Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1475

ตอนที่ 1475

พันธะวิวาห์

“แต่ละคนต่างก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นัก ฮึ่ม! คาดไม่ถึงว่าจะมีศิษย์หญิงสาวมากมายมาชอบซือจุนที่เป็นเสียวเหล่าโถว (ตาเฒ่าน้อย) นั่นได้ ในฐานะที่เป็นศิษย์ ข้าจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน!” เยียนเอ๋อร์คิดว่าภารกิจของตนเองช่างหนักหนาเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสำหรับศิษย์หญิงสาวเหล่านั้น นางจึงไม่ค่อยสุภาพด้วยเท่าใดนัก มักจะรับของกำนัลไว้ แต่เมื่อหญิงสาวเหล่านั้นสอบถามเกี่ยวกับอาจารย์ นางก็จะไม่ยอมตอบ

ยิ่งมีหญิงสาวที่น่ารักมีเสน่ห์มาเยี่ยมมากเท่าใด เยียนเอ๋อร์ก็จะยิ่งรู้สึกไม่เป็นมิตรด้วยมากขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วหลังจากที่ผู้ฝึกตนหญิงสาวเหล่านั้นกลับไป นางก็มักจะมองลงไปยังร่างกายตนเองด้วยความน้อยใจ และยังได้มองดูหน้าตาของตัวเองในกระจกอีกด้วย จากนั้นก็จะกระทืบเท้าและเดินตรงไปยังเขตนั่งเข้าฌาณตามลำพังของเมิ่งฮ่าว เพื่อร้องเรียกตะโกนมาจากด้านนอก

ในวันหนึ่งขณะที่นางยืนอยู่ที่นั่น ยกมือเท้าเอวด่าทอเมิ่งฮ่าวว่า “ซือจุน ทำไมท่านถึงไม่ทำตัวให้สมกับเป็นเฒ่าชรา!? ดูท่านเถอะ ไม่มีอะไรทำหรืออย่างไรถึงต้องไปทดสอบที่ชางหมางไถ? ท่านรู้หรือไม่ว่ามีผู้เข้มแข็งแวะมาเยี่ยมมากมายเท่าใดเมื่อไม่กี่วันมานี้? จนรู้สึกเกลียดชังตัวเองที่ไม่สามารถจะมาคุกเข่าโขกศีรษะให้กับท่านได้!”

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา มองออกไปยังเยียนเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเคือง และยิ้มออกมา รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่นางเพิ่งจะพูดขึ้นมา

“ผู้เข้มแข็ง?”

“ใช่แล้ว หญิงสาวผู้เข้มแข็ง แต่ละคนมีรูปร่างที่บึกบึนแข็งแรง สิวยังเต็มหน้าอีกด้วย ปกติแล้วหญิงสาวจะมีสุ้มเสียงที่ไพเราะ แต่ก็ไม่ใช่พวกนาง ถ้าซือจุนสนใจ ข้าจะให้พวกนางเข้ามาพบท่าน”

ด้วยเช่นนั้น นางก็มองตรงไปยังประตูห้องเข้าฌาน ถ้าเมิ่งฮ่าวกล้าเห็นด้วยกับข้อเสนอเช่นนี้ นางก็จะพุ่งเข้าไปกัดเขาราวกับเป็นนางพยัคฆ์อันดุร้ายในทันที

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ กระแอมไอร้องตะโกนขึ้นว่า “ยังไม่รีบกลับไปฝึกตนอีก เหวยซือ (อาจารย์) สอนเวทแห่งเต๋าและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้ามากมาย มีทั้งเต๋าแห่งการเกิดใหม่, เวทเทพสวรรค์ และเวทกลืนภูเขา เจ้ายังฝึกฝนไม่สำเร็จ อย่าได้เสียเวลาอีก รีบไปฝึกได้แล้ว”

จากนั้นก็หลับตาลง และเข้าฌานต่อไป

เยียนเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นชา เมื่อเห็นว่าอาจารย์กำลังเข้าฌานต่อไป นางก็กระทืบเท้าและจ้องมองไปยังประตูอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

“ฮ่วยซือจุน (อาจารย์เลว), โช่วซือจุน (อาจารย์เหม็น), เสียวเหล่าโถว (ตาเฒ่าน้อย), เหล่าปู้ซิว (เฒ่าไร้ยางอาย)!! ฮึ่ม! เวทกลืนภูเขา? เวทเทพสวรรค์? เต๋าแห่งการเกิดใหม่? ข้าเรียนรู้ได้มานานแล้ว ท่านแค่นำมาอ้างเท่านั้น!” ขณะที่นางพึมพำกับตนเอง ก็เดินผ่านอ๋าวเฉี่ยนที่กำลังนอนหลับอยู่ตรงลานบ้านไป เมื่ออ๋าวเฉี่ยนได้ยินนางพึมพำ ก็ลืมตาขึ้นมา รับฟังอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็รีบหลับตาและแสร้งทำเป็นกำลังหลับอยู่ต่อไป

