ตอนที่ 428
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
“หรือบางทีมันจะกลายเป็นต้นไม้ที่มาจากจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล) ที่พุ่งผ่านกลุ่มดาวมายังดาวหนานเทียนเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้…สุดยอดต้นชิงมู่!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่ปราณสีขาวพุ่งตรงมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง ที่ด้านนอก ภูเขาไฟลูกที่หกกำลังสั่นสะเทือน ขณะที่กลุ่มหมอกสีขาวพุ่งออกมาตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งเขาดูซับปราณเข้าไปมากเท่าใด ดวงตาก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น
เขามองขึ้นไปยังต้นชิงมู่ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศด้านบน ซึ่งกระจายแสงสีเขียวอันไร้จุดสิ้นสุดออกมา ย้อมสีท้องฟ้า ปกคลุมผืนดิน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของต้นชิงมู่ ทั่วทั้งดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดเริ่มบิดเบี้ยวไปมา
กลุ่มคนจากเผ่าอูต๋าหอบหายใจ ขณะที่พวกมันจ้องมองไปยังภาพที่เห็น ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกของดินแดนสักการะ ย้อนกลับไปยังเขตแดนของเผ่าอูต๋า มนุษย์ต้นไม้ยักษ์มองออกไปยังแสงสีเขียวที่พุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์
“ไม้…” มันกล่าวเสียงแผ่วเบา
แม้แต่กลุ่มคนของอีกสี่เผ่าที่กำลังรอคอยอยู่ที่ด้านนอกของประตูสีทอง ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ด้านใน แต่พวกมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจอย่างวุ่นวาย แต่ละคนมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ในเวลาเดียวกันนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณที่อยู่บนยอดเขาของอีกสี่เผ่าก็ปรากฎขึ้น พวกมันจ้องตรงไปยังดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ทีละสิ่งศักดิ์สิทธิ์เริ่มเปล่งคำพูดเดียวกันออกมา
“ไม้…”
ขณะที่คำพูดเต็มอยู่ในอากาศ ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบๆ เขตภูเขาก็ส่ายไหวไปมาอย่างรุนแรง แม้ว่าจะไม่มีลมพัดมาก็ตามที พวกมันขยับกิ่งไปมา จนเกิดเป็นเสียงดังกรอบแกรบ ซึ่งดูเหมือนจะก่อตัวเป็นเสียงของการยอมจำนน ราวกับว่าพวกมันกำลังก้มกราบต่อราชันแห่งพฤกษาทั้งมวล!
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสี่จากอีกสี่เผ่าค่อยๆ โค้งตัวลง ราวกับว่ากำลังคารวะต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นมานี้
ขณะที่พวกมันกำลังคารวะ กลุ่มคนจากเผ่าอูต๋าที่อยู่ในดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ พวกมันมองไปขณะที่ต้นชิงมู่ยักษ์เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งมันมีขนาดเล็กมากเท่าใด ก็ยิ่งเปล่งแสงสีเขียวเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อถึงตอนที่มันหดตัวลงจนสูงแค่หนึ่งร้อยจ้าง ก็ดูราวกับเป็นดวงตะวันสีเขียว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ เต็มไปด้วยแสงสีเขียวอันเข้มข้น เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปยังต้นชิงมู่ที่กำลังหดเล็กลง หนึ่งร้อยจ้าง, ห้าสิบจ้าง, สามสิบจ้าง…จนกระทั่งเหลือแค่สิบจ้าง!
ห้าจ้าง, สามจ้าง, หนึ่งจ้าง…สองฉื่อ, หนึ่งฉื่อ…สามชุ่น, สองชุ่น…
ดูเหมือนว่าการหดตัวของมันจะสัมพันธ์กับการลดลงของน้ำในสระ กลุ่มหมอกจำนวนมากมายถูกดูดซับเข้าไปโดยเมิ่งฮ่าว เพียงชั่วพริบตา ต้นชิงมู่ก็มีความสูงเพียงแค่หนึ่งชุ่น!
