ตอนที่ 1536
ดับตะเกียงสัมฤทธิ์
ผู้คนนับไม่ถ้วนและสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่นๆ ต่างก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซึ่งดังก้องออกไปในอาณาจักรเทพ, อาณาจักรมาร, โลกและอาณาจักรอื่นๆ นับไม่ถ้วน แม้แต่ในผีเสื้อขุนเขาทะเล คนทั้งหมดต่างก็ได้ยินกันไปทั่ว
ภายในผีเสื้อขุนเขาทะเล ผู้คนมากมายที่รู้จักเมิ่งฮ่าวต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงต่อคำพูดเหล่านี้
ตูม!
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวพูดจบ ทั่วทั้งโลกที่เขายืนอยู่นี้ก็เงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง ด้วยแก่นแท้ที่ทำการหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้กลิ่นอายที่ไม่ได้เป็นของท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไป ด้วยความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นสายโซ่ภาพลวงตานับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าว โซ่ตรวนเหล่านั้นเริ่มระเบิดออกไปทีละเส้น!
เมื่อโซ่ตรวนเหล่านั้นถูกทำลายไป กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งน่าตกตะลึงจนแทบไม่อยากจะเชื่อมากขึ้น พื้นฐานฝึกตนที่ก้าวหน้าขึ้นไปนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวอยู่ในระดับที่สามารถจะ…ต่อสู้กับเจตจำนงแห่งหลัวเทียนได้โดยตรง!
ภายในเส้นลมปราณของเมิ่งฮ่าว พลังที่อยู่ภายในนั้นซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต…ต่างก็หายไปจนหมดสิ้น ถูกแทนที่โดยปราณอสูรที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน และสามารถจะย้อมโลกแห่งนี้ให้กลายเป็นสีแดงไปได้ทั้งหมด เส้นผมเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงเข้มไป และทันใดนั้นมหาสมุทรแห่งโลหิตอันไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว
เมิ่งฮ่าวมีความรู้สึกว่าโลกแห่งนี้ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ สามารถจะถูกเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยความคิดเพียงแวบเดียวของตนเอง
เขาสามารถจัดการหรือแม้แต่จะทำลายมันไปได้ถ้าต้องการ เวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งการขับไล่ที่ปรากฏขึ้นมา เป็นบางสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าต้องการจะขับไล่ตนเองออกไป
ดรรชนียักษ์ที่เบื้องบนเริ่มสั่นสะท้าน และเงาร่างสามเศียรหกแขนก็มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ บริเวณนั้น และดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะแตกต่างออกไปจากเดิม
เมิ่งฮ่าวมองเห็นกฎธรรมชาติของโลกแห่งนี้ มองเห็นเส้นใยที่เชื่อมต่อกันไปมา มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มองเห็นว่าร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่จริงๆ แล้วก็เป็นแค่เงาวิญญาณเท่านั้น มองเห็นว่าดรรชนีที่ด้านบนจริงๆ แล้วก็ประกอบขึ้นมาจากสัญลักษณ์เวทและเครื่องหมายผนึกนับไม่ถ้วน
“ที่แท้นี่ก็คือความรู้สึกของเหนือสูงสุด น่าเสียดาย…ที่ตอนนี้ข้ายังไม่ได้อยู่เหนือสูงสุดอย่างแท้จริง พื้นฐานฝึกตน, ร่างกาย และวิญญาณ มีแต่ทะลวงผ่านเข้าไปในสามส่วนนี้ทั้งหมด ถึงจะถือได้ว่าอยู่เหนือสูงสุดอย่างแท้จริง”
“ยกตัวอย่างเช่น จิ่วเฟิงจื้อจุน บรรลุแค่กายเนื้อเหนือสูงสุดเท่านั้น”
“สำหรับข้า พื้นฐานฝึกตนอยู่เหนือสูงสุด แต่ยังไม่ใช่ร่างกายและวิญญาณ…”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะใช้พื้นฐานฝึกตนเหนือสูงสุด ทำการดับตะเกียงสัมฤทธิ์ ถ้าโชคดี ข้าก็สามารถจะผลักดันให้กายเนื้อเข้าไปอยู่ในจุดเหนือสูงสุดได้!”
