Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 160

ตอนที่ 160

ไม่มีแซ่เมิ่งในครอบครัวทั้งเก้า

ด้านนอกเป็นกระถางสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มหึมา แต่ทว่าด้านในกลับมีกระถางทรงกลมจากสวรรค์ กระถางรูปทรงกลมนี้เป็นรูปแบบแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง!

จิตใจของเมิ่งฮ่าวหมุนเคว้งคว้าง ขณะที่เขาเห็นของสิ่งนี้ การที่ได้เห็นกระถางที่ใหญ่โตมหาศาลเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่ามันได้ประกอบไปด้วยบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับจักรวาล

“รูปปั้นที่คุกเข่าอยู่ทั้งเก้า, จุดสูงสุดของสวรรค์ทั้งเก้า” บุรุษชุดเทาพึมพำ ร่างเริ่มสั่นสะท้าน “ร่างที่คุกเข่าอยู่เหล่านี้ไม่ใช่ผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นตัวแทนของความต้องการแห่งสวรรค์!”

“ไม่, ไม่ใช่ ทำไมกระถางถึงได้กลับด้านเช่นนี้? มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ สวรรค์กลม และปฐพีสี่เหลี่ยม นั่นเป็นความจริงที่รับรู้กันทั่วไปตั้งแต่สมัยโบราณ มันเป็นกฎซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเมื่อหลายหมื่น หมื่นปีมาแล้ว, ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของสวรรค์และปฐพี”

“กระถางควรจะเป็นทรงกลมที่ด้านนอก และสี่เหลี่ยมที่ด้านใน นั่นถึงจะถูกต้อง ในกรณีนั้น มันก็จะเป็นเช่นคำกล่าวที่ว่า สวรรค์อยู่ที่ด้านนอก ข้างบน ปฐพีอยู่ที่ด้านใน ข้างล่าง…” ร่างของมันสั่นมากยิ่งขึ้น ขณะที่มันยังคงพึมพำกับตัวเองต่อไป ดูเหมือนมันไม่อาจจะเข้าใจในโลกของกระถางแห่งนี้ ซึ่งมีสี่เหลี่ยมอยู่ที่ด้านนอก และทรงกลมอยู่ที่ด้านใน

ฉือโหย่วเต้าจ้องไปยังกระถางทรงกลมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ดวงตาของมันส่องประกายแปลกๆ ออกมา ยากที่จะบอกว่ามันกำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่

ดวงตาของเซี่ยเจี๋ยหดเล็กลง ถึงแม้มันจะตกใจ แต่ทันใดนั้นมันก็หยิบแผ่นหยกออกมา มันจารึกทุกอย่างนี้ไว้ภายในแผ่นหยกนั้น

หานเป้ยก็ดูเหมือนจะตกใจด้วยเช่นกัน นางมองไปยังรอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้น และจากนั้นแสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นในดวงตา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นความเคารพเลื่อมใสในตัวบรรพบุรุษของนาง

“ข้าเข้าใจแล้ว” บุรุษชุดเทากล่าว เสียงของมันสั่นสะท้าน “สวรรค์กลม และปฐพีสี่เหลี่ยม กระถางด้านนอกกลมก็คือสวรรค์ กระถางที่ด้านในเป็นสี่เหลี่ยมก็คือปฐพี นั่นถึงจะสอดคล้องกับต้องการแห่งสวรรค์ แต่นี่…นี่คือสิ่งที่ชั่วร้าย! มันแสดงให้เห็นว่าปฐพีกำลังปกคลุมสวรรค์ ซึ่งก็เหมือนกับการกำลังกลบฝังสวรรค์!!”

“ด้วยรูปแบบนี้, กระถางกลมคือสวรรค์, กระถางสีเหลี่ยมคือปฐพี สถานที่นี้…ก็คือหลุมฝังศพ!!” ความประหลาดใจอย่างรุนแรงเติมเต็มอยู่ในน้ำเสียงของมัน ขณะที่พูดออกมา มันค่อยๆ ก้าวถอยไปด้านหลังช้าๆ สามก้าว กระอักโลหิตออกมา ใบหน้าของมันซีดขาว และดวงตาก็สาดแสงเจิดจ้าด้วยความแปลกใจ มือของมันขยับไปมาราวกับว่ามันกำลังคำนวนอะไรบางอย่าง และเสียงของมันก็เริ่มดังมากขึ้น