แสงที่มันกระจายออกมาเจิดจ้าจนทะลุผ่านออกไปจากดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้ใบหญ้าที่ด้านนอกเริ่มโน้มตัวลงเพื่อแสดงความคารวะ, สิ่งมีชีวิตทั้งห้าก็กำลังคารวะ และผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มีภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้ ต่างก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นอย่างลึกล้ำที่จะให้พวกมันทำการสักการะ
ย้อนกลับไปในดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ต้นชิงมู่ที่มีความสูงหนึ่งชุ่น ซึ่งกำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวพุ่งตรงมา ประทับลงไปบนหน้าผาก เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ และแสงสีเขียวก็พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง ทันทีที่ทุกคนจะสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง พวกมันก็มองไปยังหน้าผากของเมิ่งฮ่าว และเห็น…ภาพศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่พวกมันไม่เคยเห็นมาก่อน!
รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นตัวอักษรโบราณแค่ตัวเดียว!
木!(มู่ = ไม้)
ไม่มีต้นชิงมู่, ไม่มีรูปภาพ, ไม่มีแสงเจิดจ้า มันดูราบเรียบธรรมดา เป็นตัวอักษรโบราณหนึ่งตัว 木!
อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรมู่นี้ ก็เป็นตัวแทนของธาตุไม้ทั้งหมดภายใต้สวรรค์แห่งนี้ เนื่องจากเช่นนี้ มันจึงไม่จำเป็นต้องมีรูปภาพที่แสดงให้เห็นว่าเป็นต้นไม้ เพราะว่ามัน…เป็นแก่นแท้ของธาตุไม้!
เป็นธาตุไม้ทั้งหมดในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้!
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดโค้งตัวลงเพื่อคารวะ ทำให้สิ่งมีชีวิตเช่นนั้นทั้งหมดต้องเคารพนับถือ
“ไม้…” เมิ่งฮ่าวลอยขึ้นมาจากภายในสระแห่งโชคชะตา ตัวอักษรมู่บนหน้าผากสาดแสงสีเขียวออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า สามารถจะติดต่อสื่อสารกับต้นไม้ทั้งหมดในโลกนี้ได้ เขามีความรู้สึกอย่างเข้มข้นว่า เพียงแค่ส่งเจตจำนงออกไป ก็สามารถสั่งการต่อต้นไม้ทุกชนิดได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เขายังรู้สึกได้ถึงการร้องเรียกจากสระแห่งโชคชะตาที่ด้านล่าง สระน้ำยังคงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนสระน้ำ
แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวมองลงไป สิ่งที่เขาเห็นก็คือเส้นทางเสียงเรียกนั้นมาจากส่วนปลายสุดของเส้นทาง ซึ่งเมิ่งฮ่าวเกิดความรู้สึกแปลกๆ อันเนื่องมาจาก…ตัวอักษรมู่
ดวงตาเขาสาดประกายด้วยความครุ่นคิด และจากนั้นร่างก็แวบขึ้น คนจากเผ่าอูต๋าอ้าปากค้างมองไปขณะที่จู่ๆ เขาก็กลับลงไปยังสระแห่งโชคชะตาอีกครั้ง ตรงไปยังเส้นทางที่เขาเห็น จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมิ่งฮ่าวยังไม่ทันหายตัวไป คนจากเผ่าอูต๋าก็มีปฏิกิริยาขึ้น จริงๆ แล้ว ก็เป็นบุรุษที่แปลงร่างมาจากสัตว์อสูรเทียมสวรรค์รู้สึกตัวเป็นคนแรก ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างมันมองไปยังน้ำที่เหลืออยู่น้อยนิดในสระแห่งโชคชะตา ถึงแม้จะเหลืออยู่ไม่มาก แต่ถ้าได้ดูดซับเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็จะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
เกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น ซึ่งกลุ่มคนเผ่าอูต๋ากำลังพุ่งตรงไปยังสระแห่งโชคชะตา สีหน้าของคนจากอีกสี่เผ่าที่อยู่ด้านนอกก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันสังเกตเห็นว่าประตูสีทองเริ่มสลัวเลือนลางลง หัวหน้าเผ่าทั้งสี่และผู้เฒ่าสูงสุดมีท่าทางตกใจ
“ทำไมมันถึงได้เกิดขึ้นรวดเร็วเช่นนี้?! บัดซบ! สระแห่งโชคชะตากำลังจะหายไป!”
