ตอนที่ 309
คลื่นลูกใหม่สาดซัดมา!
“สถานที่แห่งนี้อาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อ!” เยี่ยเฟยโม่กล่าว น้ำเสียงอ่อนแอ “เมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้น พวกเราก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไป!” มันกำลังพูด แน่นอนว่า พูดกับศิษย์สำนักจื่อยิ่น ไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก
ใบหน้ามันซีดขาว และภายในความซีดนั้นก็ยังมองเห็น การเต้นของเส้นสีดำ มันไม่ใช่พิษ แต่เป็นแมลงกาฝากบางอย่าง เป็นผลจากวิชาเวทอันแปลกประหลาดจากทะเลทรายตะวันตก หลังจากที่ติดเชื้อ ก็จะทำให้บาดเจ็บอย่างวิกฤตและพื้นฐานฝึกตนจะสูญเสีย หรือตายไป
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เยี่ยเฟยโม่ก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นตอนนี้ ถ้าไม่คำนึงถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน
ฉู่อวี้เยียนกัดฟันแน่น ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาเม็ดยามากลืนลงไป สีหน้าของกลุ่มคนทั้งหมดตัดสินใจสู้ตาย แต่โชคร้ายที่นอกจากฉู่อวี้เยียนแล้ว คนทั้งหมดต่างก็มีลายสีดำแปลกๆ อยู่บนใบหน้า ดูเหมือนพวกมันทั้งหมดกำลังติดเชื้อจากแมลงกาฝาก
พื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก ไม่ได้สูงกว่าฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ พวกมันทั้งหมดอยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ และไม่มีใครอยู่ในจุดสูงสุด ดังนั้น พวกมันจึงลังเลอยู่สักพัก เหตุผลที่พวกมันไม่ได้สังหารในทันทีก็เพราะ ไม่ต้องการจะตอแยก่อปัญหากับดินแดนด้านใต้มากไป แต่รอยแกะสลักจากเมื่อครู่นี้เป็นของวิเศษอันล้ำค่า เมื่อได้เห็นสีหน้ายอมสู้ตายบนใบหน้าศิษย์สำนักจื่อยิ่น ก็ทำให้พวกมันต้องมองตากันไปมา ในที่สุด รังสีสังหารอันเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากดวงตาพวกมัน
“สังหารพวกมัน! ก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะพังทลายไป!” ด้วยดวงตาที่เจิดจ้า การโจมตีก็เริ่มขึ้น พลังแห่งรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็สำแดงออกมา กลายเป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่สี่ตัว พุ่งตรงไปยังฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ
ในตอนวิกฤตนี้เองที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น กลุ่มหมอกปกคลุมตัวเขา ทำให้ไม่อาจแยกแยะรูปลักษณ์ของเขาออกได้ ก่อนที่ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาก็ไปยืนอยู่หน้าฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ ยกมือขวาขึ้นมา และโบกสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า กลายเป็นรูปดวงจันทร์ขนาดใหญ่
จันทราม่วง ด้วยพลังที่ตัดแยกชีวิต มันกระแทกเข้าไปในสัตว์อสูรทั้งสี่ ส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกมองมาอย่างตกตะลึง จากนั้นก็ถอยไปด้านหลังทีละคน รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนร่างสองคนในกลุ่มพวกมัน เริ่มสั่นกระเพื่อมขึ้นมาในทันที ไม่อาจจะต่อต้านพลังจันทราม่วง การโจมตีนี้กระแทกเข้าไปในสองผู้ฝึกตน ฉีกกระชากร่างกายพวกมันให้กลายเป็นชิ้นๆ
สำหรับอีกสองคน หนึ่งกระอักโลหิตออกมากองโต หลบเลี่ยงการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด อีกคนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม และเป็นผู้ที่ทำให้เยี่ยเฟยโม่ต้องได้รับบาดเจ็บ พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นกลางของสร้างแกนลมปราณ
การปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าว ทำให้ฉู่อวี้เยียนจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นการปรากฎขึ้นของจันทราม่วง ก็ทำให้นางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นวิชาของสำนักจื่อยิ่นเพียงเท่านั้น ไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะเรียนรู้ได้
“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวกล่าว จ้องไปยังสองผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก ที่ยังไม่ได้รับอันตรายมากนักอย่างเยือกเย็น
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างมากมาย ทำให้ผู้ฝึกตนที่หลบเลี่ยงการระเบิดไปได้ หันหลังและหลบหนีไปในทันที มันเป็นผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก สำหรับมันชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก มันไม่มีแนวคิดของเกียรติยศและศักดิ์ศรี สำหรับมันการมีชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ดังนั้น เมื่อมันเห็นว่าไม่มีโอกาสชนะ มันก็เลือกที่จะหลบหนี
ก่อนจะจากไป มันประสานมือและโค้งตัวให้กับเมิ่งฮ่าว มันนับถือความแข็งแกร่ง ไม่สำคัญว่าเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะสังหารสหายของมันไปหรือไม่
ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกอีกคน เป็นบุรุษวัยกลางคน ซึ่งอยู่ในขั้นกลางของสร้างแกนลมปราณ ลังเลอยู่ชั่วขณะ มันมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ ในที่สุด มันก็หันหลังและเตรียมตัวจากไป
“ทิ้งยาขจัดพิษไว้!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา
บุรุษผู้นั้นแอบถอนหายใจ จากนั้นก็โบกสะบัดมือ เพื่อส่งขวดยาสีดำให้ลอยออกมา เมิ่งฮ่าวไม่กังวลว่ามันจะมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ กำแพงแห่งนี้กำลังจะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนก็จะถูกส่งออกไป เมื่อมันเกิดขึ้น ปัญหาเล็กน้อยอื่นๆ ทั้งหมดก็คงจะแก้ไขได้ง่ายขึ้น
เมิ่งฮ่าวหันหน้ากลับมามองผ่านกลุ่มหมอกไปยังฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ “สถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทลายลง ท่านทั้งหลาย…ดูแลตัวเองด้วย” ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน เขาเดินจากไป
“ท่านคือใคร?” ฉู่อวี้เยียน ทันใดนั้น ก็ถามขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ เขาเดินจากไปอย่างครุ่นคิด
เยี่ยเฟยโม่มองเขาจากไป จากนั้นก็กล่าวขึ้นในทันที “ฟางมู่, เกิดอะไรขึ้น?!”
คำพูดของมันทำให้ฉู่อวี้เยียนโซเซขึ้นมาในทันใด ศิษย์แผนกลมปราณม่วงคนอื่นๆ ทั้งหมดมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักชั่วครู่ ถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นก็ตอบกลับไป “นับจากนี้ไป ไม่มีฟางมู่ในสำนักจื่อยิ่นอีกแล้ว…” จากนั้นเขาก็เดินต่อไป
ฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่อ้าปากค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานดวงตาหงส์ของฉู่อวี้เยียนก็หรี่เล็กลงในทันที
“เสียงนั่น…” ลมหายใจของนาง จู่ๆ ก็เริ่มเร่งร้อนขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังจากไป
เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ขณะที่การพังทลายของกำแพงที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นมันก็พังลงโดยสิ้นเชิง เผยให้เห็นถึงความว่างเปล่า ผู้ฝึกตนบางคนเริ่มถูกดูดเข้าไปในความว่างเปล่านั้น และหายตัวไป
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าจดจ่อและระวังตัว ไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ด้านนอกจะเป็นเช่นไร แต่ก็คาดเดาได้ว่าน่าจะมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง เขาไม่ได้กระทำสิ่งใดๆ อย่างบุ่มบ่าม แต่สังเกตดูกำแพงที่พังทลายไปนั้นด้วยความระมัดระวัง
