ตอนที่ 641
ใครจะเป็นผู้ชนะ…
“เจ้า…เจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่?!” ปรมาจารย์เอกะเทวะร้องออกมา ชายชราที่มันกำลังควบคุมอยู่สั่นสะท้าน ขณะที่ชี้ไปยังเมิ่งฮ่าว และแทบจะกระอักโลหิตออกมา
ย้อนกลับไปในราชวัง ปรมาจารย์เอกะเทวะกระทืบเท้าอย่างมีโทสะ ส่งเสียงก่นด่าสาปแช่งออกมาราวกับเป็นสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก โทสะของมันพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ และดูเหมือนแทบจะคลุ้มคลั่งได้ทุกเมื่อ
“เจ้าสารเลวน้อย! เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าไม่มีเงิน?! แล้วเจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?”
“เจ้าไม่มีเงิน แต่ก็พยายามที่จะซื้อสิ่งของมากมาย?! บัดซบ! เจ้าไม่มีเงิน?! เหลาจู่เพิ่งจะมอบหินลมปราณให้กับเจ้าสามหมื่นก้อน!? สามหมื่นก้อนเลยนะ!! หินลมปราณทั้งหมดสามหมื่นก้อน!! เหลาจู่อุตส่าห์ใช้ชีวิตอย่างขมขื่น เพื่อประหยัดหินลมปราณทั้งหมดเหล่านั้น!”
หลายปีก่อน เมิ่งฮ่าวได้เผชิญกับความยากลำบากและอันตรายมากมาย พยายามชักนำให้ผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าว ไปยังสำนักเอกะเทวะเพื่อปลดปล่อยปรมาจารย์เอกะเทวะออกมา ในตอนนั้นจิตใจปรมาจารย์เอกะเทวะเต็มไปด้วยความยินดี แต่มันก็ให้รางวัลเมิ่งฮ่าวเพียงแค่หินลมปราณระดับต่ำเพียงแค่ก้อนเดียว จากตอนนั้นก็เห็นได้ชัดถึงระดับความตระหนี่ ที่ได้กลายมาเป็นตัวตนของปรมาจารย์เอกะเทวะมาอย่างยาวนาน
“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งของทุกชิ้นที่อยู่ในร้านก็เป็นของเหลาจู่! เจ้าไม่มีเงินแต่ก็ต้องการจะซื้อไปทั้งหมด? ช่างน่าขำนัก!!”
เมื่อได้เห็นปรมาจารย์เอกะเทวะคลุ้มคลั่งเช่นนั้น ก็ทำให้กู๋อี่ติงซานอวี่ต้องเม้มริมฝีปาก แต่สีหน้านางก็เปลี่ยนเป็นปกติเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ยกเว้นแววตาแห่งความฉลาดเฉลียวในดวงตานาง
“เต่าชราช่างหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ” นางคิด รู้สึกเห็นใจปรมาจารย์เอกะเทวะเล็กน้อย “ในอดีตเมิ่งฮ่าวได้หลอกลวงต้มตุ๋นไปทั่วทั้งแคว้นจ้าว มีผู้คนมากมายยังคงจำเรื่องราวเหล่านั้นได้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เต่าชราก็ยังพยายามจะไปแข่งความฉลาดกับเมิ่งฮ่าว? มันช่างหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ…”
“แต่จริงๆ แล้วก็ไม่อาจจะตำหนิเต่าชรานี้ได้ มันชรามากแล้ว และสมองก็ค่อนข้างจะมีปัญหา บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันถูกทุบตีที่ศีรษะในตอนที่ยังเยาว์อยู่ก็เป็นได้?” ยิ่งนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตมากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจปรมาจารย์เอกะเทวะมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่มีทางได้เห็น หรือรับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในราชวังนี้ เขามองอย่างขอโทษไปยังชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เช่นนี้เป็นอย่างไร” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย “ข้าช่วยท่านทำงานดีหรือไม่? ข้ามั่นใจว่าในช่วงไม่กี่สิบปี ก็สามารถชดใช้หนี้สินทั้งหมดนี้ได้! ใช่แล้ว…ข้าเก่งในเรื่องการปรุงเม็ดยาด้วยนะ”
ปรมาจารย์เอกะเทวะ ในร่างของชายชรา จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว มันเริ่มหอบหายใจออกมา และแทบจะดูเหมือนว่ามีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากบนศีรษะ…ภายในจิตใจมัน จู่ๆ ก็มีสองเงาร่างปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นกำลังให้คำแนะนำ และอีกหนึ่งกำลังระบายโทสะออกมา
“เหลาจู่ ถึงเวลาต้องเสี่ยงแล้ว!”
