ตอนที่ 1544
ตื่นเต้นและสั่นสะท้าน
ภายในโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล หวังโหย่วฉายกำลังฝึกตนอยู่ในทะเลทราย มันใช้เวลาสองพันปีสุดท้ายทำการทรมานตนเอง ทรมานกายเนื้อ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ และจิตใจ ด้วยวิธีการฝึกฝนอันโหดร้ายเช่นนี้ ทำให้พลังการต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มันกลายเป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใสสำหรับผู้คนนับไม่ถ้วนในผีเสื้อขุนเขาทะเล ถ้าให้กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว มันไม่ควรจะมีชีวิตได้นานมากเช่นนี้ อันที่จริงก็มีผู้แข็งแกร่งในผีเสื้อขุนเขาทะเลอีกมากมาย ที่อายุขัยน่าจะสิ้นสุดลงเมื่อนานมาแล้ว
แต่โลงศพสัมฤทธิ์ที่ผีเสื้อเกาะอยู่ ได้กระจายเป็นพลังแห่งกาลเวลาอันเข้มข้นออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้สามสิบสามสวรรค์บุกรุกเข้ามา พลังนั้นได้ช่วยหล่อเลี้ยงและปกป้องเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล แม้แต่กลุ่มคนที่น่าจะตายไปแล้วเมื่อในอดีตที่ผ่านมา
ดวงตาหวังโหย่วฉายกลายเป็นหลุมสีดำ ซึ่งไม่เคยจะเปิดขึ้นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ตอนนี้มันกำลังย่ำเดินไปบนทะเลทราย แต่ทันใดนั้นก็ต้องหยุดลงและมองขึ้นไป จากนั้นก็เริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องขึ้น พลังการฝึกตนอันไร้ขอบเขตปะทุขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นไป
“กลิ่นอายนั่น เสียงนั่น…เมิ่งฮ่าว! เป็นเมิ่งฮ่าว!” หวังโหย่วฉายหัวเราะเป็นเสียงดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง
ตรงส่วนอื่นของโลกผีเสื้อขุนเขาทะเล เป็นสำนักที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง เจ้าอ้วนอยู่ที่นั่น กลายเป็นบุรุษวัยกลางคนไปแล้วในตอนนี้ ดังนั้นจึงอ้วนฉุจนดูเหมือนกับเป็นภูเขาลูกน้อยๆ แต่ก็กระจายเป็นคลื่นพลังแห่งอาณาจักรเต๋าออกมา ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับหวังโหย่วฉาย
แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดของมัน คำพูดที่มันกล่าวขึ้นมาในสำนักคล้ายกับเป็นคำสั่งจากสวรรค์
ตอนนี้มันกำลังเคี้ยวหินลมปราณอยู่ในปาก ซึ่งเป็นวิธีการฝึกตนแบบพิเศษเฉพาะของมัน เป็นบางสิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ ในขณะที่มันดูดซับหินลมปราณเข้าไป ทันใดนั้นแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง เหมือนกับที่เคยพบเจอมาเมื่อในอดีต แต่ในครั้งนี้ก็มีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นร่างมันก็กลายเป็นเงาร่างอันเลือนราง บินขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
มันมองขึ้นไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน จากนั้นก็ส่งเสียงแผดร้องคำรามด้วยความตื่นเต้นและทรงพลังออกไป หลังจากที่ต้องอดกลั้นมานานหลายปี ก็สามารถจะระเบิดเป็นความบ้าคลั่งออกมาได้บ้างแล้ว
ศิษย์ทั้งหมดในสำนักต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ผู้อาวุโสบินขึ้นไปในอากาศ มองไปยังเจ้าอ้วนซึ่งเป็นปรมาจารย์ของพวกมันด้วยความประหลาดใจ
“ฮา ฮา ฮา! เมิ่งฮ่าวบัดซบ! ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”
“ข้าได้ยินแล้ว เมิ่งฮ่าว ข้าได้ยินแล้ว!” เจ้าอ้วนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความยินดี หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า
“นานกว่าสองพันปี พวกเรารอคอยเจ้ามานานกว่าสองพันปีแล้ว ในที่สุด…เจ้าก็กลับมา!”
