ตอนที่ 239
หลี่ฟูกุ้ย ไว้หน้าข้าบ้าง
คำพูดของหลินไห่หลง ทำให้อาจารย์ปรุงยาทั้งหมดเริ่มหอบหายใจในทันที ดวงตาของพวกมันสาดประกาย เมื่อคิดถึงการได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตา ความโชคดีเช่นนี้ช่างมหัศจรรย์อย่างน่าเหลือเชื่อ!
ถ้าพวกมันสามารถไขว่คว้าความโชคดีนี้ไว้ได้ มันก็แทบจะกลายเป็นโชคชะตา!
มันเป็นโอกาส ซึ่งถ้าฉกฉวยมาได้ ก็จะทำให้พวกมันทะยานขึ้นไปจนถึงสวรรค์ชั้นฟ้า!
อาจารย์ปรุงยาวิ่งตรงเข้ามา รวมถึงคนที่อยู่ตรงเชิงเขาด้านล่าง ซานจิ่วไม่เคยคาดคิดว่า หลินไห่หลงจะกล่าวเช่นนั้นมาก่อน ดวงตาของมันหรี่เล็กลง
จากการเข้าใจของมันเกี่ยวกับตัวหลินไห่หลง มันรู้ว่าหลินไห่หลงคงไม่เสนอเรื่องเช่นนี้แบบไร้เหตุผล มันต้องมีความหมายแอบซ่อนอยู่ลึกๆ อยู่ในคำพูดนั้นอย่างแน่นอน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ดวงตาซานจิ่วทันใดนั้นก็เริ่มส่องประกาย “อย่าบอกข้านะว่า มันกำลังพยายามที่จะ…ล่อเจ้าโอสถจอมกระถางออกมา!?” มันคิด
ดูเหมือนว่าฉู่อวี้เยียนและเจ้าแห่งเตาอีกสิบคนหรือมากกว่านั้น ก็กำลังคิดเช่นเดียวกัน แต่ละคนมองมาด้วยสายตาที่เจิดจ้า อันจ้ายไห่ปรากฎเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้น และมันก็ชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าวแวบหนึ่ง มันตระหนักดีถึงเจตนาของหลินไห่หลง
ในแผนกเม็ดยาบูรพาทั้งหมด อันจ้ายไห่เป็นเพียงบุคคลเดียว นอกจากเจ้าโอสถจอมปีศาจ ที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าโอสถจอมกระถาง มันไม่ได้ป่าวประกาศบอกใครๆ ให้รับรู้ แน่นอนว่า มันไม่แน่ใจถึงเจตจำนงของเจ้าโอสถจอมปีศาจ แต่ท่านก็ได้เน้นย้ำถึงสามครั้ง ว่าไม่ให้อันจ้ายไห่กระทำการใดๆ เกี่ยวกับเจ้าโอสถจอมกระถาง อันจ้ายไห่จึงไม่แม้แต่จะเอ่ยนามนี้กับคนอื่นๆ
อาจารย์ปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพามาถึงทีละคน เจ้าอ้วนก็ยิ่งรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ มันยืนอยู่ที่นั่น ถูตะไบฟันด้วยกระบี่บินจนส่องประกายเจิดจ้า ความอิ่มอกอิ่มใจของมันเริ่มเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“มา มา” มันพูดอย่างวางมาด “ฟันของข้ากำลังรู้สึกคันอยู่เล็กน้อย ถ้าพวกท่านมีทักษะเพียงพอ ก็โปรดช่วยปรุงเม็ดยาที่สามารถทำลายมันได้ออกมา ถ้ามีใครทำได้ ข้าก็จะขอเรียกว่าท่านปู่!” หนึ่งในอาจารย์ปรุงยา ก้าวเท้าออกมาท่ามกลางสหายนับร้อย มันประสานมือคารวะให้กับหลินไห่หลง และอันจ้ายไห่ จากนั้นก็เริ่มปรุงเม็ดยา
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น อาจารย์ปรุงยาอีกเจ็ดคนก็ก้าวออกมา และเริ่มปรุงยา ทุกคนมองไป ขณะที่อาจารย์ปรุงยาเหล่านั้นเพ่งสมาธิไปที่ต้นสมุนไพรและปรุงเม็ดยา มันเป็นภาพที่ละลานตาเป็นอย่างยิ่ง เวลาผ่านไป ในไม่ช้า ก็มียาลอยตรงไปที่เจ้าอ้วนทีละเม็ด
เม็ดยาเหล่านี้ได้ถูกปรุงขึ้นด้วยความระมัดระวังอย่างสูงสุด โดยอาจารย์ปรุงยาเกือบสิบคน ทุกคนต่างก็มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งต่อผลงานของตัวเอง เจ้าอ้วนอ้าปากขึ้น และโยนเม็ดยาทั้งหมดเข้าไปในปาก เสียงขบเคี้ยวก็ดังออกมาแทงเข้าไปในจิตใจของอาจารย์ปรุงยาทั้งแปด ใบหน้าของพวกมันหมองคล้ำลง
“ถุย!” เจ้าอ้วนถ่มเศษของเม็ดยาออกมา “มีใครอีกหรือไม่!?” มันตะโกนถาม ดูท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก ดูเหมือนมันรู้สึกว่าฟันของมันสมควรจะได้รับความเคารพอย่างสูงสุดในสวรรค์และปฐพีนี้
เมื่อได้เห็นความพ่ายแพ้ของอาจารย์ปรุงยาทั้งแปด คนอื่นๆ ที่คิดว่าจะเข้าร่วมด้วยก็ลังเลขึ้นในทันใด พวกมันมองไปที่ฟันของเจ้าอ้วน คิดไปว่าราวกับเจ้าอ้วนมีกระบี่ที่แหลมคมอยู่ในปาก ดูเหมือนไม่ว่าเม็ดยาใดๆ เข้าไปในปากของมันก็จะแหลกลงเป็นชิ้นๆ
“มีใครอีกหรือไม่!?”
