใครสามารถจะอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามีกระแสน้ำวน หรือมีดินแดนอันกว้างใหญ่ลอยตัวอยู่ที่นั่นมากมายเท่าใด แต่คนทั้งหมดต่างก็รู้ว่าในที่แห่งใดก็ตามที่มีกระแสน้ำวนอยู่ในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ก็จะพบเห็นกับอารยธรรมต่างๆ!

ถึงแม้ว่าพวกมันจะหายสาบสูญไปแล้ว แต่การคงอยู่ของพวกมันก็ยังคงหลงเหลืออยู่ เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองเมื่อในอดีตของพวกมัน

สำหรับดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ลอยไปมา มักจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เป็นที่อยู่ของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ หรืออาจจะมีเงาแห่งความตายปกคลุมอยู่

อย่างไรก็ตามความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ก็มีขนาดที่ใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง จนมีช่องว่างอยู่ระหว่างดินแดนขนาดใหญ่เช่นนั้นอยู่มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่การเดินทางไปนับแสนปี ก็ไม่อาจจะพบเห็นได้แม้แต่ดินแดนเดียว สำหรับอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร พวกมันเคยเดินทางห่างออกไปไกลในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต แต่ก็ไม่เคยไปไกลมากพอจนสามารถจะรับรู้ได้ถึงรูปร่างที่แท้จริงทั้งหมดของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันพบเจอกับกองกำลังอื่นๆ พวกมันก็มักจะได้เปรียบอยู่เสมอ!

อันที่จริงพวกมันรับรู้เกี่ยวกับการปรากฏขึ้นมาใหม่ของกระแสน้ำวนนี้มากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ ซะอีก

แทบจะในทันทีที่อาณาจักรเทพปรากฏขึ้น เสียงของสตรีก็ดังก้องออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ พุ่งผ่านเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต จนกระทบถึงหูของกลุ่มคนที่กำลังยืนอยู่บนผีเสื้อ

“มีอาณาเขตหวงห้ามอยู่สามแห่งภายในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ สถานที่อันลี้ลับภายในนั้น แฝงไว้ด้วยความลึกลับอย่างลึกล้ำ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นมาของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเอง สถานที่ซึ่งพวกเจ้ากำลังมุ่งหน้าตรงไปคือหนึ่งในสามสถานที่เหล่านั้น มันถูกเรียกว่า…กระแสน้ำวนโลงศพเขียว!”

ตี้จ้างมีท่าทางระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างเป็นผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ซึ่งหดเล็กลงจนมีขนาดปกติธรรมดา อันเนื่องมาจากการสลบไปของเมิ่งฮ่าว หวังโหย่วฉายก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน รวมทั้งจี้ยินและคนอื่นๆ เช่นราชันขุนเขาทะเลและเคอจิ่วซือ

กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดในอาณาจักรขุนเขาทะเล!

คนทั้งหมดกำลังเฝ้าพิทักษ์คุ้มกันเมิ่งฮ่าว และด้วยเช่นนั้นทำให้ใบหน้าพวกมันบึ้งตึง ขณะที่จ้องมองออกไปยังอาณาจักรเทพ

เสียงของสตรีดังก้องออกมาอีกครั้ง “การเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น ก็เหมือนกับการ…รนหาที่ตาย!”

ขณะที่นางกล่าวออกมา ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรเทพกำลังบินเข้าไปในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่

ผู้ฝึกตนเหล่านั้นบางคนก็ดูเหมือนกับเป็นดวงตะวัน และกระจายเป็นความผันผวนอันน่าตกใจออกมา ตรงตำแหน่งท้ายสุดเป็นสตรีที่เย็นชา คนเดียวกับที่เคยปรากฏขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเลก่อนหน้านี้ ซึ่งมีความผันผวนของพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ระดับเก้าแก่นแท้