กลุ่มคนที่ด้านล่างมองขึ้นไปยังปรมาจารย์ของพวกมัน ซึ่งกำลังหัวเราะและร้องไห้ออกมา ด้วยความไม่มั่นใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกมันส่วนใหญ่ต่างก็ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ ดังนั้นจึงไม่อาจจะได้ยินหรือรู้สึกได้เช่นเดียวกับสหายเก่าของเมิ่งฮ่าว
ชั่วขณะต่อมา เหล่าคนชรานับร้อยก็บินขึ้นมาจากภายในสำนัก พวกมันกำลังสั่นสะท้าน ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเมื่อครู่นี้เป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่เมื่อเห็นเจ้าอ้วนมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็ทำให้จิตใจต้องรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“เป็น…เป็นเมิ่งฮ่าวใช่หรือไม่?”
“เป็นมันจริงๆ! ฮา ฮา ฮา! มันกลับมาแล้ว!!”
“เป็นเมิ่งฮ่าว เป็นมัน! จักรพรรดิอสูร!!” เหล่าคนชราทั้งหมดเริ่มร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น สำหรับคนอื่นๆ ทั้งหมด ความสับสนของพวกมันเริ่มกลายเป็นความตกตะลึงขึ้นมาอย่างช้าๆ
“เมิ่งฮ่าว? เยาจุนต้าเหริน? (ผู้ยิ่งใหญ่จักรพรรดิอสูร) จากตำนานที่ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมา ท่านคือผู้แข็งแกร่งทรงพลังอันดับหนึ่งในอาณาจักรขุนเขาทะเล ซึ่งช่วยชีวิตพวกเราทั้งหมดเมื่อสองพันปีก่อน!”
“เยาจุนต้าเหรินกลับมาแล้ว? นี่…นี่เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่?” ศิษย์แต่ละคนเริ่มสั่นสะท้านและร้องตะโกนขึ้นมา
ตรงสถานที่อีกแห่งเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งก็คือฟางอวี๋พี่สาวเมิ่งฮ่าวและซุนไห่ คนทั้งสองบินออกมาจากบ้านของตนเอง ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แหงนมองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น
หยดน้ำตาแห่งความดีใจของฟางอวี๋ทำให้สายตาตนเองต้องพร่าเลือนไป ขณะที่กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวตี้…” (น้องชาย)
ซุนไห่มีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา ปฏิกิริยาของคนทั้งสองทำให้สามลำแสงพุ่งเข้ามาใกล้ เป็นสองบุรุษและหนึ่งสตรี ต่างก็อยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งก็คือบุตรธิดาของฟางอวี๋และซุนไห่
ผู้เยาว์ทั้งสามเหล่านี้แทบไม่เคยเห็นบิดามารดาของตนเอง แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะสอบถามถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้
“เตีย เหนียง เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“จิ้วจิว (น้าชายหรือน้องชายแม่) พวกเจ้ากลับมาแล้ว!” ฟางอวี๋ร้องตะโกนตอบ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้ามากที่สุดในรอบหนึ่งพันปีที่ผ่านมา
“จิ้วจิว? เมิ่งฮ่าว?”
“เยาจุนต้าเหริน?”
หลานชายและหลานสาวของเมิ่งฮ่าวแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาในยุคที่เมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว อันที่จริงสำหรับคนทั้งหมดที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่เป็นตำนาน เป็นเทพนิยายไปแล้ว
ที่ไหนสักแห่งในโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล ทันใดนั้นกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ก็ปะทุขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันน่าตกใจพุ่งกระจายออกไปเป็นวงกว้าง ฉับพลันนั้นชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในกลางอากาศ
ซึ่งก็คือ…ไว่กง (ท่านตา หรือบิดาของแม่) ของเมิ่งฮ่าว!