ไม่มีใครตอบรับเจ้าอ้วน รวมถึงไม่มีใครก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อปรุงเม็ดยา เจ้าอ้วนผู้หยิ่งยโสก็หยิบเอาหินลมปราณออกมาอีกก้อน หย่อนเข้าไปในปาก และเคี้ยวจนแหลกละเอียด
อาจารย์ปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นอ้าปากค้าง เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ พวกมันหลายคนรวบรวมความกล้าได้อย่างง่ายดาย คิดเกี่ยวกับสูตรยา และพยายามที่จะก้าวออกไปปรุงเม็ดยา แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าด้วยตาตัวเอง ก็ทำให้พวกมันเปลี่ยนใจในทันที
พวกมันมองไปยังเจ้าอ้วนอย่างฉุนเฉียว แอบถอนหายใจอยู่ด้านใน ขณะที่ความคิดหลากหลายวิ่งผ่านเข้ามาในจิตใจ
“เจ้าผู้นี้คงไม่ใช่มนุษย์! เม็ดยาอะไรที่จะต่อต้านฟันเช่นนั้นได้…?”
“บัดซบ, เจ้าอ้วนผู้นี้คงจะมีฟันเช่นนั้นมาตั้งแต่กำเนิด มันไม่ใช่ผู้ฝึกตน, มันเป็นสัตว์ประหลาด!”
“มันไม่กลัวว่าจะบังเอิญกัดลิ้นตัวเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง…? มันกินหินลมปราณลงไปจริงๆ? มันมีกระเพาะแบบไหนกันแน่นะ? ที่สามารถย่อยหินลมปราณได้ด้วย?”
ทั้งหมดดูเหมือนจะคิดว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายของพวกมันนัก
เจ้าอ้วนกลืนหินลมปราณลงไป จากนั้นก็เริ่มถูตะไบฟันของมันจนมีเสียงดังออกมาอีกครั้ง จากตอนที่มันเริ่มเข้าสังกัดสำนักจินซวง มันก็ได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี และไม่เคยทุกข์ยากลำบากใดๆ แน่นอนว่า มันต้องถือโอกาสนี้เพื่อที่จะแสดงความสามารถของมันออกมา และถือโอกาสชำเลืองไปรอบๆ มองหานักปรุงยาหญิงสาวที่น่ารัก
มันไม่สนใจฉู่อวี้เยียน แน่นอนว่า ในความคิดของมัน เห็นได้ชัดว่าฉู่อวี้เยียนเป็นคนของพี่ชายมัน เมิ่งฮ่าว และมันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่าเจ้าอ้วนเคารพเทิดทูนเมิ่งฮ่าวอย่างแท้จริง
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังอยู่ในท่ามกลางความอิ่มเอมใจและหยิ่งยโสของมัน เมิ่งฮ่าวก็ส่งเสียงไอออกมาเบาๆ เขาไม่ได้โง่เขลา และสามารถบอกได้ว่า หลินและอัน กำลังพยายามจะใช้โอกาสนี้ เพื่อจะค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าโอสถจอมกระถาง นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำไมเขาถึงได้ลังเล แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ด้วยการไอเบาๆ เขาก้าวเท้าออกมาจากฝูงชน และเริ่มเดินตรงไป นี่แน่นอนว่า ได้กลายเป็นจุดสนใจของอาจารย์ปรุงยาทั้งหมดในทันที
ฉู่อวี้เยียนขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา หลังจากชำเลืองมองแวบเดียว นางก็ไม่สนใจเขาอีก แสงริบหรี่ที่มองแทบไม่เห็นปรากฎขึ้นในดวงตาของอันจ้ายไห่ และรอยยิ้มจางๆ ก็เกิดขึ้นที่ริมฝีปากของมัน
ดวงตาหลินไห่หลงเต็มไปด้วยการมองที่ลึกซึ้ง มันสำรวจดูเมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด
“เป็นมันหรือไม่…?” มันพึมพำกับตัวเอง
ซานจิ่วก็มองมายังเมิ่งฮ่าวเช่นเดียวกัน สีหน้ามันเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีใครรับรู้ถึงเบาะแสใดๆ
เมิ่งฮ่าวประสานมือ โค้งตัวให้กับอันจ้ายไห่และหลินไห่หลง “ข้าคือฟางมู่ ต้องการจะปรุงเม็ดยาสักเล็กน้อย ท่านผู้อาวุโสทั้งสองจะยินยอมให้ข้าทำหรือไม่?”