“ไม่มีทาง! ข้าพยายามมาอย่างหนัก และเกือบจะทำให้มันจากไปแล้ว! ข้าใกล้จะทำได้สำเร็จแล้ว! แค่พยายามอดทนอีกเล็กน้อย! อีกนิดเดียวเอง! ในที่สุดข้าก็จะมองเห็นเส้นชัยแล้ว!”
“แสงสว่างมักจะมาหลังจากพายุใหญ่!!” ขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะกำลังรู้สึกขัดแย้งกันอยู่นั้น เมิ่งฮ่าวก็กระแอมไอออกมา
“หรือว่าบางทีข้าไม่ควรจะซื้อสิ่งของเหล่านี้ ข้าคิดว่าน่าจะไปดูร้านอื่นๆ ดีกว่า ข้าจะพยายามดูพวกมันให้หมดภายในหนึ่งปี หลังจากนั้นข้าก็จะไปยังเมืองอื่นต่อไป…”
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับเป็นไพ่ไม้ตาย ที่ปรมาจารย์เอกะเทวะไม่อาจจะเทียบได้
“ท่านมีเงินอยู่เท่าไหร่?” มันถามผ่านร่องฟันที่กัดจนแน่น
เมิ่งฮ่าวหน้าแดง “ข้ามีห้าพันหินลมปราณอยู่ในถุงสมบัติ”
“ท่าน…” ปรมาจารย์เอกะเทวะแทบจะแผดร้องออกมาว่า มันเพิ่งจะมอบหินลมปราณให้กับเมิ่งฮ่าวไปสามหมื่นก้อน อย่างไรก็ตาม มันพยายามสะกดข่มจิตใจอยู่เป็นเวลานาน รู้สึกเหมือนกับจิตใจกำลังถูกแทง แต่ก็ไม่มีโลหิตไหลซึมออกมา…
“ฮา ฮา ฮา…” มันหัวเราะผ่านร่องฟัน แต่เพื่อที่จะทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดทนต่อไป เพื่อไม่ให้เมิ่งฮ่าวพบเห็นพิรุธใดๆ หลังจากที่บังคับตัวเองให้หัวเราะออกมา มันกล่าวต่อ “ท่าน…ท่านช่างโชคดีจริงๆ!! วันนี้คือ…วันฉลองครบรอบการเปิดร้าน! พวกเราจัดงานลดราคา…อย่างยิ่งใหญ่! ท่านสามารถซื้อทุกอย่างในร้านด้วยราคาห้าพันหินลมปราณ!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น รีบวางหินลมปราณห้าพันก้อนไปที่เบื้องหน้าชายชรา จากนั้นก็รวบรวมอาวุธเวททั้งหมดเข้าไปในถุงสมบัติ พร้อมกับยิ้มและถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา
“ผู้คนในเกาะศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของสำนักเซียวเหยา ต่างก็เป็นคนดีกันทุกคน” เขากล่าวจากนั้นก็หันหลังและจากไป บินตรงขึ้นไปในอากาศ พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะเห็นเช่นนี้ ในที่สุดจิตวิญญาณที่บาดเจ็บอยู่ลึกๆ ข้างในของมัน ก็ฟื้นฟูกลับคืนมาได้เล็กน้อย
“ตราบเท่าที่เจ้าจากไป ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว…ไปเลย!” มันกล่าวกัดฟันแน่น “เจ้าสารเลวน้อย! ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้าอีกในชีวิตนี้!” อารมณ์มันค่อยๆ เยือกเย็นลง จากนั้นก็หยุดคิดเกี่ยวกับหินลมปราณและอาวุธเวท ถ้ามันคิด มันก็คงจะกังวลจนไม่อาจจะรับได้ และคงจะระเบิดโทสะออกมา
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะกำลังดิ้นรนปรับอารมณ์ของมันให้ดีขึ้น จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดบิน มองลงไปด้านล่าง ขณะที่เขาสังเกตเห็นเมืองที่สองตรงด้านล่าง
เมื่อเขามองเห็นเมืองที่สองนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ตอนนี้ เป็นยามเที่ยงคืน แต่เมืองนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยแสงสว่างและกิจกรรมต่างๆ ถึงจะเป็นช่วงเวลานี้แต่ร้านค้าก็ยังไม่ได้ปิดไป ทั่วทั้งเมืองกำลังคึกคักจอแจ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นไข่มุกที่กำลังส่องประกายเจิดจ้า
ปรมาจารย์เอกะเทวะ “…….”
