Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1456

ตอนที่ 1456

ยังมีใครอีก?

มันคือรอยบวมช้ำที่หลงเหลืออยู่ หลังจากที่ใบหน้าถูกตบอย่างรุนแรง

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นรอยนี้อยู่บนใบหน้าของเยียนเอ๋อร์ ก็ไม่พูดอะไรออกมา แต่ความเย็นชาที่กระจายออกมาจากร่างก็ระเบิดออกไปด้วยความรุนแรง ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธปฐพีกำลังมีโทสะ ราวกับว่าทั่วทั้งโลกแห่งนี้กำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธเกรี้ยว

เสียงแตกร้าวดังก้องออกไป ขณะที่พื้นดินแตกกระจาย ภูเขาที่พังทลายไปก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะถูกลบเลือนหายไปกลายเป็นเถ้าธุลี ในขณะที่แรงกดดันอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้กำลังกดทับลงมา

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของบุรุษหนุ่ม ขณะที่ร่างมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง จักรพรรดิเต๋าก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน และสองขาก็สั่นสะท้านจนดูเหมือนว่าหัวเข่ากำลังจะแตกละเอียดไป แรงกดดันที่บดขยี้ลงมานี้ ทำให้มันต้องคุกเข่าลงไปบนพื้น เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด

พวกมันไม่อาจจะยืนหยัดต่อต้านแรงกดดันนี้ ไม่อาจจะต่อต้านโทสะแห่งฟ้าดิน และความหนาวเย็นราวน้ำแข็งที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวได้

แรงกดดันเช่นนั้นทำให้พวกมันรู้สึกว่าไม่อาจจะยืนหยัดได้อีก

แม้แต่ปรมาจารย์ชื่อเฟิง ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่ใกล้จะทะลวงผ่านเข้าไปยังเก้าแก่นแท้ได้ทุกเมื่อ ก็ยังต้องมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

ราวกับว่า…หัตถ์ยักษ์ข้างหนึ่งกำลังตกลงมาจากด้านบน…เป็นหัตถ์ที่ลงโทษกลับไปยังฝ่ามือที่ตบหน้าเยียนเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ขยับร่างเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แค่แรงกดดันนั้นก็เพียงพอที่จะกวาดล้างตี้ปาจงออกไปจากดาวชางหมางได้โดยสิ้นเชิง

“จิ่ว…จิ่วจุนต้าเหริน (ท่านผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า)…” จักรพรรดิเต๋ากล่าวตะกุกตะกักขึ้นมา มันไร้ทางเลือกนอกจากต้องพูดออกมา มิเช่นนั้นก็จะถูกกำจัดไปจากแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อนี้

แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน สีสันก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่ลำแสงจำนวนมากบินฝ่าอากาศมาด้วยความรวดเร็ว ชั่วขณะต่อมาเจ้าสำนักก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมกับผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ

แม้แต่จินหยุนซานและซาจิ่วตงก็ยังมาด้วย ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ กำลังมองลงมา แต่ไม่มีใครพูดจาใดๆ

แม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่แน่ใจว่าเมิ่งฮ่าวตั้งใจจะทำลายตี้ปาจงไปทั้งสำนักจริงหรือไม่?

ใครบางคนในพวกมันมองไปยังเยียนเอ๋อร์ ด้วยแววตาที่แวบประกายแห่งความครุ่นคิดขึ้นมา

ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อยเมื่อกลุ่มผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้มาถึง เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนมานานแล้ว ในตอนนี้เขาไม่ได้ปกปิดความลับใดๆ ไว้ ถ้าผู้คนรับรู้เกี่ยวกับเยียนเอ๋อร์ก็เป็นเรื่องดี ถ้าไม่รับรู้ก็ไม่เป็นไร ภายในจิตใจของเขาตอนนี้จริงๆ แล้วก็ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร

“ใครตบตีเจ้า?” เมิ่งฮ่าวถาม มองไปยังเยียนเอ๋อร์ ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวตอบ สายตาของเขาก็จ้องมองไปยังบุรุษหนุ่ม “ใช่มันหรือไม่?”

เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปาก พลังที่ไม่รู้ว่ามาจากที่แห่งใดก็บดขยี้ลงไปยังร่างของบุรุษหนุ่ม มันแผดร้องออกมาและตะเกียกตะกายถอยไปทางด้านหลัง โลหิตพุ่งกระจายออกมาจากบาดแผลทั่วร่าง

“ข้าไม่ได้เจตนา ข้า…ข้าไม่รู้จักนาง ข้า…ข้า…” มันกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เป็นความหวาดกลัวอย่างแท้จริงจนบรรลุถึงจุดสูงสุด ยังรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเยียนเอ๋อร์จากเมื่อครู่นี้มากนัก

แม้แต่ในความฝันของมัน ก็ยังไม่เคยจะคาดคิดว่า แค่พึงพอใจในกระถางรองรับผู้หนึ่ง จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่มันกระทำมาหลายครั้งแล้วเมื่อในอดีต แต่ครั้งนี้…คาดไม่ถึงว่า…จะไปตอแยหายนะมาใส่ตัวเอง

ในตอนนี้มันรู้สึกเกลียดชังผู้พิทักษ์เต๋าของตนเองจนลึกลงไปถึงกระดูก อยากจะฉีกกระชากคนผู้นั้นออกมาเป็นชิ้นๆ นอกจากนั้นมันไม่มีทางจะลืมเลือนคำพูดที่ผู้พิทักษ์เต๋ากล่าวกับตนเองว่า…ขอให้สนุกกับหญิงสาวนางนี้ได้ตามสบาย

ถ้าไม่มีคำรับรองจากผู้พิทักษ์เต๋า บุรุษหนุ่มก็ไม่มีทางจะแตะต้องหญิงสาวที่มีเครือญาติสูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้นลึกลงไปในจิตใจของมัน ก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเยียนเอ๋อร์ผู้นี้จะมีเบื้องหลังเช่นนั้น แต่…ทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรออกมาบ้าง? แค่เจ้าพูดออกมา ไม่ว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของข้า แต่ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือ เจ้ากลับมีผู้แข็งแกร่งที่สามารถจะสังหารพวกเราทั้งหมดได้ด้วยคำพูดเพียงแค่คำเดียวหนุนหลัง แต่…เจ้าก็ไม่ยอมพูดออกมา!

บุรุษหนุ่มรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกหลอก แต่ก่อนที่มันจะทันได้พูดอะไรออกมา เยียนเอ๋อร์ก็มองมาและกล่าวเป็นเสียงดังขึ้น “ก็คือมัน!!”

คำพูดนางคล้ายกับเป็นประโยคแห่งความตาย ม่านตาของบุรุษหนุ่มมืดสลัวลงไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วออกไป ทำให้รังสีสังหารพุ่งตรงมายังหน้าผากมันอย่างรวดเร็ว

เสียงปะทุดังก้องออกไป ศีรษะของบุรุษหนุ่มระเบิดขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มควันแห่งโลหิตและชิ้นเนื้อ สังหารมันไปในทันที

เมิ่งฮ่าวสังหารมันไปอย่างง่ายดายราวกับเชือดไก่ แต่โทสะก็ยังไม่จางหายไป

“ยังมีมัน มัน…มันเพิ่งบอกว่า กำลังจะไปหาเรื่องซือจุนข้า”

สีหน้าจักรพรรดิเต๋าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงที่ระเบิดขึ้นมาอยู่ภายในใจ รู้สึกเกลียดชังบุตรชาย ไม่น้อยไปกว่าที่บุตรชายมันเกลียดชังผู้พิทักษ์เต๋า

“บัดซบ! บัดซบ!” แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง และมันกำลังจะพูดอะไรออกมาเพื่อแก้ตัว แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบประกายความเย็นชาขึ้นมา ชี้นิ้วขวาออกไป และศีรษะของจักรพรรดิเต๋าก็ระเบิดออก สังหารมันไปเช่นเดียวกับที่สังหารบุตรชายมัน

