ตอนที่ 679
สู้!
“ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?”
“เต๋าอันยิ่งใหญ่ตกลงมา ทำให้มันมีเต๋าอันยิ่งใหญ่ตัดวิญญาณ ซึ่งแตกต่างไปจากข้า แต่ก็ยังไม่สมเหตุสมผลที่มันจะน่ากลัวมากเช่นนั้น!”
“แม้แต่อาวุธเวทหรือของวิเศษใดๆ มันก็ยังไม่ได้ใช้! มันพึ่งพาแต่ร่างกายของมันเท่านั้น!!”
“บัดซบ! ร่างกายมันอยู่ที่ระดับใดกันแน่? อาวุธเวททั้งหลายต่างก็ไร้ผล และไม่อาจจะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ไปสร้างความสั่นสะเทือนให้กับมันได้แม้แต่น้อย! นั่นเป็นร่างกายแบบไหนกันแน่!?” ความหวาดกลัวของเฟยเซียนเซิ่งบรรลุถึงขีดสูงสุด ในช่วงการฝึกฝนวิถีเซียนมาตลอดทั้งชีวิตของมัน มันไม่เคยจะพบเจอกับผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นเดียวกัน จะสามารถทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวได้มากเช่นนี้มาก่อน
“บัดซบ ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง เจ้าหลอกลวงข้า!! ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าเมิ่งฮ่าวผู้นี้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์เช่นนี้ เจ้าก็คงไม่อาจจะมาหว่านล้อมให้ข้าร่วมมือกับเจ้าได้อย่างแน่นอน…” มันบินตรงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกไล่ตามมา มันยังได้พ่นโลหิตออกมา และเผาไหม้พลังชีวิตเพิ่มมากขึ้นเพื่อจะหลบหนีไปให้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ไม่ว่ามันจะรวดเร็วมากเช่นไร ก็ไม่อาจจะไปได้เร็วกว่ารถศึกนั้น
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่บนรถศึก ส่งพลังปราณแห่งเซียนชี้ทางให้กับรถศึกเล็กน้อย ทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม ก็มองเห็นเฟยเซียนเซิ่งในทันที จากนั้นรถศึกก็กระแทกตรงไปที่มันอย่างรุนแรง
สีหน้าเฟยเซียนเซิ่งสลดลง มันไม่อาจจะหลบหนีได้ทัน ได้แต่สะบัดกระบี่แห่งแสงไปทางด้านหลังเพื่อป้องกันตัว เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่กระบี่แห่งแสงแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างกายของเฟยเซียนเซิ่งระเบิดออกในทันที
แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันลอยออกมา เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกเสียใจ เมิ่งฮ่าวออกมาจากรถศึกและโบกสะบัดมือ ใช้วิชาเวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกมา เฟยเซียนเซิ่งไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะทันได้ขยับตัว ก่อนที่เส้นใยแห่งปราณซึ่งมองไม่เห็นมากมายนับไม่ถ้วน จะพันไปรอบๆ แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสั่นสะท้านของมันไว้
จิตใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำของความตายที่ใกล้เข้ามาในทันที ดวงตาเบิกโพลงและดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้กระบี่ไม้แห่งกาลเวลานับร้อยลอยออกมา หมุนวนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ เฟยเซียนเซิ่ง เพื่อก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ดอกบัวที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว
เสียงแผดร้องโหยหวนได้ยินมา ขณะที่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของเฟยเซียนเซิ่งเริ่มแห้งเหี่ยวลง ช่วงเวลาสิบลมหายใจ มันก็หดตัวลง คล้ายกับว่ามันกำลังถูกกลั่นสกัด จากนั้นมันก็แห้งเหี่ยวไปจนไม่เหลืออะไรอีก ตกตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือเพื่อรวบรวมถุงสมบัติของเฟยเซียนเซิ่ง และจากนั้นก็มองไปยังค่ายกลกระบี่ดอกบัว
“ดอกบัวก็คล้ายกับการกลั่นสกัดด้วยเช่นกัน…” เขาคิด
ในตอนนี้เองที่มีเสียงปะทุของสายฟ้า ได้ยินมาจากท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป สายลมพัดไปมา และในชั่วพริบตา วันที่มีแสงแดดแผดจ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดมิด กลุ่มเมฆสีดำสนิทมากมายนับไม่ถ้วน รวมตัวกันอย่างแน่นหนา จนดูคล้ายกับเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…ใบหน้าของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง
ใบหน้านั้นถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสายฟ้าที่แน่นหนา และมีเสียงฟ้าร้องดังก้องออกมา บนหน้าผากของใบหน้านั้น มองเห็นเป็นชายชรา ที่มีดวงตาเจิดจ้าเป็นประกาย
“เมิ่งฮ่าว!”