“ด้วยพื้นฐานฝึกตนและกายเนื้ออยู่เหนือสูงสุดทั้งคู่ ก็สามารถทำให้วิญญาณของข้า…เกิดการเปลี่ยนแปลง และก้าวเข้าไปอยู่เหนือสูงสุดได้เช่นกัน!”
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะอยู่ใน…อาณาจักรพื้นฐานเต๋าได้อย่างแท้จริง!”
“นั่นเป็นเพราะว่าข้าจะกลายเป็นแก่นแท้ ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งเต๋า สิ่งที่ข้าต้องการก็จะกลายเป็นกฎธรรมชาติ กฎธรรมชาติใดๆ ก็ตามที่ข้าไม่ต้องการก็จะไม่คงอยู่” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และ…ตะเกียงสัมฤทธิ์ก็ปรากฏขึ้น!
ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถจะหยุดยั้งเมิ่งฮ่าว ไม่ให้ก้าวเดินไปบนเส้นทางเหนือสูงสุดได้!
ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต หรือเจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็ตาม!
ภายในท้องฟ้าสมัยโบราณของเขตสุสาน ดรรชนียักษ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากร่างของเจตจำนงแห่งหลัวเทียนสั่นสะท้าน กลิ่นอายอันดุร้ายปะทุออกมาจากภายใน พุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้ต้องเลือนรางลงไป มีแต่ดรรชนีนี้เท่านั้นที่ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่แรงกดดันซึ่งเล็ดลอดออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวกระจัดกระจายออกไป อันเนื่องมาจากการทะลวงผ่านของเขา
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะบรรลุถึงแค่จุดนี้ แต่เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็ไม่อาจจะยอมรับได้ว่า เขาอาจจะเข้าไปอยู่เหนือสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง
พลังแห่งการขับไล่จากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ทันใดนั้นก็ระเบิดออกมา ทำให้โลกสมัยโบราณแห่งนี้ได้รับผลกระทบไปทั้งหมด ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งปวงต้องสั่นสะท้าน
ร่างจำแลงชางหมางเหลาจู่มองมาด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า มันกำลังจะขยับร่างเคลื่อนไหว แต่หลังจากที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และจากนั้นก็มองออกไปยังที่ห่างไกล จนดูเหมือนว่าจะลืมเลือนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
ดรรชนียักษ์ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และพื้นดินก็สั่นไหวไปมา รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าดินแดนกว้างใหญ่ทั้งหมดกำลังจะพังทลายลงมาแล้ว
ดรรชนีนั้นบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดสิ่งที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นก็ไม่ใช่ดรรชนีอีกต่อไป แต่เป็นภูเขาและพื้นที่ราบขนาดใหญ่
สิ่งเหล่านั้นก็คือ…ลายนิ้วมือ ซึ่งประกอบไปด้วยพลังของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต พลังเหล่านั้นมุ่งเน้นไปที่การสังหารเมิ่งฮ่าว ก่อนที่เขาจะสามารถเข้าไปสู่เหนือสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์
แต่ในขณะที่ดรรชนีนั้นตกลงมา เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ตะเกียงสัมฤทธิ์ลอยมาอยู่ที่เบื้องหน้า ลุกโชนขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ดูเก่าแก่โบราณราวกับเป็นสิ่งของจากห้วงบรรพกาล เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวังและแน่วแน่ เพ่งสมาธิไปที่พลังจากพื้นฐานฝึกตนเหนือสูงสุดของตนเอง และจากนั้น…
ก็เป่าลมหายใจออกจากปาก!