มันจ้องมองไปด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า เส้นโลหิตโผล่ขึ้นมาจากหน้าผาก
จากนั้นมันก็เห็นเมิ่งฮ่าวลอยต่ำลงไปยังเมืองอย่างไม่ละอายใจ มันรับไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ระเบิดออก
“มากเกินไปแล้ว!! ไร้ยางอายนัก!!” มันแผดเสียงออกมา ทำให้ทั่วทั้งราชวังสั่นสะเทือน มันโบกมือขวาไปยังเบื้องหน้า ทำให้กระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป เร่งความเร็วตรงไปยังเมืองนั้น และเข้าไปในร้านค้าต่างๆ ในทันที
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้เข้าไปใกล้ ร้านค้าทั้งหมดที่อยู่ในเมืองก็ปิดประตูลง และดับไฟลงไปในทันใด
ตอนนี้เป็นยามเที่ยงคืน ดังนั้นเมืองที่สว่างจ้าก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็ตกอยู่ในความมืด แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ในเมืองต่างก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ และเริ่มระมัดระวังตัวขึ้นในทันที
สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ใบหน้าเมิ่งฮ่าวบิดเบี้ยวขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าเต่าชราบัดซบนั่น สิ่งที่ข้าเอาไปเป็นหินลมปราณและอาวุธเวทเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ทั้งหมดนี้มีค่าเท่ากับหินลมปราณแค่ไม่กี่หมื่นก้อนเอง!”
“เจ้าเต่าชราช่างตระหนี่นัก หลังจากผ่านมาหลายปี มันก็ยังไม่เปลี่ยนไป ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้ มันคงเจ็บปวดใจจนอยากจะตายไป”
“มันต้องการให้ข้าจากไป และกังวลว่าข้าจะปล้นมันไปมากกว่านี้ ดังนั้นมันจึงทำให้ทุกร้านปิดตัวลงในทันที ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายโดยสิ้นเชิง!!” เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในอากาศด้วยความไม่พอใจ จ้องมองลงไปยังเมืองที่ด้านล่างเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็บินต่อไป
ย้อนกลับไปในราชวัง รอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมทั้งท่าทางที่ดูภาคภูมิใจอย่างเข้มข้น ปรากฏขึ้นบนใบหน้าปรมาจารย์เอกะเทวะ ขณะที่กำลังปลาบปลื้มต่อความฉลาดที่เหนือชั้นของมัน ตอนนี้ปรมาจารย์เอกะเทวะรู้สึกสดชื่นอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เจ้าสารเลวน้อย! ไม่ว่าเจ้าจะเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ก็ยังไม่ฉลาดเท่าเหลาจู่!”
“โดยปกติแล้ว เหลาจู่เป็นผู้ที่ชาญฉลาดมากที่สุด! ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะมีแผนการอย่างมากมายได้อย่างไร? ฮา ฮา ฮา! มาดูกันว่าเจ้าพยายามจะทำอะไรต่อไป!” ในตอนนี้ มันได้ลืมไปนานแล้วว่า กำลังพยายามจะหลบซ่อนตัวอยู่ และไม่ได้คิดว่าการกระทำที่เปิดเผยโจ่งแจ้ง อาจจะทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกสงสัยได้
ความพึงพอใจของมันบรรลุถึงจุดสูงสุด และมีความรู้สึกว่าในที่สุดก็สามารถระบายความหงุดหงิดออกมาได้บ้าง ทำให้มันรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เป็นความหวังว่าจะได้เห็นเมิ่งฮ่าวจากไปในที่สุด!