เสียงนั้นดังออกมาจากกลุ่มสายฟ้า ราวกับเป็นเสียงคำรามอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ ทำให้ทะเลเทียนเหอที่อยู่ด้านล่างลงไป ระเบิดออกกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำวนที่ส่งเสียงดังกระหึ่มหมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังอย่างเย็นชา
“ร่างจำแลงอีกแล้ว” เขากล่าว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก และเขาก็เข้าใจเกี่ยวกับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังได้มากขึ้นกว่าเดิมในตอนนี้ เขาเคยต่อสู้กับสองร่างจำแลงของมันมาก่อน แล้วทำไมเขาจึงจะสังเกตไม่เห็นว่า จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นแค่ร่างจำแลงของมัน?
เมิ่งฮ่าวยกมือขวาที่กำเป็นหมัดขึ้น และเวทกลืนภูเขาก็ถูกใช้ออกมา ภูเขาหนึ่งพันลูกปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่าง จากนั้นก็มีมากขึ้น จนกระทั่งมองเห็นภูเขานับหมื่นลูก ภูเขาเหล่านั้นไม่ได้มีขนาดเล็ก และมองเห็นว่าประกอบไปด้วยน้ำทะเล นี่เป็นตัวแทนของภูเขาน้ำทะเลทั้งหมด ที่คงอยู่ในขอบเขตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว
“เวทกลืนภูเขาถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ภูเขา, วิญญาณ และเจตจำนง!”
“เมื่อข้าสามารถทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนได้ ก็ทำให้ข้ารู้แจ้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ”
“ในส่วนของวิญญาณที่ข้าจะสามารถควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นกับพลังผนึกอสูรของข้า ด้วยวิชาผนึกความเที่ยงธรรม ทำให้ข้าสามารถแยกวิญญาณของภูเขาออกมา และใส่เข้าไปในภูเขาของข้า นั่นก็คือขั้นสองที่สมบูรณ์ของวิชากลืนภูเขาอันยิ่งใหญ่!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่าง แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีความต้องการจะต่อสู้อย่างรุนแรงขึ้น เขายกมือขึ้น และจากนั้นก็กดลงไปยังน้ำทะเล
“ผนึกความเที่ยงธรรม!”
“ภูเขาแห่งทะเลเทียนเหอ พวกท่านจมอยู่ใต้น้ำ มีชีวิตอยู่บนโลกนี้โดยไม่เคยเห็นแสงตะวัน วันนี้ ข้า, เมิ่งฮ่าว จะขอยืมวิญญาณของพวกท่าน ข้าจะแยกสวรรค์เปิดปฐพี และปล่อยให้พวกท่านได้อาบไล้อยู่ในแสงตะวัน!”
“โผล่ออกมา!”
เพื่อตอบรับเสียงตะโกนของเมิ่งฮ่าว น้ำทะเลเริ่มเดือดพล่าน ภูเขาทีละลูก ทีละลูก ที่อยู่ใต้ทะเลเริ่มสั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายที่มองไม่เห็นก็เริ่มกระจายขึ้นมาจากภูเขา ตรงไปยังพื้นผิวของทะเล
ขณะที่ทะเลส่งเสียงดังกระหึ่ม วิญญาณแห่งภูเขาก็ปรากฏขึ้น หลอมรวมเข้าไปในภูเขาที่ถูกเรียกมาโดยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ภูเขานับพันนับหมื่น ทำให้เกิดเป็นภาพที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้น ไร้ผู้ต่อต้านอย่างแท้จริง!
ขณะที่ภูเขาหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว เขาก็ยื่นแขนออกไปเป็นวงกว้าง เส้นผมพริ้วไปมา ดวงตาคมกริบด้วยความต้องการต่อสู้ ทันใดนั้นเขาก็กวาดมือออกไปที่เบื้องหน้า ภูเขานับหมื่นทั้งหมดพุ่งฝ่าอากาศ เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มอย่างน่าตกใจ มุ่งหน้าตรงไปยังใบหน้าขนาดใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
สีหน้าปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเปลี่ยนไป ขณะที่มันขยับมือร่ายเวท ใบหน้าที่อยู่รอบๆ ร่างมันพุ่งตรงไปยังภูเขาในทันที พวกมันเข้าใกล้ซึ่งกันและกัน และจากนั้นก็กระแทกเข้าหากัน ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้อง เต็มไปทั่วทั้งวงแหวนที่สาม
ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าพังทลายลงไป และใบหน้านั้นก็เป็นแผลเปิดกว้างเต็มไปด้วยรูพรุน ต่อมาไม่นาน ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง ภูเขาทั้งหมดก็พังทลายลงไป และใบหน้านั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมิ่งฮ่าวไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย บินขึ้นไปในอากาศ โบกสะบัดแขนทำให้กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเล่มปรากฏขึ้น และก่อตัวกันเป็นค่ายกลกระบี่ดอกบัว ทันใดนั้นค่ายกลก็พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังในทันที
เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มกำมือเป็นหมัดและคลายมือออก ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้ พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นทำลายล้างเก้าชั้นฟ้า!