ลมหายใจนั้นคล้ายกับเป็นลมพายุ เป็นลมพายุที่เชื่อมต่อสวรรค์เข้ากับปฐพี เป็นลมพายุที่พุ่งขึ้นมา และกระแทกลงไปยังดรรชนีที่ก่อตัวขึ้นมาจากหลัวเทียน
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ท้องฟ้าแตกกระจายและพื้นดินก็พังทลายลงไป แต่ลมพายุนั้นก็ยังไม่อาจจะต่อต้านการทำลายล้างของดรรชนีแห่งหลัวเทียน และหายสาบสูญไป
อย่างไรก็ตามในตอนที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ลมหายใจของเมิ่งฮ่าวที่ถูกเกื้อหนุนโดยพลังจากพื้นฐานฝึกตนเหนือสูงสุด ก็พุ่งผ่านตะเกียงสัมฤทธิ์ไป เมื่อเป็นเช่นนั้นเปลวไฟก็กระพริบไปมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็เอียงไปยังอีกด้าน…และดับลงไป!
นี่คือตะเกียงวิญญาณดวงสุดท้ายของเมิ่งฮ่าว!
นี่คือตะเกียงสัมฤทธิ์ที่ได้มาจากโชควาสนาอันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งช่วยชีวิตตนเองไว้!
นี่คือตะเกียงสัมฤทธิ์ของชางหมางเหลาจู่!
ในตอนนี้มันถูกดับลงไปแล้ว!
ทันใดนั้นกลุ่มควันสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ไหลซึมเข้าไปในดวงตา หู จมูกและปากของเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลุ่มควันสีเขียวส่วนสุดท้ายลอยออกมา ตะเกียงสัมฤทธิ์ก็กลายเป็นเถ้าธุลีที่ลอยไปตามสายลม ราวกับว่าหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ มันก็กระจัดกระจายออกไปในแผ่นฟ้าและผืนดิน
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่ดรรชนีเจตจำนงแห่งหลัวเทียน ซึ่งเป็นดรรชนีที่ระเบิดเป็นพลังทำลายล้างโลกนี้ไป ตกลงมาห่างจากร่างเมิ่งฮ่าวเพียงแค่หนึ่งพันจ้างเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังลายนิ้วมือซึ่งดูคล้ายกับเป็นภูเขาและพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ เสื้อผ้ากระพือพลิ้วไปมาอยู่ในสายลม และเส้นผมก็ยุ่งเหยิงไปโดยสิ้นเชิง
ดรรชนีตกลงมาอย่างรวดเร็ว
“ตาย!” เสียงแผดร้องดังก้องออกมาจากที่ไหนสักแห่ง เหมือนเป็นคำประกาศิตซึ่งประกอบไปด้วยกฎธรรมชาติแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต เป็นพลังแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง ทั้งหมดนั้นกำลังส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เพียงชั่วขณะเท่านั้นก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าสวรรค์กำลังตกลงมาจากด้านบน แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่ยกมือขึ้นผลักออกไปยังดรรชนีนั้น ในตอนที่มือเมิ่งฮ่าวสัมผัสโดนดรรชนี เสียงกึกก้องก็ดังกระหึ่มออกไปทั่ว และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก รอยแตกร้าวเลื้อยออกไปจากด้านล่างเท้าของเมิ่งฮ่าว ขณะที่ทุกสรรพสิ่งพังทลายลงไป
ดินแดนกว้างใหญ่ทั้งหมดแตกกระจายกลายเป็นเศษซากปรักหักพังตกลงไป ด้านล่างเมิ่งฮ่าวไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากความว่างเปล่าแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
อย่างไรก็ตามตัวเมิ่งฮ่าวเองก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนออกไปแม้แต่หนึ่งชุ่น (ประมาณ 1 นิ้ว) ลอยตัวอยู่ที่นั่น ค้ำยันตนเองให้ยืนหยัดต่อต้านดรรชนีแห่งหลัวเทียน ถึงแม้ว่าจะมีโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันน่ากลัว
ม่านตาเมิ่งฮ่าวเป็นสีแดงเจิดจ้า ซึ่งเป็นรากฐานของอสูร และไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ บางทีแทนที่จะเรียกว่าอสูร น่าจะเหมาะสมกว่าถ้าจะเรียกมันว่าความปั่นป่วนวุ่นวาย มันคือรูปแบบของความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างถึงที่สุด เป็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่ตรงกันข้ามกับกฎธรรมชาติโดยสิ้นเชิง
นี่คือรูปแบบอสูรของเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่ใช่แก่นแท้ของเขา แก่นแท้นั้นครั้งหนึ่งเคยอยู่ในสีขาวของดวงตา ซึ่งในตอนนี้ก็มีสีสันใหม่ปรากฏขึ้นมาแล้ว เป็นสีม่วง!
