Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 512

ตอนที่ 512

สัตว์ปีศาจแปดแสนตัว

เสียงที่เปล่งออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน ทันใดนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกตนของพันธมิตรกลุ่มโจรยี่สิบเผ่าที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที พวกมันจ้องมองไปด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับกลุ่มคนเผ่าเฮยหลง ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มหมอกที่เดือดพล่านก็เริ่มหนาแน่นมากขึ้น และกระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา กลุ่มคนของเผ่ากองโจรที่อยู่รอบๆ ไม่มีทางเลือกได้แต่ถอยไปด้านหลัง บางคนหลบหนีออกไปไม่เร็วพอ ก็ถูกดูดเข้าไปในกลุ่มหมอก ฉับพลันนั้น เสียงแผดร้องอย่างน่าตกใจจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัว ก็ได้ยินมาขณะที่พวกมันตกตายไป

ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนของยี่สิบเผ่ากองโจรเท่านั้นที่อ้าปากค้าง กลุ่มคนของเผ่าเฮยหลงก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้แต่ผู้ฝึกตนของพันธมิตรศาลสวรรค์ และเผ่าอันยิ่งใหญ่อื่นๆ ที่อยู่บนกำแพงเมืองบนโม่เหมิน ทุกคนต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

“พวกมันกำลังตะโกนร้องอะไร?”

“ใครคืออู่เหยีย? (ท่านปู่ห้า)”

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเคยได้ยินเสียงตะโกนเช่นนี้มาก่อน…?”

ขณะที่ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวของเผ่าอูเสินที่อยู่ด้านนอกค่ายกล ร่างเขากลายเป็นกลุ่มควันสีเขียวแวบไปมา ใช้ความได้เปรียบนี้ถือโอกาสไปสังหารผู้เฒ่าวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้นเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องออกมา สายตาที่แดงก่ำนับไม่ถ้วนทันใดนั้นก็มาหยุดนิ่งบนร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งหมดหันมามองยังเมิ่งฮ่าวในทันที

เนื่องจากว่าพวกมันไม่อาจจะไปโจมตีเผ่าอูเสินได้อีกต่อไป เมิ่งฮ่าวจึงกลายเป็นเป้าหมายของพวกมันในทันใด ฉับพลันนั้นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งหมดของเผ่ากองโจร ต่างก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ตามติดด้วยเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสิบตัว พวกมันกระจายรังสีสังหารออกมาขณะที่เข้ามาใกล้

กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่มารวมพลังกันเหล่านี้ สามารถทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าตัดวิญญาณ ต้องขนหัวลุกหนังศีรษะด้านชา แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะต่อต้านการรวมพลังกันโจมตีของพวกมันได้ จริงๆ แล้ว…ถ้าพวกมันร่วมมือกันโจมตีเขาจากทั่วทุกทิศทาง เขาก็คงต้องถูกฉีกกระชากกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและตกตายไปอย่างแน่นอน

กองกำลังที่เข้ามาโจมตีนี้ทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ อย่างไรก็ตาม…นั่นเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวต้องการ

ผู้แข็งแกร่งมากที่สุดเกือบเจ็ดในสิบส่วนของเผ่ากองโจร และเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ต่างก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว เต็มไปด้วยความรังสีสังหาร ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยความต้องการสังหารเขา ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ เป็นครั้งแรกที่เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ ไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยนิด

การที่เขาหยุดนิ่งในทันที ทำให้สายตานับไม่ถ้วนจากกองกำลังหลักของกลุ่มคนพันธมิตรยี่สิบเผ่ากองโจรมองมา ผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของพวกมันเกือบทั้งหมดมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความต้องการสังหารอันดุร้าย และจากนั้นก็พุ่งตรงมา ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ถูกโจมตีจากทั่วทุกทิศทาง

“ตาย!!” เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวได้ยินมา ขณะที่กลุ่มคนใกล้เข้ามา, ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็มาห้อมล้อมอยู่รอบๆ เมิ่งฮ่าว ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติด้วยมือขวา ฉับพลันนั้น กล่องไม้ก็ปรากฏขึ้น เขายกชูขึ้นสูงในอากาศ สีหน้าเคร่งเครียดขณะที่เขาค่อยๆ เปิดฝามันออก

ภายในกล่องไม้เป็นบุปผาที่กำลังเบ่งบาน

ดอกจิตปีศาจพิสดาร!!

ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ก็มองไปยังบุปผาดอกนั้นตามสัญชาตญาณในทันที เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น เสียงกระหึ่มกึกก้องอย่างรุนแรงก็เต็มอยู่ในจิตใจของพวกที่มองมาทั้งหมด จู่ๆ ทั่วทั้งสนามรบก็เงียบกริบราวกับตกอยู่ในความตาย

ภายในความเงียบนั้น ดอกจิตปีศาจพิสดารก็เริ่มร่วงโรย บุปผานี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แต่ในที่แห่งนี้มีผู้ฝึกตนอยู่มากมายเกินไป ด้วยจำนวนคนที่มากมายเช่นนี้ก็ทำให้บุปผาดอกนี้เริ่มแห้งเหี่ยวไป

แน่นอนว่า เมิ่งฮ่าวได้คาดคิดไว้นานแล้วว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น หลังจากที่ได้ครอบครองบุปผานี้ เขาก็ได้ศึกษาและมีความเข้าใจเกี่ยวกับมัน สิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดก็คือช่วงเวลาสั้นๆ ชั่วขณะนี้

ในช่วงเวลานั้น กลุ่มคนที่ไม่ได้รับผลกระทบก็คือ สมาชิกของพันธมิตรศาลสวรรค์ และสมาชิกของเผ่าอันยิ่งใหญ่บนกำแพงเมืองโม่เหมิน ราวกับว่าพวกมันอยู่ในโลกที่แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของพวกมันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง พวกมันมองลงไปยังดอกจิตปีศาจพิสดาร และความนิ่งเงียบราวความตายที่ปกคลุมอยู่ในสนามรบ

“ดอกจิตปีศาจพิสดาร…”

“ใครจะคาดคิดว่าเผ่าอูเสินจะมีบุปผานั่นได้!?”

“มันเป็นบุปผาที่หายาก จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างจะอ่อนแอ แต่ถ้าใช้มันอย่างชาญฉลาด ก็ถือได้ว่าเป็นของวิเศษอันล้ำค่า!”

ตั่วหลันกำลังสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่นางมองลงไปยังภาพที่เห็น ความรู้สึกว่าเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เริ่มรุนแรงมากขึ้น แต่นางก็ยังคงคิดไม่ออกว่าเมิ่งฮ่าวเป็นใคร

ด้านข้างนาง จางเหวินสู่ดูเหมือนกำลังมุ่งความสนใจไปยังภาพที่ด้านล่าง ถึงแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตามที

สำหรับหลัวชง มันกำลังหอบหายใจ ขณะที่มองลงไปยังเมิ่งฮ่าว ภายในความรู้สึกสับสนของมันเป็นความเลื่อมใสศรัทธา

โจวเต๋อคุนกำลังกระพริบตาไปมา มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าเมิ่งฮ่าวจะมีของวิเศษเช่นนี้

ในขณะที่คนทั้งหมดซึ่งอยู่บนกำแพงเมืองโม่เหมินตกตะลึง ที่ด้านล่างในสนามรบ ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งซึ่งกำลังไล่ล่าเมิ่งฮ่าว รวมถึงเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดต่างก็ตัวสั่นสะท้าน ขยับตัวไม่ได้ ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวเริ่มลงมือ

ร่างจำแลงโลหิตปรากฏขึ้น สีหน้ามันเต็มไปด้วยความโลภ ราวกับว่ามันกระหายที่จะได้กลืนกินพลังชีวิตเข้าไป ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังกลุ่มเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบกว่าตัว เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าตรงไป และขว้างหอกปีศาจออกไป กลุ่มหมอกปีศาจพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยใบหน้ามากมายนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังกลุ่มคน

จากนั้น เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้ปรากฏขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์บนหน้าผาก ทะเลแห่งเปลวไฟส่งเสียงกระหึ่มออกมา และดินยะเยียบอันหนาวเหน็บก็กระจายออกไป พลังอันแข็งแกร่งทั้งหมดของรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองหลอมรวมเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน สี่ในห้าธาตุระเบิดออกในทันที

ทะเลแห่งเปลวไฟเผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง ต้นไม้ยักษ์ปลิดชีวิตให้สิ้นสูญ พลังแห่งทองกรีดเฉือนผ่านอากาศ ดินยะเยียบทำให้เกิดเป็นสายลมอันหนาวเหน็บแช่แข็งไปทั่วทั้งท้องฟ้า

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สิ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ไม่มีเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา แต่หนึ่งในเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ตัวแล้วตัวเล่าเหี่ยวแห้งลง หนึ่งในผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งคนแล้วคนเล่ารู้สึกว่าร่างกายของพวกมันกำลังระเบิดออก

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าออกแปดครั้งเท่านั้น ตลอดช่วงแปดลมหายใจ เมิ่งฮ่าวสามารถพลิกสถานการณ์ในสนามรบได้โดยสิ้นเชิง

ในช่วงสี่ลมหายใจ พลังภาพศักดิ์สิทธิ์สี่ธาตุของเมิ่งฮ่าว ระเบิดออกกวาดไปทั่วทุกทิศทาง พลังนั้นได้กลายเป็นแรงโจมตีที่กระแทกลงไปยังผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง

ผู้เฒ่าเผ่ากองโจรคนแล้วคนเล่า รู้สึกว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันถูกเผาไหม้อยู่ภายใต้พลังของดอกจิตปีศาจพิสดาร ร่างพวกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง และเจตจำนงของพวกมันก็สูญหายไป พลังใดๆ ที่พวกมันใช้ต่อต้านความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทของเมิ่งฮ่าว ต่างก็อ่อนแอลงโดยสิ้นเชิง ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกมันไม่อาจจะต้านทานได้แม้แต่แรงกระแทกเพียงแค่ครั้งเดียว

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบ ขณะที่ผู้ฝึกตนทั่วไปของเผ่ากองโจรตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความสับสน รู้สึกราวกับว่าวิญญาณพวกมันกำลังหลุดลอยออกไปจากร่าง ราวกับว่าพวกมันเหลือแต่ร่างกายอันว่างเปล่า

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าทั่วทั้งสนามรบจะตกเป็นของเขาเพียงแค่ช่วงเวลาแปดลมหายใจ

ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นบนกำแพงเมืองโม่เหมิน

“คนผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมชั่วร้ายนัก!!”

“มันจงใจให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเกิดความสนใจ จากนั้นก็ฉวยโอกาสนำดอกจิตปีศาจพิศดารออกมา มันไม่เพียงแต่จะโหดร้ายเท่านั้น ยังเจ้าเล่ห์อีกด้วย แต่ถ้ามันคิดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ของการต่อสู้นี้ทั้งหมดด้วยบุปผาดอกนั้น มันก็คงจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”

“บุปผานั้นมีข้อจำกัดของมัน อย่างมากที่สุดมันก็คงอยู่ได้แค่สิบลมหายใจก่อนจะแห้งเหี่ยวโรยราไป บางทีคนผู้นั้นอาจจะสังหารใครบางคนได้ในช่วงนั้น แต่จะสังหารได้มากมายเท่าไหร่กัน? ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้งเหล่านั้น ต่างก็มีพื้นฐานอันแข็งแกร่ง เพียงพอที่จะอยู่จนถึงสิบหกลมหายใจ ภายใต้อิทธิพลของดอกจิตปีศาจพิสดาร”

ในตอนนี้ ช่วงเวลาห้าลมหายใจได้ผ่านไป ดอกจิตปีศาจพิสดารได้แห้งเหี่ยวลงไปครึ่งหนึ่ง และพลังของมันก็เริ่มลดน้อยลง ผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง ต่างก็แสดงออกถึงสัญญาณแห่งการดิ้นรนอันเข้มข้น ดูเหมือนอีกไม่นานก่อนที่พวกมันจะสามารถดิ้นหลุดออกมาจากผลกระทบของดอกจิตปีศาจพิสดาร

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย เขาไม่ได้ดำเนินการสังหารต่อไป แต่เริ่มร่ายเวทอาคม ชี้นิ้วลงไปบนพื้นดิน ทำให้ปราณอสูรอันไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นมาในทันที กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นซึ่งมีแต่เขาเพียงคนเดียวที่มองเห็น ขณะที่มันเริ่มหมุนวนอย่างไร้สุ้มเสียง เมิ่งฮ่าวเริ่มกลายเป็นจุดศูนย์กลางของกระแสน้ำวนปราณอสูร

ภายใต้แรงกดดันที่กำลังระเบิดออกมาของปราณอสูร สัตว์ปีศาจสี่แสนตัวของศัตรู ซึ่งไม่ได้ตกอยู่ในความควบคุมดูแลของซือหลงพวกมันอีกต่อไป และกำลังได้รับผลกระทบจากดอกจิตปีศาจพิสดาร ต่างก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน

ในสายตาของพวกมัน เมิ่งฮ่าวราวกับเป็นจักรพรรดิอสูร เนื่องจากปราณอสูร พวกมันจึงไร้ทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนนต่อแรงกดดันนี้ ขณะที่ลมหายใจสุดท้ายครั้งที่แปดผ่านไป สัตว์ปีศาจตัวแล้วตัวเล่าต่างก็ก้มศีรษะลง และเริ่มเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว

ดอกจิตปีศาจพิสดารร่วงโรยไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นเถ้าธุลีลอยออกไปในสายลม

ทุกคนที่อยู่ในสนามรบ ราวกับว่ากำลังตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา ร่างพวกมันสั่นสะท้าน ขณะที่มีท่าทางสับสน เพียงชั่วขณะกลุ่มคนของเผ่ากองโจรก็อ้าปากค้างขึ้นในทันที สีหน้าพวกมันจู่ๆ ก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง

ในตอนที่พวกมันตื่นขึ้นมา ร่างจำแลงโลหิตก็เสร็จสิ้นการกลืนกินเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ตัวที่ห้าไป ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้เฒ่าวิญญาณแรกก่อตั้งสิบสามคนที่ห้อมล้อมเมิ่งฮ่าวไว้ ก็ระเบิดออกกลายเป็นห่าโลหิต ภายใต้พลังของสี่ธาตุภาพศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว

ถ้ามีเพียงแค่นั้น ก็ไม่อาจจะนับว่ามากเกินไปนัก แต่ก่อนที่ผู้ฝึกตนของพันธมิตรเผ่ากองโจรจะฟื้นคืนมาจากความตกตะลึง พวกมันก็มองเห็นเมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสัตว์ปีศาจสี่แสนตัว

ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงแผดร้องคำรามอย่างน่าตกใจก็ได้ยินมา ขณะที่สัตว์ปีศาจสี่แสนตัวของเผ่ากองโจรพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว นี่ไม่ใช่การโจมตี แต่พวกมันพุ่งเข้าไปหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา กระจายเสียงร้องที่ยอมจำนนออกมา

ในตอนนี้ สัตว์ปีศาจแปดแสนตัวกำลังทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนไปโดยสิ้นเชิง!!

จากในสมัยโบราณจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครจะสามารถควบคุมฝูงสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งได้ถึงแปดแสนตัวมาก่อน สำหรับทุกคนที่กำลังมองดูอยู่ นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างแท้จริง

ถึงกระนั้น ท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกของโม่เหมินในตอนนี้ ก็เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจที่กำลังส่งเสียงแผดร้องคำรามถึงแปดแสนตัว ท้องฟ้าสั่นสะเทือน และทุกคนที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างก็รู้สึกประหลาดใจไปกันถ้วนทั่ว ภายในโม่เหมิน พันธมิตรศาลสวรรค์กำลังขวัญหนีดีฝ่อ ขณะที่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีปรมาจารย์ตัดวิญญาณอยู่ด้วย จิตใจพวกมันทั้งหมดต่างก็เต็มไปด้วยแรงสั่นสะท้านอย่างลึกล้ำ

อันที่จริง…กระแสพลังสี่สายของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ฉับพลันนั้นก็กระจายออกมาจากภายในดินแดนสีดำ ทั้งหมดนี้คือ…กระแสของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นของปรมาจารย์ตัดวิญญาณ!

กระแสของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เต็มไปด้วยพลังแห่งความกล้าหาญและโหดร้าย พวกมันพุ่งผ่านโม่เหมิน กวาดออกไปทั่วทั้งดินแดนของทะเลทรายตะวันตก ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่เมิ่งฮ่าวและฝูงสัตว์ปีศาจแปดแสนตัวของเขา

ขณะที่ในตอนนี้ สถานการณ์ของการต่อสู้ได้เปลี่ยนพลิกไปแล้วอย่างแท้จริง!

คนทั้งหมดที่ยืนอยู่ด้านบนของโม่เหมิน ต่างก็หอบหายใจและจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ในตอนนี้เองที่แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างตั่วหลัน ทันใดนั้นนางก็จดจำได้ว่าทำไมเมิ่งฮ่าวถึงได้ดูคุ้นเคยนัก

“ก็คือมัน…” ใบหน้านางเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง

ด้านข้างนาง ใบหน้าของจางเหวินสู่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความจดจ่อ ขณะที่มันมองไปยังสัตว์ปีศาจแปดแสนตัว ขนทั่วร่างมันลุกชี้ชันหนังศีรษะด้านชา

ในตอนนี้ เผ่าอูเสินไม่จำเป็นต้องโจมตี เช่นเดียวกับเผ่าเฮยหลงก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้สัตว์ปีศาจแปดแสนตัวพุ่งตรงไปยังพันธมิตรเผ่ากองโจร พื้นดินสั่นสะเทือนท้องฟ้าสั่นสะท้าน กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมา ขณะที่เสียงของการเข่นฆ่าสังหารเริ่มดังกระจายออกไป

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจพุ่งขึ้นไปในอากาศ ผู้ฝึกตนเผ่ากองโจรคนแล้วคนเล่า รวมถึงเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน, หัวหน้าเผ่า และผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างก็งุนงงไปในทันที

พวกมันต้องการสังหารเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้เขาหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสัตว์ปีศาจแปดแสนตัว แล้วพวกมันจะไปสังหารเขาได้อย่างไร!?

พวกมันต้องการจะไปสังหารกลุ่มคนเผ่าอูเสินและเผ่าเฮยหลง เพื่อให้เมิ่งฮ่าวโผล่หน้าออกมา แต่กลุ่มหมอกของค่ายกลเวทเผ่าอูเสินพุ่งสูงขึ้นไป ภายในมองเห็นเป็นเงาร่างที่กำลังวิ่งไปมา กลุ่มคนเผ่าเฮยหลงถูกกลืนเข้าไปในกลุ่มหมอกของค่ายกลเวทอย่างรวดเร็ว ปกปิดพวกมันไว้โดยสิ้นเชิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!