พื้นฐานฝึกตนของท่านอยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์อันยิ่งใหญ่แห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล
ท่านแหงนมองขึ้นไปในท้องฟ้า และหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา หยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลลงมาบนใบหน้า
สถานที่อีกแห่งก็มีกลิ่นอายของเจ็ดแก่นแท้ด้วยเช่นกัน เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากหุ่นเชิดที่ยืนสูงเด่นอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง หุ่นเชิดนั้นก็คือผู้ยิ่งใหญ่จากสวรรค์ชั้นแรก ซึ่งเมิ่งฮ่าวเคยผนึกไว้ในช่วงตอนเริ่มต้นการทำสงครามขุนเขาทะเล
เวลาเดียวกันนั้นตรงทิศตะวันออกอันห่างไกล ภายในอาณาเขตที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่งวิญญาณนับไม่ถ้วนลอยไปมา นี่คือยมโลกของผีเสื้อขุนเขาทะเล ซึ่งวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ถูกควบคุมอยู่ในที่แห่งนี้ อย่างน่าตกใจยิ่งกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้กระจายออกมาจากที่แห่งนั้น ซึ่งก็คือ…ตี้จ้าง! (พระโพธิสัตว์ที่ตั้งปณิธานว่าตราบใดที่ยังมีสัตว์อยู่ในนรกภูมิ ก็จะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า)
ในอดีตที่ผ่านมา ท่านคือราชันขุนเขาทะเลที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
ในทิศตะวันตกที่ห่างไกลออกไปเป็นทะเลอันไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นคลื่นขนาดใหญ่ก็ระเบิดขึ้นมา ตรงด้านบนยืนไว้ด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง ปลาวาฬขนาดใหญ่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาตรงด้านล่างมันอย่างช้าๆ ปลาวาฬตัวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาจากการกลายร่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาที่ปรับเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน มันคือเจินหลิงเยี่ย (วิญญาณราตรีที่แท้จริง) นั่นเอง!
และบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็คือ…เคอจิ่วซือ! อย่างน่าตกใจยิ่ง มันกำลังกระจายเป็นความผันผวนของระดับแปดแก่นแท้ออกมา!
ตลอดช่วงสองพันปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนอย่างน่าตกใจขึ้นมามากมายอยู่ภายในผีเสื้อขุนเขาทะเล แต่ที่น่าประหลาดใจมากที่สุด นอกเหนือจากหุ่นเชิดนั้นแล้ว ก็ยังมีอีกสามผู้ยิ่งใหญ่
เมิ่งไว่กงและตี้จ้าง เดิมทีก็เป็นผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตี้จ้าง ซึ่งเคยเป็นราชันจักรพรรดิมาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใดที่คนทั้งสองจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับเคอจิ่วซือ ก่อนที่จะตกลงมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันเป็นใคร แล้วผู้ใดจะไปคาดคิดได้ว่าภายในช่วงเวลาไม่กี่ร้อยปี มันจะอยู่ในระดับแปดแก่นแท้?