ตอนนี้เขามีพื้นฐานฝึกตนขั้นตัดวิญญาณที่แท้จริง เขาได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับมันโดยสมบูรณ์
ม่านตาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังหดเล็กลง มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เมิ่งฮ่าวแตกต่างไปจากความทรงจำก่อนหน้านี้ของมันโดยสิ้นเชิง และมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากนัก
“แต่ถึงอย่างไร เจ้าก็ยังคงเป็น…แมลงอันกระจ้อยร่อย!” มันกล่าวพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา โบกสะบัดมือขวา ทำให้แสงสีแดงปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆที่เต็มอยู่ในท้องฟ้า
นั่นก็คือดวงตะวัน! ดวงตะวันสีแดง!
“ตะวันตกดิน!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ แสงสีแดงกระจายออกไปเต็มอยู่ในสวรรค์และปฐพี ทำให้กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเล่มของเมิ่งฮ่าวเริ่มช้าลงในทันที
“เผาไหม้กาลเวลา!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องออกมา
เพื่อตอบรับคำพูดนี้ กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเล่ม และพลังแห่งกาลเวลาวงจรหกสิบปีสิบรอบ ทันใดนั้นก็เริ่มเผาผลาญ การเผาไหม้กาลเวลาทำให้ความรวดเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า กระบี่ไม้ทั้งหมดพุ่งผ่านชั้นสีแดงไปปรากฏอยู่ใกล้กับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง และกระบี่ไม้เหล่านั้นก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมันอย่างช้าๆ
เพียงหมุนวนไปแค่รอบเดียวก็ทำให้สีหน้าของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเปลี่ยนไป มันรับรู้ได้ว่าเพียงชัวพริบตา ร่างจำแลงนี้ก็ต้องสูญเสียอายุขัยไปนับพันปี
“ของวิเศษกาลเวลาอันกระจ้อยร่อย? แตกสลายไป!” มันแค่นเสียงเย็นชา และแสงสีแดงก็เริ่มเจิดจ้าจนน่าตกใจมากยิ่งขึ้น ตอนนี้มันกระจายความร้อนอันเข้มข้นออกมา และเริ่มทำให้กระบี่ไม้แห่งกาลเวลต้องแตกสลายไป
เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ตรงไป “ระเบิด!”
ตูมมมมมมมม!
จากกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาทั้งหนึ่งร้อยเล่ม มีอยู่เจ็ดสิบเล่มระเบิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อต้นชุนชิวระเบิดออก พวกมันก็ปลดปล่อยพลังแห่งกาลเวลาออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นกระแสน้ำวนแห่งกาลเวลา สีหน้าปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังสลดลง ขณะที่เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ร่างกายมันเริ่มเหี่ยวแห้งลง และมันกำลังจะล่าถอยไปที่ด้านหลัง แต่เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า กำหมัดขวาและคลายออกแปดครั้งติดต่อกันไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาได้กำเป็นครั้งที่เก้า และจากนั้นก็ต่อยตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง
“ทำลายล้างเก้าชั้นฟ้า!”
“ตะวันตกดิน, เมฆลอยลง!” ร่างกายปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง กระจายแสงสีแดงที่เดือดพล่านอย่างน่ากลัวออกมา
เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไป และร่างกายก็เกิดเป็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้น แต่หมัดของเขาก็ยังคงกระแทกลงไปยังเป้าหมาย
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังกึกก้อง และปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็ลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง สีหน้ามันซีดขาว รังสีสังหารกระจายออกมาจากดวงตา ขณะที่มันเห็นว่า เมิ่งฮ่าวพ่นโลหิตออกมาจากปาก และร่างกายเกิดเป็นเปลวไฟลุกไหม้ แต่ก็ยังคงไล่ติดตามมันมา
เสียงอันแหบแห้งของเมิ่งฮ่าว ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง “ระเบิด!”
การระเบิดของกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาเจ็ดสิบเล่มก่อนหน้านี้ ทำให้ยังคงมีเหลืออยู่สามสิบเล่ม ซึ่งระเบิดออกมาพร้อมกันทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ได้ทำให้เกิดเป็นความวุ่นวายปั่นป่วนของกาลเวลา ในเส้นทางล่าถอยหลบหนีของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ในที่สุดก็ทำให้มันได้รับบาดเจ็บ
โลหิตกระจายออกมาจากปากมัน หลังจากที่มันเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา จากร่างจำแลงทั้งสามของมัน สองร่างได้ถูกกำจัดไป ร่างจำแลงที่สามนี้ค่อนข้างจะอ่อนแอ และไม่ได้นำอาวุธเวทใดๆ ติดมาด้วย สามารถใช้ได้แต่พลังเวทที่มีข้อจำกัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีพื้นฐานฝึกตนขั้นค้นหาเต๋า! แล้วมันจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างไร?
สำหรับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังแล้ว นี่คือความอัปยศของมัน!
หลังจากที่หอบหายใจอยู่ชั่วขณะ มันก็สะกดข่มเพลิงโทสะลง และจากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังใกล้เข้ามา “มันจงใจพยายามที่จะทำให้ข้ามีโทสะ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ก็จะต้องไม่มายังที่แห่งนี้ด้วยร่างจริงของข้า มันอาจจะยังคงสามารถใช้กระบี่เซียนออกมาได้ และนั่นจะทำให้เกิดเป็นภัยคุกคามต่อข้า…ข้าต้องไม่ประมาท!”
มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ร้องขึ้นมา “ถามหาสายลม ร้องเรียกสายฝน!”
กลุ่มเมฆสีดำซึ่งประกอบด้วยมังกรดำ ส่งเสียงหวีดหวิวอยู่รอบๆ ร่างมัน ขณะที่เกิดเป็นน้ำท่วมขึ้นบริเวณโดยรอบ หยดน้ำฝนแต่ละหยดประกอบด้วยรังสีสังหาร ซึ่งดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ขณะที่พวกมันมุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
“ถึงแม้ว่าข้าจะต้องเสียสละร่างจำแลงนี้ ข้าก็ต้องล่อให้กระบี่เซียนออกมาให้จงได้ หลังจากที่มันใช้ออกมา ร่างจริงของข้าก็จะมายังที่นี่!”
ร่างเมิ่งฮ่าวที่ยังมีเปลวไฟลุกไหม้ ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสีม่วงปรากฏขึ้นในดวงตา และเขาก็เผาไหม้พลังชีวิตเพื่อรักษาร่างกาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าเข้าไปในรถศึก
ในตอนนี้เองที่มังกรสีดำส่งเสียงแผดร้องคำราม และสายฝนที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารก็เริ่มใกล้เข้ามา
เมิ่งฮ่าวกดมือลงไปยังรถศึก ในขณะที่ดำเนินการรักษาตัวเองต่อไป เขาส่งปราณแห่งเซียนชี้ทางเข้าไปในรถศึก จากนั้นแทนที่จะหลบหนีไป เขากลับพุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ด้วยพลังทั้งหมดของรถศึกที่เขาสามารถรวบรวมออกมาได้
ด้านนอกของรถศึก สัตว์อสูรอันดุร้ายได้ปรากฏร่างขึ้นตัวแล้วตัวเล่า ส่งเสียงแผดร้องคำรามอย่างต่อเนื่อง ดังก้องออกไป ขณะที่พวกมันพุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังด้วยความรวดเร็วสูงสุด ซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที มันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า รถศึกนี้จะพิเศษไม่ธรรมดา เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ก็ทำให้มันต้องแอบสะท้านใจ รีบหลบเลี่ยงออกไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ด้วยความรวดเร็วของมัน ก็ไม่อาจจะเทียบได้กับรถศึกแม้แต่น้อย!
เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่รถศึกกระแทกเข้าไปที่ร่างมัน มังกรสีดำซึ่งติดตามมันมาต่างก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ และน้ำฝนก็ถูกทำลายไป พลังขนาดใหญ่ม้วนตัวขึ้นไป กระแทกเข้าไปในร่างปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง โลหิตไหลออกมาจากปากมัน ขณะที่มันใช้สองมือขยับร่ายเวท และจากนั้นก็ผลักสองมือออกไปที่ด้านหน้า ใบหน้ามันบิดเบี้ยวอย่างดุร้าย ขณะที่ใช้พลังจากพื้นฐานฝึกตนทั้งหมดออกมา
แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ยังกระเด็นไปทางด้านหลังถึงหนึ่งร้อยจ้าง ในตอนที่มันเริ่มหยุดลง โลหิตก็พุ่งออกมาจากปาก แต่ร่างมันก็ยังไม่ถูกทำลายไป
“ก่อนที่จะตัดวิญญาณ มันก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ข้าก็ไม่เคยจะคาดคิดว่า หลังจากที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณ มันจะว่องไวและดุร้ายเช่นนี้”
“ข้าต้องครอบครองพื้นฐานเต๋าสมบูรณ์ของมันให้จงได้!”