“ไม่ว่าเจ้าจะไปยังที่แห่งใด ข้าก็จะปิดร้านทั้งหมดไป! มาดูกันว่าเจ้าจะมีเหตุผลอะไรอีก ที่จะอยู่ในที่แห่งนี้!” ดวงตาปรมาจารย์เอกะเทวะแวบขึ้น ขณะที่มันจ้องมองไปยังกู๋อี่ติงซานอวี่
“เจ้าคิดว่าอย่างไร? เหลาจู่ฉลาดหรือไม่?”
กู๋อี่ติงซานอวี่กระพริบตา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ท่านปรมาจารย์ฉลาดอย่างที่สุด”
ดูเหมือนปรมาจารย์เอกะเทวะจะรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มมันกว้างมากขึ้น
สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาขมวดคิ้วขณะที่บินผ่านอากาศไป ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงัก จากนั้นก็มองลงไปยังภูเขาที่อยู่ด้านล่าง
ทันทีที่เขามองไปยังภูเขาลูกนั้น เสียงกระหึ่มทันใดนั้นก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ทั่วทั้งภูเขาพังทลายลงต่อหน้าต่อตาเขา
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ครั้งนี้เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากจริงๆ
“ปรมาจารย์เอกะเทวะ! เจ้าแสดงออกอย่างชัดเจนมากเกินไปหรือไม่, สารเลว? เจ้าไม่อาจจะเสแสร้งแม้แต่เพียงเล็กน้อย? บัดซบ! เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไร? เสแสร้งว่าข้าไม่ได้สังเกตเห็น? เสแสร้งว่าข้ามองไม่เห็นเหตุการณ์นี้?” เมิ่งฮ่าวรู้สึกสับสนว่าต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรดี
ถ้าเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่น่าสงสัยใดๆ นั่นก็จะเห็นได้ชัดว่า…
แต่ถ้าเขาแสร้งทำเป็นเห็นสิ่งแปลกๆ บางอย่าง นั่นก็จะเป็นการเตือนให้ปรมาจารย์เอกะเทวะได้รับรู้ ในความเห็นของเมิ่งฮ่าว ปรมาจารย์เอกะเทวะเป็นผู้ที่เชื่อถือไม่ได้ ไม่มีทางจะรู้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นเช่นไรถ้าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“ถ้าข้าทำให้มันหวาดกลัวมากเกินไป” เมิ่งฮ่าวคิด “มันก็อาจจะนำสถานที่ทั้งหมดนี้ไปพร้อมกับมัน และหลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว ครั้งนี้ข้าต้องทำให้มันมั่นใจว่าไม่จำเป็นต้องหลบหนีไป” เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอะไรจริงๆ ภายในใจเขาก่นด่าสาปแช่งปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ทำไมผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าถึงได้เชื่องช้าเช่นนี้? เมิ่งฮ่าวยังได้ปล่อยให้กลิ่นอายกระจายออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ชายชราผู้นั้นก็ยังไม่ได้มาค้นหาเขาอีก
เมิ่งฮ่าวใช้ความพยายามที่จะเอาชนะของเต่าชราหมดไปในช่วงกลางวัน ตอนนี้เขาคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับปรมาจารย์เอกะเทวะที่เชื่อถือไม่ได้นี้อย่างไรดี
ขณะที่เขาคิดทบทวนไปมาอยู่ภายในใจ ก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไป แต่ก็พบเห็นอย่างรวดเร็วว่า ถ้าเขาหยุดชะงักไปแค่ชั่วครู่ ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นก็จะพังทลายลง แม้แต่แม่น้ำก็ยังได้เปลี่ยนเส้นทางของมัน
แทบจะในทุกที่ ที่เขาไปถึง ได้กลายเป็นพื้นที่อันราบเรียบไปอย่างรวดเร็ว
