Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1409

ตอนที่ 1409(จบภาค 8)

อาณาจักรขุนเขาทะเลของข้า

“จงจำไว้ว่า ข้าสามารถประทานให้แค่ความปรารถนาเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นข้าก็จะหลับใหล และท่องไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว หลังจากที่พบเจอกับโลกนับแสนดวง ข้าก็จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…ในตอนนั้นความปรารถนาที่สองก็จะถูกประทานให้อีกครั้ง!” กระจกทองแดงสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่คำพูดของนกแก้วดังก้องอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

 

ในตอนนี้แรงกดดันที่แผ่กระจายออกมาจากนกแก้ว ทำให้อาณาจักรเทพต้องสั่นสะเทือน อาณาจักรมารต้องสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดกำลังหอบหายใจออกมา จิตใจพวกมันกำลังเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล พื้นฐานฝึกตนของผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ถูกสะกดไว้ สำหรับผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของสองดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา หรือส่งกระแสแห่งเจตจำนงออกไป พวกมันต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจด้วยเช่นกัน

พวกมันสามารถจะรับรู้ได้ว่าทั้งนกแก้วและกระจกทองแดง…มีร่องรอยเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตอยู่บ้างเล็กน้อย นั่นเป็นเจตจำนงที่ทำให้พวกมันต้องสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มีแต่…ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้!

สำหรับระดับสูงสุดนั้น เป็นสิ่งที่ตลอดหลายปีจนนับไม่ถ้วน ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเคยบรรลุถึงมาก่อน ทั้งในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต, ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว, ในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ หรืออาณาจักรอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

สำหรับกลุ่มคนที่ไม่อาจจะบรรลุถึงระดับสูงสุด ก็ได้แต่จ้องมองขึ้นไปยังบุคคลที่บรรลุถึงเหล่านั้น

คำพูดที่เปล่งออกมาของนกแก้วเมื่อครู่นี้ ทำให้คนทั้งหมดในอาณาจักรเทพ และอาณาจักรมารต้องมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทางเป็นศัตรูกันในทันที

มีความปรารถนาเดียวเท่านั้น!

นกแก้วไม่ได้หลอกลวง ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร คือบุคคลที่ไม่อาจจะถูกหลอกลวงได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจตจำนงจากสองดินแดนอันกว้างใหญ่ก็พุ่งมาบรรจบกันและเริ่มปรึกษากันไปมา

สำหรับผลสรุปที่ได้ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ได้ สิ่งที่พวกมันรู้ทั้งหมดก็คือว่าสามวันต่อมา กระจกทองแดงก็กลายเป็นจุดแสงที่ใสเหมือนแก้วผลึก จางหายเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

แน่นอนว่าผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้บางคนไม่ยินดีที่จะปล่อยให้ผีเสื้อและคนที่เหลือแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลยังคงอยู่ที่ด้านในของกระแสน้ำวน พวกมันพยายามจะผ่านเข้าไป แต่ก็ไม่อาจจะมุ่งหน้าเข้าไปได้ และถูกบังคับให้กลับออกมา

อาณาจักรมารยังได้ลอกเลียนแบบอาณาจักรขุนเขาทะเลด้วยการใช้โลกผีเสื้อของพวกมันผ่านเข้าไปในกระแสน้ำวนอีกด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ความพยายามทั้งหมดของพวกมันต้องล้มเหลว สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือหลุมดำที่นำไปสู่โลงศพสีเขียวเต็มไปด้วยกระแสแห่งกาลเวลาที่ปั่นป่วนวุ่นวายและไร้ขอบเขต เมื่อผ่านเข้าไป กาลเวลาก็ไหลผ่านแตกต่างออกไปจากโลกภายนอก บุรุษป่าเถื่อนร่างกำยำยังได้ลองก้าวเข้าไปด้านในอีกด้วย แต่เมื่อตระหนักว่าช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีได้ผ่านไปในชั่วพริบตา ก็จำเป็นต้องล่าถอยออกมา

สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่โบราณมากที่สุดจากสองดินแดนอันกว้างใหญ่ ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบ ในที่สุดก็แจ้งเตือนกลุ่มคนของพวกมันว่าสถานที่แห่งนี้…ใครก็ตามที่ไม่อยู่ในระดับสูงสุดไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้

แต่ทำไมโลกผีเสื้อถึงสามารถจะผ่านเข้าไปได้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะสามารถตอบได้ มีคำอธิบายที่พอจะสมเหตุสมผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือ…มีใครบางคนยินยอมให้มันเข้าไปได้