อันจ้ายไห่ไม่พูดอะไรออกมา หลินไห่หลงพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็โยนแก้วผลึกไฟมา ลอยอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว
“โอ๊ะโอ่!” เจ้าอ้วนร้องออกมา ชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยหางตา “เด็กน้อยก้าวออกมาอีกคนแล้ว อย่าลืมปรุงเม็ดยาที่แข็งมากจริงๆ นะ ฟันของข้าคันยิ่งนัก อยากจะกัดของที่แข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก!” น้ำเสียงของมันราวกับตลอดทั้งชีวิตของมันเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว และสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจของมันก็ทำให้ใครบางคนอยากจะตบหน้ามันสักฉาด
เมิ่งฮ่าวไม่ได้เริ่มขั้นตอนปรุงเม็ดยาในทันที เขามองไปยังเจ้าอ้วน และยิ้มออกมา
เจ้าอ้วนไม่แน่ใจว่าทำไม แต่มันก็เกิดความรู้สึกดีๆ เมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว มันตบไปที่พุงกล่าวว่า “เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไม? อ้ายยย, ข้าเป็นคนดีนะ เจ้ารู้อะไรหรือไม่? ครั้งนี้ข้าจะไม่กัดมันในคำเดียว ข้าจะกัดสามคำ”
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ และความรู้สึกผิดก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า เขาประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเจ้าอ้วน อันที่จริง เขาไม่ต้องการจะสร้างความลำบากใจให้กับหลี่ฟูกุ้ย แต่โอกาสในครั้งนี้ก็หายากจนเกินกว่าจะให้ผ่านไปได้
“อี๋? ท่าทางเช่นนี้คืออะไร? อ้ายยยย, ก็ได้, ก็ได้ ห้าคำ ข้าจะกัดห้าคำ เป็นอย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าหลินไห่หลงก็หมองคล้ำลงมากขึ้น เหมือนกับใบหน้าของอาจารย์ปรุงยาที่อยู่รอบๆ ฉู่อวี้เยียนจ้องไปที่เจ้าอ้วนอย่างดุร้าย และจากนั้นก็เป็นเมิ่งฮ่าว
“อา, เจ้าอ้วน” เมิ่งฮ่าวคิด “จริงๆ แล้วพี่ใหญ่ไม่อยากจะหลอกเจ้าเช่นนี้เลย แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ…” ด้วยเสียงไออีกครั้ง เขาโบกสะบัดมือ กระถางปรุงยานกกระเรียนโลหิตก็ปรากฎขึ้น ลอยอยู่เหนือแก้วผลึกไฟ
สายตาทุกคู่จ้องนิ่งไปบนร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาเพ่งสมาธิ ทำให้กระถางปรุงยาร้อนขึ้นจนเป็นสีแดง จากนั้น เขาก็เริ่มหยิบต้นสมุนไพรออกมา บางต้นเขาก็เร่งปฏิกิริยามัน บางต้นเขาก็สกัดเอายางไม้ออกมา ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาคร่าวๆ ครึ่งชัวยาม ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็หยิบผงสีเทาออกมา ดูเหมือนมันจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ในการปรุงเม็ดยา ก็มักจะไม่ค่อยใช้ส่วนผสมสดใหม่มากนัก จึงมักมีผงยาที่เปลี่ยนเป็นสีเทาได้ถ้าเก็บไว้นาน รวมถึงส่วนผสมอื่นๆ ด้วย เช่นใบเถ้าธุลีบิน ซึ่งมีสีเทาตั้งแต่ตอนแรก
มีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่รู้ว่า ความมั่นใจที่เขาจะสามารถผลิตเม็ดยาซึ่งเจ้าอ้วนไม่อาจกัดให้แหลกได้ หลักใหญ่ๆ ก็มาจากผงสีเทานี้เอง มันไม่ใช่สิ่งของธรรมดา มันคือ…ฝุ่นผงซึ่งเกิดมาจากการระเบิดของขั้นตอนการลอกคราบของผีโต้ง
