ตอนที่ 1505
เจ้าคือบุตรแห่งหลัวเทียน
เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน ที่ตนเองจะผ่านสถานที่แห่งนี้ไป ดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ไม่เคยคงอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมาก่อน!
มันเป็นสถานที่ที่ว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง!
สิ่งที่มองเห็นนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องหมุนคว้าง จากนั้นก็มองออกไปยังตำแหน่งนั้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งทันใดนั้นก็เริ่มมีระลอกคลื่นเกิดขึ้นและบิดเบี้ยวไปมา ไม่นานหลังจากนั้นดินแดนอันกว้างใหญ่…ก็ปรากฏขึ้น
ราวกับว่ามีหัตถ์ยักษ์ลากมันออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่คำพูดของซงเต้าจื่อดังก้องขึ้นมาในจิตใจ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเริ่มพุ่งถอยไปทางด้านหลัง แต่ในตอนนี้เองที่เสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก็ดังก้องออกมา
“สหายเต๋าเมิ่ง พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
เวลาเดียวกันนั้น เครื่องหมายผนึกที่เมิ่งฮ่าวสร้างไว้อยู่รอบๆ ตัวก็เริ่มแตกร้าวและกระจัดกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป เจตจำนงบางอย่างผ่านเข้ามาในบริเวณนี้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางเส้นทางมัน
จากนั้นก็มองเห็นหญิงสาวนางหนึ่งก้าวเดินเนิบนาบตรงมา สวมใส่ชุดยาวสีม่วง และกระโปรงยาวที่มีลวดลายของดวงดาวซึ่งกำลังส่องประกายอยู่นับไม่ถ้วน มีหน้าตาที่งดงาม และดูเหมือนว่าจะมีดวงตาที่สาดประกายขึ้นคล้ายกับความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเอง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น ขณะที่กล่าวว่า “หานเป้ย!”
หญิงสาวนางนี้ก็คือหานเป้ยนั่นเอง แต่นางในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากคนที่เขาเคยพบเห็นมาบนดาวชางหมางเมื่อเร็วๆ นี้
หานเป้ยในตอนนี้ดูลี้ลับเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเทียบกับตนเองแล้วก็ดูอ่อนแอราวกับเป็นฟองไข่ น่าเสียดายที่วิญญาณนางได้หลอมรวมอยู่กับวิญญาณของฉู่อวี้เยียน ทำให้มั่นใจได้ว่าถ้านางตายไป ฉู่อวี้เยียนก็จะต้องตายไปด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวคงจะทำอะไรบางอย่างกับตัวนางมานานแล้ว
แต่หานเป้ยที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าตนเองในตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่คล้ายกับเป็นความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งปวง ถึงแม้ว่าหานเป้ยกำลังยืนอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ก็ราวกับว่านางกำลังกระจายเป็นเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียนออกมา ราวกับว่านางคือร่างจำแลงของมัน
ซงเต้าจื่อซึ่งเป็นหลัวเทียนสือเจ่อ ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง แต่เจตจำนงแห่งหลัวเทียนบนร่างมันเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าหานเป้ยจะกลายเป็นศูนย์รวมเจตจำนงแห่งหลัวเทียนไปแล้ว
ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องก้มศีรษะลงให้กับนางอย่างไร้ทางเลือกเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสั่นสะท้านกับการปรากฏกายขึ้นมาของนาง จากดินแดนอันกว้างใหญ่ ไปจนถึงดวงดาว กระแสน้ำวนนับไม่ถ้วน โลกและอาณาจักรทั้งปวง สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจนไม่อาจจะนับได้ ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน พวกมันทั้งหลายต่างก็รู้ว่าต้องจงรักภักดีต่อการปรากฏขึ้นมาของเจตจำนงแห่งหลัวเทียนนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้าน ขณะที่กระแสปราณแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวงกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับอุโมงค์ ซึ่งมีหานเป้ยเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ที่นั่น
ภาพที่เห็นนี้ทำให้ม่านตาเมิ่งฮ่าวก็หรี่เล็กลง
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีความรู้สึกว่าหานเป้ยไม่ได้เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น นางแทบจะอยู่ในที่แห่งนี้มาตั้งแต่ตอนที่เมิ่งฮ่าวเริ่มทำการควาญหาวิญญาณซงเต้าจื่อแล้ว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าขณะที่มองไป นางหันหน้ามาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกับความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เป็นรอยยิ้มที่ประกอบไปด้วยความลี้ลับอย่างลึกล้ำ
“เลิกทำตัวเป็นภูตผีได้แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น โบกสะบัดมือออกไป ทำให้พลังการฝึกตนพุ่งทะยานขึ้น พลังแห่งกระจกทองแดงระเบิดออกไป กลายเป็นชุดเกราะนับรบอันน่าตกใจ เวลาเดียวกันนั้นพลังของเมิ่งฮ่าวก็กรีดเฉือนออกไปพร้อมกับอาวุธสงคราม
พลังการโจมตีนี้ฉีกกระชากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้ขาดออก ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่แรงระเบิดพุ่งตรงไปยังหานเป้ย แต่นางก็ไม่ยอมหลบเลี่ยง และยังได้ยิ้มออกมาอีกด้วย