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า นี่ยิ่งไม่น่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก…?” เมิ่งฮ่าวคิด “ถ้าเรื่องราวยังคงเกิดขึ้นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะเอาชนะมันได้ตอนที่อยู่ในเจดีย์เซียนอสูร มันก็น่าจะเข้าใจว่าข้ารู้เรื่องต่างๆ นี้แล้ว” เมิ่งฮ่าวลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาจะเริ่มสาดประกาย ในตอนนี้ เขาหยุดสะกดข่มอาการบาดเจ็บภายในไป ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา และจากนั้นก็กระอักโลหิตออกมากองโต
ใบหน้าเขาซีดขาวในทันที
“อาการบาดเจ็บข้ากำเริบขึ้นอีกแล้ว!” เมิ่งฮ่าวร้องเป็นเสียงดังออกมา ก้มหน้าจมดิ่งลงไปบนพื้น เลือกหาสถานที่ไปนั่งลงขัดสมาธิ เพื่อเข้าฌาณรักษาอาการบาดเจ็บ
อันที่จริงอาการบาดเจ็บของเขายังไม่ได้รักษาจนหายดีอย่างแท้จริง มันถูกรักษาไปแค่ประมาณเจ็ดในสิบส่วนเท่านั้น ที่เหลืออีกสามส่วน เต็มไปด้วยพลังของค้นหาเต๋า ซึ่งยากที่จะรักษาด้วยวิชาแปลงม่านตาม่วงให้หายบาดเจ็บไปได้
จากการคิดคำนวนของเขา สามส่วนสุดท้ายนี้ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าที่จะรักษาให้หายโดยสมบูรณ์ ด้วยการใช้วิธีรักษาเช่นในปัจจุบันนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ ที่จะปล่อยให้เต่าชราเห็นถึงอาการบาดเจ็บนี้ และโลหิตที่พ่นออกมาก็เป็นของจริง
“เพื่อที่จะจัดการกับเต่าชราที่เชื่อถือไม่ได้นี้” เมิ่งฮ่าวคิด กัดฟันแน่น “ข้าต้องไร้ยางอายกว่ามัน ด้วยเช่นนั้น เจ้าบัดซบ ข้าก็จะอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!”
ตอนนี้ปรมาจารย์เอกะเทวะได้เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกตะลึงไปแล้ว มันยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างดุดัน ขณะที่มองเห็นเมิ่งฮ่าวนั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ จากนั้นดวงตามันก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่เห็นว่าเมิ่งฮ่าวได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสจริงๆ
ปรมาจารย์เอกะเทวะเริ่มหอบหายใจออกมา จ้องมองไปเป็นเวลานาน จากนั้นก็คว้าจับไปที่เส้นผมที่ยาวของมันและเริ่มดึงทึ้งอย่างรุนแรง มันเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในราชวัง ใบหน้าน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ดูคล้ายกับเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดออกมา
“บัดซบ! ใครกันที่ทำให้มันบาดเจ็บ!? ทำไมถึงไม่สังหารมันไปเลย?! ทำไมถึงปล่อยให้มันบาดเจ็บจนต้องกำเริบขึ้นมาในเวลานี้?!”
“ข้าควรทำอย่างไรดี? เหลาจู่ต้องทำยังไงดี…? อาการบาดเจ็บนั้นต้องใช้เวลารักษาเป็นปี หลังจากที่ข้ากระทำทุกอย่างให้เป็นไปได้ด้วยดี จนเกือบจะสำเร็จได้เรียบร้อย แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น!” ปรมาจารย์เอกะเทวะกัดฟันแน่น ภายในใจมัน ความรู้สึกเกลียดชังต่อผู้ที่ทำให้เมิ่งฮ่าวบาดเจ็บเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
กู๋อี่ติงซานอวี่แทบไม่อาจจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ ตอนนี้นางแทบไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป นางรู้ว่าสหายที่เชื่อถือไม่ได้ทั้งสองนี้กำลังต้องการเอาชนะซึ่งกันและกัน…