นางคือผู้ที่เพิ่งจะพูดขึ้นมา และกล่าวต่อไปว่า

“จากตำนานที่บอกเล่าสืบต่อกันมา กระแสน้ำวนสีดำและสีขาว ที่หมุนวนอยู่ตรงด้านนอกของกระแสน้ำวนโลงศพเขียว ประกอบไปด้วยเต๋าแห่งกาลเวลา เป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นแบบสุ่มทั่วไป มันถูกบังคับให้คงอยู่ในที่แห่งนั้นเพื่อหล่อเลี้ยงสตรีที่อยู่ภายในโลงศพ”

“สตรีนางนั้นเป็นใคร ไม่มีใครรู้ หลายปีก่อนสามีข้าเคยมายังที่แห่งนี้ และเฝ้าสังเกตดูเป็นเวลานาน และในที่สุดก็กล่าวขึ้นมาหนึ่งประโยค”

“มันกล่าวว่า บุคคลที่อยู่ในโลงศพคือต้นกำเนิดของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต!” ในที่สุดสายตาของสตรีเก้าแก่นแท้ก็หยุดนิ่งอยู่บนร่างเมิ่งฮ่าว ซึ่งยังคงสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนหลังผีเสื้อ

“พวกเราบรรลุถึงจุดที่ควรจะยุติสงครามกันได้แล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าต่อไปอีก เป้าหมายทั้งหมดของพวกเราในการเริ่มทำสงครามก็คือ หนึ่ง, ป้องกันการปรากฏตัวขึ้นมาของเซียน และสอง, เพื่อได้ครอบครองกระจกบานหนึ่ง”

สตรีนางนั้นมองไปยังผีเสื้อ ด้วยสีหน้าที่เย็นชาขณะที่กล่าวว่า “ที่น่าสนใจก็คือ ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งสองนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่ตอนนี้พวกมันกลับอยู่บนร่างของคนๆ เดียวกัน แค่ส่งมอบคนผู้นั้นออกมา และยินยอมให้ตนเองถูกผนึกไว้ จากนั้น…พวกเจ้าก็สามารถไปตามทางของตนเองได้”

“ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้…คือผู้ที่ทรงพลังมากที่สุด ถ้าพวกเจ้าต้องการรอดชีวิตอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะไปยังที่แห่งใด ก็จำเป็นต้องมีผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้”

คำพูดนางทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ กดทับลงไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต และทำให้ผีเสื้อสั่นสะท้านขึ้นมาจนไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนที่ออกไปได้

“พวกเจ้าไม่เห็นด้วย?” ชั่วขณะต่อมา สตรีนางนั้นก็โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้พลังอันน่าเหลือเชื่อพุ่งออกไป เมื่อนางกำลังจะก้าวเดินตรงไป จู่ๆ จิตใจก็เต้นรัวขึ้น เมื่อตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะขยับตัว

“มันกำลังตื่นขึ้นมา? ช่างน่าสนใจนัก ข้าอยากรู้นักว่า…เซียนที่กลายเป็นอสูรจะมีความแข็งแกร่งที่แท้จริงอย่างไร?” นางคิด ยิ้มออกมาพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเย็นชา

นางชี้มือออกไปยังผีเสื้อ

“อย่าปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

เมื่อนางพูดจบ ผู้ฝึกตนอาณาจักรเทพที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็พุ่งตรงไปโจมตี ดวงตะวันสี่ดวงกระจายเป็นแสงอันไร้ขอบเขตออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังผีเสื้อ เข้าไปใกล้แทบจะในทันที

ความโศกเศร้าเสียใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตี้จ้าง และคนทั้งหมดต่างก็มีดวงตาที่แดงก่ำ เมื่อผู้ฝึกตนอาณาจักรเทพใกล้เข้ามา ก็มีลำแสงพุ่งออกไปจากผีเสื้อ ซึ่งก็คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่กลายเป็นเกราะป้องกัน

แต่ก็สามารถจะปกป้องคนทั้งหมดได้ชั่วขณะเท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มแตกกระจายและพังทลายลงไป ในตอนนั้นเองที่ตี้จ้างพุ่งตรงไปโจมตี พร้อมกับหวังโหย่วฉาย, ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด และคนทั้งหมด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!