ผิวหนังบางส่วนได้กลายเป็นฝุ่นผงโดยตรง ซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะนำมาใช้เป็นส่วนผสมการปรุงเม็ดยาในครั้งนี้
ผิวหนังของผีโต้งเหนียวแน่นทนทานเป็นพิเศษ ในอดีตที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวได้ทดลองทำทุกวิถีทาง ผีโต้งมีเบื้องหลังความเป็นมาที่ลึกลับ และไม่อาจทำลายได้อย่างแท้จริง เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่า ไม่มีทางที่เจ้าอ้วนจะสามารถทำลายผิวหนังของผีโต้งได้ แต่ไม้ตายที่แท้จริงของการแข่งขันเล็กๆ ครั้งนี้ ไม่ใช่ฝุ่นผงนี้ แต่เป็นบางอย่างที่อยู่ในเม็ดยา…
“เจ้าอ้วน, ยกโทษให้ข้าด้วย…” เขาคิด ดวงตาสาดประกาย ขณะที่เม็ดยาสีดำลอยออกมา เขาคว้าจับมันไว้ กระถางปรุงยาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเดิมของมันอย่างช้าๆ
ยาเม็ดนี้มีขนาดเท่าเล็บนิ้ว และดูธรรมดาไม่ว่าจะมองไปมุมไหน แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เต็มไปด้วยผงผิวหนังของผีโต้ง ฝุ่นผงนั้นไม่อาจจะหลอมละลายได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็รวมมันเข้าไปในส่วนผสมของต้นสมุนไพร ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาทำมากกว่าการปรุงยา
ยาเม็ดนี้ไม่ได้ส่งกลิ่นหอมของตัวยาออกมา และมีสีดำสนิทราวราตรีอันมืดมิด เขาโยนไปให้เจ้าอ้วนด้วยท่าทางขอโทษ
เจ้าอ้วนคว้ามันไว้ด้วยท่าทางวางมาด “ข้าชักจะเริ่มชอบเจ้าแล้ว” มันกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะกัดมันห้าคำ ไม่น้อยกว่านี้แน่นอน” ด้วยท่าทางมีความสุข มันหย่อนเม็ดยาเข้าไปในปาก วางท่าเป็นผู้เก่งกล้าขณะที่มันชำเลืองมองไปยังนักปรุงยาหญิงสาวที่มันหมายตาไว้
ทันทีที่เม็ดยาเข้าไปในปาก มันก็หัวเราะ จากนั้นก็หลับตาลง และค่อยๆ กัดลงไปช้าๆ
“ดู! คำแรก!” คำพูดเลือนลางเล็กน้อย แต่ทุกคนก็เข้าใจว่ามันกำลังพูดอะไร
นักปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพาทั้งหมด ต่างก็ดูท่าทางอึดอัดใจ เห็นได้ชัด พวกมันคิดว่าหลี่ฟูกุ้ยน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
ยังคงพูดต่อไป เจ้าอ้วนกัดลงไปเป็นครั้งที่สอง แอบใช้แรงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จิตใจของมันเริ่มสั่นสะท้าน แต่ก็รักษาสีหน้าที่สงบนิ่งไว้ มันหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อไปว่ามันเป็นผู้ที่รักษาคำพูด และกัดลงไปห้าครั้ง
มันเริ่มรู้สึกกังวลขึ้น ครั้งแรกที่มันกัดลงไป มันใช้แรงเพียงแค่สามในสิบส่วน ครั้งที่สอง มันใช้แปดส่วน แต่ก็ยังไม่อาจจะทำให้เม็ดยาเป็นรอยได้แม้แต่น้อย ดูเหมือนเม็ดยานี้จะมีของบางอย่างที่ยืดหยุ่นได้ผสมอยู่ ทำให้มันรู้สึกปวดฟันขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าอ้วนดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ยอมตายดีกว่าเสียหน้า มันกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เมิ่งฮ่าวคิด ดูมีท่าทางเห็นอกเห็นใจ และขอโทษในเวลาเดียวกัน