เวลาไม่นานนักผ่านไป ก่อนที่เสียงกระหึ่มจะยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างพังลงมา สายตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และเขากำลังจะบินเข้าไปในความว่างเปล่า แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป ยกมือขึ้นโบกสะบัดแขนเสื้อ กระบี่ไม้สองเล่มก็ลอยออกมา เคลื่อนที่มาป้องกันที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่เสียงระเบิดดังก้องออกมา กำปั้นของหญิงสาวต่อยผ่านอากาศตรงมาที่เขา ไม่รู้ว่าออกมาจากตำแหน่งไหน กำปั้นกระแทกเข้าไปในกลุ่มหมอกสีม่วง ซึ่งอยู่ล้อมรอบตัวเขา ทำให้มันแตกกระจายไปในทันที กำปั้นไม่ได้หยุดชะงัก แต่พุ่งตรงมายังกระบี่ของเมิ่งฮ่าวในทันใด
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป
กระบี่ทั้งสองเล่มส่งเสียงหึ่งๆ และสั่นไปมา หมุนคว้างไปด้านหลัง และกระแทกเข้าไปที่หน้าอกเมิ่งฮ่าว เจ็บปวดไปทั่วร่าง เขาลอยไปด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน โลหิตกระจายออกมาจากปาก
เมิ่งฮ่าวมองไป และเห็นว่าเจ้าของกำปั้นนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหญิงสาวแซ่ฟาง นางสวมใส่ชุดยาวสีเขียว ดูท่าทางสง่างามแต่ก็มีสีหน้ากีดกันผู้คนจนห่างไกล นางค่อยๆ ผ่านความว่างเปล่าเข้ามาใกล้
นางมีความสวยงาม แต่ก็ได้โจมตีเมิ่งฮ่าวด้วยกำปั้นซึ่งมีพลังอย่างน่าประหลาดใจ เป็นพลังที่เกินกว่าขั้นต้นของสร้างแกนลมปราณ พลังเช่นนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวตกตะลึง
กลุ่มหมอกสีม่วงหมุนวนไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว และขณะที่เขาจ้องไปยังหญิงสาวนางนั้น ม่านตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ก็กลับเป็นปกติเหมือนเดิม ยกเว้นใบหน้าที่ซีดขาวขึ้นเล็กน้อย
เขาปาดเช็ดโลหิตจากมุมปาก และมองไปยังหญิงสาว ใบหน้าเคร่งขรึม
“พลังเช่นนั้น…” เขาคิด “ช่างเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อนัก! มีพลังสูงกว่าจี้หงตง ข้าคิดว่าพลังระเบิดเมื่อครู่นี้ สามารถกวาดล้างผู้ฝึกตนขั้นต้นสร้างแกนลมปราณธรรมดาไปได้อย่างง่ายดาย!” ดวงตาเขาหรี่เล็กลง
“ช่างหลบหนีได้อย่างรวดเร็วนัก” นางกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าเห็นเจ้าสังหารจี้หงตงที่น่ารำคาญนั่น มันเป็นคนที่ใครๆ ก็เกลียดชัง ข้าสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย เอาสมบัติเซียนออกมา และยื่นส่งมาให้ข้า เจ้าไม่มีทางใช้มันได้” นางไม่ได้อวดดีและหยิ่งยโสเหมือนกับจี้หงตง แต่ก็กีดกันผู้คนจนห่างไกล เห็นได้ชัดว่า นางมีความแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก
นางยังดูเหมือนจะมีบุคลิกที่อยู่เหนือผู้คนอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับออกคำสั่งอยู่เป็นประจำ
นางรอคอยอยู่สองอึดใจ และจากนั้นก็กล่าวขึ้น “เจ้าไม่เห็นด้วย? ก็ดี ถ้าเช่นนั้นก็ตาย!” นางก้าวเท้าตรงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และมาปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวในทันที ยกมือขวาขึ้น และหมัดก็พุ่งตรงมาที่เขา
เมิ่งฮ่าวเริ่มร่ายเวทอาคมด้วยสองมือ ฝ่ามือโลหิตพุ่งออกมา ด้านล่างเท้า แดนสังหารโลหิตปรากฎขึ้น ร่างจำแลงโลหิตปะทุออกมา และดูเหมือนจะรวมเข้ากับร่างของเขา ขณะที่หมัดใกล้เข้ามา เขาก็ฟาดฝ่ามือออกไป
เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจเต็มอยู่ในอากาศ และพลังอันมหาศาลก็ทำให้พื้นดินด้านล่างคนทั้งสองสั่นสะเทือน กำแพงที่ยังมีอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นแตกกระจายไป กระแสน้ำวนของความว่างเปล่าปรากฎขึ้น และเริ่มดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา ขณะที่เขาล้มคว่ำไปด้านหลัง ปราณม่วงกระจายออกมาจากร่าง และม่านตาก็เปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้าออกมา บาดแผลเขาเริ่มสมานตัวอีกครั้ง แต่ใบหน้าก็ซีดขาวกว่าก่อนหน้านี้
การฟื้นฟูนี้ทำให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยพลังชีวิตบางส่วนไป และพลังชีวิตนี้ก็เป็นตัวแทนของอายุขัย เขาล่าถอยไป แสงเย็นชาเปล่งประกายอยู่ในดวงตา ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาหน้ากากสีโลหิตออกมา
หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว ความดุร้ายเต็มอยู่ในดวงตา
“เจ้าเป็นคนแรกที่อยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ ที่สามารถทำให้ข้าต้องถอยหลัง!” นางกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“ข้าสามารถทำให้โลหิตท่านไหลออกมาได้เช่นกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นเดียวกับนาง เขายกมือขึ้นวางหน้ากากลงไปบนหน้า และขณะที่ทำเช่นนั้น หญิงสาวก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา รังสีสังหารในดวงตาของนางเข้มข้นมากขึ้น ร่างกายขยับพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ชูหมัดขึ้นไปในอากาศ
“ฟาง!” นางตะโกนออกมาแค่คำเดียว แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น หมัดนางก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว มีสายฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นรอบๆ และกระจายปราณอันน่ากลัวและน่าตกตะลึงออกมา ทำให้เมิ่งฮ่าวขนหัวลุกในทันที
ความรวดเร็วที่หญิงสาวนั้นเข้ามาใกล้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ในตอนที่ต่อสู้กับจี้หงตงก่อนหน้านี้ จริงๆ แล้ว เขาไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันบดขยี้จากคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับเขามานานมากแล้ว
“ตาย!” หญิงสาวร้องออกมา เสียงดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าววางมือขวาไปที่หน้ากากบนใบหน้า ปราณแห่งโลหิตและความตาย ระเบิดออกมาจากตัวเขาในทันที
ในตอนนี้ด้วยเช่นกันที่หลังมือซึ่งเขาวางอยู่ที่หน้ากากบนใบหน้า ได้เผชิญกับหญิงสาวแซ่ฟาง มิหนำซ้ำ เครื่องหมายสีเขียวซึ่งได้ปรากฎขึ้นบนหลังมือ ตอนที่เขาก่อตัวแกนลมปราณ ก็ยังไม่ได้จางหายไป ทันใดนั้น…มันก็กระพริบแสงขึ้นมาเล็กน้อย
เครื่องหมายสีเขียวแวบแสงราวกับสัญลักษณ์เวท และหญิงสาวแซ่ฟางก็มองเห็นมัน ทันทีที่นางเห็น ดวงตาก็เบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
หมัดของนางเกือบจะสัมผัสโดนเมิ่งฮ่าว จู่ๆ นางก็ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยโทสะออกมา ดึงพลังกลับมาอย่างรวดเร็ว บิดการโจมตีไปที่ด้านข้าง ทำให้หมัดของนางกระแทกเข้าไปที่พื้นข้างกายเมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว รอยแตกร้าวขนาดใหญ่เต็มไปทั่วพื้น เผยให้เห็นความว่างเปล่าที่อยู่ด้านล่างพวกเขา แม้แต่ความว่างเปล่านั้นก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือน แตกกระจายออกไปด้วยพลังของหมัดนั้น
หญิงสาวกระอักโลหิตออกมา เส้นผมปลิวสยายอย่างยุ่งเหยิง นางหันหน้ามาจ้องยังเมิ่งฮ่าว สายตาเต็มไปด้วยโทสะและความรู้สึกอื่นๆ ที่พัวพันกันอย่างวุ่นวาย
ทำให้เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง เขาไม่มั่นใจว่าได้เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ ในช่วงวิกฤตทำให้นางเปลี่ยนทิศทางของหมัด นางต้องรู้ว่าการกระทำเช่นนั้น ต้องทำให้ตัวนางได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน