ตอนที่ 625
ข้ากำลังค้นหามันอยู่
พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว เริ่มโคจรหมุนวนขึ้นในทันที เส้นผมพริ้วขึ้นไปในอากาศอยู่รอบๆ ตัว พลังแห่งสวรรค์และปฐพีเริ่มออกมาจากภูเขากำเนิดใหม่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ผ่านเข้าไปในรูขุมขน หลอมรวมเข้ากับตัวเขา ทำให้พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนวนอย่างรวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงเต้นหัวใจของตนเอง แต่ละจังหวะการเต้นนี้ ทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มเต็มอยู่ในร่าง เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่ร่างเขาค่อยๆ สูงขึ้นอย่างช้าๆ
เขามีรูปร่างสมส่วนมากขึ้น, มีเสน่ห์มากขึ้น และขณะที่เส้นผมพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว บรรยากาศที่เกี่ยวกับอสูรในตัวเขาก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว อยู่ห่างจากขั้นตัดวิญญาณเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น อันที่จริง เมื่อเขาเข้าไปในวิญญาณดวงที่แปด ก็จะถือได้ว่าอยู่ในขั้นตัดวิญญาณที่แท้จริง การต่อสู้กับปรมาจารย์ฮูเหยียน ได้แสดงให้เห็นว่าเขามีความแข็งแกร่งอยู่เท่าใด
ถ้าต้องการ เมิ่งฮ่าวก็เพียงแค่หลับตาลงเล็กน้อย และเข้าไปในการตัดครั้งแรก ถ้าทำได้สำเร็จ เขาก็จะมีอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม เรื่องของอาณาจักรเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตัดวิญญาณคือการแบ่งเขตระหว่างเซียนและมนุษย์ธรรมดา ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงไม่อาจจะตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย เขาจำเป็นต้องรู้แจ้งก่อน จากพลังชีวิตของเขา จากชีวิตทั่วไปของเขา เขาจำเป็นต้องค้นหาเส้นทาง ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจ จากนั้นค่อยรู้แจ้งอาณาจักรของเขาเองตามธรรมชาติ เมื่อเขาเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นเซียนในก้าวแรก นั่นก็จะถึงเวลาสำหรับการตัดวิญญาณ!
นอกเหนือจากเหตุผลเหล่านั้นแล้ว ก็ยังมีเหตุผลอื่นอีก เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานฝึกตน เมิ่งฮ่าวก็มีความดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ต้องการใช้วิญญาณดวงที่แปดให้เข้าไปในการตัดวิญญาณ เขามีพื้นฐานสมบูรณ์ รวมถึงแกนสมบูรณ์ สำหรับวิญญาณแรกก่อตั้ง เขาได้ใช้วิธีการของตนเองเพื่อให้ได้ครอบครองความสมบูรณ์
แต่ถึงแม้จะหลอมรวมวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปดเข้าด้วยกัน จนดูเหมือนจะเป็นความสมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงขีดจำกัด!
“ข้าต้องสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้า!” แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตา และความปรารถนาภายในจิตใจก็มีความรุนแรงมากขึ้น เขาเริ่มเส้นทางการฝึกตนของตัวเอง ดังนั้นเขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อให้ได้ครอบครองความโชคดีอย่างสูงสุด
ตอนนี้ร่างเขาสั่นสะท้าน ขณะที่พลังของสวรรค์และปฐพีจากกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่ พุ่งเข้ามาในร่าง พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นไปจนกระทั่งบรรลุถึงจุดที่ไม่อาจจะสูงขึ้นไปได้กว่านี้อีกแล้ว แต่จากเจตจำนงของเมิ่งฮ่าว มันได้สงบนิ่งและเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันในจุดตันเถียนของเขา
“วิญญาณแรกก่อตั้งห้าธาตุของข้า เกิดมาจากความรู้แจ้งด้วยตนเอง พลังจากภายนอกใดๆ เป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น!” ภายในจุดตันเถียนของเมิ่งฮ่าว พลังของสวรรค์และปฐพียังคงพุ่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ กลายเปนกระแสน้ำวน
รอบๆ กระแสน้ำวนนั้น เป็นวิญญาณแรกก่อตั้งอันน่าประหลาดใจทั้งแปดของเมิ่งฮ่าว!