ในที่สุดสองดินแดนอันกว้างใหญ่ก็ล้มเลิกความพยายาม พวกมันก่อตัวเป็นดินแดนอันกว้างใหญ่ขึ้นมาสามสิบสามแห่ง ซึ่งกลายเป็นสามสิบสามสวรรค์แห่งใหม่ จากนั้นสามสิบสามสวรรค์เหล่านี้ก็ถูกใช้เพื่อก่อตัวเป็นผนึก ซึ่งเหมือนกับตอนที่ถูกจัดวางไว้อยู่เหนืออาณาจักรขุนเขาทะเลก่อนหน้านี้

กลุ่มผู้ฝึกตนจากอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารอยู่เบื้องหลังเพื่อคอยคุ้มกัน รวมทั้งกลุ่มคนนอกคอกบางส่วนที่มีชีวิตรอดมาจากสงครามที่ผ่านมา

ตรงด้านนอกของสามสิบสามสวรรค์ เต้าฟางนั่งขัดสมาธิ ถอนหายใจออกมาอย่างลึกล้ำ ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันซับซ้อน วางกระบองลงไปที่เบื้องหน้า หลับตาที่เก่าแก่โบราณของมันลง และคอยเฝ้าคุ้มกันต่อไป ในวันข้างหน้าถ้าผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลใดๆ ก็ตาม พยายามจะบินออกมาจากสามสิบสามสวรรค์ ก็จะถูกมันสังหารไป

เหนือจากเต้าฟางก็เป็นผนึกไร้ขอบเขต! ที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง และเชื่อมต่อเข้ากับความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต กลายเป็น…อาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งใหม่

เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการเกิดขึ้นและแตกดับไป ราวกับเป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ

ไม่มีใครสามารถจะผ่านเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล และผู้ฝึกตนในนั้นก็ไม่อาจจะออกมาได้ ในที่สุดอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารก็จากไป กลับไปยังสถานที่ที่พวกมันจากมา ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าอาณาจักรเทพหรืออาณาจักรมารเป็นผู้ใดได้ความปรารถนานั้นไป

กองกำลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสองไม่ได้สนใจมากนักว่าเมิ่งฮ่าวจะเคลื่อนย้ายทางไกลไปอยู่ในที่แห่งใด เท่าที่พวกมันรู้ เขาได้ตายไปแล้ว เป็นเพียงแค่ซากศพที่ลอยอยู่ตรงจุดไหนสักแห่งในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สองกองกำลังก็ยังส่งกลุ่มผู้ฝึกตนให้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เพื่อค้นหาซากศพนั้น!

เวลาผ่านไปเหมือนกับที่มักจะเป็นอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต…

เห็นได้ชัดว่าทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งหมด อาณาจักรถูกทำลายไป โลกถูกเปลี่ยนตำแหน่งไป

ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็ยังคงเป็นความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต กระแสน้ำวนก็ยังคงกระจายเป็นแสงสีเขียวออกมา และสิ่งมีชีวิตในแต่ละรูปแบบนับไม่ถ้วนก็ดำเนินชีวิตในแต่ละวันของพวกมันไป ในขณะที่ถูกควบคุมโดยกฎธรรมชาติ ทำการล่าเหยื่อเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารก็ยังคงอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเหมือนเช่นเคย

เท่าที่เห็นการหายไปของคนผู้หนึ่ง ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของสิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดแม้แต่น้อย

เวลาผ่านไปสิบปี หนึ่งร้อยปี หนึ่งพันปี…เวลาไหลผ่านราวกับเป็นสายน้ำ และผลที่ได้ก็คือว่าผู้คนมากมายลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีตไปแล้ว ตรงด้านในของสามสิบสามสวรรค์ที่อยู่ด้านนอกของกระแสน้ำวนโลงศพสีเขียว ผู้ฝึกตนรุ่นหลังไม่เคยได้เรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลโบราณที่มีนามว่าเมิ่งฮ่าว

พวกมันลืมสิ้นเกี่ยวกับโลกที่ถูกทำลายไป และลืมไปว่าเหตุการณ์ต่างๆ เคยเกิดขึ้นที่ไหน สิ่งที่พวกมันจำได้ทั้งหมดก็คือว่าต้องคอยระมัดระวังป้องกัน และยังมีผีเสื้ออยู่ที่ด้านในของกระแสน้ำวน ผู้คนมากมายเรียกผีเสื้อนั้นว่า…ผีเสื้อขุนเขาทะเล

แต่ก็ยังมีใครบางคนที่มักจะถอนหายใจ เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นก็คือเต้าฟาง มันจะตื่นขึ้นมาเป็นระยะ และในตอนนั้นก็มักจะมองลงไปยังผีเสื้อที่อยู่ในกระแสน้ำวนโลงศพสีเขียว หรือว่ามองขึ้นไปยังความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต บางครั้ง…มันก็จะนึกย้อนไปถึงนกแก้วที่ลบความทรงจำของตนเองไป คิดไปถึงผีโต้งที่ยอมตายด้วยความยินดี และอ๋าวเฉี่ยนสีโลหิตที่ยืนเฝ้าระวังอย่างไม่ลดละ มันยังได้คิดไปถึง…บุคคลผู้นั้นที่ระเบิดเป็นความบ้าคลั่งออกมา ทั้งหมดนั้นก็เพื่ออาณาจักรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