เวลาเลื่อนผ่านไป ในที่สุดจำนวนศิษย์ที่มาเยี่ยนเยือนก็เริ่มลดน้อยลงไป แต่เมื่อเยียนเอ๋อร์กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลุ่มตระกูลผู้ฝึกตนจากด้านนอกชางหมางพ่ายก็เริ่มแสดงตัวขึ้นมาไม่น้อย หลายตระกูลนำของกำนัลที่อยู่ในรูปแบบของสาวใช้ผู้งดงามมาด้วย ทำให้เยียนเอ๋อร์ยิ่งแทบจะบ้าคลั่งขึ้นไปมากกว่าเดิม

ที่สุดจะทนได้ก็คือ คาดไม่ถึงว่ามีบางคนยังได้มาเสนอพันธะวิวาห์อีกด้วย…

ในวันหนึ่ง ผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ซึ่งเคยช่วยเมิ่งฮ่าวในช่วงของการเอาชนะทัณฑ์สายฟ้า ได้นำคนกลุ่มหนึ่งมาเยี่ยมเยือน

ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้อยู่อีกคน ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพูดคุยกัน ก็มีหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งติดตามมาด้วยอย่างใกล้ชิด

นางวางตัวด้วยท่าทางที่สูงส่ง และมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่านางจะมองมายังเยียนเอ๋อร์ด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง ไม่ค่อยยินดีนักที่จะมายังที่แห่งนี้ แต่ก็ยอมติดตามสองผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นมายังยอดเขาแห่งนี้อย่างที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้

“เยียนเอ๋อร์ รีบไปเรียกซือจุนเจ้าออกมา” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วจงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม สำหรับมันแล้วเมิ่งฮ่าวคือบุคคลที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเยียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ของเขา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะพูดกับนางด้วยความสุภาพ

เยียนเอ๋อร์ไม่ค่อยพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก มองไปยังสองผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นก็หญิงสาวนางนั้น และจิตใจก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมา จากหญิงสาวทั้งหมดที่นางเคยพบเห็นมาเมื่อเร็วๆ นี้ หญิงสาวนางนี้มีความงดงามมากที่สุดอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น พื้นฐานฝึกตนของนางก็ไม่ธรรมดา อยู่ในขั้นต้นของอาณาจักรโบราณอีกด้วย

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เยียนเอ๋อร์เริ่มรู้สึกวิตกขึ้นมา นางพยักหน้าและรีบวิ่งตรงไปยังเขตเข้าฌานของเมิ่งฮ่าว แต่ก็พบว่าเขาได้ออกมาแล้ว ถ้าคนอื่นๆ มาเยี่ยนเยือน เขาจะไม่ยอมออกมาพบกับพวกมัน แต่นี่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยช่วยเหลือในช่วงทัณฑ์สายฟ้าของตนเอง เขาจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้

เขานำเยียนเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกด้วยกัน และผู้ยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วจงก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นเขา

“ฟางมู่ รีบมาน้อมพบหลิวอวิ๋นจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่เมฆาคล้อย) แห่งตี้ซานจง (สำนักที่สาม)”

ผู้ยิ่งใหญ่จากตี้ซานจงมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด เห็นได้ชัดว่ากำลังประเมินเขาอยู่ จากนั้นก็ยิ้มออกมา สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคยขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลง

หลังจากที่คนทั้งหมดแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้วก็นั่งลงและเริ่มพูดคุยกันไปมา หญิงสาวเยาว์วัยผู้งดงามมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นระยะ ด้วยสีหน้าที่ดูถูก แต่ก็พยายามจะปกปิดไว้เป็นอย่างดี

เยียนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว ในตอนนี้นางเริ่มไม่รู้สึกชอบหญิงสาวเยาว์วัยผู้นี้มากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ได้ยินผู้ยิ่งใหญ่ที่มาเยี่ยมบอกว่า หญิงสาวนางนี้คือหนึ่งในผู้ที่จะถูกกำหนดให้เป็นเซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) แห่งชางหมางพ่าย และมันก็ต้องการให้นางและเมิ่งฮ่าวกลายเป็นคู่รักกัน เยียนเอ๋อร์ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ จิตใจกำลังหมุนคว้างไปมา จึงโพล่งออกมาอย่างไม่รู้สึกตัวว่า “ไม่มีทาง! ซือจุนข้าไม่ต้องการคนรัก!”

เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปาก นางก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างฉับพลัน และใบหน้าก็ซีดขาวราวไร้สีเลือด มองไปยังเมิ่งฮ่าวและคุกเข่าลงไปโขกศีรษะในทันที จิตใจเต็มไปด้วยความเสียใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พูดโพล่งออกไปเช่นนั้น และรู้สึกวิตกเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์อาจจะมีโทสะขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ซือฟู่ (อาจารย์) ข้า…ข้าผิดไปแล้ว…”

ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วจงขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรออกมา หลิวอวิ๋นจื้อจุนก็แค่นเสียงเย็นชา และแววตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา สำหรับผู้ที่จะถูกกำหนดให้เป็นเซิ่งหนี่ว์ แววตาที่ดูถูกของนางยิ่งมีความลึกล้ำมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย การมาถึงของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้ ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นตกใจแม้แต่น้อย สำหรับเรื่องของคู่รักก็ไม่มีอะไรที่ต้องประหลาดใจ ร่างจำแลงนี้มีชื่อเสียงอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่ในชางหมางพ่าย และถือได้ว่าเป็นผู้ถูกเลือกในผู้ถูกเลือก เป็นเสาหลักในอนาคตของสำนัก

จึงสามารถจะคาดคิดได้ว่าต้องมีผู้คนมาเสนอพันธะวิวาห์และคู่รักให้กับเขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยินคำพูดและได้เห็นปฏิกิริยาของเยียนเอ๋อร์ ก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มองไปยังนางด้วยสีหน้าที่อบอุ่น จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป เพื่อบอกให้นางรู้ว่าควรจะหยุดโขกศีรษะได้แล้ว

“เจ้าผิดอะไร? เหวยซือไม่เคยคิดว่าเจ้าผิด” เมื่อเยียนเอ๋อร์มองเห็นแววตาที่อ่อนโยนนั้น จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา และความรู้สึกที่แปลกๆ และอบอุ่นทันใดนั้นก็ไหลท่วมท้นอยู่ในจิตใจ

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็หันหน้าไปยังสองผู้ยิ่งใหญ่ ประสานมือและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้เยาว์รู้สึกซาบซึ้งและเป็นหนี้ความเมตตาของพวกท่าน แต่ฟางโหม่วไม่ต้องการคู่รักจริงๆ”

“นี่…” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วจงขมวดคิ้ว และมองไปยังเมิ่งฮ่าว

แต่ก็บอกได้ว่าเขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว และผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจจะบังคับให้ผู้ถูกเลือกที่สำคัญมากที่สุดของสำนักกระทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจของตนเอง จากนั้นมันก็มองไปยังเยียนเอ๋อร์ และนึกย้อนไปถึงแววตาที่อบอุ่นของเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้นก็เข้าใจได้ในทันที สีหน้าแปลกๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

สีหน้าของหลิวอวิ๋นจื้อจุนบูดบึ้งเป็นอย่างยิ่ง มันมายังที่แห่งนี้ด้วยศักดิ์ฐานะที่เป็นผู้อาวุโส และยังได้แสดงท่าทีให้ความเคารพต่อฟางมู่เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นหญิงสาวเยาว์วัยที่มันนำมาจากตระกูลของตนเอง ก็เป็นผู้ที่มีความงดงามอย่างไร้ที่เปรียบ แต่คาดไม่ถึงว่าฟางมู่จะปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้

ทันใดนั้นแรงกดดันก็เริ่มกดทับลงมาในห้องรับแขกนี้ เมิ่งฮ่าวยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่เยียนเอ๋อร์มีท่าทางหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

พร้อมกับเสียงแค่นเย็นชาหลิวอวิ๋นจื้อจุนหันหน้าไปประสานมือให้กับผู้ยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วจง จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ หันหลังและจากไป สำหรับหญิงสาวเยาว์วัย นางหยุดความพยายามที่จะปกปิดสีหน้าที่ดูถูกของตนเองไว้ ขณะที่หมุนตัวจากไป ก็ปรากฏเป็นสีหน้าที่เหยียดหยามขึ้นมา

ขณะที่นางกำลังจะเดินออกจากประตูไป ก็หันหลังมองกลับมาและพึมพำว่า “ความรักที่ผิดศีลธรรมระหว่างอาจารย์และศิษย์ ช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!