“แสงสีทองกำลังจางหายไป! ซึ่งก็หมายความว่าน้ำในสระแห่งโชคชะตากำลังจะหมดไป!” ในตอนนี้ หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดของสี่เผ่าที่เหลือ รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องยึดถือข้อตกลงที่เคยทำสัญญากันเมื่อก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มนำกลุ่มคนในเผ่าตรงเข้าไปในแสงสีทอง ฉับพลันนั้นลำแสงหลากสีนับร้อยก็พุ่งผ่านประตูเข้าไป
ภายในดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มคนจากสี่เผ่ากระจัดกระจายกันออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังภูเขาไฟทั้งเจ็ดลูก
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อนข้างจะโกลาหล แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น มีอยู่สี่คนได้ติดต่อสื่อสารกันด้วยวิธีการพิเศษเฉพาะ ทันใดนั้น พวกมันทั้งสี่ก็เริ่มแหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็ก ตรงไปยังภูเขาไฟลูกที่เจ็ด
ทั้งสี่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเหยียนซงและผู้พิสดารขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ พวกมันเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว พยายามจะไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น พวกมันเข้าไปในปล่องภูเขาไฟ มองไปรอบๆ รังสีสังหารสาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่ฉับพลันนั้นพวกมันก็โจมตีไปยังคนจากเผ่าอื่นๆ ซึ่งเข้ามายังปล่องภูเขาไฟนี้ในเวลาเดียวกัน
เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน และคนจากเผ่าอื่นๆ ไม่ได้ระมัดระวังตัว เพียงแค่ไม่กี่อึดใจพวกมันก็ถูกกำจัดไปหมดสิ้น ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะแผดร้องแจ้งเตือนคนอื่นๆ
ตอนนี้พวกมันไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองอีกต่อไป คนทั้งสี่เปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงของพวกมันออกมา
กลิ่นคาวโลหิตอบอวลเต็มไปทั่วบริเวณนั้น แต่หลีเทียนก็โบกสะบัดมือ ทำให้กลิ่นนั้นหายไปในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น มั่วหลีและเฒ่าปีศาจวังก็ขยับสองมือร่ายเวทอาคม เพียงชั่วพริบตา เกราะป้องกันก็ปกคลุมไปทั่ว ทำให้คนอื่นๆ ไม่อาจจะเข้ามายังปล่องภูเขาไฟนี้ได้
“ข้ามีความรู้สึกว่าเมิ่งต้าซือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสหายเต๋าเมิ่งของพวกเรา” เหยียนซงกล่าวเสียงราบเรียบ มองไปยังคนอื่นๆ
“มันเป็นคนแรกที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้” หลีเทียนกล่าว ขมวดคิ้ว “มันคงรับรู้ถึงร่องรอยบางอย่างแล้วอย่างแน่นอน พวกเราต้องเร่งรีบแล้ว”
“จากความเข้าใจของข้า” เหยียนซงกล่าว “ภูเขาไฟลูกที่เจ็ดนี้มีเกราะป้องกันอ่อนแอมากที่สุด ขอให้สหายเต๋าทุกท่านมาช่วยกันทำลาย พวกเราจะได้เข้าไปยังจุดที่มีเต๋าแห่งการปรุงยาโบราณตั้งอยู่”
คนทั้งสี่สบสายตากันไปมา จากนั้นก็พุ่งลงไปยังด้านล่างของปล่องภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้อตกลงก่อนหน้านี้ มั่วและวังจึงเริ่มใช้วิชาเวทของพวกมัน เพื่อทำลายเกราะป้องกัน
ขณะที่คนทั้งสี่เริ่มปฏิบัติการ คนของทั้งห้าเผ่าก็ดิ้นรนไปยังสระแห่งโชคชะตา ในขณะที่บุรุษซึ่งแปลงร่างมาจากสัตว์อสูรเทียมสวรรค์, นกแก้วและผีโต้ง กำลังดูดซับน้ำในสระ เมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฎตัวอยู่ในโลกที่ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลออกไปอย่างน่ามหัศจรรย์
ทันทีที่เขาปรากฎกายขึ้น ก็มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ดวงตาเริ่มสาดประกายเจิดจ้า
อย่างน่าตกใจ เขากำลัง…อยู่ในสถานที่เดียวกันกับที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในภูเขาไฟลูกเดียวกันกับที่เพิ่งจะจากมา น้ำที่ด้านล่างเท้าเขาก็ไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นน้ำจากสระแห่งโชคชะตา อย่างไรก็ตามน้ำนี้ดูขุ่นมัวและไม่อาจจะดูดซับได้ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขาดูเหมือนจะกลายเป็นสีเทา ราวกับว่ามีเพียงสีนี้เท่านั้นที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่มองไปรอบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็บินตรงขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ ด้านนอก ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนกันหมด ยังคงมีภูเขาไฟอยู่เจ็ดลูก ทั้งพื้นดินและผืนป่า ทั้งหมดนี้ดูเหมือนกับดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ยกเว้น…ที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของภูเขาไฟทั้งเจ็ดเป็นต้นไม้ยักษ์
นี่เป็นต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ สูงขึ้นไปจนดูราวกับว่ามันจะแทงทะลุขึ้นไปถึงสวรรค์ และเป็นสีทอง!