“ผู้สักการะทั้งเก้านี้ ต้องเป็นยอดสูงสุดของสวรรค์อย่างแน่นอน! พวกมันเพียงแค่ถูกแปลงให้กลายเป็นรูปปั้น เห็นได้ชัดว่า พวกมันเป็นตัวแทนของดวงดาวอันลี้ลับทั้งเก้าตามตำนานปรัมปรา ดวงดาวอันลี้ลับทั้งเก้านั้นต่างก็เทิดทูนบูชากระถาง รูปแบบแห่งสวรรค์ได้ตกผลึกอยู่ที่นี่ กระถางสัมฤทธิ์สี่เหลี่ยม ด้านในกลบฝังไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งสวรรค์!”

“ช่างกล้าหาญ! ช่างยิ่งใหญ่นัก! หลุมฝังศพที่มีสวรรค์ถูกกลบฝังอยู่ด้านในของปฐพี!! แต่นี่เป็นหลุมฝังศพของใครกัน? ผู้ที่ยินดีจะเผชิญหน้ากับความตายด้วยการขโมยโชคชะตามาจากสวรรค์! ที่นี่คือโลงศพ และดินแดนสงบสุขที่ด้านนอกก็คือหลุมฝังศพ!”

“เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน, สถานที่นี้ก็ไม่ใช่ดินแดนสงบสุข แต่เป็นดินแดนต้องสาป! มันเป็นหลุมฝังศพที่ขัดขืนต่อต้านสวรรค์!”

คำพูดของมันดังเข้าไปในหูของคนอื่นๆ และกลายเป็นความหนาวเย็น สีหน้าของเซี่ยเจี๋ยและฉือโหย่วเต้าเปลี่ยนไป เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอาการสั่นไหวในร่าง คำพูดของบุรุษชุดเทาดังก้องอยู่ภายใน สร้างความรู้สึกที่คุ้นเคยขึ้นมา บางทีสถานที่นี้…ก็เป็นหลุมฝังศพจริงๆ

เขาย้อนคิดกลับไปยังภาพที่เขาได้เห็นที่ด้านนอกของกระถาง และเสียงของบุรุษที่เขาได้ยินเมื่อสายฟ้าฟาดลงมาที่มัน

“เมื่อเจ้าไม่ต้องการให้ข้านำกระถางนี้ไปจากสถานที่แห่งนี้ ก็ไม่เป็นไร…ข้าก็จะพักผ่อนอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล รอคอยวันที่เจ้าตกลงมา”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และคิดย้อนกลับไปยังเสียงโบราณอื่นที่เขาได้ยินจากด้านในของกระถาง

“มันเป็นเจ้าที่ต้องการจะโค่นล้มสวรรค์ เพื่อแทนที่หมู่ดาว, เพื่อปกปิดดวงตาของข้าด้วยยอดสูงสุดแห่งสวรรค์, ต้นเจี้ยนมู่จะไม่ยอมจำนน, เพื่อบดขยี้หมู่ดาว เจ้านายของข้าอาจจะจำศีลอยู่ แต่ท่านก็ยังคงอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันกับจี้?!”

เสียงนั้นดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ใจเขาเต้นรัว และเขาก็คิดย้อนกลับไปยังตำนานของต้นชุนชิว และการที่ต้นเจี้ยนมู่ยินยอมตาย ดีกว่าที่จะยอมอ่อนน้อมต่อสวรรค์ เขายังได้คิดไปถึงภัยพิบัติของชนเผ่าไท่เอ้อโบราณ รวมถึงธงสามแฉก ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ด้านในของหน้ากากเซียนโลหิต ธงผืนนั้นมีตัวอักษร จี้ เขียนอยู่!

เขายังได้คิดกลับไปถึงข้อเรียกร้องของเซียนโลหิต ให้กลั่นสกัดสายเลือดของจี้!