“การที่เจ้ารู้ว่าที่แห่งนี้มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดไม่สำคัญแต่อย่างใด ข้าคิดว่าคงไม่อาจจะรักษาความลับได้นานมากนัก” นางหัวเราะหึๆ ปล่อยให้อาวุธสงครามกรีดเฉือนลงมา แต่ราวกับว่านางไม่เคยคงอยู่มาก่อน พลังแห่งอาวุธสงครามพุ่งผ่านร่างนางออกไป ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านหลังนาง เกิดเป็นระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนกระจายออกไป
“ไร้ประโยชน์แม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่ร่างจริงของข้า เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ข้ามายังที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่พลังจากพื้นฐานฝึกตนของข้า แต่เป็นเจตจำนงอันยิ่งใหญ่แห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียน”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น และถอยไปทางด้านหลัง ปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่าที่จะสามารถรวบรวมขึ้นมาได้ เพื่อยืดระยะห่างระหว่างนางและตนเองออกไป
หานเป้ยส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ สถานที่แห่งนี้ถูกจัดเตรียมขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยเจตจำนงอันยิ่งใหญ่แห่งหลัวเทียน…เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ”
ด้วยเช่นนั้นนางจึงยื่นมือขวาออกมา และชี้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้างไปมาในทันที คาดไม่ถึงว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเริ่มหมุนวนไปมา และไม่ว่าเขาจะพยายามหลบหนีจากไปมากเท่าใด ก็ต้องจบลงด้วยการอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน!
หานเป้ยยิ้มและกล่าวว่า “เหตุผลที่เจ้าค้นพบดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เป็นเพราะว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนต้องการให้เป็นเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อเจ้าเคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่แห่งนี้ มันก็รู้ว่าเจ้าจะเดินทางผ่านมา”
“และเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่อ่อนแอเพียงไม่กี่แห่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียน ตอนนี้ดินแดนอันกว้างใหญ่อาจจะหายไปแล้ว แต่จุดอ่อนนั้นก็ยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเอง”
“จุดอ่อนนี้ทำให้คนที่ยังไม่ก้าวเข้าไปเหนือจุดสูงสุด สามารถจะเดินออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตได้เช่นกัน”
“เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่อยากรู้ว่าตรงด้านนอกความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? ก็แค่เดินออกไปจากตำแหน่งนี้ เจ้าก็จะรู้แล้ว” นางยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ และจากนั้นก็โบกสะบัดออกไป จากนั้นความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลังนางก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่าทุกส่วนในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียน ราวกับว่าเจตจำนงของหลัวเทียนที่คงอยู่ในสถานที่นับไม่ถ้วน…กำลังลืมตาขึ้นมา!
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านหลังหานเป้ย ปรากฏเป็นเส้นตรงแนวตั้งขึ้นมาหนึ่งเส้น จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตา ม่านตาและทั้งหมดอย่างน่าตกใจยิ่ง!
มันคือดวงตาแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เป็นดวงตาที่ก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียน!
เมื่อดวงตานี้เปิดออก เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นพลังที่ยากจะอธิบายออกมาได้ก็ระเบิดออกมาจากร่างหานเป้ย
พลังนั้นทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้ทั้งหมดพังทลายลงไป เผยให้เห็นเป็นหลุมดำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าหลุมดำนั้นถูกเปิดออกมาโดยใครบางคนเมื่อนานหลายปีจนนับไม่ถ้วนมาแล้ว ตอนนี้เมื่อมันเปิดเผยตัวเองออกมา ก็กระจายเป็นแรงดึงดูดอันน่าประหลาดใจขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่แรงดึงดูดนั้นคว้าจับตนเองไว้ จนแทบไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ ถูกลากตรงไปยังหลุมดำด้วยความไม่ยินยอม เวลาเดียวกันนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน ผลักดันให้เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังหลุมดำ ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ขณะที่เริ่มลอยออกไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น และปลดปล่อยพลังการฝึกตนทั้งหมดออกไป ใช้อาวุธสงครามกรีดเฉือนไปมาด้วยความพยายามจะทำให้ตนเองเคลื่อนที่ช้าลง แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ จึงจ้องมองขึ้นไปยังหานเป้ย ด้วยสายตาที่สาดประกายรังสีสังหารออกมาอย่างรุนแรง
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ตนเองกำลังมองไปจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่หานเป้ย แต่เป็น…เจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียน
“เจ้านั่นเอง!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและอาฆาตอย่างบ้าคลั่ง “เจตจำนงแห่งหลัวเทียน! เจ้าบงการให้อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารมาทำลายอาณาจักรขุนเขาทะเล คอยควบคุมชีวิตทั้งหมดของข้า!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่สีแดงในม่านตาก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม!
แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างหานเป้ย เห็นได้ชัดว่านางยากที่จะคงอยู่ภายใต้การควบคุมจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียน แต่ก็บังคับให้ตนเองต้องอดทนกล้ำกลืน มองไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมรอยยิ้ม กล่าวว่า
“เจ้าคิดว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนคือใคร?”
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง เขาคิดมาโดยตลอดว่า หลัวเทียนจะต้องคงอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นในคำว่าตระกูลทุกชั้นฟ้า (หลัวเทียน แปลว่า ทุกชั้นฟ้าหรือสวรรค์ทั้งปวง) ก็ประกอบด้วยตัวอักษรเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวคาดเดามานานแล้วว่าเรื่องทั้งสองนี้มีการเชื่อมโยงกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ดังออกมาจากปากหานเป้ยในตอนนี้ก็ทำให้ดวงตาต้องเบิกกว้างขึ้นมา
“ข้าคือบุตรีแห่งหลัวเทียน และเจ้า…ก็คือบุตรแห่งหลัวเทียน”
“ไร้ประโยชน์ที่จะต่อต้าน อันที่จริงเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อต้านได้แม้แต่น้อย เจตจำนงแห่งหลัวเทียนย้ำเตือนข้าว่า ไม่อาจจะฝืนทนไปได้อีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า แต่ก็ไม่เป็นไร”
“ข้ากำลังรอให้เจ้า…กลับมา เมื่อเจ้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็จะต้องยอมรับศักดิ์ฐานะที่เป็นบุตรแห่งหลัวเทียน เจ้าจะต้องลืมเรื่องราวเมื่อในอดีต ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง โลกของเจ้าจะไม่ใช่อาณาจักรขุนเขาทะเลอีกต่อไป มีแต่เพียง…หลัวเทียนเท่านั้น”
“และเจ้าก็จะกลายเป็น…หลัวเทียนสือเจ่อคนใหม่ บางทีเจ้าอาจจะกลายเป็น…สือเจ่อที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็เป็นได้”
“บางทีเจ้าอาจจะคล้ายกับข้า เป็นผู้พิทักษ์เต๋าแห่งเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ของหลัวเทียน!” รอยยิ้มของหานเป้ยยังคงดูเจ้าชู้เหมือนเช่นเคย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าร่างกายนางกำลังอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่เมิ่งฮ่าวพยายามใช้อาวุธสงครามทำให้ตนเองเคลื่อนที่ช้าลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้พลังระเบิดที่กำลังผลักดันตัวเองอยู่ และแรงดึงดูดที่กำลังฉุดลากตนเองไปอย่างไม่ลดละ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มหมุนคว้าง ร่างกายสั่นสะท้าน ตรงเข้าไปในส่วนลึกของหลุมดำ
ในชั่วพริบตาเขาก็ถูกกลืนกินลงไป!
หลุมดำกลายเป็นกระแสน้ำวนที่กำลังหมุนวนไปมา ค่อยๆ เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ ในที่สุดท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เวลาเดียวกันนั้นพลังระเบิดจากความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็จางหายไป ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แสงเริ่มสาดประกายออกมาจากร่างหานเป้ย เปลี่ยนนางให้กลายเป็นจุดแสงระยิบระยับและค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ
นางมองออกไปยังตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวถูกดูดกลืนเข้าไป และยังคงยิ้มออกมาอย่างต่อเนื่องเหมือนเช่นเคย ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง
“เมิ่งฮ่าว…บุตรแห่งหลัวเทียน เจ้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนัก เร็วจนแม้แต่เจตจำนงอันยิ่งใหญ่แห่งหลัวเทียนก็ยังต้องระมัดระวังตัว ดังนั้นถึงแม้ว่าเมล็ดพันธุ์นั้นจะยังไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ถึงเวลาที่จะต้องเก็บเกี่ยวแล้ว” หานเป้ยกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงหายเข้าไปในความมืดมิด
ในที่สุดท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เงียบกริบและมืดมิดลงไปโดยสิ้นเชิง
เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปบนดาวชางหมาง ในตี้อีจง (สำนักแรก) ร่างจริงหานเป้ยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในเขตเข้าฌานตามลำพัง ทันใดนั้นดวงตานางก็ลืมขึ้นมาในทันที และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก เริ่มแก่ชราลงไปอย่างเห็นได้ชัด และใบหน้าก็ซีดขาวไปโดยสิ้นเชิง
“ภายในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีต่อจากนี้ ข้าไม่อาจจะเรียกเจตจำนงแห่งหลัวเทียนมาได้อีกแล้ว” นางพึมพำ จากนั้นก็มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว “ข้าจะเฝ้ารอคอยให้เจ้ากลับมา จากนั้นเจ้าและข้าก็จะช่วยกันสร้างเมล็ดพันธุ์ใหม่บนดาวชางหมางแห่งนี้”