ถ้ามองดูให้ละเอียด ต้นไม้นี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้ แต่สร้างมาจากโลหะ ที่ยอดบนสุดของต้นไม้เป็นอีกาทองคำยักษ์ กำลังยืนอยู่ที่ข้างบนนั้น จ้องมองลงมายังเมิ่งฮ่าว
ตรงด้านล่างของต้นไม้เป็นซากศพ กำลังนั่งพิงไปที่ต้นไม้ และมีกระถางปรุงยาเก่าๆ อยู่เบื้องหน้า
ในบริเวณนั้นไม่มีใครหรือสิ่งใดๆ อยู่อีก มีเพียงต้นไม้ยักษ์และอีกาสีทอง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ปรากฎอยู่ ไม่มีแม้แต่พลังชีวิต…หรือร่องรอยของความตายใดๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบวังเวง เงียบจนใครหลายคนรู้สึกว่าน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวเพ่งมองไปยังต้นไม้ยักษ์และอีกาสีทอง จากนั้นเขาก็มองไปยังซากศพและกระถางปรุงยา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซากศพและกระถางปรุงยานี้ เมิ่งฮ่าวก็คงจะสรุปไปแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เหยียนซงกล่าวมาเป็นเรื่องโกหก
เมิ่งฮ่าวบินตรงไปยังต้นไม้ยักษ์สีทองอย่างครุ่นคิด
ขณะที่เข้าไปใกล้ อีกาสีทองที่อยู่บนยอดต้นไม้ จู่ๆ ก็ขยับศีรษะ มองเห็นแสงสีทองสาดประกายอยู่ในดวงตาของมัน
เมิ่งฮ่าวหยุดยื่นนิ่งอยู่ที่นั่น รับรู้ได้ว่าต้นไม้สีทองซึ่งมีอีกาสีทองยืนอยู่ที่ด้านบนกำลังร้องเรียกเขาอยู่
อีกาสีทองจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็หลับตาลง เมิ่งฮ่าวประสานมือโค้งตัวคารวะ จากนั้นก็เข้าไปใกล้
เขาไม่ได้สำรวจดูต้นไม้ยักษ์ก่อน แต่มองลงไปยังซากศพ ซึ่งในมือของมันมีแผ่นหยกอยู่
เมิ่งฮ่าวหยิบแผ่นหยกขึ้นมา และอ่านดูด้วยจิตสัมผัส ตัวอักษรสามตัวทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นมาในจิตใจ
“จ่านหลิงตาน!” (เม็ดยาตัดวิญญาณ)
ดวงตาเขาสาดประกาย ขณะที่มองลงไปยังกระถางปรุงยา ทันทีที่ทำเช่นนั้น สีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า ที่ก้นของกระถางปรุงยาเป็นรูขนาดใหญ่
ภายในกระถางปรุงยา มองไม่เห็นเม็ดยา แต่ถึงแม้เวลาได้ผ่านไปแล้วหลายปี ด้วยการเป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา เมิ่งฮ่าวสามารถบอกได้จากสิ่งที่หลงเหลืออยู่ว่า ก่อนที่จะถูกทำลายไป ต้องมีเม็ดยาอยู่ในกระถางอย่างแน่นอน
ขณะที่มองไปยังรูที่ก้นกระถาง ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าเมื่อตอนที่ทำการปรุงยาในครั้งโบราณนานมาแล้ว ได้มีการระเบิดขึ้น “มันต้องเป็นเต๋าแห่งการปรุงยาในสมัยโบราณ เป็นบางสิ่งที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยบรรพกาล แต่…เม็ดยาไปอยู่ที่ไหน?”
ตัวอักษรมู่โบราณ