ก่อนที่จะตายไป ความเกลียดชังอย่างชั่วร้ายของจักรพรรดิเต๋าก็พุ่งขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุด แต่ก็น่าแปลกใจยิ่ง ที่มันไม่ได้เกลียดชังเมิ่งฮ่าวมากเท่ากับเกลียดชังบุตรอกตัญญูของตนเอง มันไม่เคยคาดคิดว่าเกียรติยศและชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต จะถูกกำจัดไปโดยใครบางคนที่บุตรชายตนเองไปมีเรื่องด้วย

คนทั้งหมดในบริเวณนั้นกำลังสั่นสะท้าน

“ยังมีพวกมัน ก่อนหน้านี้พวกมันก็บอกว่าจะไปหาเรื่องซือจุนข้าด้วยเช่นกัน!” ถึงแม้ว่ายากที่จะบอกได้ว่านางกำลังชี้ไปที่ใคร แต่ขณะที่นิ้วของนางกวาดผ่านไปยังกลุ่มฝูงชน พวกมันก็รู้สึกราวกับว่าสายตาจากยมโลกกำลังกดทับลงมาในจิตใจ

“ใช่มันหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม ชี้ไปยังชายชราที่มาจากสายโลหิตของชื่อเฟิง ซึ่งเตรียมตัวจะไปยังทวีปที่เก้า ชายชราสั่นสะท้าน และก่อนที่มันจะทันได้กล่าวคำพูดใดๆ ออกมา ศีรษะก็ระเบิดขึ้น

“และมัน?”

“มันด้วยเช่นกัน?”

“ใช่มันด้วยหรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ทุกครั้งที่พูดออกมา เยียนเอ๋อร์ก็จะพยักหน้า และศีรษะก็จะระเบิดออก ไม่มีใครมีโอกาสแม้แต่จะร้องตะโกนออกมา

ในที่สุดพื้นดินก็เปียกชุ่มไปด้วยโลหิต เมิ่งฮ่าวสังหารผู้คนไปนับสิบด้วยความโหดเหี้ยม คนเหล่านั้นทั้งหมดกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมสายโลหิตชื่อเฟิงเพื่อไปยังทวีปที่เก้า

สำหรับคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับพวกมัน

ยังมีบางคนที่เตรียมตัวจะเข้าร่วมกับสายโลหิตชื่อเฟิง ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าซีดขาว ขณะที่เฝ้ารอให้เยียนเอ๋อร์บ่งบอก

แต่เนื่องจากนางมีความสับสนอยู่เล็กน้อย จึงได้ส่ายหน้าเมื่อถึงคราวพวกมัน หยดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของผู้ฝึกตนเหล่านั้น เมื่อพวกมันตระหนักว่าเพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมาได้ ทัศนคติที่พวกมันมีต่อเยียนเอ๋อร์ไม่อาจจะสรรหาคำพูดใดๆ มาอธิบายได้

ตี้ปาจงตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง คนทั้งหมดคุกเข่าลงไปบนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ขณะที่เมิ่งฮ่าวระบายโทสะออกมาราวกับเป็นวิญญาณแห่งความตาย

ในตอนนี้เองที่เจ้าสำนักกระแอมไอออกมา

“จิ่วจุน เยือกเย็นไว้…การลงโทษก็ทำไปแล้ว ท่านคงไม่กวาดล้างตี้ปาจงไปทั้งสำนักจริงๆ ใช่หรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ้าสำนักและกล่าวขึ้นว่า “ข้าจะไม่กวาดล้างไปทั้งสำนัก แต่ก็อย่าได้คิดว่าเรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้”

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองเข้าไปในส่วนลึกของตี้ปาจง และกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้องคล้ายเสียงฟ้าร้องคำราม

“ชื่อเฟิง ไสหัวออกมาให้กับเปิ่นจุน!” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน ปรมาจารย์ชื่อเฟิงโผล่ออกมาจากส่วนลึกของสำนัก ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อบุตรและหลานชาย ใบหน้าบึ้งตีงด้วยความขมขื่น และซีดขาวราวคนตาย ภายในใจกำลังแผดร้องออกมาด้วยโทสะ ไม่ได้ก่นด่าสาปแช่งเมิ่งฮ่าว แต่ก่นด่าบุตรและหลานชายตนเอง

