ตอนที่ 1561
ภูเขาในภูเขา
เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงท่องเที่ยวไปทั่วในโลกของผีเสื้อขุนเขาทะเล เพื่อเยี่ยมเยือนสหายเก่าและคนรู้จักมากมาย พวกมันร้องไห้ พวกมันถอนหายใจ ในขณะที่พบหน้ากัน แต่ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ยังคงรักษามิตรภาพจากก่อนหน้านี้ไว้ได้ นั่นเป็นเพราะว่าศักดิ์ฐานะของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความรู้สึกห่างเหินเป็นอย่างมาก
ในที่สุดคนทั้งสองก็ไปเยี่ยมเยือนฟางอวี๋และซุนไห่ เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของซุนไห่ ก็กระแอมไอออกมาและกล่าวว่า
“เสียวไห่อา (ไห่น้อย)”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ท่าทางที่ผึ่งผายภาคภูมิใจของซุนไห่ต้องเหี่ยวเฉาลงไปอย่างฉับพลัน และใบหน้าก็มีรอยยิ้มประจบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ไม่อาจจะตำหนิซุนไห่ได้ ชื่อเสียงและความดุร้ายของเมิ่งฮ่าวเมื่อในอดีต มีอิทธิพลต่อซุนไห่อย่างลึกล้ำ เห็นได้ชัดจากความจริงที่ว่ามันเคยโกนผมจนล้านเลี่ยนไปทั้งศีรษะ นอกจากนี้…ตอนที่คนทั้งสองพบกันในครั้งแรก เมิ่งฮ่าวก็เคยจิกดึงผมมันลากไปรอบๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีมากแค่ไหน เมื่อซุนไห่คิดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา
ซุนไห่ต้องการจะมีท่าทางภาคภูมิใจในตัวเองต่อหน้าเสี่ยวจิ้วจื่อ (น้องชายภรรยา) เป็นอย่างยิ่ง
แต่ต้องมาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ก่อนที่มันจะทันได้สงบจิตใจลง ฟางอวี๋ก็จ้องมองมาและจากนั้นก็ตบตีมันจนร่างลอยละลิ่วออกไปจากบ้าน แต่ซุนไห่ก็คุ้นเคยกับถูกตบตีเช่นนี้มานานแล้ว และจริงๆ แล้วบุตรธิดาของคนทั้งสองก็คุ้นเคยกับการกระทำเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
แก้มซุนไห่บวมช้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง ราวกับว่าบุคคลที่มีท่าทางภาคภูมิใจเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ตัวเองจริงๆ แต่นี่ก็คือตัวตนจริงๆ ของมัน จึงเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับเมิ่งฮ่าว แต่เมิ่งฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
“เสียวไห่…”
ซุนไห่สั่นสะท้าน แต่คนที่ถูกตบตีในครั้งนี้ไม่ใช่มัน กลับเป็นเมิ่งฮ่าว ฟางอวี๋ต่อยหมัดออกไป แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่กล้าจะหลบเลี่ยง สะกดข่มพลังการฝึกตนไว้ ปล่อยให้หมัดนั้นกระแทกลงมาโดยตรง
เมื่อเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงจากไป ซุนไห่ก็มาส่งคนทั้งสองออกเดินทาง ใบหน้ามันเต็มไปด้วยรอยบวมช้ำสีม่วงคล้ำมากมาย เมิ่งฮ่าวก็ดูคล้ายคลึงกัน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับความกราดเกรี้ยวที่ระเบิดออกมาของพี่สาว ก็ได้แต่ต้องถอนหายใจออกมาเท่านั้น แต่ตรงกันข้ามกับสวี่ชิง นางได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปมาก ฟางอวี๋กุมมือนาง อธิบายถึงรายละเอียดของประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำที่รุนแรง ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ในที่สุดเขาก็โอบไหล่ซุนไห่ ถอนหายใจกล่าวว่า
“ข้ารู้สึกเห็นใจท่านจริงๆ เจี่ยฟู (พี่เขย)…”
ซุนไห่ฝืนยิ้มออกมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่า
“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าชอบมัน ผู้หญิงยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งดี ยิ่งรุนแรงก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก!” ซุนไห่ถอนหายใจและมองไปยังภรรยา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความหลงใหล
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ ขึ้นมา รีบกล่าวคำอำลา พาสวี่ชิงบินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นแววตาที่ครุ่นคิดของสวี่ชิง ก็ต้องเริ่มวิตกขึ้นมา หลังจากที่นางสังเกตเห็นสีหน้าของเมิ่งฮ่าว ก็กลอกตาไปมา ยกมือปิดปากและหัวเราะขึ้น
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งเดือนต่อมา เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงไปเยี่ยมเยือนสหายเก่าของคนทั้งสองจนครบเกือบหมดแล้ว ในตอนขากลับเมื่อคนทั้งสองกำลังบินผ่านทะเลแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดลง
“ยังมีสหายเก่าในที่แห่งนี้ที่ข้าต้องการจะเยี่ยมด้วย” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับหัวเราะหึๆ สวี่ชิงไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังทะเล และกล่าวว่า
“เหลาจู่ (ปรมาจารย์) ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”
ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด ท้องทะเลยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เมิ่งฮ่าวรอคอยอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็แค่นเสียงเย็นชา
เสียงนั้นผ่านเข้าไปในน้ำ และจากนั้นก็เริ่มพลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา
ขณะที่เต่าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พร้อมกับเมืองที่อยู่บนหลังของมัน เสียงของปรมาจารย์เอกะเทวะดังก้องขึ้น ด้วยความรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
“เมิ่งฮ่าว เจ้าสารเลวน้อย คิดจะทำอะไร? ตอนนี้พลังการฝึกตนของเจ้าสูงส่งแล้ว ก็เลยมารังแกเหลาจู่ (ปรมาจารย์)? บัดซบ! นี่มันศิษย์คิดล้างครูชัดๆ! เจ้า เจ้า เจ้าน่าจะคิดไปถึงในตอนนั้นที่เหลาจู่ดีต่อเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้านำของวิเศษของเหลาจู่ไปไม่น้อยแล้ว ใช่หรือไม่?” ปรมาจารย์เอกะเทวะจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว กระพริบตาไปมา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันกำลังหลอกลวงอยู่
เมิ่งฮ่าวมองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะชั่วขณะ และกำลังจะพูดขึ้นมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดินแดนขนาดใหญ่ที่อยู่บนหลังของปรมาจารย์เอกะเทวะจู่ๆ ก็เคลื่อนที่ออกไป เผยให้เห็นตัวอักษรที่อยู่บนกระดองของมัน…
เป็นตัวอักษรแถวหนึ่งที่เขียนไว้ว่า “เต่าของเมิ่งฮ่าว”
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ อดไม่ได้ที่จะต้องพึมพำว่าปรมาจารย์เอกะเทวะช่างเป็นผู้ที่ชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกพึงพอใจในตัวเองเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าก็ยังคงเสแสร้งทำเป็นมีโทสะขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวเริ่มหัวเราะหึๆ
ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ กล่าวว่า “ศิษย์เมิ่งฮ่าวมาน้อมคารวะ ท่านปรมาจารย์”
ท่าทีเช่นนี้ทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะมีท่าทางอ่อนลงเล็กน้อยในทันที
ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า รู้สึกปลาบปลื้มกับประสบการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ยังได้สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อยอีกด้วย แอบคิดว่า “อา สวรรค์! นี่คือเชาทัว (ผู้อยู่เหนือสูงสุด) แต่ก็มาคารวะเหลาจู่อย่างเป็นทางการ ฮา ฮา ฮา! ยังคงเป็นเหลาจู่ที่ชาญฉลาด ฮึ่ม! เจ้าสารเลวน้อยอาจจะมีพลังการฝึกตนอยู่เหนือสูงสุด แต่ในแง่ของความฉลาดแล้ว มันยังห่างไกลอีกมากนัก”
มันกำลังแอบรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา วางท่าเป็นผู้เฒ่ามากประสบการณ์ต่อไป กล่าวว่า
“เจ้ามาคารวะเหลาจู่เช่นนี้ ด้วยเรื่องอันใด?”