ในตอนนี้สี่ผู้ยิ่งใหญ่กำลังมองขึ้นไปในท้องฟ้า ราวกับว่าสามารถจะมองเห็นเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามาจากทางด้านบนของสามสิบสามสวรรค์
ตรงตำแหน่งอื่นในทะเลแห่งโลกผีเสื้อขุนเขาทะเล มองเห็นเกาะขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเกราะป้องกันที่เรืองแสงระยิบระยับ แต่ก็ยังคงสามารถจะมองเห็นเมืองทั้งหมดบนเกาะนั้นได้ ราวกับว่าเป็นโลกของมันเอง
อย่างน่าตกใจยิ่งมีเต่ายักษ์ตัวหนึ่งนอนอยู่ตรงด้านล่างของเกาะนั้น ซึ่งก็คือ…ปรมาจารย์เอกะเทวะ! มันอ้าปากหาวและจ้องมองขึ้นไปในท้องฟ้า
“ทำไมกลิ่นอายนั่นถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก? บัดซบ เหลาจู่ (ปรมาจารย์) คิดมากไปแล้ว กลิ่นอายนั่นเป็นของใคร? ทำไมถึงทำให้ข้ารู้สึกว่า…อยากจะร้องไห้ออกมา?” ปรมาจารย์เอกะเทวะพึมพำกับตัวเอง มองเห็นหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่บนศีรษะของมัน ซึ่งกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจอยู่ในตอนนี้
หญิงสาวเยาว์วัยนางนั้นก็คือกู๋อี่ติงซานอวี่นั่นเอง! (หยดน้ำฝนที่ตกลงมาในเดือนสามของปีอี่ติงสมัยโบราณ)
ด้านหลังนางเป็นบุรุษผู้หนึ่ง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าอยู่ในวัยกลางคน แต่ก็มีเส้นผมที่ขาวโพลนไปทั่วทั้งศีรษะ มีกลิ่นอายที่อยู่ในช่วงเสื่อมสภาพ แต่ก็มีไข่มุกลูกหนึ่งหมุนวนเป็นรูปวงกลมอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวมัน
คนผู้นี้ก็คือ…ต๋งหู่!
“ข้าหล่อเลี้ยงไข่มุกลูกนี้ด้วยร่างกายตัวเองมานานหลายปีแล้ว เพื่อรอคอยเจ้านายของมัน ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วบางทีมันอาจจะเป็นของเมิ่งฮ่าวก็ได้” ดวงตาต๋งหู่สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ตกตะลึงและประหลาดใจ โลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเลสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าทันใดนั้นชีวิตใหม่ก็ไหลเข้ามา
สหายเก่าของเมิ่งฮ่าวทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความตื่นเต้น รวมทั้งหลี่หลิงเอ๋อร์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกจากไห่เมิ่ง และจื่อเซียงด้วยเช่นกัน ยังมีผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกด้วย คนทั้งหมดต่างก็ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
“มันกลับมาแล้ว…”
“เมิ่งฮ่าวกลับมาแล้ว!!”
“จักรพรรดิอสูรกลับมาแล้ว!” คนทั้งหมดร้องตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น การเฝ้ารอคอยทั้งหมดในตอนนี้…ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!
เวลาเดียวกันนั้น ระลอกคลื่นอันทรงพลังก็กระจายออกมาจากกองกำลังขนาดใหญ่ พวกมันเร่งความเร็วขึ้น ส่งผลให้กลุ่มหมอกแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย
กลุ่มคนนอกคอกที่อาศัยอยู่ในสามสิบสามสวรรค์ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สังเกตเห็น พวกมันไม่รู้ว่าอะไรกำลังใกล้เข้ามา และเห็นได้ชัดว่าไม่ให้ความใส่ใจแม้แต่น้อย
ด้วยการมีผนึกไร้ขอบเขต รวมทั้งค่ายกลเวทป้องกันอื่นๆ ซึ่งถูกก่อตั้งโดยอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร ทำให้สามารถจะขับไล่สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่พยายามจะเจาะทะลวงเข้ามาตลอดช่วงสองพันปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนั้นถูกขัดขวาง และถูกสังหารไปโดยตรงมากมาย
สิ่งที่ทำให้สามสิบสามสวรรค์รู้สึกพึงพอใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ภายในผนึกไร้ขอบเขตนั้น ยังมี…เต้าฟาง ซึ่งเป็นเสมือนกับผู้พิทักษ์ของพวกมัน และด้วยความช่วยเหลือจากอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเต้าฟางก้าวหน้าขึ้นไปจากเมื่อในอดีต
แต่บุคคลที่พวกมันเชื่อมั่นมากที่สุด ซึ่งก็คือเต้าฟาง กำลังสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้