สำหรับมันแล้ว แม้แต่ความตายก็ยังไม่อาจจะลบล้างความผิดที่คนทั้งสองได้ก่อไว้ ทำให้ตนเองต้องมาเกี่ยวข้องกับหายนะในครั้งนี้…

โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันบินฝ่าอากาศมาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

มันรีบประสานมือและโค้งตัวลงต่ำในทันที

“ชื่อเฟิง…ขอ…ขอคารวะ…จิ่วจุนต้าเหริน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า)” จิตใจมันสั่นสะท้าน ขณะที่ไม่สนใจซากศพของบุตรและหลานชายโดยสิ้นเชิง ถ้าทำได้มันก็จะสังหารคนทั้งสองไปด้วยตนเอง

คนอื่นๆ อาจไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าวที่มีโทสะ แต่มันจะไม่รู้ได้อย่างไร? มันเคยเห็นด้วยสองตาตนเองในตอนที่เมิ่งฮ่าวสังหารตี้ปาจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับแปด) ไปในเขตสุสาน

และได้เห็นการต่อสู้ของเขากับจินหยุนซานด้วยเช่นกัน มันตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ไร้พ่ายเมื่ออยู่ในเขตสุสาน และเป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

ชื่อเฟิงกัดฟันแน่น รู้ตัวดีว่าเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันต้องส่งมอบสิ่งชดเชยออกไป มิเช่นนั้นก็จะถูกสังหารไป สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว มันคือผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่โดดเด่น เป็นคนที่จะบรรลุถึงระดับเก้าแก่นแท้ได้ในที่สุด และจะกลายเป็นผู้ปกครองแห่งตี้ปาจง

แต่มันก็รู้ตัวดีว่า ถึงแม้ตนเองจะกลายเป็นตี้ปาจื้อจุนคนใหม่ ก็ยังคงต้องก้มศีรษะให้กับตี้จิ่วจื้อจุนอยู่ดี มันไม่รอให้เมิ่งฮ่าวเรียกร้องค่าชดเชยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ยอมรับความผิดและแสดงความรับผิดชอบแต่โดยดี ดังนั้นจึงรีบยกมือขึ้นมา และฟาดลงไปบนหน้าผากอย่างรวดเร็ว

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ร่างกายมันสั่นสะท้านขณะที่รอยแตกบนหน้าผากฉีกขาดออก มีโลหิตพุ่งออกมาจากภายในราวกับเป็นน้ำพุ จากนั้นร่างกายมันก็ระเบิดขึ้น

วิญญาณมันลอยออกมา ประสานมือตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความสั่นสะท้าน

“ขอให้จิ่วจุนได้โปรดระงับโทสะ…” มันกล่าวขึ้นด้วยท่าทางประจบประแจง

ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นอ้าปากค้างในสิ่งที่กำลังมองเห็นอยู่นี้ คนทั้งหมดในตี้ปาจงกำลังให้ความสนใจอย่างจดจ่อ และตอนนี้จิตใจพวกมันก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังวิญญาณของชื่อเฟิง และเยือกเย็นลง ถ้าชื่อเฟิงไม่ทำเช่นนี้ ถ้ามันรอให้เมิ่งฮ่าวพูดออกมา ก็อาจจะไม่จบลงด้วยความตายเช่นนี้ แต่อาจจะถูกตัดออกจากระดับเก้าแก่นแท้ไปตลอดกาล

ตอนนี้กายเนื้อของมันถูกทำลายไป ซึ่งอาจจะเป็นความปราชัยอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ช่วยให้มันยังคงมีแก่นแท้ที่เก้าอยู่ได้

เมิ่งฮ่าวมองไปยังปรมาจารย์ชื่อเฟิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหลัง นำเยียนเอ๋อร์ออกไปจากทวีปที่แปด

เมื่อเมิ่งฮ่าวจากไป แรงกดดันอันเข้มข้นที่กดทับลงมายังตี้ปาจงก็จางหายไป คนทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา วันนี้คือวันที่ผู้ฝึกตนแห่งตี้ปาจงไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!