เมิ่งฮ่าวมีดวงตาสีม่วง และม่านตาสีแดง กลิ่นอายที่กระจายออกมานี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ราวกับว่าเขาคือรูปแบบของความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่อยู่เหนือโลกแห่งนี้ทั้งหมด รวมทั้งฟ้าดินทั้งปวง
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นผลักออกไปต่อต้านดรรชนีนั้น ก็ยิ้มออกมา
“ในตอนนี้ไม่มีใครกำจัดข้าได้ ไม่มีใครควบคุมโชคชะตาข้าได้ ไม่มีใคร…คู่ควรที่จะมาเปลี่ยนแปลงวิถีของข้าได้”
“แม้แต่เจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต…ก็ไม่คู่ควร!”
“หลบไป!” เมิ่งฮ่าวฟาดฝ่ามือออกไป และเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังกระหึ่มกึกก้อง ใต้ผิวหนังของเมิ่งฮ่าวมองเห็นสิ่งที่คล้ายอสรพิษจำนวนมากกำลังดิ้นไปมา แต่พวกมันก็ไม่ใช่อสรพิษ พวกมันคือเส้นใยของกลุ่มควันสีเขียวที่ถูกดูดซับมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์
เส้นใยของกลุ่มควันจำนวนมาก ไหลออกไปทั่วร่างราวกับบ้าคลั่ง ประกอบไปด้วยพลังชีวิตอันไร้ขอบเขตทำให้เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งมากขึ้น ทรงพลังมากขึ้นในตอนนี้
ตูมมมมมมม!
เส้นเลือดเขียวโผล่ออกมาจากลำคอและใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่ก้าวเดินตรงไป ผลักมือไปยังดรรชนีนั้นจนมันต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างไร้ทางเลือก
มันไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น แต่พลังจากกายเนื้อของเมิ่งฮ่าวที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน กำลังบังคับให้มันต้องถอยหลังออกไป
แสงแห่งกาลเวลาแวบขึ้นมาอย่างเลือนราง และดูเหมือนว่าโลกแห่งนี้กำลังจะพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง เสียงแผดร้องด้วยโทสะดังก้องออกมา ขณะที่ดรรชนีนั้นกดดันลงมาด้วยพลังที่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยความตั้งใจที่จะกำจัดเมิ่งฮ่าวไปเหมือนเช่นเคย
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดงจ้า เส้นลมปราณได้บรรลุถึงขีดจำกัดและเริ่มระเบิดขึ้น จุดแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ภายในร่าง เวลาเดียวกันนั้น กายเนื้อและโลหิตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โครงกระดูก ร่างกาย เส้นลมปราณ และแม้แต่โลหิตก็เห็นได้ชัดว่าจางหายไป
แต่ถ้ามองมาจากทางภายนอก ก็ยังคงดูเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะว่าในตอนนี้ร่างกายของเมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นมนุษย์หรือผู้ฝึกตนอีกต่อไป เสียงฟ้าร้องคำรามที่ฉีกกระชากสวรรค์หั่นเฉือนปฐพีดังก้องออกไป ราวกับว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกำลังเป็นพยานให้กับเมิ่งฮ่าว ขณะที่เดินตรงไปอีกหนึ่งก้าว แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องอย่างยาวนานออกมา