“สหายเต๋า” หานเป้ยกล่าว “ไม่จำเป็นต้องตื่นตกใจ” เสียงชัดเจนที่คล้ายระฆังเงิน ดังออกมา ถึงแม้ว่ามันไม่อาจจะดังไปกว่าเสียงของฟ้าคำราม แต่ทุกคนก็ได้ยินเสียงของนางอย่างชัดเจน

“ข้าไม่รู้ว่าสถานที่นี้ใช่หลุมฝังศพหรือไม่ แต่เท่าที่พวกท่านทั้งหมดได้เห็น บุคคลที่กำลังถือม้วนตำราโบราณนั้นเป็นบรรพบุรุษของข้าเอง รูปปั้นนั้นถูกกระแทกจนแตกออกมาโดยสายฟ้าแห่งสวรรค์ นั่นเป็นเหตุผลที่ส่วนแรกของต้นแบบแห่งกาลเวลา ได้หลุดออกมาจากสถานที่นี้ได้อย่างไร ซึ่งในที่สุดก็ถูกครอบครองโดยชนรุ่นหลัง”

นางหันหน้ามามองที่เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ “จริงๆ แล้ว สิ่งของทั้งหมดในที่นี้ มีเพียงตำรานี้เท่านั้นจะสามารถนำออกไปได้ รูปปั้นอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็สมบูรณ์และไม่มีรอยแตกใดๆ”

“ข้าได้เข้าร่วมการประชุมลับมาไม่กี่ครั้ง พวกท่านทั้งหมดก็ได้เห็นข้อความของข้า จึงทำให้พวกท่านตัดสินใจที่จะมาที่นี่ พวกท่านทั้งหมดต่างก็มีเหตุผลส่วนตัวที่จะมายังที่นี่ และแน่นอนว่ามีกองกำลังที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่ ซึ่งข้าก็ทราบดี และจริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้สนใจว่าพวกท่านเป็นตัวแทนของใคร”

นางกล่าวต่อไปด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าเพียงแต่หวังว่าเพื่อประโยชน์ของเก้าดวงดาวลี้ลับ พวกท่านทั้งหมดจะรักษาคำสัญญา ในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแค่มอง แต่เมื่อพวกเราเข้าไปใกล้รูปปั้น ข้าก็จะมีหนทางในการเอาตำราทั้งสองเล่มนั้นมา จากนั้นพวกเราก็จะคัดลอกกันได้ทุกคน”

“อันที่จริง จุดประสงค์หลักที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อ มาแสดงความเคารพที่หน้ารูปปั้นบรรพบุรุษของข้าเพียงเท่านั้น” เสียงของนางดูเหมือนจะประกอบไปด้วยพลังแปลกๆ ที่ทำให้ทุกคนเยือกเย็นลง สีหน้าของบุรุษชุดเทาเริ่มกลับคืนเป็นปกติอย่างช้าๆ ตอนนี้เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็เริ่มสงสัยถึงจุดประสงค์ของบุรุษผู้นี้ว่า มันจะพูดเรื่องเหล่านั้นไปทำไมกัน

และเขาก็สงสัยในคำพูดของหานเป้ยด้วยเล็กน้อย “เพื่อประโยชน์ของเก้าดวงดาวลี้ลับ”

“มันอยู่ไม่ไกลแล้วในตอนนี้” หานเป้ยพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม, ต่อจากนี้ข้าต้องขอความช่วยเหลือจากสหายเต๋าฉือ และสหายเต๋าซือคง จะมีสายฟ้าเพิ่มมากขึ้นหลังจากจุดนี้ และการไปก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น เดิมที พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสที่จะทำเช่นนี้เลย แต่ในปีที่ส่วนแรกของต้นแบบลอยออกไป มันได้สร้างเป็นเส้นทางขึ้นมา ด้านในของเส้นทางนั้น พวกเราก็จะปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น พลังของสายฟ้าจะไม่ค่อยรุนแรงมากนัก”

“ยิ่งไปกว่านั้น, มันยังมีช่วงที่อ่อนแออย่างไม่ต่อเนื่องอยู่ แต่เป็นเวลาที่สั้นมาก เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม แต่ก็น่าจะเพียงพอให้พวกเราผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ข้าได้เลือกเวลาเริ่มต้นของภารกิจนี้ให้ตรงกับช่วงที่อ่อนแอของสายฟ้าไว้แล้ว!” นางมองกวาดไปที่พวกเขาทั้งหมด และจากนั้นก็มองขึ้นไป ราวกับว่ากำลังรอคอยบางอย่างอยู่

หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป สายฟ้าที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เริ่มริบหรี่ลง มันยังคงมีอยู่อย่างหนาแน่น แต่แรงกดดันจากการฟาดลงมาของพวกมันเริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ค่อยน่าหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้