“พลังลมของคุนเผิง ข้าได้รับมาจากผู้มีพระคุณในถ้ำกำเนิดใหม่ มันได้หลบซ่อนอยู่ภายในร่างข้ามานานหลายปี จนสุดท้ายก็ถูกกลั่นสกัดเป็น วิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่หกของข้า!” แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว ทุกๆ ลมหายใจที่เขาสูดเข้าไป พลังของสวรรค์และปฐพีก็ไหลเข้าไปในร่างมากขึ้นเรื่อยๆ
“สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ ข้าเคยเผชิญหน้ากับมันมาหลายครั้ง เริ่มจากขั้นพื้นฐานลมปราณ จนไปถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง หลังจากที่เก็บสะสมอยู่ภายในร่างข้ามากพอ ข้าก็กลั่นสกัดมันให้กลายเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เจ็ด!” เสียงกระหึ่มเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง และกระแสน้ำวนในจุดตันเถียนของเขาก็หมุนไปมาเร็วขึ้น และเร็วมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ร่างศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ข้าก้าวเท้าเข้าไปในขั้นตัดวิญญาณ ข้าหลอมรวมปราณและโลหิตเพื่อก่อตัวเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่แปด!” เสียงกระหึ่มดังมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เคอจิ่วซือจ้องมองมา และแสงแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเจินหลิงเยี่ย
ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ มองเห็นได้จากบนใบหน้าของจื่อเซียง
“ครั้งนี้ ข้าจะสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้า…ด้วยพลังจากภายนอกทั้งหมด”
“ตอนนี้ ถ้าข้าต้องการสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้า ด้วยพลังจากภายนอกทั้งหมด” เมิ่งฮ่าวคิด “ถ้าเช่นนั้น…สิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำอย่างแรกก็คือบรรลุถึง…ขั้นรวบรวมลมปราณ, พื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณ และในที่สุดก็ปรุงพวกมันให้กลายเป็นวิญญาณแรกก่อตั้ง!”
เส้นผมเมิ่งฮ่าวพริ้วไปมาด้วยความปั่นป่วน ราวกับว่าสายลมอันรุนแรงกำลังพัดผ่านไป เสื้อผ้าก็โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาได้จมลงไปในพลังของสวรรค์และปฐพี จากกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่โดยสิ้นเชิง ซึ่งได้พุ่งเข้าไปอยู่รอบๆ กระแสน้ำวนภายในร่าง
กระแสน้ำวนหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ถูกดูดเข้าไปโดยเมิ่งฮ่าว ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ดวงตาก็สาดประกายมากขึ้น ภายในจุดตันเถียน เสียงกระหึ่มได้ยินมา กระแสน้ำวนได้เริ่มรวมตัวกันจนถึงจุดสูงสุด จนถึงระดับที่กลายเป็นวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นรวบรวมลมปราณ จากนั้นก็เริ่มก่อตัวจนกลายเป็นเสาแห่งเต๋า!
เสาแห่งเต๋า ก็คือขั้นพื้นฐานลมปราณ!
ภาพที่เห็นนี้ ทำให้เคอจิ่วซือมองดูด้วยความจดจ่อมากขึ้นกว่าเดิม
“มันกำลังสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นมาอีก มันกำลังฝึกฝน…คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ!”
เจินหลิงเยี่ยมองไปอย่างเงียบๆ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง
ผู้ที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คือจื่อเซียง ดวงตานางเบิกกว้าง ขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวดูดซับพลังลมปราณเข้าไป นางได้แต่ต้องกัดฟันแน่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ
“นั่นก็คือกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่ เมิ่งฮ่าว…กำลังใช้กลิ่นอายนั้นสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นมาจริงๆ!! ถ้าข้าสามารถดูดซับกลิ่นอายนั้นได้ มันก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อร่างเซียนอสูรของข้าอย่างน่าเหลือเชื่อ!”