ภายในกระแสน้ำวนโลงศพสีเขียวเป็นโลงสีเขียวโลงหนึ่ง บนโลงนั้นเกาะไว้ด้วยผีเสื้อที่สงบนิ่งและเยือกเย็นตัวหนึ่ง ดินแดนอันกว้างใหญ่สองแห่งอยู่ที่ด้านในของผีเสื้อ รวมทั้งรูปปั้นของบุรุษผู้หนึ่งที่มักจะถูกกราบไหว้อย่างต่อเนื่อง

“อาณาจักรของพวกเราถูกเรียกว่า…อาณาจักรขุนเขาทะเล!” คำพูดธรรมดาเช่นนี้ได้ยินไปทั่วในดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งสอง เมื่อผู้คนพูดถึงนามของอาณาจักรที่ตนเองอาศัยอยู่

“หลายปีก่อน อาณาจักรขุนเขาทะเลเป็นที่รู้จักกันในนามว่าอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งปกครองอาณาจักรชั้นต่ำถึงสามพันแห่ง…”

“หายนะครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อแสนปีก่อน…”

“ในตอนนั้นสามพันอาณาจักรชั้นต่ำก่อกบฏ และช่วยเหลือสองกองกำลังอันยิ่งใหญ่จากด้านนอกให้รุกรานเข้ามา จากนั้นจิ่วเฟิงจื้อจุนก็มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่นเดียวกับไห่เมิ่งจื้อจุน และเซียนกู่จื้อจุน ยังมีผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ ร่วมมือกันเพื่อต่อต้านและปกป้องบ้านเกิดของพวกเรา”

“ในช่วงสงครามครั้งนั้น อาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ถูกทำลายไป จิ่วเฟิงจื้อจุนขับไล่ผู้รุกรานออกไป และใช้ของวิเศษอันล้ำค่าเพื่อสร้างเป็นอาณาจักรขุนเขาทะเล ซึ่งกลายเป็นบ้านเกิดของกลุ่มคนรุ่นต่อมา”

“นั่นคือสงครามครั้งแรกที่เกิดขึ้น…”

“สงครามครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน สองกองกำลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำลายอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง จากกองกำลังสามพันอาณาจักรกบฏดั้งเดิม เหลืออยู่เพียงแค่สามสิบสามอาณาจักรเท่านั้น ซึ่งได้กลายเป็นสามสิบสามสวรรค์ พวกมันคือผู้ที่เริ่มทำสงครามเป็นครั้งที่สอง”

“ตลอดช่วงของการทำสงครามในครั้งนั้น กลยุทธ์อันน่ากลัวของสุ่ยตงหลิวจื้อจุนก็ถูกเปิดเผยออกมา ช่วยให้อาณาจักรมีโอกาสรอดอยู่ต่อไป!”

“ตลอดช่วงของการสงครามในครั้งนั้น ไห่เมิ่งจื้อจุนพลีชีพตัวเอง เพื่อค้นหาทิศทางที่พวกเราจำเป็นต้องเดินทางไป!”

“ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ…ในช่วงของการต่อสู้นั้น ผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุดของพวกเรา เมิ่งฮ่าวจื้อจุน มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างสูงสุด ท่านได้ครอบครองมรดกของสุ่ยตงหลิว ซึ่งเป็นมรดกที่สุดยอดมากที่สุด ท่านกลายเป็นราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล และนำพาพวกเราต่อสู้จนได้รับอิสรภาพ!”

“ตระกูลของท่านซึ่งก็คือตระกูลฟาง มีความแข็งแกร่งมากที่สุดและเป็นสุดยอดตระกูลในท่ามกลางพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้!”

“บิดามารดาของเมิ่งฮ่าวจื้อจุน กลายเป็นปีกของผีเสื้อขุนเขาทะเล และนำพาพวกเรามายังที่แห่งนี้…”

“ตลอดช่วงของการทำสงครามในครั้งนั้น เมิ่งฮ่าวจื้อจุนเพียงลำพังต่อสู้กับสองกองกำลังอันยิ่งใหญ่ของศัตรู ท่านยืนขวางผู้ฝึกตนทั้งหมด เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเรามีโอกาสรอดชีวิต…”

“ตลอดช่วงของการทำสงครามในครั้งนั้น ท่านทำลายตะเกียงวิญญาณและกวาดล้างเวทแห่งเต๋าของตนเองไป

แม้แต่ของวิเศษอันล้ำค่าซึ่งก็คืออาณาจักรขุนเขาทะเล ท่านก็ยังได้ระเบิดออกไป ตลอดช่วงของการทำสงครามในครั้งนั้น ท่านต่อสู้ร่วมกับนกแก้ว, ชุดเกราะนักรบ และอ๋าวเฉี่ยนโลหิต”

“เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ไม่มีใครรู้ว่าท่านไปอยู่ในที่แห่งใด แต่อาณาจักรขุนเขาทะเลก็ยังคงมีอยู่!”

“อาณาจักรขุนเขาทะเลของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป และจะไม่มีทางสิ้นสุดลง ไม่มีทางตราบชั่วนิรันดร์ ในอดีตที่ผ่านมาพวกเราคืออาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และจากนั้นพวกเราคืออาณาจักรขุนเขาทะเล และในตอนนี้…พวกเราคือ…อาณาจักรของเมิ่งฮ่าว!”

“ท่านไม่ใช่เซียน ท่านคืออสูร เป็นอสูรแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นจักรพรรดิอสูรของพวกเรา!!”

“สักวันหนึ่ง จักรพรรดิอสูรของพวกเราจะกลับมาด้วยความบ้าคลั่งทั้งหมด เหมือนที่ท่านได้เคยสัญญาไว้ ท่านจะนำพวกเรา…ไปทำลายสามสิบสามสวรรค์แห่งใหม่ ท่านจะนำพวกเรา…ไปกวาดล้างบ้านเกิดของสองศัตรูเหล่านั้น ท่านจะนำพวกเรา…ไปล้างแค้น ถึงแม้ว่าจะต้องทำลายท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็ตามที!!!”

“ล้างแค้น ล้างแค้น! ล้างแค้น!!”

ตลอดหลายปีมานี้ นี่คือวิธีการสอนลูกหลานของเหล่าผู้ฝึกตนในโลกของผีเสื้อ ขณะที่พวกมันพูดออกมา ก็มักจะกัดฟันจนแน่น หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า เมื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวที่น่าขมขื่นและชุ่มโชกไปด้วยโลหิตจากในอดีตที่ผ่านมา!

เจ้าอ้วนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งพันปี เช่นเดียวกับคนรู้จักเมื่อในอดีตของเมิ่งฮ่าวอีกมากมาย แม้แต่หวังโหย่วฉายก็ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกมันเต็มไปด้วยความกระหายที่จะได้ล้างแค้นราวกับเป็นใบมีดอันคมกริบ

แต่พวกมันก็ฝังความต้องการสังหารไว้ในส่วนลึกของจิตใจ และมุ่งเน้นไปที่การสร้างทรัพยากรใหม่ๆ และเฝ้ารอคอย…ช่วงเวลาที่จะได้ล้างแค้น!

พวกมันกำลังรอคอยให้เมิ่งฮ่าวกลับมา จักรพรรดิอสูรของพวกมัน!

พวกมัน…ไม่ยอมเชื่อว่าเมิ่งฮ่าวตายไปแล้ว!

ยังมีหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอนว่าเขาได้ตายไปแล้ว นางพักอาศัยอยู่ในตระกูลฟาง และมีตำแหน่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งอยู่ที่นั่น นางคือสวี่ชิง ภรรยาของจักรพรรดิอสูร!

ด้วยการมีนางและตระกูลฟางอยู่ที่นั่น ทำให้จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลในโลกแห่งนี้ลุกโชนขึ้นตราบชั่วนิรันดร์

จิตวิญญาณเช่นนั้นคือมรดกตกทอดของคนทั้งปวง และเป็นสิ่งที่จะถูกเผาไหม้อย่างไม่รู้ดับภายในจิตใจพวกมันตลอดไป

ทุกยามราตรี บนยอดเขาซึ่งสูงมากที่สุดภายในผีเสื้อขุนเขาทะเล เมื่อดวงจันทร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ซ้อนทับอยู่บนยอดเขา ก็จะมองเห็นสวี่ชิงกำลังยืนอยู่ที่นั่น

นางมักจะมองขึ้นไปในท้องฟ้า ราวกับว่ากำลังรอคอย…เผ้ารออยู่เป็นประจำ…

“หลังจากที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ท่านรอคอยข้ามานานหลายร้อยปี…ตอนนี้ข้าจะเฝ้ารอท่านจนกระทั่งฟ้ามลายดินดับสลาย…”

“เมิ่งฮ่าว ท่านไปอยู่ที่ไหน ท่านยังไม่ตาย ใช่หรือไม่…? ข้ารู้สึกได้ว่า ท่าน…อยู่ที่ไหนสักแห่ง!” สวี่ชิงพึมพำ

หนึ่งปีผ่านไป จากนั้นก็อีกหนึ่งปี และอีกหนึ่งปี…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!