“สายฟ้าจ่ะอ่อนแอลงเพียงครึ่งชั่วยาม สหายเต๋าฉือ, สหายเต๋าซือคง เร็วเข้า!” ดวงตาของนางสาดประกายขณะที่ยกมือขวาขึ้นมา ชิ้นของแผ่นหยกโบราณสีดำปรากฎขึ้น และลอยอยู่ด้านบนของพวกเขา ดูเหมือนจะชี้ไปยังทิศทางที่แน่นอน

ด้วยการพึมพำกับตัวเอง ฉือโหย่วเต้าเดินตรงไป บุรุษชุดเทาดูเหมือนจะกลับเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ มันไปพร้อมกับฉือโหย่วเต้า พลังของขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณแผ่กระจายออกมาจากพวกมัน หนึ่งในสองเห็นได้ชัดว่ากระจายลมปราณชนิดไม้ออกมา แต่จากนั้นบุรุษชุดเทาก็เริ่มกระจายลมปราณชนิดฝุ่นละอองออกมา ซึ่งได้บดบังลมปราณชนิดไม้ไว้โดยสิ้นเชิง ขณะที่พวกมันเดินตรงไปข้างหน้า แสงสีน้ำตาลอมเหลืองก็กระจายเป็นระลอกคลื่นออกมา

บุคคลทั้งสองถือของวิเศษอยู่ในมือ และหานเป้ยก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางโบกสะบัดมือ และแผ่นหยกโบราณนั้นก็เปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมา ทุกคนเดินไปอย่างระมัดระวัง

เนื่องจากการลดลงของสายฟ้าแบบชั่วคราว พวกเขาจึงสามารถพุ่งตรงไปได้ค่อนข้างเร็วมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม, ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้รูปปั้นนั้นมากเท่าไหร่ สายฟ้าก็เพิ่มความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น เสียงกระหึ่มกึกก้องดังอยู่เต็มท้องฟ้า สายฟ้าฟาดลงมา บางสายก็กระแทกลงไปบนพื้นใกล้ๆ กับกลุ่มของคนทั้งห้า จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านขณะที่มุ่งหน้าต่อไป

ฉือโหย่วเต้า และบุรุษชุดเทา เดินไปด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนจะยากลำบากมากขึ้น ในไม่ช้า รอยแตกก็ปรากฎขึ้นบนของวิเศษของพวกมัน โดยไม่ลังเล พวกมันหยิบเอาสิ่งของที่ใช้ต่อต้านสายฟ้าชิ้นอื่นออกมา สีหน้าของเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย และเขาก็ไม่พูดอะไร เขาไม่ได้แสดงให้เห็นว่า ถ้าเขาถูกขอร้องให้ช่วยเหลือ เขาก็พร้อมที่จะทำภารกิจนั้น และจนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกมันก็ยังไม่ได้ขอร้องให้เขาทำอะไร

สถานที่นี้อันตรายมาก แต่พวกมันที่เหลือทุกคนก็ได้เลือกที่จะมายังที่นี้ และได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

ภายในมือของเมิ่งฮ่าวเป็นเครื่องรางนำโชค ซึ่งเขาได้ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และในที่สุดคนทั้งกลุ่มก็เข้าไปใกล้รูปปั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของฉือโหย่วเต้าและบุรุษชุดเทาซีดเผือด พวกมันกำลังไปถึงข้อจำกัดของตัวเอง ขณะที่เข้าไปใกล้รูปปั้น สายฟ้าก็หนาแน่นเพิ่มมากขึ้น พวกมันสูญเสียของวิเศษไปหลายชิ้นแล้ว และกำลังกระอักโลหิตออกมา พวกมันไม่อาจไปต่อได้อีก

ทันใดนั้น สายฟ้าก็เริ่มจะฟาดลงมา มุ่งหน้าตรงมายังคนทั้งกลุ่ม เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของฉือโหย่วเต้าและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป แผ่นหยกโบราณที่หานเป้ยกวัดแกว่งอยู่ ทันใดนั้น ก็กระจายเป็นเกราะป้องกันอันเจิดจ้าบาดตาออกมา เมื่อสายฟ้าฟาดลงมาบนเกราะป้องกันนั้น เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังกึกก้องออกมา หานเป้ยกระอักโลหิตออกมา เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ประจุไฟฟ้ารายล้อมอยู่รอบๆ ตัว และใบหน้าของพวกมันก็ซีดจนไร้สีเลือด โดยเฉพาะกับฉือโหย่วเต้าและบุรุษชุดเทา ซึ่งมีร่างกายที่สั่นสะท้านไปมา

สายฟ้าจางหายไปกลายเป็นประจุไฟฟ้ากระพริบไปมา และทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา พวกมันมองออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวังมากกว่าที่ผ่านมา

“สหายเต๋าหาน” ฉือโหย่วเต้ากล่าวขึ้น หันหน้าจ้องไปที่หานเป้ย “ท่านมิใช่บอกว่าสายฟ้าจะอ่อนแรงลง? ที่มันฟาดลงมาเมื่อครู่นี้ทำไมถึงได้ทรงพลังนัก?!”