แม้ในขณะที่จิตใจจื่อเซียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสิ้นหวัง เสียงกระหึ่มของกระแสน้ำวนรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวก็หายไปโดยสิ้นเชิง ถูกเขาดูดซับเข้าไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีความสูงกว่าเดิมหนึ่งช่วงศีรษะ กลิ่นอายภาพลวงตาที่อยู่รอบๆ ตัว ทำให้ทั่วทั้งร่างเขา ราวกับจะเป็นความจริงและภาพลวงตาสลับกันไปมา
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ประสานมือและจากนั้นก็โค้งตัวลงให้กับภูเขากำเนิดใหม่
ภูเขาไม่ต้องการ การคารวะ แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังโค้งตัวลงให้ อันเนื่องมาจากความเมตตาของภูเขา
เมื่อเขายืดตัวตรง ภูเขากำเนิดใหม่ก็สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง กลุ่มควันสีดำม้วนตัวออกมา และเปลวไฟก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ เต็มอยู่ในท้องฟ้า กลุ่มควันนั้นค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นร่างคนขึ้นอย่างช้าๆ
เป็นร่างของบุรุษ สวมใส่ชุดยาวสีดำ มีหน้าตาที่ดูไม่ชัดเจน แต่ก็กระจายความรู้สึกของความแก่ชราอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ซึ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ดูเหมือนว่ามันกำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว หลังจากผ่านไปนานชั่วครู่ เสียงแหบแห้งก็ได้ยินมา เต็มไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึก
“เมื่อคูเหยียน (ไฟมอดไหม้) ออกไปจากภูเขา มันต้องการจะขอยืมจิตใจอสูรไปจากข้า ในตอนนั้น ข้าได้สอบถามมัน”
“เต๋าคืออะไร!?”
“ข้าได้ถามคำถามเดียวกันนี้กับผู้คนมากมาย แต่ก็มีเพียงแค่สามคนเท่านั้น ที่ให้คำตอบอย่างมีคุณค่าควรแก่การจดจำ หนึ่งในนั้นกล่าวว่า เต๋าก็คือวิถีทาง เต๋าอันยิ่งใหญ่มีอยู่สามพันแบบ ดังนั้นจึงมีสามพันวิถีทาง วิถีทางที่แตกต่างกันเหมาะสำหรับผู้คนที่ต่างกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ไม่มีอะไรน้อยไปกว่านั้น คนผู้หนึ่งควรจะมุ่งหน้าต่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ละคนจะมีวิถีทางของตนเอง! บุคคลที่ให้คำตอบนี้…ได้กลายเป็นราชันหลี่!”
“คำตอบที่สองกล่าวว่า เต๋าก็คือความเป็นนิรันดร์และไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เป็นแค่ความจริงในสวรรค์และปฐพีเท่านั้น เป็นไปได้ที่จะมองไปยังมัน แต่ก็ไม่มีทางจะสัมผัสมันได้…เพื่อให้เข้าใจมัน แต่ก็ไม่อาจจะอธิบายมันออกมาได้ ถ้าเจ้าเข้าใจ เจ้าก็จะเข้าใจ ถ้าเจ้าไม่เข้าใจ…ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตของเจ้าเพื่อค้นหา ก็ไม่อาจจะได้รับความรู้แจ้งได้ บุคคลที่กล่าวคำพูดเหล่านี้กลายเป็นราชันจี้”
“คำตอบที่สามกล่าวมาโดยคูเหยียน (ไฟมอดไหม้) มันกล่าวว่าเต๋าก็คือจิตใจ และเมื่อจิตใจเกิดความทุกข์เข้าครอบงำ มันจึงตัดสินใจที่จะกำจัดทะเลแห่งความทุกข์ ซึ่งจะทำให้ความทุกข์ที่ครอบงำนั้นจบสิ้นไป มันถลำลึกลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันสามารถกำจัดทะเลแห่งความทุกข์ได้อย่างแท้จริง เต๋าของมัน…ก็จะกลายเป็นกฎธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพี!”