“ท่านปรมาจารย์ อาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งใหม่ไม่มีเต่าเสวียนอู่อยู่เลย หว่านเป้ย (ผู้เยาว์) จึงอยากจะขอร้องให้ท่านคอยดูแลขุนเขาทะเลที่เก้า กลายเป็นเต่าเสวียนอู่ของอาณาจักรขุนเขาทะเลเพียงลำพัง ช่วยดูแลกระแสปราณแห่งขุนเขาทะเลให้คงอยู่ไปตลอดกาล เรื่องเช่นนี้เต่าอื่นๆ ไม่อาจจะทำได้ มีแต่ท่านปรมาจารย์เท่านั้น ใช่หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวกล่าวไปยิ้มไป
ปรมาจารย์เอกะเทวะอ้าปากค้าง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก็ถามว่า
“เจ้าต้องการให้ข้าเป็นเต่าดูแลกระแสปราณแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล? คอยดูแลกระแสปราณไปตราบชั่วนิรันดร์? เหลาจู่เป็นแค่นั้น? ข้า…สามารถฝึกฝนเวทกระแสปราณแห่งอาณาจักร
ขุนเขาทะเล และได้รับความรู้แจ้งเวทผนึกอสูรแห่งจิ่วต้าซานไห่? (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่)”
จิตใจของปรมาจารย์เอกะเทวะพลุ่งพล่านขึ้นด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คล้ายกับฝันที่เป็นจริง เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมันจนยากที่จะอธิบายออกมาได้
ถ้ามันกลายเป็นเต่าเสวียนอู่เพียงหนึ่งเดียวแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็จะได้ประโยชน์จากการรวมตัวกันของกระแสปราณจากอาณาจักรทั้งหมด และจะมีศักดิ์ฐานะที่โดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ใช่แล้ว ท่านปรมาจารย์ นี่เป็นหน้าที่หลักเพียงอย่างเดียวของท่าน อาณาจักรขุนเขาทะเลมีพันธมิตรผู้ผนึกอสูรเป็นเหมือนกับจิตวิญญาณของมัน เวทผนึกเป็นโครงกระดูก และขุนเขาทะเลก็เป็นเหมือนกับเลือดเนื้อ ท่านและข้าเป็นสมาชิกเพียงหนึ่งเดียวของพันธมิตรผู้ผนึกอสูร ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งนี้ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ท่านแล้ว ก็ไม่มีใครอีกที่จะสามารถทำได้” เมิ่งฮ่าวมองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะพร้อมรอยยิ้ม กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งเยือกเย็น และยังได้พูดประจบเยินยออีกด้วย
อันที่จริงเมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้ แต่เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะเป็นสหายเก่าของตนเอง เขาจึงไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีการเช่นนี้มาทำให้มันรู้สึกยินดี
“พันธมิตรผู้ผนึกอสูร? เหลาจู่ไม่ใช่อ่า” ปรมาจารย์เอกะเทวะโพล่งขึ้น แต่ก็รู้สึกเสียใจในทันทีที่พูดขึ้นมาเช่นนั้น รีบเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว “ได้ ได้! เห็นแก่หน้าเจ้า เหลาจู่ยอมตกลงด้วย”
เมิ่งฮ่าวยิ้ม กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ท่านปรมาจารย์ ท่านเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของข้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะเป็นพันธมิตรผู้ผนึกอสูรด้วยเช่นกัน ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์”
ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ปรากฏขึ้น เขารีบขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็วและชี้ตรงไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ
“ในนามของข้า, เมิ่งฮ่าว ปรมาจารย์เอกะเทวะจงกลายเป็นเต่าเสวียนอู่เพียงหนึ่งเดียวแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล อาศัยอยู่ในขุนเขาที่เก้า!”
“อาณาจักรขุนเขาทะเล ประกอบด้วยเก้าขุนเขาและเก้าทะเล เต่าเสวียนอู่นี้แบกภูเขาต้าชิงซึ่งเป็นภูเขายืนยันเต๋าของข้าไว้บนหลัง จึงขอให้ภูเขานั้นกลายเป็นภูเขาในภูเขา!”