เมิ่งฮ่าวเช็ดโลหิตออกจากริมฝีปาก แต่ดวงตาสาดประกาย เศษของสายฟ้าภายในร่างของเขากำลังถูกดูดซับโดยธวัชสายฟ้า ดูเหมือนว่ามันกำลังเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง

อันที่จริง ถึงจะเห็นว่าเขาบาดเจ็บ แต่หลังจากที่กระอักโลหิตออกมา เขาก็เป็นปกติเหมือนเดิม แต่เขาก็บังคับให้ใบหน้าดูซีดขาวต่อไป

เช็ดโลหิตออกจากปาก หานเป้ยกล่าวตอบเสียงเย็นชา “พวกท่านทั้งหมดต่างก็เลือกจะมายังสถานที่นี้ ไม่มีทางที่พวกท่านจะไม่ทราบว่า สถานที่นี้ไม่ได้เหมาะกับผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ถ้าไม่ใช่การเข้าใจในสถานที่นี้ของข้า, ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นหยกโบราณนี้, ถ้าไม่ใช่เพราะบางสิ่งที่พวกเราทั้งหมดรู้ พวกเราก็จะไม่เดินเข้ามายังสถานที่นี้ พวกเราไม่แม้แต่จะสามารถผ่านเข้ามาในกระถางนี้ได้”

“สำหรับสายฟ้า มันอ่อนแรงลงไปในตอนนี้ แต่ก็อาจจะมีสายฟ้าบางสายที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรง” นางหันไปยังเซี่ยเจี๋ย

“ศิษย์พี่เซี่ย, เมื่อมาถึงตอนนี้ พวกเราก็มาถึงจุดที่ท่านต้องแสดงออกบ้างแล้ว สถานที่นี้ยังมีบางสิ่งที่สำนักชิงหลัวค้นหาอยู่ ซึ่งพวกมันได้วางแผนให้ถูกล้วงไปด้วยหอคอยร้อยวิญญาณ ถึงพวกมันจะไม่สนใจการกระทำของพวกเราในที่นี้ แต่พวกมันก็ต้องจัดเวรยามไว้ที่ด้านนอกอย่างไม่ต้องสงสัย”

“พวกเราทั้งสองต่างก็รู้ว่า พวกมันไม่กล้าจะเข้ามายังสถานที่นี้ นอกจากทายาทของครอบครัวอันยิ่งใหญ่ทั้งเก้าแล้ว ใครก็ตามที่เข้ามายังที่นี้ต้องตาย ครอบครัวอันยิ่งใหญ่ทั้งเก้าได้ถูกปฏิเสธจากดินแดนด้านใต้ จึงทำให้คนในครอบครัวทั้งเก้า รุ่นปัจจุบันนี้ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต  และพวกมันก็เกือบจะประกอบไปด้วยคนธรรมดาไปทั้งหมด ใครที่สามารถฝึกวิถีเซียนก็มักจะถูกไล่ต้อนโดยสำนักต่างๆ พวกเรามีท่าทางที่ดูสง่างาม แต่ในความเป็นจริง พวกเราก็ไม่ต่างกับวัวควายเท่าไหร่ ท่านและข้าต่างก็เป็นแค่เครื่องมือสอดรู้สอดเห็นของสำนักชิงหลัว”

เซี่ยเจี๋ยเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ยิ้มออกมา “จริงๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ข้าอยากรู้อยากเห็นมากที่สุดก็คือ ครอบครัวอันยิ่งใหญ่ทั้งเก้า ไม่ได้มีแซ่เมิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีหนึ่งในเก้ารูปปั้นนี้ที่คล้ายคลึงกับสหายเต๋าเมิ่งเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น มันสามารถเข้ามายังสถานที่นี้ได้อย่างไร?” มันมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่มีความหมายอย่างลึกล้ำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!