“ความเป็นนิรันดร์จะอยู่ที่นั่นตลอดไป มันอาจจะตายลง แต่เต๋าจะคงอยู่ตลอดไป”
“มันกล่าวว่าข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในโลกนี้ มีพื้นฐานอยู่ในผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่ง ซึ่งมีอยู่บนวิถีทาง รวมทั้งตระหนักถึงเต๋าของพวกมัน!”
“ถ้าเต๋าของคนผู้หนึ่งเชื่อว่า ท้องฟ้าถูกแบ่งออกเป็นช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ถ้าเช่นนั้นสวรรค์ก็จะสร้างวัฏจักรเช่นนั้นขึ้น”
“ชีวิตอาจจะแตกดับไป แต่เต๋าจะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ ชีวิต…ก็คือการอยู่เพื่อทิ้งชื่อเสียงอันดีงามที่กระทำมาตลอดชีวิตหลังจากที่ตายไป เพื่อทำให้เต๋าของคนผู้นั้นคงอยู่, เพื่อให้กลายเป็นกฎธรรมชาติ, เพื่อให้ปราศจากความเสียใจ”
“เนื่องจากคำตอบของมันนี้ มันจึงสามารถขอยืมหนึ่งในสาม จิตใจอสูรระดับสามของข้าได้”
“ตอนนี้เจ้าต้องตอบข้า ในความเชื่อของเจ้า เต๋าคืออะไร? เจ้ามีเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอก และเจ้าไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการตอบนี้ได้”
ขณะที่เมิ่งฮ่าวรับฟังคำพูดของภูเขากำเนิดใหม่ จิตใจก็เต็มไปด้วยคลื่นขนาดใหญ่ เขาสามารถแยกแยะคำตอบของราชันหลี่ รวมทั้งคำตอบของราชันจี้ ว่ามันประกอบไปด้วยความเป็นจริงเช่นเดียวกัน
สำหรับคำตอบของอสูรผู้ยิ่งใหญ่ไฟมอดไหม้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านราวกับมหาสมุทรอันคลุ้มคลั่ง บางทีคำตอบนั้นก็เป็นความจริงด้วยเช่นเดียวกัน
“เหตุผลที่ภูเขากำเนิดใหม่ จดจำได้เพียงแค่สามคำตอบนี้ เป็นเพราะว่าทั้งสามคำตอบ ต่างก็อธิบายถึงความหมายของตัวอักษรเต๋า (道) ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวยืนที่นั่นอย่างเงียๆ
“เต๋าคืออะไร?” เขาถามตัวเอง ดวงตาสาดประกาย แต่ก็ไม่อาจจะนึกหาคำตอบออกมาได้ เขาเคยได้ยินผู้คนมากมายใช้ตัวอักษรเต๋านี้ แต่จวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ก็ได้แต่รู้สึกราวกับว่าเขากำลังคลำหาได้แค่เพียงชายขอบของความหมายมันเท่านั้น
ขณะที่เมิ่งฮ่าวจมลงไปในความนึกคิด ธูปดอกที่สองก็ปรากฏขึ้นจากภายในกลุ่มควันสีดำ ซึ่งกำลังม้วนตัวขึ้นไป และธูปดอกนั้นก็เริ่มลุกไหม้
ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งสงบ ธูปนั้นเผาไหม้อย่างช้าๆ และเวลาก็ผ่านไป อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวก็ยังคงไม่อาจจะตอบคำถามได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ในที่สุด ธูปดอกนั้นก็มาถึงจุดสิ้นสุด มันเผาไหม้ไปแล้วเก้าในสิบส่วน เคอจิ่วซือถอนหายใจขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ท่าทางเสียดายปรากฏขึ้นในแววตา
เจินหลิงเยี่ยนิ่งเงียบ แต่ก็แอบถอนหายใจด้วยเช่นกัน “กลายเป็นว่ามันไม่ใช่คนที่ราชันหลี่กำลังเฝ้ารออยู่…”
จิตใจจื่อเซียงเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว และธูปดอกนั้นซึ่งแทบจะเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น นางส่ายศีรษะ
ในตอนนี้เองที่ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มส่องประกายเจิดจ้า ความว่างเปล่าจากก่อนหน้านี้จางหายไป มองขึ้นไปยังภูเขากำเนิดใหม่ และค่อยๆ เริ่มพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ข้าไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร” เขาพึมพำ “พื้นฐานฝึกตนของข้า ไม่ยอมให้ข้าเข้าใจว่าเต๋าคืออะไร…”
“สำหรับข้าแล้ว เต๋าเป็นเรื่องที่เรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง มันก็คือการพูดจา, คำพูด, อ้าปาก และยอมให้คนอื่นๆ อ้าปากพูด ทั้งหมดนี้ก็คือเต๋า พูดจา, กล่าวคำพูดที่ออกมาจากจิตใจ, พูดจาแสดงความคิดเห็นตามแต่ที่ต้องการ”
“มันไม่จำเป็นต้องมีความรู้แจ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ครอบงำ ไม่จำเป็นต้องมีวิถีทาง บางทีมันอาจจะเป็นเสียงแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ของทุกสรรพสิ่งภายใต้สวรรค์แห่งนี้”
“เมื่อได้ยินเสียง มันก็คือเต๋า ซึ่งกำลังพูดอยู่!” เมิ่งฮ่าวเรียบเรียงความคิดและพูดออกไป ในสิ่งที่เข้าใจเกี่ยวกับเต๋า ซึ่งมีพื้นฐานจากขอบเขตในตอนนี้ของเขา
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงหรือถูกต้องหรือไม่ อันที่จริงเขาไม่ต้องการจะพูดเท่าใดนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกจนต้องไม่สนใจความรู้สึกเหล่านั้น สิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมดก็คือ อธิบายถึงสิ่งที่เข้าใจเกี่ยวกับเต๋าในตอนนี้ธูปได้เผาไหม้ลงไปจนเกือบหมด มันแวบขึ้นจนเกือบจะดับไปโดยสิ้นเชิง “ในเวลาเดียวกันนั้น” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อ “เมื่อเสียงนั้นพูดขึ้น มันก็เป็นตัวแทนของทิศทาง!”
“สวรรค์และปฐพีอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ก็คือสถานที่พึ่งพิงแหล่งสุดท้ายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่แตกต่างกัน, วิถีทางที่ต่างกัน”
“บางครั้ง ท่านอาจจะคิดว่ามีวิถีทางเดียวเท่านั้นสำหรับท่าน บางครั้งความคิดครอบงำในจิตใจท่านก็สร้างเป็นวิถีทางขึ้นมา”
“สำหรับเต๋าแล้ว มันก็คือทิศทาง เป็นทิศทางที่สามารถนำท่านไปตลอดชีวิต เมื่อท่านต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจมากมายนับไม่ถ้วน มันก็สามารถนำท่านไปยังวิถีทางที่ท่านต้องเดินทาง สุดท้าย…มันก็ช่วยให้ท่านสามารถเลือกวิถีทางที่จะเดินไปได้!”
“มันเกิดขึ้นหลังจากที่ประสบพบเจอกับความผันผวนของชีวิต, การชะล้างของกาลเวลา และความเข้าใจซึ่งมาจากประสบการณ์ของชีวิต มันซ่อนอยู่ในทุกช่วงของเวลา, สถานที่, ทิศทาง หรือการกระทำ…”
“นั่นก็คือความเข้าใจในเต๋าของข้า มันช่วยชี้ทิศทาง และทำให้ข้าแข็งแกร่งเพื่อมุ่งหน้าต่อไป บางทีมันจะไม่มีอยู่จริง หรือบางทีมันอาจจะอยู่ในทุกหนทุกแห่ง”
“สำหรับข้าแล้ว ข้ากำลังค้นหามันอยู่…” เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น มองไปยังภูเขากำเนิดใหม่
ภูเขากำเนิดใหม่นิ่งเงียบ เคอจิ่วซือนิ่งเงียบ เจินหลิงเยี่ยนิ่งเงียบ
จื่อเซียงก็นิ่งเงียบด้วยเช่นกัน